ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 274 น้ำผึ้งของเจ้า
ซ่งฝูเซิงถามซุ่นจื่อว่าพาเด็กไปไหนมา รบกวนเจ้านายหรือไม่ เสียมารยาทตรงไหนหรือเปล่า
นี่เป็นเรื่องแรกที่เขาเป็นห่วง
ตั้งแต่มีคนมารับเด็กไปเขาก็ไม่มีอารมณ์กินข้าว ใจคอไม่ค่อยดี
อย่างไรเสีย ต่อให้หมี่โซ่วฉลาดเพียงใดก็อายุแค่ห้าขวบ
อีกทั้งยังถูกเอาตัวไปอย่างกระทันหัน อยากจะกำชับอะไรก็ไม่ทัน
อย่างไรเสีย เมื่อก่อนผู้อาวุโสก็เป็นเพียงพ่อค้าเล็กๆ กังวลว่าหมี่โซ่วจะไม่เคยมีประสบการณ์ เข้าไปในจวนกั๋วกงแล้วจะพูดจาไม่ถูกกาลเทศะ
ซุ่นจื่อชี้หมี่โซ่วที่เฉียนเพ่ยอิงอุ้มอยู่แล้วบอกว่าไม่มี ซึ่งคำพูดนี้ก็ไม่ใช่ว่าพูดไปตามมารยาท
ไม่ได้เกรงใจ ถ้าไม่เชื่อก็เชิญดูได้
เครื่องยืนยันก็คือ ดูที่คอของเด็กบ้านท่าน เหล่าฮูหยินได้มอบสร้อยทองให้กับมือตัวเอง
เจ้านายเฉินแอบตกใจ “ไอ๊หยา สุดยอดไปเลย!”
ซุ่นจื่อเหลือบมองเจ้านายเฉิน จากนั้นก็พยักหน้า ใช่ สุดยอด
ดังนั้นซ่งฝูเซิง ท่านเข้าใจสายตาของข้าหรือไม่
สร้อยทองที่องค์หญิงใส่ให้ ปรารถนาอยากให้หมี่โซ่วร่มเย็นเป็นสุข ใครที่กล้าทำให้หมี่โซ่วไม่เป็นสุขลับหลัง นั่นก็เท่ากับตบหน้าองค์หญิงเหล่าฮูหยิน นั่นก็เท่ากับรนหาที่ตาย ใครที่กล้าหาเรื่องหมี่โซ่ว ข่มขู่ความปลอดภัยของเด็กคนนี้ มีเรื่องอะไรท่านก็ร้องเรียนได้เลย
จากนั้นซุ่นจื่อก็ให้หมี่โซ่วเอา ‘ปี่ติ้งหรูอี้’ ออกมา
“ไอ๊หยา ไอ๊หยา แบบนี้คืออวยพรให้สอบได้บัณฑิตเลยเชียวนะ” หลังจากเจ้านายเฉินชะโงกหน้าเข้าไปดูปี่ติ้งหรูอี้ใกล้ๆ ก็กำมือคารวะแสดงความยินดีจากใจจริงกับซ่งฝูเซิง
เขาคิดในใจ จวนกั๋วกงถึงขั้นอวยพรให้เด็กบ้านเจ้าสอบได้บัณฑิตแล้ว วันหน้าใครจะกล้าไม่ให้ได้บัณฑิตล่ะ
ต้องทราบก่อนว่านายท่านกั๋วกงไม่ได้เป็นแค่กั๋วกง แต่เขาเป็นถึงหัวหน้าสภาขุนนาง ขุนนางทั้งหมดอยู่ในความดูแลของเขา
น้องซ่ง นี่มันเป็นที่แน่นอนแล้วว่าวันข้างหน้าครอบครัวเจ้ามีคนคอยสนับสนุนแล้ว
อย่างน้อยในสายตาของเจ้านายเฉินก็เป็นแบบนั้น บางทีในสายตาของชาวบ้านตัวเล็กๆ ก็มีกระบวนการคิดเช่นนี้ ขุนนางใหญ่บอกว่าเจ้าใช้ได้ก็คือใช้ได้ ไม่ได้ก็ต้องได้
ซ่งฝูเซิงกำมือคารวะกลับอย่างกระอักกระอ่วน
เขาคิดในใจ เจ้านายเฉิน ท่านช่วยอยู่กับร่องกับรอยหน่อยได้หรือไม่ เด็กเพิ่งจะห้าขวบ ท่านก็เล่นตื่นเต้นเสียขนาดนั้น ราวกับว่าตอนนี้เด็กสอบได้จอหงวนแล้ว แบบนี้คนของจวนกั๋วกงจะคิดอย่างไร
ไม่คิดอย่างไร ไม่ว่าง
ซุ่นจื่อหันไปส่งสัญญาณให้เสี่ยวเฉวียนจื่อเดินขึ้นหน้า เปิดกล่องออกแล้วอธิบายว่านี่คือของที่เมื่อก่อนคุณชายของเขาพกติดตัว บัดนี้ได้มอบให้หมี่โซ่วแล้ว
