ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 345
หลังจากที่เกวียนทั้งสามเล่มเคลื่อนออกไปแล้ว
เกาเถี่ยโกวก็พูดด้วยความรังเกียจ “พวกเขานี่พูดมากจริงๆ ข้าเดินมาเหงื่อเต็มตัว ใครจะไปนั่งเกวียนเก่าๆ ของพวกเขา ขึ้นไปนั่งสิ ได้หนาวแน่”
กัวคนโตพูด “อายุยังน้อย อย่าพูดแบบนี้ พวกเขาก็แค่หวังดี”
“หวังดีข้าก็ไม่ชิน โดยเฉพาะเจ้าคนที่บ้านรวยที่ดินนั่น เขายังทำเป็นมองพวกเราด้วยหางตา…
…มองอาสามตั้งแต่หัวจรดเท้า อย่าคิดว่าข้าไม่เห็น…
…ทำไมรึ บ้านมีที่ดินร้อยกว่าหมู่มันเจ๋งนักเหรอ คิดว่าพวกเราจะเข้าไปประจบตีสนิทหรือไง ฝันไปเถอะ พวกเราก็มีที่ดินร้อยกว่าหมู่เหมือนกัน”
“แต่ที่ของพวกเรามันเป็นที่รกร้างนะ”
“ที่รกร้างก็ที่ดินเหมือนกัน เพาะปลูกสองปีเดี๋ยวก็ดีเอง”
คนอายุน้อยก็พลังเยอะแบบนี้
แต่ซ่งฝูเซิงลองลูบหูตัวเองดู หูร้อนมาก
คิดว่าคนที่อยู่บนเกวียนสามเล่มนั้นก็คงพูดถึงพวกเขาลับหลังไม่น้อยเหมือนกัน
ณ ปากทางเข้าเมืองถงเหยา
ทันใดนั้นซ่งฝูกุ้ยก็อ้าปากหัวเราะร่า “เอ๊ะ พวกเจ้าเห็นไหม ครั้งนี้คนเฝ้าประตูไม่ขวางข้าแล้ว”
เขาดีใจ พอใส่เสื้อกันหนาวที่ท่านซุ่นจื่อให้ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
เมื่อก่อน ถึงแม้จะเข้าเมืองแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขาเข้าเมืองจะโดนตรวจค้น
อีกทั้งนั่นต่างหากที่เป็นความซวย
ต่อให้เป็นการสุ่มตรวจ ไม่ตรวจคนอื่นแต่ก็จะมาตรวจเขา
ประหนึ่งว่า ถ้าเขาเข้าเมืองไปจะไปก่อกวนความสงบสุข ไล่ขอข้าวคนอื่นกิน
“เถี่ยโถว เจ้ากับต้าหลังมาลากแคร่เลื่อนของข้าที”
“ท่านจะไปไหน”
“ข้าจะออกไปนอกประตูอีกครั้งแล้วเข้ามาใหม่ ดูสิว่าพวกเขาจะตรวจค้นข้าไหม”
ต้าหลังที่ยิ้มยากยังหัวเราะออกมา “อาฝูกุ้ย เลิกเล่นเถอะ นี่เรามาทำงานนะ”
ณ หน้าร้านยา
พวกหนุ่มๆ ขนกระดูกเสือลงมาจากแคร่เลื่อนรอบแล้วรอบเล่า กระดูกเสือเอาไปดองเหล้าเป็นยาบำรุง ร้านยาจึงรับซื้อ
ในเมื่อร้านยารับซื้อ พวกเขาก็ไม่กิน
ทำการขนกระดูกหมี เนื้อหมี ไขมัน เลือดหมีที่ถนอมความสดไว้ กะโหลกศีรษะ ทั้งหมดนี้เอาไปทำยาได้
ในเมื่อร้านยารับซื้อ พวกเขาก็ไม่กิน
