ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 319 เหยียบคนเลว[1]
เริ่นกงซิ่นคาดไม่ถึงว่าหัวหน้าเริ่นจะสามารถหาคนมาทำบัญชีได้เร็วขนาดนี้ และยังหาคนมาทำบัญชีได้ถึงหกคน
ต้องการตรวจสอบบัญชีในทันที ตรวจสอบบัญชีในช่วงหลายปีมานี้ที่เขาอยู่ในตำแหน่งเป็นหลี่เจิ้งอยู่
ไม่ให้เวลาเขาได้พักหายใจบ้างเลย
อีกทั้งตาเฒ่านั่นยังออกเงินเองอีก
เชิญคนทำบัญชีมาจากหลายพื้นที่ มีทั้งมาจากอำเภอถงเหยาและเมืองเฟิ่งเทียน
ทำแบบนี้ แทบจะเป็นการบอกเขาให้รู้ หากไม่มอบสมุดบัญชีมา เมื่อมีข่าวแพร่ออกไปข้างนอก นั่นจะทำให้เสียหน้ามาก…
…ใช่สิ เขาไม่กลัวเสียหน้า…
…แต่เขากลัวว่า หากข่าวแพร่สะพัดออกไป จะทำให้เริ่นจื่อเซิงลูกชายคนโตเสียหน้า…
…เมื่อถึงตอนนั้น ลูกชายคนโตก็คงรังเกียจเขา…
…ลูกสะใภ้คนโตก็คงด่าทอเขาว่าทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง…
“ได้สิ ข้ารู้แล้ว แต่วันนี้เกรงว่าจะยังไม่ได้ พวกเจ้าดูยาจีนที่อยู่บนพื้นซิ เปลี่ยนวัน เปลี่ยน เป็นวันอื่นดีไหม?”
หัวหน้าเริ่นนั่งบนเก้าอี้ “ทำไมถึงต้องเปลี่ยนวัน? ไม่ได้ใช้ให้เจ้านั่งนึกถึงรายละเอียดบัญชีของปีที่ผ่านมา หลายท่านตรงนี้ก็เป็นผู้ชำนาญในการคิดบัญชี มีตรงไหนไม่ถูกต้องเจ้าก็ควักเงินออกมาชดเชยตรงส่วนนั้น”
“เริ่นโยวจิน!”
“เริ่นกงซิ่น เจ้าควรจะเรียกข้าว่าท่านลุงนะ อย่าเสียมารยาทต่อหน้าคนอื่น”
“เจ้า?!”
คนทำบัญชีทั้งหกคนนำลูกคิดออกมา พวกเขาจ้องมองเริ่นกงซิ่น
ได้ยินมาว่า ท่านนี้เป็นพ่อของลูกเขยท่านโหว ลูกชายคนโตมีอนาคตไกลและได้แต่งงานกับหญิงที่สูงศักดิ์กว่า
ได้ข่าวว่า ท่านนี้เพิ่งลงจากตำแหน่งในวันนี้ นี่ต้องทำเรื่องผิดพลาดใหญ่โตขนาดไหนกัน มีปูมหลังใหญ่โตขนาดนี้ก็ยังถูกคนปลดลงมาจากตำแหน่งได้
ต้องตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียด ก็จะทราบได้ว่าท่านนี้เป็นคนเช่นไร
เริ่นกงซิ่น จะต้องตรวจสอบบัญชีให้ได้ใช่ไหม? ได้ ตรวจไปเลย!
หัวหน้าเริ่นชี้ไปตรงจุดนั้น “ช่องตรงนี้ทำไมถึงว่างเปล่า?”
“ข้าไม่ได้เขียน ขี้เกียจเขียน แต่ข้าก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง เอาไป นี่ไม่ใช่เงินหรือไง”
“สองตำลึงนี่ก็ขี้เกียจเขียน?”
“เอาไป ให้เจ้าสองตำลึง ข้าขี้เกียจเขียนแล้ว ทำไมหรือ”
หัวหน้าเริ่น “…”
เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว หัวหน้าเริ่นก็ออกมาจากบ้านของเริ่นกงซิ่น มุ่งตรงไปยังบ้านคนขายหมูที่อยู่ในหมู่บ้าน
“ท่านลุงหัวหน้า ท่านมานี่ มีธุระอะไรหรือ?”
พ่อค้าขายเนื้อสัตว์ในหมู่บ้านแซ่หวัง เขาทักทายเสร็จก็ตีปากตนเอง “ข้าช่างเลอะเลือนความจำไม่ดีเลย เรียกผิดแล้ว ท่านลุงหลี่เจิ้ง ต้องเป็นท่านลุงหลี่เจิ้งสินะ ฮ่าๆ นี่ภรรยาข้า รีบไปรินน้ำมาเร็ว ให้ท่านลุงหลี่เจิ้งเข้ามานั่งในบ้านก่อน”
เมื่อก่อน ทุกครั้งที่ชาวบ้านในหมู่บ้านเรียกเริ่นกงซิ่นว่า “ท่านลุงหลี่เจิ้ง” เขารู้สึกคับอกคับใจอย่างมาก
ความจริงแล้ว ควรจะเป็นเขาที่เป็นท่านลุงหลี่เจิ้งไม่ใช่หรือ?
