ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 342
“ทำไมพี่สาวเพิ่งกลับมาล่ะ” บนลานน้ำแข็ง หมี่โซ่วเป็นหัวโจก ตะโกนพร้อมกับพวกเด็กๆ
หมี่โซ่วไม่เล่นแล้ว ทิ้งบอลหิมะในมือ วิ่งบนลานน้ำแข็งตามรถไป วิ่งไปทางบ้านตัวเอง
ซ่งฝูเซิงอยู่หลังบ้านได้ยินเสียง จึงเรียกคนอื่นมาช่วยจับบันไดให้พี่ใหญ่ของเขา รีบร้อนเดินมาจากหลังบ้าน ช่วยแม่กับลูกสาวเอาของลง
“กลับมาแล้วเหรอ ซื้อได้แล้ว สบายใจแล้วใช่ไหม” เฉียนเพ่ยอิงเปิดประตูโรงเพาะปลูกพริก ถือไม้เขี่ยกองไฟเดินออกมา
ซ่งฝูหลิงไม่อยู่บ้านทั้งวัน เป็นครั้งแรกที่ห่างจากพ่อแม่ ไม่ต้องให้พวกเขาไปด้วย ซ่งฝูเซิงกับเฉียนเพ่ยอิงเป็นห่วงทั้งวัน
ต่อให้ในเมืองมีร้านขนม ท่านย่าแท้ๆ ก็อยู่ด้วย แต่ก็ยังไม่วางใจอยู่ดี
คิดดูก็รู้ว่า หากวันหนึ่งซ่งฝูหลิงเสนอว่าอยากทำขนมให้มากกว่านี้หน่อยโดยไปทำที่ร้าน ไปพักอยู่ในเมืองเฟิ่งเทียนสองสามวัน พ่อแม่ของนางจะต้องออกมาคัดค้านเป็นคนแรกแน่นอน
ในหัวใจของซ่งฝูเซิงกับเฉียนเพ่ยอิง
ฝูหลิงอยู่บ้านจะก่อกวนแค่ไหนก็ได้ แต่ห้ามแยกจากพวกเขา
นางอายุยังน้อย
ที่นี่เป็นยุคโบราณ ไม่คุ้นเคยกับผู้คนและสถานที่
คนที่นี่ไม่ใช้กฎหมาย
หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่มีโทรศัพท์มือถือที่โทรบอกได้ทันเวลา
โดยเฉพาะเรื่องไม่มีโทรศัพท์มือถือที่ทำให้รู้สึกไร้ความปลอดภัยเป็นพิเศษ
รู้สึกว่าหากลูกอยู่ข้างนอกแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาที่เป็นพ่อแม่ กว่าจะได้รู้ข่าวคราว กับข้าวก็เย็นชืดหมดแล้ว
ดังนั้นคนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมหวาดกลัวมากกว่าในยุคปัจจุบัน จึงคุมเข้มซ่งฝูหลิงมาก
อย่างไรเสีย ในสมัยโบราณแห่งนี้ โอกาสที่เกวียนจะพลิกคว่ำก็มีมาก เดินทางกลางค่ำกลางคืนโอกาสเจอโจรกับหมาป่าตามันวาวก็สูงมากเหมือนกัน
เกิดไปเจออันธพาลบนถนนยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ อย่าบอกว่ามีทางการดูแลอยู่ พวกอันธพาล ขอเพียงแต่มีฐานะสูงพอ ทางการก็ไม่สนใจแล้ว
ถึงขนาดที่หลังจากถูกคุกคาม กลับยังจะถูกแว้งกัดเข้าให้ บอกว่าคุณชายบ้านไหนถูกใจเข้าก็นับเป็นวาสนาของลูกสาวเจ้าแล้ว
ไม่กล้าจินตนาการเลยว่า เกิดลูกสาวของพวกเขาเจอเรื่องแบบนั้น โมโหน่ะต้องโมโหมากแน่นอนและก็คงต้องคิดหาทางไปฆ่าคนพวกนั้น
“ข้าไม่ได้ให้ท่านย่าไปเป็นเพื่อน ตอนนั้นท่านย่ายุ่งอยู่ ให้บอกว่าไปซื้อเชื้อเพลิงที่ไหนแล้วลูกก็ออกไปกับเป่าจู”
“แค่สองคนรึ ใจกล้าขนาดไหนกันเนี่ย กำชับตอนอยู่บ้านตั้งขนาดนั้นไม่ฟังกันเลย” เฉียนเพ่ยอิงรินน้ำร้อนให้ลูกสาว