ทำการขนหนังหมูป่าสามตัวที่มาแบบสมบูรณ์ เอาขึ้นชั่งโดยมีคนจัดยาพาไป
ในเมื่อร้านยารับซื้อ ให้แลกกับน้ำมันฆ่าเหาได้ พวกเขาก็ไม่เอาไปทำหมูหนาวแล้ว
เจ้าของร้านยากำลังเรียกคนจัดยาอีกคนไปหยิบยา พลางตั้งหน้าตั้งตาดีดลูกคิด
บัญชีรอบนี้ค่อนข้างซับซ้อน
อย่างหนังหมูป่าแลกกับน้ำมันฆ่าเหา อย่างอื่นแลกยาแก้หวัด แลกยาทาแผล หลักๆ คือแลกยาทาแผลเยอะหน่อย
แลกหลายอย่าง แต่ละอย่างก็ราคาไม่เท่ากัน จำนวนที่แลกก็ไม่มีทางที่จะพอดี ดังนั้นเจ้าของร้านที่ดีดลูกคิดมาหลายปีก็ต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วน
ซ่งฝูเซิงที่รอการดีดลูกคิดไม่เสร็จสักที เขาเห็นแล้วก็เหนื่อย
จึงขอยืมพู่กันกับกระดาษ เขียนรายการออกมา ด้านหลังเป็นเงินเท่าไร ใช้กี่จินมาแลก แต่ละอย่างควรได้เท่าไร ขยุกขยิกเพียงชั่วพริบตาก็เขียนเสร็จ
สองมือยื่นให้ “จัดยาท่านตามทั้งหมดนี่ เถ้าแก่ต้องทอนให้ข้าหนึ่งเหรียญเงินกับอีกเจ็ดสิบเหวิน”
เจ้าของร้านไม่ค่อยเชื่อ คิดในใจ
หนึ่ง เจ้าไม่ได้ใช้ลูกคิด สอง ไม่เห็นเจ้าจะตั้งใจคิดเงินสักเท่าไร ราคายาในร้านเจ้าก็เพิ่งรู้ จะคิดไว้ล่วงหน้าก่อนก็เป็นไปไม่ได้ แบบนี้เจ้าจะคิดถูกได้อย่างไร ขนาดเขาที่ใช้ลูกคิดยังคิดไม่เสร็จเลยนะ
ในที่สุดก็ดีดลูกคิดคำนวณจนเสร็จ สองมือของเจ้าของร้านหยิบกระดาษจดรายการที่ซ่งฝูเซิงทิ้งไว้บนโต๊ะ พอดูแวบแรกก็ชื่นชม “ลายมือสวยดีนี่”
จากนั้นก็มองที่ลูกคิดแล้วมองจำนวนเงินที่เหลือบนกระดาษ ทันใดนั้นก็ยกนิ้วโป้งให้ซ่งฝูเซิง
ใบหน้าของซ่งฝูเซิงยังสุขุมอยู่ตลอด พวกเกาเถี่ยโถวกลับยิ้มกันอย่างอารมณ์ดี
พอออกจากร้านยา พวกหนุ่มๆ ก็เอายาใส่ห่อผ้า มัดทั้งหมดไว้ที่หน้าอก แต่ละคนลากแคร่เลื่อนกันอย่างสบายใจ
อาสามสุดยอดจริงๆ ใครเห็นใครก็ชม
…
ที่หน้าร้านขนมเค้กแห่งความสุขของย่าหม่า
กัวคนโตตะโกนเรียกอยู่หน้าร้าน “ท่านแม่”
“เอ๊ะ มาแล้วเหรอ แหะๆ เดินดีๆ นะเจ้าคะท่านลูกค้า”
ท่านยายกัวรีบเอาเงินที่รับมายัดใส่เอวแล้ววิ่งออกไป
“พวกหลานชายของข้าก็มากันหมดเลยรึ รีบเข้าไปในร้านสิจะได้อุ่นๆ เมื่อครู่ข้ายังพูดอยู่ว่าพวกเจ้าใกล้จะมาส่งถ่านกันแล้ว ข้าถึงบอกอย่างไรว่าให้ออกมาพร้อมกันกับพวกข้า จะได้เข็นรถให้ด้วย พวกเจ้าก็ไม่ยอม”
