ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 339 เจ้าหนุ่มช่างหล่อเสียจริง
“ท่านย่า”
“อืม”
“ข้าซื้ออิฐกลับมาด้วยนะ”
ท่านย่าหม่ารีบลุกขึ้นจากเคาน์เตอร์ “ไอ๊หยา เด็กคนนี้นี่ ย่าบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าย่าจะไปซื้ออิฐเอง จ่ายไปเท่าไรกันเนี่ย อย่าให้ถูกหลอกได้เชียวนะ ซื้อจากไหน หาซื้อมาได้ด้วย กะแล้วเชียว รอตั้งนานไม่เห็นกลับมา ที่แท้ก็ไปซื้ออิฐ ทำเป็นห่วงเสียแทบแย่”
ท่านย่าหม่ามีคำถามเป็นกองที่อยากถามซ่งฝูหลิง
ตอนเช้ามาถึงร้าน หลานสาวคนเล็กก็พาเป่าจูที่เป็นคนในพื้นที่ออกไปเดินซื้อของ
อันที่จริงนางก็อยากตามไปด้วย
แต่เวลาเช้าตรู่ จะมีคนของโรงเตี๊ยมอีผิ่นเซวียนกับโรงน้ำชาทางตะวันออกของเมืองมารับขนม กอปรกับมีขนมพุทราแดงกับขนมปังกรอบม้วนมาเพิ่ม นางรับเงิน ลงบัญชี ไหนตอนเช้าจะต้องตั้งร้าน มัวแต่ยุ่งจึงไม่ได้ตามไป เอาแค่เงินให้หลานสาวไป
รอแล้วรอเล่า ขายของรับเงินด้วยความกังวล ไม่วางใจ
ในที่สุดก็กลับมา ทว่าแม้แต่อิฐที่หาได้ยากก็ซื้อกลับมาด้วย
หลานสาวฉลาด ฉลาดเหลือเกิน
ออกไปเดินซื้อของตลอดช่วงเช้า นอกจากซื้อของที่เคยพูดไว้ว่าต้องการ หลานสาวนางก็ไม่ได้ซื้อดอกไม้ประดับผม ไม่ได้ซื้อน้ำมันประทินผิว ทั้งๆ ที่ครั้งนี้นางกัดฟันใจกว้างแล้วแท้ๆ ให้เงินไปไม่น้อย แต่พอเจอหน้ากลับเอาเงินที่เหลือคืนให้
“ท่านย่าเอาของพวกนี้เข้าไปในร้านเถอะ” เอาของที่ซื้อมายื่นให้ท่านย่าหม่า ซ่งฝูหลิงหันไปสั่งรถเข็นหลายคันที่จ้างมาเพื่อให้เข็นอิฐไปที่หลังร้าน
บ่าวรับใช้ชายที่อยู่ร้านหนังสือข้างๆ ออกมาชะโงกหน้ามองแล้วรีบกลับเข้าไป
ผ่านไปไม่นาน เถ้าแก่ฉียืนอยู่ที่ชั้นสาม เพ่งมองหลังร้านของร้านขนมที่อยู่ข้างๆ ส่ายมือพลางพูด “ไปส่งข่าวให้ซุ่นจื่อที่จวนว่าแม่นางซ่งมาแล้ว”
เช้าวันนี้ ซุ่นจื่อมาบอกเถ้าแก่ฉีเป็นพิเศษว่าให้คอยสังเกตข้างร้าน
ซุ่นจื่อไม่ไว้ใจต้าเต๋อจื่อ ทำอะไรต้องมีแผนสำรองไว้ถึงจะเป็นการดี
…
“คุณชาย” ซุ่นจื่อยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
ลู่พั่นรับมาเช็ดเหงื่อที่ใบหน้าและลำคอ ถอดชุดฝึกที่สำหรับใส่ในค่ายแล้วถามด้วยความสงสัย “เจ้ามาได้อย่างไร”
วันนี้ซุ่นจื่อไม่ต้องเข้าเวร ไม่ต้องติดตามไปปรนนิบัติลู่พั่นที่ศาลาว่าการ
ซุ่นจื่อกางชุดให้ลู่พั่นใส่พลางยิ้มแล้วตอบกลับ “เท่าที่ข้าดู พวกเสี่ยวเฉวียนจื่อแทบไม่จำเป็นในจวนของเรา ถือเป็นส่วนเกิน มีแค่ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”
เสี่ยวเฉวียนจื่อเก็บอ่างน้ำกับผ้าเช็ดหน้า คิดในใจ อาจารย์ ท่านจะยอตัวเองก็ได้ แต่อย่าเหยียบพวกเราบ่อยๆ ได้หรือไม่
“ข้าอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ ไม่สู้มาคอยปรนนิบัติข้างกายคุณชาย”
เสี่ยวเฉวียนจื่อคุกเข่าลงข้างขาลู่พั่น จัดการสายรัดเอวพลางคิดในใจ อาจารย์ ท่านช่างพูดจาน่าฟังเสียยิ่งกว่าร้องเพลง
“จริงสิ คุณชาย เมื่อครู่ข้าผ่านร้านหนังสือ ว่างๆ เลยเข้าไปดูสักหน่อย เถ้าแก่ฉีบอกว่ามีหนังสือมาใหม่หลายเล่ม ทั้งยังถามถึงคุณชายด้วย ถามว่าคุณชายอยากไปดูสักหน่อยหรือไม่”
“หนังสืออะไร”
“อ่อ ข้าก็จำไม่ได้เสียด้วยขอรับ” ซุ่นจื่อกับเสี่ยวเฉวียนจื่อช่วยกันปรนนิบัติลู่พั่นใส่รองเท้าบู๊ท
ลู่พั่นเหลือบมองนาฬิกาน้ำ[1]
เวลานี้ เมื่องานของทุกคนเสร็จ ต่างไปกินข้าวกันหมดแล้ว คิดๆ ดูไปเดินเล่นที่ร้านหนังสือสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน
เสี่ยวเฉวียนจื่อรีบเก็บกล่องอาหารที่เพิ่งจะเปิดออก เอากล่องอาหารกลับเข้าไปแล้วถือไว้อีกครั้ง จากนั้นก็รีบตามซุ่นจื่อไปปรนนิบัติลู่พั่นขึ้นม้าด้วยกัน
เถ้าแก่ฉีออกมาต้อนรับลู่พั่นเข้าไปในร้าน
“มีหนังสืออะไรมารึ”
“หืม?”