“อึ๊ก” ไม่ได้ตั้งใจสะอึก แต่เป็นเพราะเจ้านายเฉินตกใจมากเกินไป
หลังจากเห็นของสิ่งนี้ เขาก็พบว่าสิ่งที่เขาคิดก่อนหน้านี้มันง่ายเกินไป
ต้องทราบก่อนว่าบุคคลอย่างคุณชายลู่ คุณชายแห่งจวนกั๋วกง ของติดตัวของเขาไม่ใช่ว่าต้องเก็บไว้ให้ลูกของเขาหรอกหรือ แต่กลับเอาให้ ยกให้? ไม่ต้องสนว่าเวลานี้มีสถานะอะไรมันไม่สำคัญแล้ว เอาเป็นว่าได้ยกให้เด็กบ้านน้องซ่งไปแล้ว
ทำได้แค่ฟัง เวลานี้ซุ่นจื่อยังได้บอกซ่งฝูเซิงต่อ ว่าของสิ่งนี้อานุภาพรุนแรงมาก ใส่ลูกดอก กดปุ่ม มีเสียงฟึ่บ ก็ทำคนล้มพับได้
ดังนั้นซ่งฝูเซิงท่านน่าจะเข้าใจถึงความสำคัญของของสิ่งนี้ใช่หรือไม่ ท่านก็น่าจะรู้ว่าของสิ่งนี้ควรใช้เมื่อใด ห้ามใช้ส่งเดช
ซ่งฝูเซิงเข้าใจหรือไม่อันนี้ไม่รู้
แต่เจ้านายเฉินกลับทำสีหน้าที่เข้าใจยิ่งกว่าซ่งฝูเซิง
เจ้านายเฉินเข้าใจ คนปกติไม่สามารถพกของสิ่งนี้ได้ มอบให้ก็เพื่อให้สิทธิ์เจ้าได้พกพามัน เจ้าดูบนหน้าไม้นั่นสิ ราวกับมีบารมีของคุณชายลู่ติดมาด้วย รวมถึงสถานที่หล่อหลอมมัน ดีไม่ดีเป็นของที่มาจากวังหลวง
เจ้านายเฉินเข้าใจ อันที่จริงไม่ต้องเอาไปยิงหรอก น้องซ่งเจ้าแค่เอาออกมาให้คนดู เจ้าไปลองถามคนทั้งเมืองเฟิ่งเทียนได้เลย ใครยังจะกล้าล่วงเกินเจ้าได้
เจ้านายเฉินเข้าใจ ถ้ายังคงมีคนไม่รู้กาลเทศะ ความหมายของคุณชายลู่ก็คือ เอาของสิ่งนี้ออกมา ไม่ต้องไปหาทางการก็จัดการได้แล้ว ใครหาเรื่องก็จัดการคนนั้น
และที่เขาเข้าใจยิ่งกว่าคือ เขายอม เขาเข้าใจแล้ว ต่อไปจะดูแลครอบครัวน้องซ่งเหมือนน้องชายแท้ๆ ร้านอีผิ่นเซวียนของเขา วันหน้าจะเป็นที่พักพิงของน้องซ่ง ใครกล้าคิดร้ายกับน้องซ่งลับหลังก็ต้องผ่านด่านของเขาไปก่อน
เขาต้องผูกสัมพันธ์กับน้องซ่งไปให้ยาวนาน แน่นแฟ้นไปร้อยปี วันข้างหน้าลูกหลานของเขาก็จะพลอยได้ประโยชน์ไปด้วย ตรงนี้ยังมี ‘บัณฑิต’ ที่เพิ่งอายุห้าขวบอยู่คนมิใช่หรือ หลานชายคนโตของเขาอายุเท่ากันพอดี ดีกว่าที่เขาจะต้องไปประจบขุนนางนั้นทีขุนนางนี้ที ต้องคอยเอาเงินไปให้ขุนนางเล็กๆ พวกนั้นทั่วทุกที่
“ไอ๊หยา จริงๆ เลย หวังว่าท่านซุ่นจื่อจะช่วยกลับไปเรียนคุณชายลู่ด้วยว่าขอบคุณมากจริงๆ ขอรับ” เจ้านายเฉินพูดพลางทำหน้าซาบซึ้งใจ
เล่นเอาซุ่นจื่ออึ้งไปชั่วขณะ คิดในใจ เจ้าขอบคุณอะไร
ซ่งฝูเซิงเองก็หัวเราะ อันที่จริงเขาไม่ได้อยากหัวเราะ แต่ประเด็นคือบุตรสาวของเขากำลังก้มหน้าแอบหัวเราะจนตัวโยกไหล่สั่นแล้วเขาเห็นเข้า
