ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 344
ครั้งนี้แลกน้ำมันฆ่าเหา ไม่เพียงแต่ทุกคนจะไม่คัดค้าน ยังสนับสนุนอีกด้วย
เพราะพวกเกิ่งเหลียงมาครั้งนี้ได้ชมพวกเขา
พวกทหารหลายคนพูดว่า “พวกท่านเป็นชาวบ้านที่หาได้ยากจริงๆ…
…อยู่บ้านทรุดโทรมขนาดนี้ แต่ทุกบ้านเก็บกวาดจนสะอาดสะอ้าน เห็นทุกครั้งหลังจากพวกท่านทำงานเสร็จก็จะใช้สบู่ชำระร่างกาย”
ทุกคนฟังแล้วก็ภูมิใจสุดๆ
ใครยังจะไม่เอาหน้าแบบนี้ได้ล่ะ
ทุกคนจึงอวดไปว่า
“พวกเราสระหัวทุกสามวันเลยนะ…
…ลองเดาดูสิ หลังสระผมเสร็จพวกเราทาอะไร น้ำมันในร้านขายยาน่ะแพงจะตาย…
…ทำไมน่ะเหรอ ยังต้องถามว่าทำไมอีกเหรอ ในบ้านมีห้องทำขนม ขนมพวกนั้นขายให้คนรวย ของที่เอาเข้าปากก็ต้องระมัดระวังทุกด้าน”
คำพูดนี้แม้แต่เกิ่งเหลียงก็เห็นด้วย
สรุปว่า ทหารที่มาจากในเมือง ยิ่งเอียงหน้ามองทุกคน ยิ่งมองด้วยแววตาชื่นชม พวกเขาก็ยิ่งภูมิใจ
ท่านลุงซ่งยังคงบอกให้เอาหนังหมูไปแลกน้ำมันฆ่าเหา ไม่ขัดใจเลยสักนิด
ถึงแม้เมื่อก่อนพวกเขาคิดมาตลอดเป็นสิบปีว่า เอาไปทำหมูหนาว[1]กินยังจะดีเสียกว่า
แต่พวกเราเดินบนเส้นทางที่หรูหราขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ ก็อย่าไปพูดถึงชีวิตเมื่อก่อนบ่อยนัก
ก่อนหน้านี้ยังคิดอยู่ว่า ถ้าใช้หมดจะเอาอะไรไปซื้อ ยังกังวลอยู่ แล้วดูสิ มีหนังหมูป่ามาส่งถึงบ้านอีกแล้ว
ท่านลุงซ่งกังวล วิ่งเหยาะพลางตะโกนตามหลังพวกหนุ่มๆ “ค่อยๆ ลาก ระวังอย่าให้ถุงถ่านตกล่ะ ครั้งนี้ไม่เหมือนปกติ ไม่ได้ใช้รถเข็น ใช้แคร่เลื่อนลากไป อย่าทำเป็นเล่น เข้าเมืองแล้วก็คอยหันกลับมาดูด้วย อย่าทำหายบนถนนหมดล่ะ!”
“กลับไปเถอะๆ” พวกหนุ่มๆ รู้สึกรำคาญ ต้องหันกลับไปไล่
ครั้งนี้ไปเมืองถงเหยา
ไม่เพียงแต่พวกซ่งฝูเซิงจะไปขายหนังสัตว์ ยังเอาถ่านไปส่งด้วย
เมื่อวานท่านยายกัวมาบอกว่า เถ้าแก่สุยมีธุระจะคุยด้วย
นอกจากนี้ท่านยายกัวยังบอกอีกว่า ถ่านที่ขายไปก่อนหน้านี้ คนไปบอกต่อๆ กัน จึงมีมาอีกสองร้านที่อยากซื้อถ่านราคาถูก มาถามที่ร้านขนมเค้ก น่าจะเป็นเพราะเถ้าแก่สุยบอก จึงให้เอาของไปส่ง
เป็นแบบนี้ ก็เลยคิดว่าต้องเอาเข้าไปเลยพร้อมกัน
สองไหล่ของซ่งฝูเซิงมัดเชือกป่านเอาไว้ ลากแคร่เลื่อนด้านหลังไปด้วยกันกับกัวคนโต เดินไปพูดไป “พวกเจ้าน่ะ ควรไปลองฝึกรองเท้าสเก็ตจริงๆ นะ นี่ถ้าไถลเป็นขึ้นมา ลากแคร่เลื่อนวิ่งไปได้ พวกเราจะสามารถประหยัดเวลาได้ครึ่งชั่วยามเชียวนะ”
เกาเถี่ยโถวพูด “อาสาม ทำรองเท้าสเก็ตต้องซื้อเหล็ก ถ้าพวกเราทุกคนทำหมด ต้องเสียเงินเท่าไร”
