ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 341 ให้หมี่โซ่วแล้วกัน
เป่าจูอยู่ที่ชั้นสองตลอด
เพราะแรกสุดนางเป็นคนยกน้ำชากับขนมขึ้นมา
นางจึงได้ยินทุกอย่างชัดเจนตั้งแต่ใช้กระบี่เขี่ยผ้าจนถึงตอนนี้
แต่กลับดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจนัก
นางกำลังลดระดับการมีตัวตนของตัวเอง ก้มหน้า มองถาดในมือ ไม่กล้าเงยหน้ามอง
เป่าจูได้ยินคุณชายกับแม่นางฝูหลิงคุยกัน
“เจ้าลองดูสิ”
“ไม่ต้องออกแรงหมุนมาก”
“ใช่ แบบนี้ คั้นออกมาแล้วใช่ไหมล่ะ”
แม่นางฝูหลิงพูดด้วยความดีใจ “ประหยัดแรงจริงด้วย ช่างคนนี้ฝีมือร้ายกาจมากจริงๆ ข้าจะลองชิมดูว่าน้ำที่ปั่นออกมาได้ละเอียดไหม”
ดูเหมือนแม่นางซ่งจะเม้มริมฝีปากจิบน้ำผลผิง ไม่ต้องถามว่าเพราะเหตุใดเป่าจูถึงแน่ใจว่าเป็นน้ำผลผิง นางได้กลิ่น นางชอบผลผิงมากเหลือเกิน
“อืม ใช้ได้ ไม่ได้มีกากเยอะ เพียงแต่ปั่นแบบนี้รสชาติไม่ค่อยอร่อย”
จากนั้นคุณชายก็ถาม คุณชายเป็นฝ่ายถามเชียวนะ “ต้องเพิ่มอะไรถึงจะอร่อย”
“เพิ่มน้ำตาลนิดหน่อย หรือไม่ก็น้ำผึ้ง แต่ข้าคิดว่าน้ำผลไม้แบบนี้ ปั่นออกมาไม่สู้กินสดๆ”
“แล้วเพราะเหตุใดเจ้าต้องทำเครื่องคั้นน้ำ”
“ข้าคิดไว้ว่าอยากปั่นผลผิงให้ละเอียด ใส่นม เนย น้ำตาล ทำเป็นไส้ผลผิง ห่อด้วยแป้งคล้ายห่อซาลาเปา เอาไปอบกลาย เป็นขนมผลผิง เรียกว่าพายผลผิง”
“พายคืออะไร”
“เอ่อ”
“เนยคืออะไร”
“เอ่อ ขอข้าคิดก่อนนะ ข้าควรจะอธิบายอย่างไรดี”
เป่าจูได้ยินคุณชายแนะนำแม่นางฝูหลิงว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ตีไข่ไปคิดไป มาลองอันนี้สิ”
แม่นางฝูหลิงพูดว่า “เอ๋? ท่านไม่ต้องใช้เยอะขนาดนั้น ข้าแค่ลองดู ตีให้เข้ากันได้ก็เป็นอันใช้ได้ เตาอบของที่นี่ยังทำไม่เสร็จ ตีเยอะขนาดนั้นไม่มีที่ให้ใช้”
เป่าจูสงสัย แอบเงยหน้าดู
พบว่าคุณชายยกตะกร้าไข่ไก่เข้ามาใกล้ๆ
ไม่สนใจที่แม่นางฝูหลิงห้าม ตอกไข่หลายสิบฟองใส่ลงไปในเครื่องที่เรียกว่าเครื่องตีไข่อะไรนั่น
คุณชายพูดว่า “ตีเยอะก็ไม่เป็นปัญหา”
แม่นางฝูหลิงเห็นตีไข่เยอะขนาดนั้นก็ตีให้เข้ากันได้โดยไม่เปลืองแรงจริงๆ ใบหน้ามีสีหน้าดีใจยิ่งกว่าเดิม มองคุณชายพลางพูดอย่างจริงใจ
“ถึงได้บอกว่าช่างคนนี้ฝีมือร้ายกาจจริงๆ”
“ไอ๊หยา คุณชายลู่ ข้าเพิ่งได้ยินซุ่นจื่อเล่า ทำไมท่านถึงได้ลงมือทำด้วยตัวเองเลยล่ะ จะพูดยังไงดีล่ะ” ท่านย่าหม่ายกกาน้ำชาเดินขึ้นมา
หา?
