ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 340 ลู่มือหนึ่ง
“ขนไปไว้ไหนหรือ” ลู่พั่นหันไปถามซ่งฝูหลิง
“หา?” ซ่งฝูหลิงชี้ในร้าน
พอได้สติกลับมาซ่งฝูหลิงก็รีบเดินตามลู่พั่นที่สะพายเข่งเดินเข้าไปในร้าน “เอ่อคือ เอาเข่งให้ข้าดีกว่า จะให้ท่านแบกอิฐได้อย่างไร”
“ไปนำทางข้างหน้า เอาไปวางตรงไหน”
ซ่งฝูหลิงจำต้องวิ่งไปอยู่ข้างหน้าลู่พั่นเพื่อนำทาง
ลู่พั่นแบกเข่งที่ใส่อิฐจนเต็ม สายตามองไปที่บ่าผอมบางของซ่งฝูหลิง
ที่ห้องครัวชั้นหนึ่ง
ตอนที่เสี่ยวซ่งภรรยาของซ่งฝูกุ้ยเห็นลู่พั่นก็ตะลึงงันคิดว่าตัวเองตาฝาด ชี้ลู่พั่นพลางถามซ่งฝูหลิง “เขา เขาเหรอ”
ท่านย่าหม่าวิ่งเข้ามามือเปล่า แสดงให้เห็นว่ารีบร้อนเพียงใด นางยื่นมือออกไปขวาง พอยื่นออกไปก็เห็นมือที่สกปรก
“คุณชายลู่ จะพูดอย่างไรดีล่ะ คุณชายมาช่วยพวกเราทำงานแบบนี้ได้อย่างไร ไม่รีบ พวกเราซื้อมาวางกองไว้ตรงนี้ ประเดี๋ยวว่างๆ จะก่อเตา”
ลู่พั่นไม่ฟัง เอาอิฐออกเสร็จก็หันตัวเดินออกไป
ท่านย่าหม่ากับหลานสาวคนเล็กมองหน้ากัน ถามหาความเห็นจากหลานสาวตามความเคยชินเวลาเจอปัญหาคิดไม่ตก
ความหมายจากสายตาชัดเจนมาก ทำอย่างไรดี พวกเราห้ามแล้วนะ แต่เขาไม่ฟัง จะช่วยทำงานให้ได้ ทำอย่างไรดีล่ะ
ซ่งฝูหลิงมีหรือจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร หลังจากมองย่าตัวเองก็ทำได้เพียงรีบตามลู่พั่นออกไป
ส่วนตามเขาไปทำอะไร อันที่จริงนางเองก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าหากเขายังทำต่อ พวกเราจะยืนดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้
ซุ่นจื่อก็เข้ามาช่วยด้วย
เขามาช้า มัวแต่ไปหาที่วางชุดคลุมขนจิ้งจอกของคุณชาย
“ไม่ต้อง แม่นางซ่ง ข้าทำเอง”
แล้วหันไปห้ามลู่พั่น “ไม่ต้องคุณชาย คุณชายไปนั่นดีกว่า เข้าไปให้แม่นางซ่งรินน้ำชา เดี๋ยวข้าจัดการงานนี้ให้เสร็จเอง วางใจได้ ข้ารับรองว่าจะขนเข้าร้านให้หมด”
ซ่งฝูหลิงได้ยินซุ่นจื่อช่วยแก้ไขสถานการณ์ก็รีบวางอิฐลง ไม่ขนใส่เข่งของลู่พั่นอีกต่อไป “ใช่ ข้าไปรินน้ำชาให้ท่านดีกว่า”
ลู่พั่นกวาดตามองปากของนาง “ใส่อิฐต่อ ทำเสร็จค่อยว่ากัน”
ซ่งฝูหลิง ขนาดท่านย่ายังไม่ต้องให้ข้าทำแล้ว ก่อนหน้านี้ไล่ให้ข้าเข้าไปในร้าน แต่พอท่านมา ข้ายังต้องทำต่อ
อาจเพราะเหม่อลอย มือเล็กมือใหญ่จับลงบนอิฐก้อนเดียวกัน ทั้งยังแตะถูกกัน
ทั้งสองคนอึ้งไปเล็กน้อย ตอบสนองอย่างรวดเร็วพร้อมกัน ปล่อยอิฐให้อีกฝ่ายอย่างเป็นธรรมชาติ หันไปหยิบอิฐก้อนข้างๆ แทน
แตะถูกกันอีกแล้ว
และก็แตะถูกอีกแล้ว
