ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 273 ของขวัญ
ไปจวนกั๋วกงครั้งนี้ เฉียนหมี่โซ่วได้ของขวัญมาหลายชิ้น
ชิ้นแรกย่อมมาจากลู่พั่น นั่นคือ หน้าไม้
ซุ่นจื่อเห็นคุณชายให้ของสิ่งนี้ก็รู้สึกประหลาดใจมาก แอบพูดอยู่ข้างๆ ไม่หยุด แน่นอนว่าพูดในใจ เขามีสิทธิ์เอ่ยปากที่ไหนกัน
เฉียนหมี่โซ่วเอ๋ยเฉียนหมี่โซ่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าหน้าไม้อันนี้เป็นของใคร
นี่เป็นของที่ ‘พี่แม่ทัพเล็ก’ ตรงหน้าเจ้าพกติดตัวสมัยเด็กๆ
และยังเป็นหน้าไม้ที่นายท่านกั๋วกงทำให้คุณชายด้วยตัวเอง คล้องให้คุณชายตอนหกขวบด้วยตัวเอง
เจ้าเจ๋งยิ่งกว่า ห้าขวบก็ได้หน้าไม้อันนี้แล้ว นับจากนี้ไปใครกล้าหือก็จัดการสอยได้เลย
ลู่พั่นให้ของสิ่งนี้แก่เฉียนหมี่โซ่วเพราะคิดว่าเด็กผู้ชายต้องมีจิตวิญญาณของนักสู้ ยิ่งไปกว่านั้นเฉียนหมี่โซ่วได้ขอร้องไว้มิใช่หรือ ในใจมีความฝันอยู่อย่างหนึ่ง อยากเรียนวิทยายุทธ์กับเขา
สองมือของลู่พั่นจับบ่าน้อยๆ ของเฉียนหมี่โซ่ว
“วันข้างหน้า ข้าต้องการให้เจ้าเก่งทั้งบุ๋นและบู๊”
คำพูดนี้เล่นเอาซุ่นจื่อที่อยู่ข้างๆ ต้องเน้นย้ำ แอบพูดในใจไม่หยุด
ได้ยินหรือยัง ถ้ายังไม่ได้ยินก็รีบมาฟัง ประเด็นสำคัญคือ ‘ข้าต้องการให้เจ้า’
ไอ๊หยาเจ้าหนู เจ้าเข้าใจคำพูดของคุณชายที่ว่า ‘ข้าต้องการให้เจ้า’ หรือเปล่า ขอเพียงแต่เจ้าไม่ทำตัวเกเร เขาก็จะปกป้องเจ้าไปตลอด เจ้ากลายเป็นคนกันเองของเขาแล้วนะ วันข้างหน้า ในอนาคต เขาจะผลักดันเจ้า
เด็กคนนี้ เด็กคนนี้วาสนาดีเหลือเกิน
แต่จะว่าไป พูดแค่ว่าวาสนาดีไม่ได้ ต้องบอกว่าเฉียนหมี่โซ่วฉลาดจริงๆ ขนาดเขายังชอบมอง มองเท่าไรก็ไม่เบื่อ สุดท้ายซุ่นจื่อพูดเสริมในใจ
ของชิ้นที่สองและสามที่เฉียนหมี่โซ่วได้รับ ได้ตอนถูกเรียกให้ไปพบท่านย่าและมารดาของลู่พั่นก่อนกลับ
ภายในหอหน่วนเก๋อเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เจือด้วยเสียงเด็กน้อยทำความเคารพ รวมไปถึงเสียงตอบเวลาที่ถูกถามและตั้งคำถาม
ท่านย่าของลู่พั่นมองกล่องที่ซุ่นจื่อถือด้วยสองมือ นางอดพูดไม่ได้
เพราะแค่นางเห็นกล่องก็รู้ว่าหลานชายมอบหน้าไม้ที่พกพาสมัยเด็กๆ ให้เด็กตรงหน้าคนนี้แล้ว กล่องใบนั้นนายท่านกั๋วกงยังได้สลักด้วยตัวเองอีกด้วย
พอเห็นของสิ่งนี้ก็ราวกับเห็นหลานชายหมินรุ่ยตอนหกขวบปรากฏตรงหน้า จากนั้นก็มองเฉียนหมี่โซ่วที่คุกเข่าอยู่ ท่านย่าของลู่พั่นยิ้มอย่างอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม
เรียกหมี่โซ่วเข้าไปใกล้ นางบอกว่าต้องการดูให้ชัดๆ
จากนั้นก็ไม่ได้ให้ของเล็กๆ น้อยๆ อย่างลูกปลาทองอย่างที่เคยให้เด็กๆ ในจวนเวลามาน้อมทักทาย แต่กลับให้เป็นสร้อยทอง
และเรื่องที่ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่าคือ เหล่าฮูหยินคล้องสร้อยให้หมี่โซ่วด้วยตัวเอง
ผู้อาวุโสมอบให้ อวยพรให้ชีวิตร่มเย็นเป็นสุข