ตอนนั้นคนในหมู่บ้านกลับเปลี่ยนคำเรียก เรียกเขาว่า “ท่านลุงหัวหน้า” และเรียกเริ่นกงซิ่นว่า “ท่านลุงหลี่เจิ้ง”
แต่ตอนนี้ คำเรียกนั้นได้กลับคืนมาแล้ว
เขาหัวเราะพร้อมกับโบกมือปฏิเสธ “คงไม่เข้าไปหรอก ไม่ว่าเรียกอะไรก็คือข้า ท่านลุงหลี่เจิ้งหรือว่าท่านลุงหัวหน้าก็ได้ ข้าก็เป็นลุงของเจ้าอยู่ดี นี่เอ้อร์เสี่ยวจื่อ หมูตัวใหญ่ที่สุดในคอกใหญ่ขนาดไหน เจ้านำทางข้าพาไปดูหน่อย”
หัวหน้าเริ่นคิดไว้ ถ้าหมูตัวเล็กก็ซื้อสองตัว ถ้าเป็นหมูตัวใหญ่ก็ฆ่าหนึ่งตัวก่อน
ตอนที่หัวหน้าเริ่นตรวจสอบบัญชีอยู่ที่บ้านของเริ่นกงซิ่นนั้น ได้เงินมาจากที่นั่นเยอะแยะ อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็ให้ความร่วมมือ ถึงได้มีเงินเป็นค่าใช้จ่ายของทหาร
เย็นวันนั้น หัวหน้าเริ่นก็ได้เรียกทุกคนในหมู่บ้านมาประชุมครั้งใหญ่
เขาเจาะจงให้อดีตเริ่นหลี่เจิ้ง ที่ตอนนี้กลายเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ ต้องมาเข้าประชุมด้วย
เริ่นกงซิ่นได้ยินข่าวว่าตนเองถูกเจาะจงระบุในรายชื่อให้มาเข้าประชุม เขาก็ตบตั่งพร้อมกับด่าทอขึ้นมา “ข้าป่วยจริงๆ วันนี้ทั้งเสียหน้าแล้วยังเสียเงิน เงินๆ มีแต่คนมาเอาเงินกับข้า! ข้าจะไม่ป่วยได้อย่างไร?”
เริ่นจื่อจิ่วไม่กล้าออกเสียง ได้แต่มองพ่อของเขาถีบขาระบายอารมณ์อยู่บนตั่ง
ในใจก็นึกโกรธเคืองเริ่นจื่อเซิงพี่ชายคนโต ที่ไม่ยอมหนุนหลังท่านพ่อ
วันนี้ทั้งวันเขาก็รู้สึกเหมือนกับฝันร้าย
แต่น่าเสียดาย ท้องฟ้าก็มืดแล้ว แต่คนข้างนอกก็ไม่ยอมปล่อยพวกเขา แม้จะเย็นมากแล้วก็ยังมีการประชุม
ภรรยาน้อยมีสีหน้าเป็นห่วง
“ท่านพี่ ข้ารู้ว่าท่านไม่สบายใจ แต่จะไม่ไปก็ไม่ได้…
…ได้ข่าวว่า ถ้าท่านไม่ไปประชุม คนในหมู่บ้านจะมาที่บ้านเรา…
…เริ่นโยวจินที่ขาดคุณธรรมคนนั้น สั่งกำชับมาว่าจะขาดท่านไม่ได้ และยังบอกว่าบ้านของเรามีพื้นที่กว้างขวาง หากท่านไม่ไปประชุม พวกเขากำลังครุ่นคิดถึงสถานที่ที่จะจัดประชุมอยู่นะ”
เริ่นกงซิ่นถึงกับถลึงตา
ช่างดีเสียจริง เจ้าสารเลวเริ่นโยวจิน อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ…
…ตาเฒ่านี่ต้องเป็นพวกเดียวกันกับกลุ่มคนพวกนั้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำแน่เลย…
…หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ มีชาวบ้านในหมู่บ้านมาเอาเงินค่าไก่ รวมทั้งข่าวลือพวกนั้นที่กระจายออกไปทั่วหมู่บ้าน ถ้าไม่มีตาเฒ่านั่นกับพวกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำมาเกี่ยวข้องด้วย ต่อให้ตีเขาจนตายเขาก็ไม่เชื่อ
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เริ่นกงซิ่นก็กำมือทุบอกของตนเอง
“ท่านพี่ ท่านอย่าทุบตนเองเลย ข้าเห็นแล้วปวดใจแทน ฮือๆ” ภรรยาน้อยถือผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา
ซับหน้าไป แววตาก็เป็นประกายนึกอะไรขึ้นมาได้
“ท่านพี่ หากท่านโมโหมาก ข้าคิดว่าเราควรเขียนรูปคนบนกระดาษแล้วเหยียบพวกเขา หรือเย็บตุ๊กตาเป็นรูปคนเลวสาปแช่งพวกเขา…