ลู่พั่นอดทนอยู่หนึ่งวินาทีก็พูดขึ้น “ให้เจ้าแล้วกัน”
ซ่งฝูหลิงยิ้มพลางพยักหน้าให้เขา ขอบคุณนะ สีหน้าสุภาพอ่อนโยน แต่ในใจกลับคิดว่า ทำอย่างกับเป็นของอร่อย ดันกันไปดันกันมา
เนื่องจากแตะถูกมือ จึงรู้ว่ามือน้อยๆ คู่นั้นไม่เพียงแต่จะสกปรก ยังเย็นเฉียบอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ตอนขนอิฐรอบที่สองจึงเป็นฝ่ายพูดกับซ่งฝูหลิงที่วนเวียนอยู่รอบตัวเขาว่า “เจ้าอยู่ในร้านแล้วกัน”
“หา ได้เจ้าค่ะ” ซ่งฝูหลิงคิดในใจ ไอ๊หยา ในที่สุดก็หลุดพ้นแล้ว
ชั่วขณะที่หันตัวไปนางก็โล่งอก ใบหน้าผุดรอยยิ้ม
ลู่พั่นตัวสูงย่อมมองเห็น มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้
ซุ่นจื่ออยู่หลังร้าน กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงาน
เขาถึงไม่สังเกตเห็นเหตุการณ์เล็กน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ซุ่นจื่อมัวแต่คิดว่า
รีบๆ ทำให้เสร็จ ทำเสร็จแล้วคุณชายจะได้ไม่ต้องทำ คุณชายจะได้เข้าไปในร้าน พอเจ้าสองสิ่งนั้นมาถึงก็จะได้อวดฝีมือให้แม่นางซ่งเห็นแล้ว
เมื่อคืนมาที่นี่เพื่อสืบว่าแม่นางซ่งจะมาได้หรือไม่ ท่าทางของคุณชายที่เหมือนมีอะไรอยากพูดแต่ไม่พูด กำลังหงุดหงิดอยากอวดของให้แม่นางซ่งเห็นใช่ไหมล่ะ ในฐานะที่เขาเป็นบ่าวรับใช้ผู้จงรักภักดีที่เอาใจใส่เป็นที่สุด จำเป็นต้องร้อนใจแทนคุณชาย คิดแทนคุณชาย
“ก่ออย่างไร”
ท่านย่าหม่าได้ฟังก็ตกใจจนรีบโบกมือ
พูดตามตรง ตอนแรกที่เห็นลู่พั่นก็คือดีใจมาก พอเห็นลู่พั่นจะช่วยงานให้ได้ ความรู้สึกต่อมาคือเด็กหนุ่มคนนี้ช่างดีจริงๆ
แต่พอได้สติกลับมาอย่าง ท่านย่าหม่าก็พบว่า หากคุณชายจวนผู้สำเร็จราชการมาช่วยนางทำงาน เรื่องเสวยสุขแบบนี้ นางรับไม่ไหว
เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวนี้ จากที่นางไม่เคยคิดเงินผิด ก็เกือบคิดเงินลูกค้าผิดเสียแล้ว
“เดี๋ยวพวกเราทำเอง คุณชายลู่ วันนี้แขกสูงศักดิ์อย่างท่านมาเยือนถึงที่ รีบขึ้นชั้นบนเถอะเจ้าค่ะ ขนมถูกจัดวางไว้เรียบร้อยแล้ว คุณชายมาที่นี่ครั้งแรก เชิญลองชิมดู”
ทันใดนั้น เสี่ยวเฉวียนจื่อก็มาพร้อมกับบรรดาบ่าวรับใช้ชาย ยก ‘ของล้ำค่าสองชิ้น’ ของคุณชายมา ในที่สุดก็มาถึงกันแล้ว
และยังเข้ามาทางประตูหน้า
“นั่นคืออะไรรึ” ท่านย่าหม่ากระซิบถามซุ่นจื่อ
ซุ่นจื่อดึงท่านย่าหม่ามาอธิบายให้ฟัง และบอกว่า “แก้กลับไปกลับมาถึงสี่ครั้งเชียวนะ”
ท่านย่าหม่านึกไม่ถึงว่าจะเป็นของๆ พวกนาง ของสองสิ่งนั้น ที่หลานสาวเคยพูดถึงถูกทำออกมาได้จริงๆ แล้ว
และสิ่งที่ทำให้นางคาดไม่ถึงยิ่งกว่าคือ ซุ่นจื่อบอกว่าแม่ทัพเล็กลงมือทำด้วยตัวเอง