“เสียเงินไม่กลัว ลวดเหล็กจะสักกี่สตางค์กันเชียว เอามาใช้จริงจังในบ้านไม่ต้องเขียม จำไว้นะ บางครั้งคนเราต้องทำเพื่อเงิน หลักการเดียวกัน บางครั้งเงินก็ต้องบริการคนบ้าง บริการก็คือ การทำให้เราสะดวกสบายขึ้น เข้าใจไหม”
เกาเถี่ยโถวท่องจำขึ้นใจทันที
ตอนนี้เขาท่องจำ ‘คำสอนของอาสาม’ ได้บ้างแล้ว
ในใจของเกาเถี่ยโถว ทุกคำพูดของอาสามล้วนแฝงไปด้วยหลักการใช้ชีวิต ขณะที่พวกหนุ่มๆ กำลังคุยกันเรื่องรองเท้าสเก็ต ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง “ไป ไป” ดังมาจากด้านหลังระยะไม่ไกล
พวกเขาจึงรีบลากแคร่เลื่อนหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกทาง
ไม่นานเกวียนสามเล่มก็ปรากฏขึ้น
คนบังคับเกวียนเล่มแรกรีบร้อนดึงเชือก “เอ๊ะ ไอ๊หยา นี่ใครน่ะ คนในหมู่บ้านเรานี่นา พวกเจ้าก็เข้าเมืองรึ”
ซ่งฝูเซิงรู้สึกเพียงว่าคุ้นหน้า ต้องเคยเจอแน่นอน แต่จำชื่อไม่ได้
ซ่งฝูกุ้ยก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพลางตะโกน “นี่มันลุงรองบ้านเหล่าหวัง ที่อยู่ทางตะวันออกของหมู่บ้านนี่ พวกท่านก็เข้าเมืองรึ”
พูดจบยังแนะนำให้ซ่งฝูเซิงรู้จัก “ท่านลุงที่บังคับเกวียนคนนี้ บ้านลูกชายของเขาเลี้ยงหมู ในหมู่บ้านมีบ้านหลังหนึ่งที่สร้างเล้าหมูขนาดใหญ่ เจ้าจำได้ไหม ที่พวกรองผู้บัญชาการเกิ่งมาครั้งนี้ แม่หมูที่ถูกฆ่าตัวนั้นก็มาจากบ้านลูกชายเขานี่แหละ”
ซ่งฝูกุ้ย ฉายาซ่งจอมสืบ ไม่ได้มีแค่ชื่อจริงๆ
หมู่บ้านเหรินจยามีความสัมพันธ์กันเป็นเครือญาติที่ยิบย่อยมาก แต่สำหรับซ่งฝูกุ้ยนั้นไม่ยากเลยสักนิด
ในขณะนั้นเอง คนที่อยู่บนเกวียนอีกสองเล่มด้านหลังก็ลงมา
ลูกชายคนที่สามของเหรินโหยวจิน หัวหน้าตระกูลเหริน และยังมีเด็กหนุ่มอีกสองคน
ลูกชายคนที่สามของเหรินโหยวจินถาม “น้องซ่ง พวกเจ้าก็จะเข้าเมืองไปขายหนังสัตว์เหมือนกันรึ”
ซ่งฝูเซิงตอบ “ใช่ พวกท่านก็ด้วยหรือ จัดการถลกหนังหมาป่าออกมาแล้วรึ”
“ถลกออกมานานแล้ว ท่านพ่อข้าอายุมาก ทำงานหนักไม่ไหว นี่ก็ส่งข้ากับพวกอาๆ ในหมู่บ้านเข้าเมืองมาด้วยกัน เอาหนังหมาป่าสิบกว่าผืนพวกนี้ไปขาย รีบขายก็หมดปัญหา”
ขณะพูด ลูกชายคนที่สามของเหรินโหยวจินก็ชี้พวกคนที่นั่งอยู่บนเกวียนไม่ขยับ
ซ่งฝูเซิงมองไป
มีตัวแทนจากครอบครัวใหญ่ที่เลี้ยงไก่ในหมู่บ้าน เรียกกันว่าอาเจ็ด
มีตัวแทนจากครอบครัวเศรษฐีที่ดินเล็กๆ ในหมู่บ้าน
เศรษฐีที่ดินเล็กๆ ที่ว่านี้ ก็แค่ครอบครัวมีที่ดินหนึ่งร้อยกว่าหมู่ ไม่ถึงสองร้อยหมู่ อันที่จริงหากว่ากันเรื่องความร่ำรวย เทียบกับพ่อของเหรินจื่อเซิง ครอบครัวหลี่เจิ้งคนก่อน นับว่ายังห่างชั้นกันมาก
ลูกชายคนโตของเศรษฐีที่ดินเล็กๆ นั่งอยู่บนเกวียน
ดูจากท่าทาง ใบหน้ายังมีความหยิ่งยโสอยู่หน่อยๆ ด้วย
