ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 333 ยังไม่อยากกลับใช่ไหมล่ะ
วันนี้ทหารพวกนี้หิวกันมากจริงๆ
ยังไม่ต้องพูดเรื่องล่าสัตว์ป่าพวกนั้นเปลืองแรงขนาดไหน เอาแค่ลากแคร่เลื่อนลงมาจากบนเขาก็กินแรงมากทีเดียว
ดังนั้นการได้กินข้าวในตอนนี้จึงเป็นเรื่องที่พวกทหารดีใจที่สุดในรอบวัน
หิวกันตั้งแต่ยังไม่ลงจากเขา
แต่ละคนไม่ต้องให้ท่านลุงซ่งพาไปที่ห้องชุมนุมแล้ว และก็ไม่ต้องให้ซ่งฝูเซิงแจกจาน ต่างพากันจัดการล้างมือแล้วเฮโลกันเข้าไปในห้องชุมนุมเอง
ทยอยต่อแถว หยิบชาม หยิบตะเกียบ
ไม่รอให้พวกผู้หญิงที่มีหน้าที่ตักข้าวเข้ามายิ้มแย้มพยักหน้าให้ พวกเขาก็เป็นฝ่ายยิ้มแย้มเข้าไปพยักหน้าให้พวกผู้หญิงก่อน
อาหารวันนี้มีปลาตัวเล็กผัดซีอิ๊ว
ปลาได้มาจากที่เมื่อวานพวกทหารเจาะน้ำแข็งเหวี่ยงแหจับขึ้นมา
ขนาดของปลามีทั้งเล็กและใหญ่ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นตัวเล็ก
ทว่าก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการกินของซ่งฝูหลิง นางสั่งอาหาร พวกทหารก็ได้อาศัยลาภปาก
ซ่งฝูหลิงให้เฉียนเพ่ยอิงเอาปลามาทำแบบนี้ ทอดเล็กน้อย ใส่จิ๊กโฉ่ ใส่น้ำตาลนิดหน่อย สุดท้ายเหยาะซีอิ๊วแล้วปิดฝาอบไว้ ทำแบบนี้รับรองหอม
เฉียนเพ่ยอิง “ใช่ ใช้น้ำมันทอดจะไม่หอมได้รึ ทอดปลาร้อยกว่าจิน เอาน้ำมันจากไหน”
ซ่งฝูหลิง “ทางหมู่บ้านให้หมูอ้วนมาตัวหนึ่งไม่ใช่เหรอ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าพวกท่านแม่ทำน้ำมันเป็น ใช้น้ำมันนั่นแหละทอด”
“น้ำตาลล่ะ ทางหมู่บ้านไม่ได้ให้น้ำตาลมา”
ซ่งฝูหลิงตวัดมือ “ห้องทำขนมของพวกเราออกก็ได้ แค่ไม่กี่ตังค์”
เฉียนเพ่ยอิงพูด “เดี๋ยวท่านย่าของเจ้ารู้เข้า ได้โดนด่าแน่”
เมื่อเป็นแบบนี้ปลาผัดซีอิ๊วเปรี้ยวหวานก็ได้ฤกษ์ออกจากกระทะ
นี่เป็นกับข้าวอย่างแรก
เล่นเอาทหารที่กำลังรอตักข้าว ยังไม่ทันได้กินก็น้ำลายหกแล้ว
กับข้าวอย่างที่สองคือ เนื้อหุ้มหัวใจหมูผัดไข่และหัวหอม
ใช้เนื้อหมูส่วนที่หุ้มหัวใจ ไข่ไก่ หัวหอม มาผัดให้เข้ากัน
ต่อมาเป็นเหลียงไช่
เย็นนี้เหลียงไช่ก็ไม่ธรรมดา
เป็นเนื้อหมูหูหมูคลุก
เอากระเทียมมาทุบให้ละเอียดแล้วคลุกกับทั้งสองอย่างนี้
ขณะที่ซ่งฝูหลิงกินอาหารชนิดนี้ในมื้อเย็น ได้วิจารณ์เสียงเบาว่า “ถ้าใส่แตงกวากับผักชีสักหน่อยจะอร่อยกว่านี้”
แต่ที่นี่มีแตงกวากับผักชีที่ไหนกัน
สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อการกินของอร่อย
กับข้าวอย่างที่สี่ ฝาหม้อเพิ่งถูกเปิดออก ไอร้อนโชยกรุ่น เหล่าทหารที่อยู่ในห้องชุมนุมก็พากันทำจมูกฟุดฟิด แทบอยากจะสูดกลิ่นหอมให้ลงไปถึงท้อง หมูตุ๋นน้ำแดง
ต้องยอมรับเลยว่า หมูบ้านนี่หอมกว่าหมูป่า เนื้อนุ่มด้วย
ตอนที่อาหารชนิดนี้ถูกนำออกจากหม้อ พวกซ่งฝูเซิงก็แอบกินกันไปหลายชิ้น
หมูสามชั้น มันแต่ไม่เลี่ยน เคี้ยวง่าย เนื้อนุ่มอร่อย เข้าปากก็ละลาย