ณ ชั้นสอง
เสี่ยวเฉวียนจื่อเรียกให้พวกบ่าวรับใช้ชายเอา ‘ของล้ำค่าสองชิ้น’ ไปวางให้ดี หลังจากนั้นก็โค้งตัวแล้วพากันลงไป
ซ่งฝูหลิงจัดวางขนมชุดเก้าห้อง
รับถาดมาจากเป่าจู เอาขนมชนิดอื่นแต่ละแบบที่อยู่ในถาดมาวางเรียงบนโต๊ะ แล้วผายมือเชิญลู่พั่น
คิดไว้ว่ารอลู่พั่นนั่งลงก่อนค่อยรินน้ำชา
ทันใดนั้นลู่พั่นก็พูดกับนาง “เจ้ามานี่”
ชั่วขณะนั้นซ่งฝูหลิงถึงได้เอะใจ
นางเดาได้แล้ว
ทั้งให้นางมา ทั้งจงใจเรียกนาง ดูท่าของสองอย่างที่ถูกผ้าดำขอบทองคลุมไว้นี้น่าจะเป็นของที่ให้นาง
อืม ดูท่าจะทำเครื่องคั้นน้ำกับเครื่องตีไข่ออกมาได้แล้ว
ลู่พั่นมองซ่งฝูหลิงพลางพูด “เจ้าลองเดาดูว่านี่คือสิ่งใด”
ซ่งฝูหลิง “…”
“ของสองสิ่งที่ข้าออกแบบไว้ทำออกมาได้แล้วหรือ”
ลู่พั่นเชิดคางเล็กน้อย “อืม”
ซ่งฝูหลิงคิดในใจ อ่อ แล้วทำไมต้องเอาผ้าคลุมไว้ด้านบนด้วยล่ะ
ทันใดนั้นนางได้ยินเหมือนเสียงสลักคลายล็อค
ลู่พั่นเอามือวางตรงเอว ขยับเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ชักกระบี่ที่พกติดตัวออกมา
ซ่งฝูหลิงรู้สึกเหมือนเห็นประกายคมปลาบผ่านหน้าไป นางจึงถอยหลังตามสัญชาตญาณไปหนึ่งก้าว
ใจหายวาบ คิดในใจ ทำไมต้องชักอาวุธด้วยล่ะ
เมื่อมองไปอีกครั้งก็เห็นลู่พั่นใช้ปลายกระบี่ค่อยๆ เขี่ยผ้าสีดำบนนั้นออก
ชั่วขณะที่ผ้าผืนแรกตกถึงพื้น เครื่องคั้นน้ำก็ปรากฏแก่สายตาของซ่งฝูหลิง
และเมื่อผ้าอีกผืนตกถึงพื้น เครื่องตีไข่วาววับก็ปรากฏ
ในเวลาเดียวกัน ลู่พั่นหันไปมองซ่งฝูหลิง
ซ่งฝูหลิงมองเครื่องคั้นน้ำ มองเครื่องตีไข่ จากนั้นถึงหันไปมองลู่พั่น
รู้สึกไม่เข้าใจ
อันที่จริงนางไม่ค่อยเข้าใจ จะใช้มือเปิดผ้าไม่ได้หรือไง นี่มันนิสัยอะไร แค่เปิดผ้าต้องใช้ดาบเขี่ย
ลู่พั่นไม่เห็นความประหลาดใจในแววตาของซ่งฝูหลิง
เขาเห็นอย่างชัดเจน ความรู้สึกแรกคือสงสัย
จะบอกว่าไม่ผิดหวังคงโกหก
เขาเก็บกระบี่ เดินไปที่โต๊ะอย่างเงียบๆ เริ่มแกะเครื่องคั้นน้ำ
ซ่งฝูหลิงก็ตั้งใจมองตามมือของเขา
ไม่ทันได้สังเกตว่าตัวเองเดินเข้าไปหาตั้งแต่เมื่อไร นางเอ่ยชมอย่างจริงใจ “คนผู้นี้ฝีมือดีจริงๆ”
มือของลู่พั่นหยุดชะงัก หัวใจที่เมื่อครู่กำลังเศร้าสร้อยกลับเต้นแรงขึ้นทันที
“เขายังขัดเงาให้ด้วย แบบนี้ก็ไม่ขึ้นสนิมแล้วหรือไม่ ช่างฝีมือคนนี้ละเอียดอ่อนมาก”
ซ่งฝูหลิงมองตามมือของลู่พั่นที่เพิ่มความเร็วเคลื่อนไหวไม่หยุด พูดด้วยความตกใจขึ้นมาอีก “เจ้าพวกนี้แยกส่วนได้ด้วยหรือ เขาสุดยอดมากจริงๆ”
ลู่พั่นยกมุมปาก พูดโดยไม่เงยหน้ามอง “อืม แยกส่วนได้หมด”