ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 343
ซ่งฝูเซิงเดินเท้าเปล่าไปเหยียบรองเท้าผ้าฝ้าย ยกกะละมังน้ำไปไว้ที่มุม
เดี๋ยวเด็กๆ ตื่นมากลางดึกจะเหยียบถูกเข้า ต้องเอาวางไว้ข้างๆ
น้ำล้างเท้าบ้านเขาห้ามเททิ้ง ต้องเก็บเอาไว้ล้างโถส้วมพรุ่งนี้เช้า
ที่นี่ การใช้น้ำไม่สะดวกสบายนัก
สิบกว่าครัวเรือนใช้น้ำบ่อเดียว หากจะใช้น้ำต้องตื่นไปต่อแถวกันแต่เช้า ทั้งยังต้องยกกลับบ้านทีละถัง
อย่าเห็นว่าตอนนี้ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำ แต่ทุกบ้านก็ใช้อย่างประหยัด เพราะตักน้ำจากบ่อเปลืองแรงมากทีเดียว
ล้มตัวนอนบนเตียง ทันใดนั้นซ่งฝูเซิงก็ถอนหายใจ
เฉียนเพ่ยอิงกิน ‘ยา’ เสร็จ ซึ่งก็คือพวกวิตามินกับแคลเซียม ดับตะเกียง เข้าไปซุกในผ้าห่มพลางถามเขา “ทำไมยังถอนหายใจอีก”
“ข้านึกถึงท่านแม่ทัพเล็ก”
เฉียนเพ่ยอิงสงสัย คำพูดนี้ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“นึกถึงเขาแล้วจะถอนหายใจทำไม”
ซ่งฝูเซิงเอาสองมือหนุนศีรษะพลางพูด
“เราอาศัยใบบุญเขาตลอด…
…ยังไม่ต้องพูดถึงตั้งแต่มาตั้งรกรากที่นี่…
…เอาแค่เรื่องที่เกิดขึ้นสารพัดพวกนี้…
….เรื่องขอเสบียงบรรเทาทุกข์ ถ้าไม่ได้เขา เจ้าคิดว่าพ่อของเหรินจื่อเซิงคุยง่ายนักเหรอ คนอื่นเห็นแก่หน้าเหรินจื่อเซิงมีแต่จะกลั่นแกล้งเรา…
…ยิ่งไปกว่านั้น ตาแก่เหรินกงซิ่นก็ขยันหาเรื่อง…
…เจ้าลืมไปแล้วเหรอ ตอนพวกเราเพิ่งมาอยู่ คนในหมู่บ้านบอกว่าพอแม่น้ำจับตัวเป็นน้ำแข็งก็ห้ามจับปลา บอกว่านั่นเป็นสมบัติของหมู่บ้าน ถ้ากล้าจับจะคิดเงิน…
…เอาแค่นิสัยของคนพวกนั้น ถ้าไม่มีท่านแม่ทัพเล็กช่วยเหลือพวกเรา จะได้เสบียงบรรเทาทุกข์ที่เหลือไหม ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า ถ้าพวกเราฝืนสร้างกระโจมขึ้นมาก็ต้องถูกทำลายอีก…
…เฮ้อ ตอนนั้นพวกเราไม่มีความกล้า เงินเกือบร้อยตำลึงที่ได้จากขายเมล็ดสน ฟังดูเหมือนมีจำนวนมาก แต่สิบห้าครอบครัวต้องสร้างบ้าน พอแบ่งกันแล้วก็ยังไม่พอกิน…
…โชคดีที่เหรินกงซิ่นไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป พวกเขายอมออกเงินซื้อสันหลังคาให้พวกเรา ก็ถือว่าได้ช่วยพวกเรา…
…ไม่อย่างนั้น สร้างกระโจมน่ะเหรอ หิมะตกหนักที บ้านพวกเราก็คงถล่มไปแล้ว…
…ส่วนคราดที่เอาไว้สู้หมาป่าพวกนั้น ข้ายิ่งไม่มีทางซื้อได้หรอก…
…ต่อให้มีรายได้จากขายกระเทียมเหลืองก็ซื้อไม่ได้ จะกินจะใช้ยังไม่พอ ใครยังจะมีอารมณ์คิดหาพวกมันมา…
…เกิดหมาป่ามา พวกเราจะเป็นยังไง พูดยากจริงๆ”
เฉียนเพ่ยอิงพยักหน้าต่อเนื่อง “อืม ก็จริง”
ซ่งฝูเซิงพูดต่อ
“ยังมีท่านแม่กับลูกสาวของเราอีก ร่วมกับพี่สาวคนที่สามของท่านแม่ทัพเล็กเปิดร้าน นั่นก็อาศัยใบบุญเขา…
…ตอนแรกสุด ไม่ต้องสนว่าพวกเรายินดีจะร่วมเปิดร้านกับเขาหรือเปล่า อย่าไปพูดว่าไม่ยินดี แบบนั้นมันใจแคบ คนนอกได้ยินเข้าจะหมั่นไส้ได้…