สิ่งสำคัญคือ ซ่งฝูเซิงยังให้คนใส่พริกฮวาเจียว[1]ลงไปนิดหน่อยด้วย
นี่มาจากประสบการณ์ทำครัวของเขา
ทำหมูตุ๋นน้ำแดงแบบนี้ หากใส่พริกฮวาเจียวลงไปหน่อย จะช่วยดึงรสชาติออกมาได้
ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นบ้านอื่นทำอาหารชนิดนี้ก็จะอยู่แค่ในระดับที่ความหอมเตะจมูก แต่เมื่อใส่พริกฮวาเจียวลงไป กลิ่นจะหอมเย้ายวนยิ่งกว่าแบบไม่ใส่
ตอนเย็นยังมีการนึ่งแผ่นแป้งเอาไว้กินกับกับข้าว
แต่พอซ่งฝูหลิงเห็นหมูตุ๋นน้ำแดงก็รบเร้าให้เฉียนเพ่ยอิงหุงข้าวให้นางเป็นพิเศษ
นางบอกว่าอาหารชนิดนี้ถ้าไม่กินกับข้าวสวยเสียดายแย่
วันนี้หมูตุ๋นน้ำแดงอร่อยถึงขั้นไหนน่ะหรือ พูดแบบนี้แล้วกัน หมี่โซ่วเพิ่งจะอายุเท่าไร แค่ใช้น้ำแกงจากหมูตุ๋นน้ำแดงคลุกข้าวกินก็กินไปถึงสองชาม
แต่พวกทหารไม่มีข้าวสวยให้กิน
อาหารหลักคือปัวปัวที่ทำมาจากแป้ง
ปกติรองผู้บัญชาการเกิ่งไม่เคยต้องอดอยาก เวลานี้กลับกินข้าวพลางครุ่นคิด
อีกระยะหนึ่ง ถ้าท่านแม่ทัพมาจัดการเรื่องปลูกพริก เขาอยากติดตามท่านแม่ทัพมาด้วย
ไม่ใช่เพราะอะไรอื่น เพราะอาหารการกินล้วนๆ ต่อให้ต้องพกเนื้อสัตว์มาเองก็ตาม
ขนาดเกิ่งเหลียงยังคิดแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกลูกน้องของเขาแล้ว
มีทหารหลายคนที่เวลานี้กำลังถือปัวปัวยืนอยู่หน้าหม้อใหญ่ บิดปัวปัวออกมาจิ้มน้ำแกงกิน
ถามพวกเขาว่าทำไมไม่ตักกับข้าวน่ะหรือ พวกเขาคงบอกว่า มีกับข้าวที่ไหนล่ะ
มีพวกที่เจ้าเล่ห์ ครั้งแรกตักน้อยหน่อย กินไม่กี่คำก็หมดแล้วเดินมาตักรอบสอง
ส่วนพวกเขาที่กำลังจิ้มน้ำแกงกินกันอยู่ทั้งหมดเป็นเพราะความซื่อล้วนๆ
ครั้งแรกตักไปเยอะ พอกินหมดจะมาตักอีก เหลือแต่น้ำแกงแล้ว
…
หากนับตามเวลายุคปัจจุบันก็เป็นเวลาสองทุ่มกว่า
เหล่าทหารช่วยถลกหนังสัตว์ ช่วยเก็บกวาดลานบ้าน ไม่นานก็ทำเสร็จ คนเยอะช่วยกันหลายแรง
หลังจากที่ลุงซ่งจัดแจงเรื่องอาหารในวันพรุ่งนี้เสร็จแล้วก็กวักมือพลางพูดด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนยามปกติ “เหนื่อยกันมากแล้วรีบไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าไปขึ้นเขา แยกย้ายเถอะ แยกย้าย”
จากนั้นก็ไปที่บ้านซ่งฝูเซิง
แต่ก็ถือว่าลุงซ่งมาช้ากว่าคนอื่น
ต้าหลังสนิทกับเกาเถี่ยโถว บอกเกาเถี่ยโถวว่า ตอนเย็นน้องพั่งยามีเรื่องเล่าให้ฟัง
เกาเถี่ยโถวเองก็มีพี่ชายมีน้องชาย จึงบอกต่อๆ กันไป
พี่ชายน้องชายของเขาก็มีเพื่อนๆ
เมื่อเป็นแบบนี้ ตอนนี้ไม่ว่าจะคนที่อยู่หรือไม่อยู่ บ้านซ่งฝูเซิงและอยากฟังเรื่องเล่าต่างก็มากองอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว แม้แต่เกาถูฮูก็มาด้วย
เกาถูฮูพูดไม่หยุดระหว่างรอเริ่ม “พั่งยามีพรสวรรค์ มีหมดทั้งสองอย่าง ทั้งด้านงานและเงิน”