ซุ่นจื่อรีบขยิบตาให้เถ้าแก่ฉี
เสี่ยวเฉวียนจื่อมองซุ่นจื่อ ครุ่นคิด ต้องว่าไปตามอาจารย์จึงขยิบตาให้เถ้าแก่ฉีด้วย
เถ้าแก่ฉีเข้าใจ ตอบอย่างแนบเนียน “เรียนคุณชาย ตำราพิชัยสงครามเว่ยเหลียวจื่อตอนที่หายไปถูกหาพบแล้วขอรับ”
“อ่อ” ลู่พั่นเริ่มสนใจ
ซุ่นจื่อรีบก้าวขึ้นหน้า ชิงนำทางก่อนเถ้าแก่ฉี เพื่อพาลู่พั่นขึ้นไปชั้นบน
เถ้าแก่ฉี อยู่ชั้นหนึ่งนะ หนังสืออยู่ชั้นหนึ่ง ก็ได้ แบบนั้นเขาขอไปรินน้ำชาก่อน
ณ ชั้นสาม
ทันใดนั้นซุ่นจื่อก็ชี้ไปที่หลังร้านข้างๆ พูดด้วยสีหน้าตกใจ “คุณชาย ดูนั่นสิขอรับ คนที่อยู่หลังร้านนั่นแม่นางซ่งหรือไม่ อ๋า นางมาจริงๆ ด้วย”
ซุ่นจื่อแสร้งทำเป็นตกใจเสร็จก็ใช้หางตาเหลือบสังเกตลู่พั่น
ตามคาด หยุดยืนดูสินะ
“คุณชาย ช่างบังเอิญเสียจริง ประหนึ่งเม็ดงาตกลงไปในรูเข็ม” แสดงอารมณ์ตกใจต่อ
ตอนลู่พั่นออกจากร้านหนังสือเล่นเอาซุ่นจื่อยุ่งจนหัวหมุน
สองมือของเถ้าแก่ฉีประคองหนังสือ ซุ่นจื่อ “ยังจะหนังสืออะไรอีกล่ะ เก็บไปๆ เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
จากนั้นก็ถลึงตาใส่เสี่ยวเฉวียนจื่อ “เจ้ายังจะยืนบื้ออะไรอีก กลับจวน ไปเอาของล้ำค่าของคุณชายมา”
“อ่าๆ เอ๋? เดี๋ยวนะ อาจารย์ ของล้ำค่าของคุณชายคืออันไหนหรือขอรับ”
“ก็ที่คั้นน้ำกับที่ตีไข่ไงเล่า สมองเจ้าเป็นท่อนไม้รึ”
ซุ่นจื่อเดินไปได้สองสามก้าวก็ไม่วางใจ หันกลับมากำชับเสี่ยวเฉวียนจื่อ “จำไว้ว่าระวังด้วย ห้ามทำหล่น พังขึ้นมาจะเด็ดสมองท่อนไม้ของเจ้า จริงสิ เอาพวกสาลี่ผลผิงกับไข่ไก่มาด้วย”
หากเอามาแล้วแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ใช้ไม่ได้ คุณชายต้องขายหน้าต่อหน้าแม่นางซ่ง แบบนั้นจะยิ่งดูไม่ได้
ซ่งฝูหลิงอยู่ที่หลังร้าน
ท่านย่าหม่ากำลังห้ามนาง “เจ้าไม่ต้องยก เจ้าไม่ต้องยก มือของเจ้าทำงานหนักไม่ไหว ไป เข้าไปยืนดูในร้าน เดี๋ยวพวกย่าทำเอง”
ซ่งฝูหลิงชูสองมือที่สกปรก ของถูกท่านย่าหม่าจัดการลากเข้าไปเอง
คิดดูก็รู้ว่า ปกติมือของท่านย่าหม่ามีแรงมากขนาดไหน ซ่งฝูหลิงผอมขนาดไหนและลากของหนักไม่เก่งขนาดไหน
พอหันกลับมา ซ่งฝูหลิงเงยหน้าขึ้นก็เห็นลู่พั่น
นางขมวดคิ้ว เอียงหน้าเล็กน้อย
เอ๋?