ถ่านถุงแล้วถุงเล่าถูกวางกองไว้ตรงมุมด้านนอก
กัวคนโตถาม “ท่านแม่ ถ่านที่พวกเขาสั่งไว้ มาเอาวันนี้ได้ไหม”
“ได้ ตกลงไว้แล้ว”
“ท่านแม่เก็บเงินถูกหรือเปล่า”
ท่านยายกัว “ดูพูดเข้า เจ้าดูถูกใครน่ะ ถ่านบ้านๆ ของพวกเจ้าจะเป็นเงินสักเท่าไรกันเชียว วันๆ ข้ารับเงินตั้งเท่าไร ถ้าข้าคิดไม่ถูกก็ไม่มีใครคิดถูกแล้ว มีธุระอะไรก็ไปทำไป”
พวกหนุ่มๆ วางถ้วยน้ำลง เมื่อครู่ท่านยายกัวชงขิงใส่น้ำตาลมาให้พวกเขาดื่มด้วย
ขิงกับน้ำตาลเป็นของที่ท่านยายกัวควักเงินซื้อเอง
นางตั้งใจออกไปซื้อก่อนที่พวกหลานๆ จะมา
น้ำตาลซื้อมาหนึ่งห่อเล็ก ขิงก็ซื้อมาแค่สองหัวเล็กๆ
คิดไว้ว่าอีกประเดี๋ยวพวกเด็กๆ มาในร้าน ไม่มีข้าวให้กิน ดื่มน้ำขิงรองท้องสักหน่อย ระหว่างทางจะได้รู้สึกอุ่น
“พี่สุย ขอแนะนำให้รู้จัก นี่ญาติๆ ข้าเอง
พวกเขามาจากหมู่บ้านข้างล่าง ไม่ไกลมาก ชื่อหมู่บ้านเหรินจยา
นี่เป็นหมาป่าที่พวกเขาล่ามาได้ ถลกหนังออกมา
พี่ลองดูนะว่ามีคนต้องการไหม ช่วยเป็นธุระจัดการให้ได้หรือเปล่า”
หนังหมาป่ารึ
หมู่บ้านเหรินจยาหรือ
เถ้าแก่สุยมองชาวบ้านที่พากันพยักหน้าให้เขาไม่หยุด วางที่เขี่ยถ่านในมือลงแล้วบอกให้ทุกคนนั่ง
“คนจากหมู่บ้านเหรินจยารึ ทำพูดไป ข้ามีน้องชายอยู่ที่นั่น เขาชื่อ…”
“น้องชาย ไม่เจอกันหลายวัน ทำไมไม่รู้จักออกมาเที่ยวเล่นบ้างล่ะ ช่วงนี้ไปรวยเอาด้านไหนแล้ว” ร้านขายเครื่องหนังที่อยู่ข้างร้านเถ้าแก่สุยทักทายซ่งฝูเซิง
ขณะพูดยังได้เหลือบมองหนังสัตว์ที่อยู่บนแคร่เลื่อน
“พี่หวัง ออกไปกินข้าวเหรอ ข้าร่ำรวยที่ไหนกัน วันๆ ในบ้านมีงานเยอะแยะ”
พอได้ยินเสียงซ่งฝูเซิง เถ้าแก่สุยก็ยิ้ม ยังไม่ทันได้พูดชื่อ เจ้าตัวก็มาเสียแล้ว
รีบสาวเท้าไปเปิดประตูกระท่อม “น้องชาย กำลังพูดถึงเจ้าอยู่พอดี”
“หา ข้าทำไมเหรอพี่สุย นี่เป็นพี่น้องในบ้านข้า ส่วนเด็กๆ พวกนั้นท่านยังจำได้ไหม”
“จำได้ โดยเฉพาะสองคนนั้นที่ตัวสูงๆ” ชี้ไปทางต้าหลังกับเถี่ยโถว
เถ้าแก่สุยกวักมือเรียกไม่หยุด “เข้ามาให้หมด เข้าไปดื่มน้ำข้างใน ไม่มาตั้งหลายวันแล้ว ต้องให้ข้าไปตามเจ้าถึงจะมาได้”
ซ่งฝูเซิงหัวเราะ ขณะที่กำลังจะก้มตัวไปหยิบหนังสัตว์ แต่ซ่งฝูกุ้ยเป็นคนรอบคอบ ดึงชายเสื้อของเขาเพื่อให้ดูเกวียนสามเล่มที่จอดอยู่ด้านข้าง