ซ่งฝูหลิงรับถ้วยน้ำมา “แค่ออกไปเดินเล่น ใจกล้าไม่กล้าอะไรกัน ลูกยังไปบ้านเป่าจูมาด้วยนะ นางจะพาลูกไปให้ได้ ทำพูดไป เป่าจูของพวกเราน่ะ บ้านของนางกับพี่ชายใหญ่พอสมควรเลยนะ ส่วนใหญ่จะทิ้งร้างไว้ นางกับพี่ชายไม่กลับไปอยู่”
ตอนซื่อจ้วงอุ้มเครื่องคั้นน้ำเข้ามาได้ยินซ่งฝูหลิงพูดประโยคนี้พอดี
ซ่งฝูเซิงสะบัดหิมะบนรองเท้า เพิ่งเข้ามาในบ้าน
ถามลูกสาว “ซื้อผงยิปซัมได้ด้วยเหรอ ไปซื้อที่ร้านขายโลงศพมารึ”
“อื้อ ข้าเข้าไปในร้านเอง เป่าจูไม่กล้าเข้าไป”
เฉียนเพ่ยอิงชี้ซ่งฝูหลิงพลางฟ้องสามี “ฟังดูนะ เก่งขนาดไหน เป่าจูไม่กล้าเข้า นางกลับกล้า ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่กล้าทำ นี่ก็คือลูกสาวของท่าน”
ซ่งฝูหลิงพบว่าซ่งฝูเซิงก็มองนางอย่างไม่เห็นด้วย จึงรีบพูดขึ้น “มีแค่ท่านพ่อกับท่านแม่นี่แหละที่ชอบคิดไปไกล โลกข้างนอกมีสีสันจะตาย ภัยเยอะขนาดนั้นที่ไหนกัน อีกอย่าง ข้าก็พกอาวุธไปด้วยนะ”
ซ่งฝูหลิงเอาหน้าไม้ของหมี่โซ่วออกมา เปิดกล่องใส่พวกกระดาษกับเครื่องเขียนที่ลู่พั่นให้พวกเขาแล้ววางลงไปให้เรียบร้อย
“พี่สาว ท่านเข้าเมืองไปได้เจอพี่แม่ทัพเล็กไหม”
“ได้เจอจริงๆ”
หมี่โซ่วเลียนแบบท่าทางเวลาท่านย่าหม่าตกใจทันที ตบมือหนึ่งฉาด “นั่นไง เป็นอย่างที่ข้าบอกไหมล่ะ พี่สสาวได้เจอพี่แม่ทัพเล็ก ตอนนั้นพี่ตอบข้าว่าอย่างไร ข้าบอกแล้วไม่เชื่อ เพราะพี่สาวไม่อยากพาข้าเข้าเมืองไปด้วย”
“ไม่ใช่นะน้องชาย เมืองตั้งใหญ่ขนาดนั้นได้เจอกันง่ายๆ ที่ไหนกัน บังเอิญน่ะ ถ้าข้ารู้ว่าจะได้เจอเขาแน่ๆ ก็คงต้องพาเจ้าไปด้วยอยู่แล้ว เขาเอาเครื่องตีไข่มาให้ร้านเรา จริงสิ ทุกคนเห็นแล้วใช่ไหม เครื่องคั้นน้ำกับเครื่องตีไข่ของข้า เขาทำดีมากเลยนะ”
…
เล่าเรื่องคืนนี้ ซ่งฝูหลิงเล่าค้างคาอีกแล้ว
ทำแบบนี้ นี่ถ้าเป็นคนอื่น ท่านลุงซ่งคงด่าไม่เหลือแล้ว
แต่เพราะเป็นพั่งยาเล่า อีกทั้งไม่เก็บเงินเขา จึงทำได้เพียงอดทนไว้
ซ่งฝูเซิงส่งคนที่มานั่งฟังเรื่องเล่ากลับ ปิดประตูบ้าน เติมฟืนให้เตียงเตาทั้งสองเตียง เคาะประตูห้องซื่อจ้วง “รีบนอนนะ”
ยกน้ำร้อนหนึ่งกะละมังเข้าไปในบ้าน
เอาถุงเท้าโยนใส่กะละมัง
ซ่งฝูเซิงเอาสองเท้าจุ่มลงไปในน้ำร้อน ทุกวัน เวลานี้ถึงจะเป็นช่วงที่สบายที่สุด
“เด็กสองคนหลับแล้วเหรอ”
“หลับแล้ว สองคนนั้นมีแค่ตอนนอนเท่านั้นแหละที่ไม่ต้องห่วง หัวถึงหมอนก็หลับ”
เฉียนเพ่ยอิงปูผ้าห่มพลางกระซิบคุยกับซ่งฝูเซิง
“เอ๊ะ เหล่าซ่ง ตอนพวกเจ้าฟังเรื่องเล่า ท่านแม่ยังบ่นกับข้าอยู่ในห้องครัวอยู่เลยนะ…
…บอกว่าติดค้างน้ำใจแม่ทัพเล็กอีกแล้ว นึกไม่ถึงว่าเขาจะลงมือทำด้วยตัวเอง…
…พวกเราไม่ให้ของตอบแทนกลับ ท่านย่ามาบ่นกับข้าว่ามันออกจะดูไม่ดีหรือเปล่า…
…ข้าว่า แม่เจ้าก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ…