…กำไรเท่าไรเป็นเรื่องรอง แต่ถ้ามีหน้าร้าน อย่างน้อยที่สุดพวกยายๆ ก็มีที่พักพิงยามหิมะตก อากาศหนาว…
…เรื่องพวกนี้ไม่เรียกอาศัยใบบุญ จะเรียกอะไร…
…บวกกับการล่าหมาป่าครั้งนี้อีก…
…ไม่เพียงแต่คนในหมู่บ้านจะไม่กล้าอาละวาดเอาเรื่อง ต่อมาทางอำเภอยังจะให้ข้าเป็นหลี่เจิ้ง…
…แต่ข้าไม่เป็น ทั้งยังให้ข้าเสนอคน…
…เพ่ยอิง เจ้าไม่เห็นเหตุการณ์ตอนนั้น ผู้ช่วยนายอำเภอพูดกับข้าด้วยความเกรงใจ และก็เอาแต่ตะล่อมถามข้า อยากรู้ว่าข้าเกี่ยวข้องอะไรกับท่านแม่ทัพเล็ก…
…ถ้าพูดอย่างไม่น่าฟังก็คือ ผู้ช่วยนายอำเภอรู้จักแซ่อันมีเกียรติของข้าหรืออย่างไร…
…เกรงใจข้า เพราะเห็นแก่หน้าใครล่ะ…
…แล้วเจ้าดูที่พวกเกิ่งเหลียงมาช่วงนี้ ได้ซากสัตว์ป่ามาเป็นกองฟรีๆ…
…เกิ่งเหลียงมีสิทธิ์อะไรที่ล่าสัตว์เสร็จบอกจะไม่เอาก็ไม่เอาแล้ว จะต้องถูกแม่ทัพเล็กกำชับก่อนมาแน่นอนว่าถ้าล่าเสร็จก็ ต้องเอาซากสัตว์ป่าให้พวกเรา…
…หึ…
…จริงๆ เลย ก่อนหน้านี้ให้หนังหมาป่า เขี้ยวหมาป่า กลับแลกได้มาเป็นหนังหมี หนังเสือ…
…ทำอาหารเลี้ยงท่านแม่ทัพเล็กหนึ่งมื้อ ต่อมาก็ได้หมูป่าสามตัวใหญ่…
…แล้วนี่ยังจะทำเครื่องตีไข่กับเครื่องคั้นน้ำให้ฝูหลิงอีก อย่าว่าแต่ท่านแม่ที่คิดหนักเรื่องให้ของตอบแทน ต่อให้เป็นข้าก็รู้สึกว่าตอบแทนไม่ไหว วันหน้าจะตอบแทนบุญคุณของคนคนนี้อย่างไรไหว”
เฉียนเพ่ยอิงฟังแล้วก็เห็นด้วย “นั่นสิ เด็กหนุ่มคนนั้น เอ๊ะ เขาชื่อลู่พั่นหรือเปล่า”
ในใจของเฉียนเพ่ยอิง การที่เอะอะเรียกแม่ทัพเล็กมันแปลกๆ
เด็กคนนี้อายุไม่เยอะ จะเรียกชื่อกันไม่ได้หรืออย่างไรนะ แน่นอนว่าแอบเรียกชื่อตอนคุยส่วนตัว
“อืม พั่นที่แปลว่าชายฝั่ง”
เฉียนเพ่ยอิงกระซิบ “พ่อพระในชีวิตของพวกเรา…
…ข้าว่านะ เขาพึ่งได้มากกว่าพื้นที่พิเศษของพวกเราอีก…
…เจ้าก็เลิกคิดอะไรที่ไร้ประโยชน์พวกนั้นได้แล้ว ข้าเข้าใจแล้วล่ะ เราคงตอบแทนบุญคุณได้ไม่หมด
สกุลลู่อยากได้อะไรก็มีสิ่งนั้น…
…เว้นเสียแต่บ้านเขาจะก่อกบฏ จากนั้นพวกเราก็ช่วยเขาหลบหนี เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่อะไรแบบนั้น”
ซ่งฝูเซิงหัวเราะ “เจ้าฟังลูกสาวเราเล่าเรื่องจนอินมากไปหรือเปล่า อยากจะแต่งเรื่องเองบ้างเหรอ”
“ข้าก็แค่ยกตัวอย่าง นี่เจ้า ข้าขอเตือนนะ อย่าคิดให้มันมากนัก ต้องรู้นะว่าต่อให้มีบุญคุณใหญ่หลวงกว่านี้ แต่ทุกเรื่องก็ใช่ว่าพวกเราพยายามทำให้มันเกิด มันเป็นเรื่องบังเอิญทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ เขาอยากจะช่วยให้ได้ ใครใช้ให้พวกเราวาสนาดีล่ะ เจ้ายังจะรังเกียจที่ตัวเองดวงดีได้ด้วยเหรอ”
ซ่งฝูเซิงพูด “ที่ข้าถอนหายใจไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น เจ้าไม่เข้าใจ และก็ไม่ใช่อยากรีบร้อนตอบแทนบุญคุณ ก็แค่รู้สึกว่า พวกเราใช้ชีวิตควรต้องพึ่งตัวเอง”