ซุ่นจื่อมองภาพตรงหน้าก็พูดในใจอีกรอบ
เจ้าหนูเอ๋ยเจ้าหนู เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครที่ให้สร้อยทองกับเจ้า
เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลายคนที่อยู่ข้างนอก มีฮูหยินตระกูลสูงศักดิ์ตั้งเท่าไรที่อยากให้เหล่าฮูหยินเอาสร้อยทองคล้องให้ลูกๆ ของพวกเขา เหล่าฮูหยินทำเช่นนี้ มีคนตั้งเท่าไรที่อิจฉา
นี่ไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสให้ของผู้น้อยธรรมดาๆ ไม่ใช่คนทั่วไปอวยพรให้ชีวิตเจ้าร่มเย็นเป็นสุขนะ เฉียนหมี่โซ่ว
ส่วนมารดาของลู่พั่นมอบ ‘ปี่ติ้งหรูอี้’ ให้เฉียนหมี่โซ่ว
หล่อทองเป็นรูปอักษรหรูอี้ ด้านบนมีพู่กันทองหนึ่งด้าม เพื่อให้พ้องเสียงกับคำว่า ‘ต้องสมปรารถนา’
มารดาของลู่พั่นเองก็อดเอ่ยไม่ได้เช่นกันตอนที่เห็นลู่พั่นมอบหน้าไม้ที่พกพาตอนเด็กให้เฉียนหมี่โซ่ว
ทว่านางไม่ได้เหมือนแม่สามีที่พูดเรื่องวันเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
นางฟังหมี่โซ่วเล่า ลู่พั่นกำชับด้วยตัวเองว่าหน้าไม้อันนี้เป็นอาวุธที่มีพลังทำลายล้าง
เนื่องจากตอนนั้นพ่อสามีทำให้บุตรชายของนางโดยเฉพาะ ดังนั้นหน้าไม้อันนี้ แค่ใส่ลูกดอกเข้าไปแล้วกดปุ่มมันก็จะพุ่งออกไป
เมื่อลูกดอกพุ่งออก เห็นหน้าไม้อันไม่ใหญ่แบบนี้ แต่กลับสามารถทะลุร่างได้ในทันที
ได้ยินว่าบุตรชายตั้งใจอธิบายกับเด็กคนนี้ว่าจะใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างไร ต้องใช้ในสถานการณ์แบบไหน ไม่ว่าเจอเรื่องอะไรก็ไม่ต้องกลัว แต่ก็ห้ามนำไปใช้ส่งเดช เป็นต้น มารดาของลู่พั่นจึงเหลือพูดอยู่อย่างเดียว นั่นก็คือ “ลูกชายของข้า วันหน้าหากได้เป็นพ่อคนจะต้องเป็นพ่อที่ดีอย่างแน่นอน”
ดีมากๆ
หมินรุ่ยของนาง แต่เล็กจนโตไม่มีตรงไหนที่ไม่ยอดเยี่ยม เหตุใดถึงสมบูรณ์แบบได้ถึงขั้นนี้ วันนี้ก็ยังได้พบว่าลูกชายของนางเป็นคนละเอียดอ่อนอีก
มารดาของลู่พั่นก็ใจดีกับเฉียนหมี่โซ่วเช่นกัน ในดวงตามีความยินดีแบบไม่เสแสร้ง
ในสายตาของเฉียนหมี่โซ่ว เขาอาศัยไหวพริบตามปกติ เขาเองก็รู้สึกได้จริงๆ ว่าดูเหมือนท่านย่าของพี่ชายจะชอบเขามาก ท่านแม่ของพี่ชายก็สวยมาก ไม่เหมือนเป็นแม่ เหมือนเป็นพี่สาวเสียมากกว่า อีกทั้งยังพูดเหมือนพี่ชาย ตอนให้ ‘ปี่ติ้งหรูอี้’ อยากให้เขาเก่งทั้งบุ๋นและบู๊
ต่อมาตอนที่เฉียนหมี่โซ่วลากลับ เดิมทีฉินหมอมอตามออกมาด้วย อยากจัดการเรื่องเกี้ยวด้วยตัวเอง อย่างไรเสียเด็กตัวแค่นี้ อากาศก็หนาว ให้นั่งเกี้ยวไปจะดีกว่า
ซุ่นจื่อกลับบอกฉินหมอมออย่างสุภาพว่าคุณชายได้สั่งไว้ก่อนที่จะออกไป ถูกต้อง ลู่พั่นออกไปตั้งแต่ก่อนเฉียนหมี่โซ่วจะกลับ
ลู่พั่นต้องการให้เฉียนหมี่โซ่วขี่ม้า
เด็กตัวเท่านี้ อานม้ายังเหยียบไม่ถึง จะให้ขี่ม้าอย่างนั้นรึ
ถูกต้อง ให้ขี่ม้า ต้องขี่ม้า
ลูกม้าสีแดงพุทราถูกจูงออกมา
ซุ่นจื่อจูงม้าอยู่ข้างๆ เฉียนหมี่โซ่วในชุดน้ำเงินนั่งอยู่ข้างบนอย่างฮึกเหิม ใส่ผ้าปิดปากที่มีอักษร ‘หมี่’ บนใบหน้า ดูภาคภูมิใจ