ซ่งฝูหลิง “…”
ลู่พั่นมองหน้าซ่งฝูหลิงทันที เขาอยากหาความรู้สึกบางอย่างบนใบหน้าขาวสะอาดนั้น
หาเจอหรือยัง
หาเจอแล้ว
เขาเห็นใบหน้าของซ่งฝูหลิงเต็มไปด้วยความตกใจ ไม่เชื่อว่าเขาจะทำออกมาได้ ไม่เชื่อว่าเขาทำด้วยตัวเอง ชั่วขณะนี้เกิดความรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกขึ้นในใจ
ยกมุมปากเล็กน้อย คาดไม่ถึงใช่ไหมล่ะ
เวลานี้สีหน้าของซ่งฝูหลิงเต็มไปด้วยความทึ่ง หลังจากอึ้งไปหลายวินาทีก็อยากดูสีหน้าของลู่พั่นตามสัญชาตญาณ
คิดในใจ เรื่องที่ทำให้นางรู้สึกเหนือความคาดหมายมากที่สุดคือ ทำไมคนคนนี้ถึงชอบให้ชม เมื่อครู่นางชมไปยกใหญ่ คนคนนี้กลับไม่บอกนางสักคำ
ตอนซุ่นจื่อขึ้นมา ภาพที่เห็นก็คือสองคนนั้นกำลังจ้องตากันอีกแล้ว
สีหน้าเหมือนตอนนั้นที่ทั้งสองคนคุยกับเรื่องแบบร่างในหมู่บ้านเหรินจยาไม่มีผิดเพี้ยน
ซุ่นจื่อถามตัวเองอีกครั้ง
เขาคิดมากไปเองจริงๆ หรือ
อันที่จริงวันนี้ที่เขาหลอกล่อคุณชายมาก็เพื่อให้แน่ใจว่าเขาคิดมากไปเองหรือไม่
เขาเองก็อยากถามคนอื่นจริงๆ ว่า เอ๊ะ? พวกเจ้า? พี่ๆ น้องๆ ทุกคน สมมติว่าพวกเจ้ารู้จักคุณชายดี พวกเจ้าคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้มันปกติไหม
“คุณชายลองชิมดูสิเจ้าค่ะ ถ้าไม่คุ้นเคยกับชานมก็ยังมีชาธรรมดาอีก” ท่านย่าหม่าบอกให้ลู่พั่นรีบนั่งลงกินขนม พลางขยิบตาให้หลานสาวเพื่อบอกให้ซ่งฝูหลิงลงไปข้างล่างหน่อย
ตรงมุมหนึ่งของชั้นล่าง
สองย่าหลานกำลังกระซิบกระซาบคุยกัน
ความหมายของท่านย่าหม่าคือ
ในเมื่อแม่ทัพเล็กลงมือทำสิ่งของด้วยตัวเองเพื่อร้านของนางแล้ว
แบบนั้น ของสองสิ่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ว่าเป็นเงินราคาเท่าไหร่แล้ว แต่เป็นน้ำใจของเขา
พวกเราก็คงไม่สามารถทำเรื่องอย่างเอาหยวนเป่าสามตำลึงห้าตำลึง ให้เขาเพื่อตอบแทน
ให้เงิน แบบนั้นเรียกการค้า
ส่วนอันนี้เรียกอะไรน่ะเหรอ
นี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินแล้ว นี่จัดอยู่ในประเภทของขวัญ
ดังนั้น รับของขวัญแล้ว พวกเราก็ต้องตอบแทนกลับ
อีกทั้งของตอบแทนก็ต้องใช้ความคิดเหมือนกัน ต้องให้ของมีราคา ขณะเดียวกันหากเขารับไปก็ควรดีใจ ทางที่ดีของตอบแทนต้องเป็นอะไรที่อีกฝ่ายพอใจด้วย
ต้องทราบก่อนว่าในสมัยโบราณ แม้แต่ชาวบ้านชนบท คนอื่นให้ซีอิ๊วมาหนึ่งชาม เราก็ต้องให้ต้นหอมตอบแทนกลับไป หรือไม่ก็เก็บผักให้ตะกร้าหนึ่ง ไม่อย่างนั้น อีกประเดี๋ยวจะถูกกล่าวหาได้ว่าครอบครัวนี้ไม่มีมารยาท
นี่คือชาวบ้านตามชนบท
อย่างคนในเมือง ไม่ต้องพูดถึงคนระดับแม่ทัพเล็ก ไม่กล้าคิด
เอาแค่เศรษฐีทั่วไป การให้ของตอบแทนยิ่งต้องคิดให้มาก