…เรื่องตอบแทนน้ำใจคน ไม่ได้แย่อย่างที่ข้าคิดไว้”
ซ่งฝูเซิงได้ฟังก็พยักหน้า
“เมื่อก่อนก็รักศักดิ์ศรี เพียงแต่ตอนนั้นไม่ได้ชัดเจนขนาดนี้…
…แต่เจ้าลองดูจากที่นางกัดฟันส่งข้าเรียนหนังสือ ตอนนั้นส่งพี่ใหญ่พี่รองไปเรียนช่างไม้ แค่นี้ก็อธิบายได้ชัดแล้ว…
…ตอนนั้นพี่ใหญ่เรียนได้แค่ไม่กี่วันก็ต้องกลับมา แต่ก็ไม่ได้โทษท่านแม่…
…เรียนงานช่างที่นี่ มีแต่ทำงานให้คนอื่นฟรี เรียนทีก็ต้องใช้เวลาสองสามปี ที่บ้านมีสวนมีไร่ พี่ใหญ่คิดเยอะ กังวลเรื่องงานในบ้าน ก็เลยไม่เรียนต่อแล้ว…
…คนเป็นแม่ทั่วไป ใครบ้างที่คิดส่งลูกชายไปเรียนงานช่าง”
เฉียนเพ่ยอิงพูด “งั้นท่านแม่ของเจ้าก็มองการณ์ไกลอยู่นะ”
ซ่งฝูเซิงพูด
“ตอนนั้นนางก็โดนคนต่อว่าไม่น้อย…
…คนในหมู่บ้านเอาอะไรมามองการณ์ไกล มีแต่จะชอบอวดใครที่ดินเยอะกว่ากัน…
…ตอนนั้นที่บ้านยากจน ท่านแม่ออกจากบ้านไป คนอื่นก็ต่อว่านาง บอกว่าบ้านจนขนาดนี้แล้ว ที่ดินไม่กี่หมู่ ไม่พอยาไส้ยังจะทำตัวฟุ้งเฟ้อ กัดฟันส่งลูกเรียนหนังสือกับส่งเรียนงานช่าง…
…ท่านแม่ก็พูดว่า อดทนไม่กี่ปี ลูกสามของข้าก็จะได้เป็นผู้มีการศึกษาอย่างแท้จริง ลูกชายรองของข้าก็จะเป็นช่างฝีมือ ลำบากก็แค่ตอนนี้ พวกเจ้าจะเข้าใจอะไร…
…เอาเป็นว่า ลับหลังไม่ต้องไปสนใจว่าคนอื่นพูดอะไร นางใช้คำพูดแบบนี้เถียงกลับ…
…ตอนนี้ในมือมีเงินแล้ว ยิ่งเหมือนได้เครื่องสำอางมาทาหน้า มีหน้ามีตาแล้ว…
…ท่านแม่ของพวกเราเป็นคนเข้มแข็ง…
…เปิดร้านขนมร้านนี้ ข้าดูแล้วนะ เท่ากับทำความฝันของนางให้เป็นจริง…
…เจ้าลองดูเอานะ ตอนนี้นางเลิกด่าพี่สะใภ้รองแล้วใช่ไหมล่ะ และก็ไม่ด่าต้ายา เอ้อร์ยาแล้ว เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินข้างนอก ไม่ว่างมายุ่งเรื่องนั้นเรื่องนี้เหมือนเมื่อก่อนอีก”
เฉียนเพ่ยอิงฟังจบก็ยิ้มพลางพูด “ข้าว่านางเป็นคนแบบที่ยอมเสียสละ ยอมทำงานหาเงิน ซื้อของให้หลานสาวคนนี้บ้าง ซื้อของให้หลานชายคนนั้นบ้าง ข้าได้ยินหมี่โซ่วเล่าว่า ท่านแม่แอบให้ลูกอมเขากินหลายรอบแล้ว ก็แค่ไม่อร่อย เขาเลยเอาไปให้จินเป่า ละนี่ เจ้าเดาดูสิว่านางกับลูกสาวเราเก็บเงินกันได้เท่าไรแล้ว”
ซ่งฝูเซิงหยิบผ้ามาเช็ดเท้า เห็นแม่ตัวเอง ‘ใจกว้าง’ ขนาดนี้ เช่นนั้รก็ต้องมี “ร้อยกว่าตำลึงมั้ง”
เฉียนเพ่ยอิงตกใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร เดาแม่นจริงๆ ลูกสาวเราแอบบอกข้าว่า ท่านย่าเอาเงินไปเปลี่ยนเป็นก้อนหยวนเป่าห้าสิบตำลึงสองก้อน เงินตั้งร้อยกว่าตำลึง สองคนนี้หาเงินกันเก่งใช่ย่อย ทั้งยังไม่ให้บอกพวกเรา ดูเอาแล้วกัน ไม่ใช่แค่ข้า รวมเจ้าด้วย ท่านแม่สั่งฝูหลิงว่าก็ไม่ให้บอกเจ้าด้วยนะ”