แม่ทัพเล็กมาได้อย่างไร
มาตั้งแต่เมื่อไหร่
ทำไมเดินเข้ามาจากทางหลังร้านล่ะ
คิ้วของลู่พั่นอดขยับไม่ได้ในชั่วขณะที่ซ่งฝูหลิงมองเขา
เพียงแวบเดียวก็สามารถมองใบหน้าของซ่งฝูหลิงได้อย่างชัดเจน สุดท้ายสายตาไปหยุดอยู่ที่สองมือสกปรกเลอะเทอะของซ่งฝูหลิง
มองมือของซ่งฝูหลิง ลู่พั่นแกะเชือกชุดคลุม ถอดชุดคลุมขนจิ้งจอกออกแล้วยื่นให้ซุ่นจื่อ เดินขึ้นหน้า
เริ่มขนอิฐโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ท่านย่าหม่าเงยหน้าขึ้นก็ตกใจ
ต้าเต๋อจื่อ เป่าจู ต่างก็ตกใจ
ส่วนเสี่ยวเกา เสี่ยวซ่ง เสี่ยวหวังและท่านยายเถียน พวกนางอยู่ในร้านกันหมด ในร้านมีลูกค้า ออกมากันไม่ได้
ถ้าอยู่ก็คงตกใจเช่นเดียวกัน
ท่านย่าหม่าอึ้งไปไม่กี่วินาทีก็รีบเข้าไปห้าม “ไอ๊หยา นี่แม่ทัพเล็กไม่ใช่หรือ แขกสูงศักดิ์มาถึงร้าน นี่เป็นแขกที่สูงศักดิ์มากเชียวนะ รีบเข้าไปในร้านก่อนเจ้าค่ะ”
ต้าเต๋อจื่อก็มองลู่พั่นด้วยสีหน้าลำบากใจ เขาตะลึงจนหยุดทำงานไปแล้ว
เป่าจูหน้าแดงก่ำ มองลู่พั่นที่กำลังขนอิฐ
ให้ตายเถอะ นางกับพี่ชายยังไม่ได้ไปส่งข่าวเลยนะ
เพราะนางกับพี่ชายคิดกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน กินข้าวของครอบครัวซ่ง ทางที่ดีอย่าไปส่งข่าวดีกว่า
ตอนนี้คุณชายรู้เรื่องแล้ว จะโทษพวกนางหรือเปล่า
อีกทั้ง เป่าจูคิดในใจ
ลำพังแค่เหตุการณ์ในตอนนี้ หากนางไปเล่าให้คุณหนูสามฟัง นางกล้าฟันธงได้เลยว่าครั้งนี้คุณหนูสามจะไม่ใช่แค่ตะลึงแน่นอน
อย่าถามว่าทำไมนางถึงแน่ใจว่าคุณชายมาขนอิฐเพราะแม่นางซ่ง เป่าจูก็แค่แน่ใจ ว่าเป็นเพราะแม่นางซ่งแน่นอน
ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นางซ่ง จะเป็นเพราะท่านย่าหม่าหรืออย่างไร
แต่เวลานี้ ท่านย่าหม่ากลับคิดว่าเขามาเพราะนาง
คิดว่าเป็นร้านของตัวเอง ผ่านมาเลยแวะเข้ามาดู
พอเห็นว่านางที่อายุปูนนี้กำลังขนอิฐ จึงถอดชุดคลุมแล้วมาช่วย
ดูเจ้าหนุ่มคนนี้สิ จริงๆ เลยนะ ไอ๊หยา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องฐานะของเขา ทำไมถึงได้ดีขนาดนี้
อยากได้คนแบบไหนก็อยู่ในตัวเขาหมด เห็นคำพูดคำจาไม่มาก แต่กลับเป็นคนใจดี
คนจิตใจดีสุดประเสริฐที่หาได้ยากจริงๆ
ข้อสำคัญคือ พ่อสุดประเสริฐคนนี้ยังหล่อเหลาเอาการเสียด้วย นางเองยังชอบมอง
—————————————–
[1] เครื่องบอกเวลาแบบจีนโบราณ โดยการนำถังใส่น้ำเจาะรูข้างใต้ ด้านล่างมีถังอีกใบที่ภายในมีทุ่นลอยทรงกระบอก เมื่อน้ำหยดลงมาทุ่นนั้นก็จะลอยขึ้น เป็นการบอกเวลา