ภายในบ้าน บ้างก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงอุ่น บ้างก็นั่งพิงกำแพง บ้างก็เอาเก้าอี้มาเอง เสียงเด็กๆ วิ่งเล่นกันเต็มไปหมด
ท่านลุงซ่งใช้กระบอกยาสูบเคาะขอบเตียง ช่วยจัดระเบียบ “เอาล่ะๆ เลิกส่งเสียงหนวกหูได้แล้ว รีบๆ เล่าให้จบแล้วก็รีบนอน พรุ่งนี้ยังมีงานอีกเยอะ” จากนั้นก็กวักมือ “พั่งยา เจ้าเริ่มพูดได้”
“ได้เลยท่านทวด”
ซ่งฝูหลิงขานรับอย่างกระตือรือร้น ท่านลุงซ่งฟังแล้วก็เบิกบานมาก
เพราะนี่ก็แสดงว่าพั่งยาเขียนไว้เยอะ คงฟังได้นานหน่อย
ฟังเสียงเล็กๆ นั่นสิ เด็กคนนี้เหมือนโตมาด้วยน้ำตาล ท่านลุงซ่งฟังด้วยสีหน้าที่ชื่นชม
เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ ชวนให้คนรู้สึกชื่นชมยิ่งกว่าพ่อของนาง
เด็กคนนี้…
“จบแล้วเหรอ”
เกาเถี่ยโถวกับพวกต้าหลังถามขึ้น “จบแล้วเหรอ”
ในขณะเดียวกันที่ด้านนอกหน้าต่างบ้านซ่งฝูเซิง
เกิ่งเหลียงมองหน้าต่างกระดาษ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเด็กคนที่เล่าเรื่องอยู่จะตอบว่า ‘ยังไม่จบ ขอดื่มน้ำหน่อย’
แต่น่าเสียดาย คำตอบของซ่งฝูหลิงคือ “อ๋า วันนี้เล่าถึงตรงนี้แล้วกัน ข้าเขียนเท่านี้แต่ใช้เวลาทั้งวันเลยนะ ได้เวลานอนแล้ว ท่านย่าข้ายังต้องตื่นแต่เช้าไปขายขนมอีก”
ท่านลุงซ่งพูดอย่างจนปัญญา “แยกย้ายๆ”
ทำเกิ่งเหลียงโมโหอารมณ์ค้าง
เกิ่งเหลียงกลับห้องตัวเอง มีทหารถามเขาว่าล้างหน้าไหม เขาหน้านิ่วพูดด้วยความหงุดหงิด “ล้างเลิ้งอะไรเล่า นอนๆ”
เอนตัวนอนลงบนเตียง ตามองเพดาน
เกิ่งเหลียงคิดในใจ
ร่มชูชีพที่รูปร่างเหมือนร่มกระดาษไขอย่างนั้นรึ
ตอนที่ยังไม่กางออกเป็นกระเป๋า พอกางออกก็มีลักษณะเป็นร่ม
มีเชือกรั้งไว้ แรงลมจะทำให้ร่มพาคนลอยไปได้อย่างนั้นรึ
บิน เครื่องบิน
อ๋า ที่แท้สิ่งที่เด็กคนนั้นเล่าเรียกว่าเครื่องบิน ไม่ใช่นกเหล็ก
เพียงแต่รูปร่างมันเหมือนนกขนาดใหญ่ บินขึ้นไปบนฟ้าได้
ไหนจะปืนกลที่ยิงได้รัวๆ อีก
เกิ่งเหลียงเด้งตัวพรวดพราด จุดกระบอกไฟ
เขาตั้งใจหยิบดินประสิวออกมาพลิกไปพลิกมาพลางสังเกต
เป็นไปไม่ได้ พวกเขาทั้งแขวน ทั้งวาง จะยิงรัวต่อเนื่องได้ยังไง
เดี๋ยวกลับไปน่าจะลองถามท่านแม่ทัพดูว่ามีความเป็นไปได้หรือเปล่า
ผ่านไปสักพัก เกิ่งเหลียงนอนอยู่บนเตียง ส่ายหน้าพลางหัวเราะตัวเอง
เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว ยังจะไปถามท่านแม่ทัพอีก
เดิมทีก็เป็นเรื่องไม่จริง เป็นแค่เรื่องเล่า
ลูกสาวของซ่งฝูเซิงแต่งขึ้นมาอย่างเลื่อนลอย
หากเขาไปถามท่านแม่ทัพจริง ท่านแม่ทัพจะคิดว่าเขาบ้าหรือเปล่า แล้วให้เขาออกจากค่ายเสินจี
แต่ต้องยอมรับเลยว่า เด็กคนนั้นแต่งเรื่องเล่าเก่งจริงๆ กล้าจินตนาการเหลือเกิน ดึงดูดความสนใจจากทุกคนได้
เอ๊ะ อีกไม่นานเขาก็ต้องไปแล้ว ก็จะไม่ได้ฟังต่อแล้วสิ
———————–
[1] พริกที่ให้รสเผ็ดชา หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่าเม็ดหมาล่า