ท่านย่าหม่าคิดว่าจะลองถามหลานสาวดูแล้วกัน หลานสาวคนเล็กเป็นคนฉลาด
แต่เรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้ซ่งฝูหลิงจริงๆ
ในพื้นที่พิเศษบ้านนางมี ของดีเป็นกอง จะให้ใครก็ได้แต่นางไม่กล้าให้ลู่พั่น
ตบตาคนผู้นี้ได้ยาก
เอากระจกให้? ให้น้ำหอม? ให้หนังสือ? ให้สายวัด วงเวียน ปากกาหมึกซึม ยางลบ อย่างนั้นรึ เลิกคิดเลย ต่อให้เอานมเปรี้ยวให้หนึ่งกล่อง นางก็อธิบายไม่ถูกแล้วว่าใช้วัตถุดิบอะไรทำบ้าง
แทบไม่ต้องคำนึงถึงของในพื้นที่พิเศษ
คนคนนี้จัดเป็นคนโบราณประเภทที่มีความรู้กว้างขวาง ฉลาดล้ำลึก
แต่ถ้าให้ของที่มีอยู่ในยุคสมัยนี้ หนังหมาป่า เขี้ยวหมาป่าก็เคยให้แล้ว ดีหมี อุ้งตีนหมีก็ให้ไปแล้ว เสือ แม้แต่องคชาตเสือก็ให้ไปแล้ว ยังจะให้อะไรได้อีก อีกอย่าง ทั้งหมดนั่นลู่พั่นก็เป็นคนสั่งให้ลูกน้องไปล่า
“ท่านย่า ข้าคิดไปคิดมา ของที่สอดคล้องกับเงื่อนไขสองอย่างของท่านย่า ทั้งมีราคาทั้งคนรับต้องชอบ ก็มีแค่หมี่โซ่วแล้ว”
เด็กคนนี้พูดจาหาเรื่องนัก
ยกหมี่โซ่วให้ได้รึ ถ้ายกให้นะ เดี๋ยวแม่เจ้าได้ร้องไห้โฮ พ่อเจ้าก็คงไม่นับถือข้าเป็นแม่แล้ว อย่าคิดว่าข้าไม่รู้
“คุยอะไรกันหรือ”
“อ๋อ คุยกันเรื่องของตอบแทน” ท่านย่าหม่าตอบเสร็จก็รู้สึกแปลกๆ พิกล รีบออกมาจากมุมพร้อมกับซ่งฝูหลิง มองไปที่บันได
ลู่พั่นกำลังลงมาพร้อมซุ่นจื่อกับเสี่ยวเฉวียนจื่อ
“ไม่จำเป็นต้องตอบแทน ข้ายังมีธุระ ขอตัวก่อน”
ลู่พั่นจงใจพยักหน้าให้ท่านย่าหม่าแล้วหันตัวเดินออกจากร้าน
ขึ้นนั่งบนม้า สายตาของลู่พั่นมองซ่งฝูหลิงแวบหนึ่ง ย้ำอีกครั้ง “ไม่จำเป็นต้องตอบแทน”
ซุ่นจื่อก็ขึ้นนั่งบนม้า ยิ้มให้พวกท่านย่าหม่า ฉีกยิ้มกว้างมากทีเดียว
เสี่ยวเฉวียนจื่อพอเห็นอาจารย์ยิ้มแบบนั้น เขาก็ยิ้มกว้างให้พวกท่านย่าหม่าบ้าง
มองตามหลังกลุ่มคนที่ค่อยๆ ขี่ม้าเดินออกไปไกล
“ท่านย่า ทำไมถึงเผลอพูดออกไปได้”
“ย่าไม่ได้ยินเสียงลงบันได คิดว่าต้าเต๋อจื่อเป็นคนถาม นี่เป็นเรื่องระดมความคิดใช่ไหมล่ะ ทำเอาย่าตกใจหมด”
เมื่อท่านย่าหม่าพูดจบ พอหันตัวไปก็พบว่าเถ้าแก่ร้านหนังสือที่อยู่ข้างกันกำลังมองนาง
นางพยักหน้าให้เถ้าแก่ฉีก่อนตามมารยาท
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเถ้าแก่ฉีจะกำมือคารวะนางอย่างจริงจัง
ท่านย่าหม่าไม่รู้ว่าข้างร้านเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของลู่พั่น
นางคิดมาตลอดว่าตัวเองถูกจัดอยู่ในประเภทที่มาอาศัยใบบุญคนอื่น
หนึ่งคนเป็นใหญ่ คนที่เหลือก็ได้พึ่งใบบุญ
และคนคนนั้นก็คือคุณหนูสามสกุลลู่
นับตั้งแต่เปิดร้านจนถึงตอนนี้ เวลาเข้าๆ ออกๆ เจอเถ้าแก่ร้านอื่น แต่ละคนก็ล้วนพูดกับนางอย่างสุภาพ
นางชินแล้ว