ซ่งฝูเซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย บังเอิญขนาดนั้นเลยรึ
ร้านขายหนังสัตว์ที่พวกคนจากหมู่บ้านเหรินจยามาหาก็คือเถ้าแก่สุยเหรอ
ด้วยเหตุนี้ ตอนเข้าไปในร้าน พวกตัวแทนจากหมู่บ้านเหรินจยาจึงมีสีหน้าตกใจยิ่งกว่าพวกซ่งฝูเซิง ตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าพวกซ่งฝูเซิง
เถ้าแก่สุยถาม “รู้จักกันไหม บอกว่ามาจากหมู่บ้านเดียวกับพวกเจ้า จริงสิ นี่ก็คือน้องชายที่ข้าพูดถึง ซ่งฝูเซิง”
ต่อมาก็ไม่รู้ว่าอย่างไร คุยไปคุยมา ตัวแทนบ้านเศรษฐีที่ดินเล็กๆ ที่ลูกพี่ลูกน้องของลูกชายคนโตของบ้านน้าสาวของสะใภ้รอง รู้จักเถ้าแก่สุยก็เริ่มเจรจาไม่ได้
เถ้าแก่สุยก็บอกแล้วว่า หนังหมาป่าเป็นของดีก็จริง แต่ก็ต้องรอให้คนที่ดูเป็นมาซื้อ
คนดูเป็นมันก็มีค่า คนดูไม่เป็นมันก็แค่หนังสัตว์ทั่วไป
ส่วนคนรวยเขาใส่ชุดคลุมหนังจิ้งจอกกัน
ข้อเสียของหนังหมาป่าอยู่ตรงที่ มีเรื่องของความชั่วร้ายเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่นิดหน่อย บางคนจึงไม่กล้าใส่
อีกทั้งพวกเจ้าจะขายครั้งเดียวตั้งห้าสิบผืน ข้ารับไว้หมด ถ้าขายไม่ออกเงินข้าไม่จมหรอกรึ พวกเจ้าเอาไปขายร้านยา อย่างมากก็ให้พวกเจ้าได้แค่สองตำลึงครึ่ง เชื่อไหมล่ะ อย่างเก่งก็สามตำลึงนั่นก็ดีมากแล้ว
ตัวแทนบ้านเศรษฐีที่ดินเล็กๆ ที่ลูกพี่ลูกน้องของลูกชายคนโตของบ้านน้าสาวของสะใภ้รองรู้จักเถ้าแก่สุยก็พูดขึ้น “พี่สุย ขออีกหน่อยน่า”
“ให้ไม่ได้แล้ว ข้าก็เห็นแก่หน้านะถึงรับไว้”
ซ่งฝูเซิงคิดแล้วพูดแทรกขึ้น “พี่สุย พูดตามตรงนะ พวกเขามาจัดการให้คนในหมู่บ้าน ถ้าเพิ่มได้ก็เพิ่มหน่อยเถอะ มาตั้งไกล”
เถ้าแก่สุยกัดฟัน “งั้นก็สามตำลึงกับอีกหนึ่งเหรียญเงิน จริงๆ เลย ข้าเห็นแก่หน้าน้องซ่งเลยนะ เป็นครั้งแรกที่เอ่ยปากกับข้า เห็นแก่ที่พวกเจ้าอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับเขา”
ลูกชายคนที่สามของหัวหน้าตระกูลเหริน “ใช่ๆๆ ไม่เพียงแต่พวกเราจะอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ยังสนิทกันมากด้วย น้องฝูเซิงสนิทกับพ่อข้ามาก”