“ไอ๊หยา พวกเรายังพึ่งตัวเองไม่พออีกเหรอ…
…ตาซ่งนี่ จริงๆ เลยนะ เจ้าเก่งมากแล้ว พวกเราเพิ่งจะเข้ามาอยู่นานเท่าไรกัน…
…ถ้าทุกคนไม่มีเจ้า ชิ ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกพวกเขานะ ตอนนี้แม้แต่เรื่องอาหารการกินก็เป็นปัญหาแล้ว…
…ไม่แปลกที่พวกเขาจะไม่ยอมแยกออกไป พอพูดเรื่องแยกกันกิน แยกกันใช้ ก็ทำเหมือนฟ้าจะถล่ม เจ้าเป็นห่วงแทนพวกเขาทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารการกินไปจนถึงเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ทั้งยังต้องสอนพวกเขาทำงานอีก”
“อย่าพูดแบบนั้น เพราะทุกคนช่วยกันทั้งนั้น ข้าเก่งขนาดนั้นที่ไหนกัน”
เฉียนเพ่ยอิงตีแขนซ่งฝูเซิง
“เจ้าเก่ง เก่งจะตายอยู่แล้ว…
…พวกเราหนีออกมาตัวเปล่า ตอนนั้นลูกสาวเราหน้าลายอย่างกับแมวสลิด จริงๆ เลย ขอทานหน้าตาเป็นอย่างไร ลูกสาวเราก็เป็นแบบนั้น แล้วเจ้าดูตอนนี้สิ ลูกเรามีเสื้อผ้าเยอะที่สุด…
…ตอนนั้นหมี่โซ่วผอมจนเหมือนเหลือแต่กระดูก แล้วเจ้าดูตอนนี้ ท้องกลมป่องเชียว…
…ลูกสาวเจ้า ปากพารวยทุกวัน ขยันหาเงินกับท่านย่า ทางนั้นที ทางนี้ที ไม่เคยเห็นมาขอเงินจากที่บ้านสักเหวินเดียว ของกินของใช้ก็ เจ้าที่เป็นพ่อจัดหาให้หมดไม่ใช่หรืออย่างไร”
ซ่งฝูเซิงพลิกตัว หันหลังให้เฉียนเพ่ยอิง
พอหันปุ๊บก็ฉีกยิ้มปั๊บ
เพ่ยอิงของเขา มีแค่จุดนี้ที่ไม่ดีคือ ยอเก่ง
กระแอมเสียง ซ่งฝูเซิงพูดกับภรรยาตัวเองทั้งๆ ที่หันหลัง
“จะอย่างไรก็เถอะ พวกเราก็ต้องพึ่งพาตัวเอง…
…ตอนนี้ชีวิตยังไม่ดีมาก แค่ดีพอประมาณ…
…กินอิ่มกับกินดี ใส่เสื้อผ้าให้อุ่นกับใส่เสื้อผ้าดีๆ มันเหมือนกันเหรอ…
…ข้าอยากให้พวกเจ้าได้กินดีๆ ใส่เสื้อผ้าสวยๆ…
…ในถังข้าวสารมีอาหารอยู่เต็ม บ้านที่อาศัย ต้องป้องกันคนร้ายไม่ให้เข้ามาได้ง่ายๆ…
…ข้างนอกจะวุ่นวายขนาดไหน ต่อให้มีสงครามอีก ต่อให้ข้างนอกอดอยากแร้นแค้น พวกเราก็ต้องมีอาหาร มีเสื้อผ้าใส่อย่างอบอุ่น ในมือมีอาวุธ ใครกล้าเข้ามาก็จัดการ แต่ตอนนี้ยังห่างจากเป้าหมายนั้นอีกไกล”
ซ่งฝูเซิงพูดพึมพำสุดท้ายก่อนหลับ “แต่จะไม่ลี้ภัยอีกแล้ว แค่นึกถึงก็สยอง”
เฉียนเพ่ยอิงห่มผ้าให้เขา หัวเราะคำพูดพึมพำของเขา
เหล่าซ่งของนางน่ารักเวลากังวลใจ หรือเวลาไม่มั่นใจก็น่ารักไม่แพ้กัน
บางครั้งเวลาขี้ขลาดก็มีความน่ารัก
ชวนให้รู้สึกหมั่นเขี้ยว
จุ๊บ เฉียนเพ่ยอิงจูบใบหน้าของซ่งฝูเซิง
เวลาตีห้ากว่า
ซ่งฝูหลิงกับหมี่โซ่วกำลังอยู่ในห้วงความฝัน
พวกท่านย่าหม่าแยกย้ายกันออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดแล้ว
ซ่งฝูเซิงก็ออกเดินทางไปพร้อมกับพวกผู้ชายในเวลานี้
ท่านลุงซ่งชี้หนังหมูป่าที่อยู่ในกองหนังสัตว์ พลางกำชับเป็นพิเศษ บอกว่าท่านย่าหม่าชอบน้ำมันฆ่าเหา หนังหมูป่าสามแผ่นนั้นให้เอาไปเปลี่ยนเป็นน้ำมันฆ่าเหาได้