พี่แม่ทัพเล็กบอกว่า บุรุษที่ดีต้องกล้าหาญอยู่บนหลังม้า ห้าขวบแล้วอย่างไร พี่ชายสี่ขวบก็กล้าตะโกนสั่งม้าแล้ว
คณะเดินทางนี้มีความพิเศษเหลือเกิน ดึงดูดสายตาผู้คน
บ่าวรับใช้คนสนิทที่อยู่ข้างกายของว่าที่ผู้กุมอำนาจจวนกั๋วกง ซุ่นจื่อกำลังจูงม้าให้เด็กน้อย
สองมือของเสี่ยวเฉวียนจื่อประคองกล่องที่แค่เห็นก็รู้ว่ามีราคา
ด้านหลังยังมีกลุ่มบ่าวรับใช้ชายสิบสองคนที่แบกหีบสามหีบใหญ่
ภายในหีบใหญ่ทั้งสามเป็นพวกอุปกรณ์เครื่องเขียนอาทิ กระดาษ น้ำหมึก พู่กัน ที่ฝนหมึก ที่ลู่พั่นสั่งให้เปิดคลังเก็บของแล้วมอบให้บรรดาพี่ๆ น้องๆ ที่เฉียนหมี่โซ่วพูดถึง
เพียงเพราะคำพูดนั้นของเฉียนหมี่โซ่ว ‘ท่านลุงพาลุงๆ อาๆ ทั้งหมดไปทำงานหาเงิน ถ้าไม่ไปขุดหลุมสร้างบ้านเผากำแพง ก็จะไปดูแลพืชผักที่อยู่ในเรือนเพาะชำ ตื่นกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดึกๆ ดื่นๆ ถึงจะได้นอน’
หาเงินเอาไปทำอะไร
‘อยากซื้อเครื่องเขียนให้พวกเรา อยากให้พวกเราเรียนหนังสือ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย สะพายกระเป๋าไปร่ำเรียน’
ลู่พั่นคิดอีกว่า พี่ซ่งฝูหลิงที่หมี่โซ่วพูดถึงไม่มีลูกคิดสอนวิชาคำนวณให้เด็กๆ พวกนี้ จึงใช้กระดานทองแดงสอน ทั้งยังได้ยินมาว่าเคยใช้กิ่งไม้เขียนอักษรให้พวกเด็กๆ บนหิมะ
ผู้มีความรู้คนนั้น ซ่งฝูเซิง ใช้ดินสอถ่านที่ทำขึ้นมาเอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงให้เปิดคลังเก็บของ
พูดได้ว่า ลู่พั่นเองก็นึกไม่ถึงว่า หลังจากที่เขาได้เจอหมี่โซ่วอีกครั้งจะเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
เดิมทีที่ให้ซุ่นจื่อไปรับมาอาจเพราะเรื่องขนมเค้ก และก็อาจเป็นเพราะตอนเจอบนถนน เขาเห็นเด็กคนนั้นกวักมือเรียกเขาไม่หยุด แต่เขากลับขี่ม้าเดินผ่านไป เขาลืมสายตานั้นไม่ลง
“คุณชายน้อยกลับมาแล้ว” เสี่ยวเอ้อร์ของร้านอีผิ่นเซวียนแสร้งทำเป็นกวาดหิมะอยู่ด้านนอก แท้จริงแล้วถูกเถ้าแก่สั่งมาให้เฝ้าอยู่ด้านนอกตลอด
พอเห็นซุ่นจื่อกับเฉียนหมี่โซ่วมาก็รีบเข้าไปรายงานด้านใน
วันนี้เจ้านายเฉินแทบไม่ได้ออกจากโรงเตี๊ยม เรื่องใหญ่ขนาดนี้เขาจะไปไหนได้อย่างไร
รีบพาครอบครัวซ่งฝูเซิงออกมา ส่วนตัวเขาก็ติดตามออกไปอยู่ด้านหลังด้วย
ครั้งนี้เมื่อซุ่นจื่อได้เจอซ่งฝูเซิงอีกครั้งท่าทีก็ไม่เหมือนเดิม ไม่เพียงแต่จะมีความเป็นกันเอง ยังให้เกียรติอีกด้วย
เพราะแม้แต่ลู่พั่นยังรู้ว่าหมี่โซ่วเป็นคนมีเงิน
หมี่โซ่วเองก็บอกพวกเขาแล้วแล้วว่าท่านปู่ได้ทิ้งตั๋วเงินกับทองก้อนเอาไว้ให้
แต่ซ่งฝูเซิงแสร้งทำเป็นไม่มี ไม่เอา ไม่แตะต้องเงินส่วนนั้น
อีกทั้งหลังจากหาเงินมาได้ก็ซื้อวัวนมให้หมี่โซ่วหนึ่งตัว เพื่อที่เด็กน้อยจะได้ดื่มนมร่างกายเติบโต จากนั้นซ่งฝูหลิงก็จะได้ใช้นมส่วนเกินมาทำนั่นทำนี่ และนี่ก็ออกมาเป็นขนมเค้ก