จากนั้นซุ่นจื่อได้ส่งสัญญาณบอกให้ซ่งฝูเซิงดูหีบใหญ่พวกนั้น โดยบอกว่าในนั้นมีทุกอย่างที่ใช้สำหรับการเรียน เอากลับไปแบ่งให้บรรดาพี่น้องที่หมี่โซ่วพูดถึง ให้บรรดาเด็กๆ ที่มีความมุ่งมั่นเหล่านั้นตั้งใจศึกษาเล่าเรียน อย่าทำให้ความหวังดีของคุณชายพวกเขาสูญเปล่า ของพวกนี้เอาออกมาจากในคลังเก็บของทั้งนั้น ส่วนรายละเอียดไปถามหมี่โซ่วเอา
สุดท้าย ซุ่นจื่อร้อนใจจริงๆ คุณชายออกไปโดยไม่มีบ่าวรับใช้ใกล้ชิดติดตามข้างกาย เขาต้องรีบกลับไป พูดพลางเดินออก
หมี่โซ่วตะโกนเตือน “พี่ซุ่นจื่อ ม้าน้อย”
หมี่โซ่วนึกขึ้นได้ทันที เขาหยุดยืนอยู่ตรงประตู “หมี่โซ่ว ซุ่นจื่อเป็นพี่ชายของเจ้าไม่ไหว เจ้าเรียกข้าว่าซุ่นจื่อแล้วกัน นะ เอาแบบนี้นะ”
คิดในใจ เจ้าเรียกคุณชายของพวกข้าว่าพี่ชาย ยังจะเรียกข้าว่าพี่ด้วยอีก นี่ไม่เท่ากับทำให้ข้าต้องโดนโบยเข้าสักวันหรอกรึ
“ใช่ ม้าน้อย” ซุ่นจื่อให้ซ่งฝูเซิงตามเขาออกไปนอกโรงเตี๊ยม
ซ่งฝูเซิงเงยหน้ามอง ลูกม้าสีแดงพุทราใบหน้าสง่างาม ได้ยินซุ่นจื่อเรียกบ่าวรับใช้มาบอกว่าควรเลี้ยงม้าอย่างไร
คิดในใจ นี่ไม่เท่ากับสมัยปัจจุบันที่อยู่ดีๆ ก็มีคนยกรถมาเซราติให้ฟรีๆ หรอกหรือ แย่ละ เขาไม่มีเงินติดกระเป๋าเติมน้ำมันไม่ได้ แย่ละคนที่มอบให้เขาฟรีๆ ยังต้องการให้เขาขับมันให้ดีด้วย ไม่มีธุระก็ต้องขับรถออกไป แค่เหยียบคันเร่งก็ต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งแล้ว
เท่าที่ฟังคนนั้นบอกว่า ลูกม้าชอบกินโจ๊กข้าว โจ๊กแป้ง ใส่น้ำมัน ผัก เกลือ อย่างละนิด เติมแครอทเล็กน้อย ซ่งฝูเซิงอยากกุมขมับพูดออกไปว่า เติมเครื่องตั้งขนาดนั้น คลุกให้เข้ากันเขาก็ชอบกินนะ
คนๆ นั้นยังบอกอีกว่า เพื่อป้องกันอุจจาระของลูกม้าแข็ง โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ กลัวจะไม่สบาย ต้องคอยป้อนน้ำผึ้งบ่อยๆ แต่เวลาเขาอุจจาระแข็งยังไม่มีน้ำผึ้งให้กินเลยนะ
แถมยังต้องคอยทำความสะอาด อาบน้ำ แปรงขน ขนาดเขายังไม่มีคนมาขัดหลังให้เลยด้วยซ้ำ
แบบนี้ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวรึ ซ่งฝูเซิงฟังแล้วก็รู้สึกขมคอ มีภาระให้เขาใช้เงินไปเปล่าๆ อีกแล้ว แถมยังต้องเลี้ยงม้าอีก
อยากฟาดหมี่โซ่วจริงๆ
เวลานี้ภายในห้อง
ซ่งฝูหลิงก็อยากฟาดน้องชาย “เจ้าว่าอย่างไรนะ เขาถามเจ้า แล้วเจ้าพูดถึงข้าบ่อยๆ ทำไมเล่า”
หมี่โซ่วยิ้ม “ก็ไม่ได้จงใจพูดถึงนี่นา แต่วันๆ พี่ก็อยู่กับข้า”
เฉียนเพ่ยอิงฟังแล้วก็แอบกลัว ถึงขั้นที่สายลมแคว้นเหนือ น้ำแข็งจับตัวพันลี้ หิมะโปรยปรายหมื่นลี้ก็พูดออกไปแล้ว โชคดีที่ลูกสาวของเธอไม่เคยพูดภาษาอังกฤษให้หมี่โซ่วฟัง ไม่อย่างนั้นคงได้พูดกูด มอร์นิ่งออกไปด้วย