นอกจากนี้ยังมีชายฉกรรจ์ของหลายครอบครัวในหมู่บ้าน สามคนที่เป็นตัวแทนของครอบครัวร่ำรวย
สรุปว่าคนที่ตามไปขายหนังหมาป่า ล้วนเป็นคนที่มีหน้ามีตาในหมู่บ้าน เดินไปไหนมาไหนในหมู่บ้านก็ถูกมองอย่างยกย่อง อะไรประมาณนี้
ลูกชายคนที่สามของเหรินโหยวจินสะกิดซ่งฝูเซิง “มา น้องซ่ง ข้าจะแนะนำให้รู้จัก นี่เป็นคนในหมู่บ้านเราทั้งนั้น เจ้ายังไม่รู้จักชื่อใช่ไหม”
ซ่งฝูเซิงรีบบอกปัด “ตอนนี้อยู่บนถนน เอาไว้ก่อนดีกว่า ข้าว่าพวกท่านเองก็หนาวเหมือนกัน ไว้โอกาสหน้า เอ่อคือ งั้นพวกเราไปต่อไหม”
คนของบ้านเลี้ยงไก่ที่นั่งอยู่บนเกวียน ที่คนในหมู่บ้านต่างเรียกเขาว่า ‘อาเจ็ด’ ทันใดนั้นก็ได้ตะโกนบอกซ่งฝูเซิง “ขึ้นมาสิ พวกเจ้าลากไปเปลืองแรงจะตาย จัดๆ หน่อยก็วางของพวกเจ้าได้แล้ว”
ท่านลุงหวังที่บังคับเกวียนก็จัดแจง “ขึ้นมาสิ เดี๋ยวข้าก็บังคับเกวียนไปถึงแล้ว อากาศหนาว พวกเจ้าเดินไปเมื่อไหร่จะถึงกันเล่า”
เด็กหนุ่มสองคนของหมู่บ้านจะเข้ามาช่วยดึงแคร่เลื่อน
พวกซ่งฝูเซิงรีบห้าม “ไม่ต้องหรอก พวกท่านไปกันเถอะ นี่ก็หนาวมากแล้ว พวกเราเดินจนชินแล้ว ระยะทางแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก”
ลูกชายคนที่สามของเหรินโหยวจินถามเพื่อความแน่ใจเป็นครั้งสุดท้าย “ไม่ต้องจริงรึ”
“ไม่ต้อง”
“แล้วพวกเจ้าจะเอาหนังสัตว์นี่ไปขายที่ไหน พวกเจ้าไหวจริงเหรอ”
คำพูดนี้ดึงดูดให้หลายคนในหมู่บ้านเหรินจยาอยากเข้ามายุ่งด้วย
“พวกเจ้ามาจากที่อื่นไม่เข้าใจหรอก อย่าไปขายส่งเดช อย่าไปขายร้านยา ที่นั่นน่ะกดราคา”
“พวกเจ้ามาจากที่อื่นไม่เข้าใจหรอก เมืองถงเหยาก็ไม่ให้วางตั้งขายส่งเดช อย่าคิดเอาผ้าเก่าๆ ไปปูนั่งวางขายเชียวนะ เดี๋ยวได้ถูกรวบไปหมด”
“พวกเจ้ารู้จักถนนเส้นที่ขายหนังสัตว์ในอำเภอไหม”
ลุงหวังเป็นคนมีน้ำใจ พูดเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง “เอาน่า อยู่หมู่บ้านเดียวกัน เดี๋ยวพวกเจ้าไปหาไม่ถูก ขึ้นมาสิ เจ้านั่นน่ะ” ชี้ไปที่ตัวแทนของบ้านเศรษฐีที่ดินเล็กๆ ที่นั่งทำหน้าหยิ่งอยู่บนเกวียน
“ลูกพี่ลูกน้องของลูกชายคนโต ของบ้านน้าสาว ของสะใภ้รองของเขา รู้จักกับร้านขายหนังสัตว์ในอำเภอ ไม่มีทางหลอกพวกเรา คนรู้จักให้ราคาดี ขึ้นมาเถอะ ขายหนังหมาป่าตั้งหลายผืนแบบนี้ ไหนพวกเจ้ายังจะมีหนังเสืออีก เรื่องแค่นี้สบายมาก”
ซ่งฝูเซิงขอบคุณในน้ำใจอีกครั้ง
“งั้นพวกเราไปแล้วนะ” ลูกชายคนที่สามของเหรินโหยวจินถาม
“ไปเถอะๆ”
“ถ้าไม่ไหวก็ไปหาพวกเราที่ถนนขายหนังสัตว์ได้นะ”
ซ่งฝูเซิงตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ “ได้ เดินทางดีๆ”
——————-
[1] อาหารชนิดหนึ่ง เอาหนังหมูต้มแล้วหั่น นำไปแช่เย็นพร้อมกับน้ำซุปก็จะจับตัวเป็นก้อนคล้ายวุ้น