…เหยียบพวกเขาไว้ใต้เท้า ท่านต้องเหยียบทุกวัน ข้าก็จะร่วมเหยียบด้วยกันกับท่าน ดูสิว่าพวกเขาจะไม่ดวงซวยได้อย่างไร?…
…มีอยู่ประโยคหนึ่งว่าไว้ เรื่องราวเปลี่ยนแปลง รุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน…
…ความโชคร้ายเข้าครอบคลุมตัวของพวกเขา พวกเขาจะมีชีวิตราบรื่นได้อย่างไร? ทำอะไรก็ติดขัด”
เมื่อภรรยาน้อยพูดจบ นางก็ร้องไห้แล้วซับน้ำตาอีกครั้ง “อย่าโกรธจนร่างกายทรุดโทรม หากท่านเป็นอะไรไป ข้ากับลูกในท้องจะทำอย่างไร? จะพึ่งพาใครได้เล่า”
เริ่นจื่อจิ่วได้ยินก็ถึงกับปวดฟัน เขาเดินโมโหออกไป
เมื่อเขาเดินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าท่านพ่อของเขาจะเชื่อจริงๆ และจะเอากระดาษมาเขียนชื่อ “เร็วเข้า ไปเอากระดาษกับพู่กันมาให้ข้า”
……
เมื่อมาถึงตอนนี้ คนในหมู่บ้านทั้งหมดก็รับรู้เรื่องราวแล้ว
ครั้งนี้หัวหน้าเริ่นกับเริ่นกงซิ่นก็มองหน้ากันไม่ติด ทะเลาะกันหนักมาก ไม่สนใจแม้แต่หน้าตาชื่อเสียง
คนในหมู่บ้านคาดเดากันไม่ผิด ครั้งนี้ที่เริ่นโยวจินเข้ามารับตำแหน่งอีกครั้ง การแสดงออกนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อนเหมือนเป็นคนละคนกัน
เพราะหัวหน้าเริ่นมีความคิดเปิดกว้างขึ้น
เขาคิดว่า ตัวเขาเองจะมีชีวิตอยู่ได้นานอีกกี่ปี? ชื่อเสียงอะไร ต้องระมัดระวังอะไร เมื่อ ก่อนเขาใช้ชีวิตเหมือนถูกผูกมัด ไม่มีอิสระ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกวัน
ในคืนวันนี้ มีประชุมใหญ่ของหมู่บ้าน
ในขณะที่พวกชาวบ้านยังคิดถึงเรื่อง “เริ่นหลี่เจิ้ง” หัวหน้าเริ่นก็ประกาศให้ทุกคนได้ทราบ
ขบวนจับหมาป่าจะมาถึงแล้ว
และขอความร่วมมือจากชาวบ้านอย่างจริงจัง จะต้องแสดงท่าทีที่มีชีวิตชีวาในการต้อนรับพวกทหาร
การรับรองพวกเขาต้องใช้เงิน? ไม่ต้องกลัว เพราะเขามีเงิน เขาจะจ่ายให้
พวกชาวบ้านต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ในใจคิด เจ้าก็พูดมาก่อนสิ มองหน้าพวกข้าจนพวกข้าตกใจ คิดว่าท่านจะมาเก็บเงินเสียอีก
เริ่นกงซิ่นที่อยู่ด้านล่างกระทืบเท้าเร่าๆ เขากำลังเหยียบคนเลวไว้ใต้เท้า “นั่นเป็นเงินที่ข้าให้ เงินของข้าต่างหาก!”
หัวหน้าเริ่นนั่งอยู่ข้างบน หรี่ตามองเริ่นกงซิ่นที่อยู่ด้านล่าง “เงินของเจ้า เจ้าก็พูดออกมาสิ? บอกพวกชาวบ้านว่าเจ้าทุจริตเงินเหล่านั้นมาอย่างไร วันนี้ที่มาตรวจสอบบัญชี จึงคืนเงินมาได้อย่างไร”
เริ่นกงซิ่น “ข้าไม่พูด”
หัวหน้าเริ่น “เจ้าไม่พูด ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ ข้าจะไม่บอกชาวบ้านว่าเป็นเงินที่อยู่ในบัญชี ข้าจะบอกว่าเป็นเงินที่ข้าควักออกมาจ่ายเอง ให้ชาวบ้านรับรู้ว่าเป็นน้ำใจของข้า”
เริ่นกงซิ่นกัดฟัน ใจก็คิด ข้าจะเหยียบ ข้าขอเหยียบคนเลว
——————————————
[1] เหยียบคนเลว (踩小人) เป็นวิธีการสาปแช่งฝ่ายตรงข้ามอย่างหนึ่ง โดยการตัดกระดาษเป็นรูปคนแล้ววางไว้ใต้รองเท้า หรือเย็บเป็นรูปคนตรงถุงเท้า