ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 356
ท่านปู่หยวนคิดว่า ข่าวแบบนี้อย่าบอกเจ้าหนุ่มนั่นเลยดีกว่า
จะเล่าทำไม เล่าไปก็หงุดหงิดใจ
พวกเราเป็นเพียงชาวบ้านตัวเล็กๆ ทำอะไรไม่ได้
อย่างมากก็ได้แค่ภาวนาในใจ
อ๋องเยี่ยน ท่านเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบ ห้ามทำตัวแบบอ๋องฉีเป็นอันขาด เป็นศัตรูกับคนอื่น หัวรั้นเอาเป็นเอาตาย ทำคนโมโหจนแทบจะมา ‘ฆ่าล้างบาง’ จากนั้นก็หนีไป คนซวยก็คือราษฎร
ท่านปู่หยวนยังความรู้สึกไวอยู่บ้าง
ดังนั้นภายในใจของเขาไม่ใช่ภาวนาแค่เรื่องกำลังทหารและนิสัยของอ๋องเยี่ยน เขาเองก็ภาวนาขอให้ฮ่องเต้อย่าเพิ่งรีบสวรรคต
ตราบใดที่ฮ่องเต้ยังอยู่ ต่อให้อ๋องอู๋อยู่ใกล้ที่นี่มากแค่ไหน ท่านอ๋ององค์อื่นจะจ้องตาเป็นมันเพียงใด ก็ไม่กล้ามา
แต่ท่านปู่หยวนคิดว่า คราวหน้าที่เจอซ่งฝูเซิงอีกครั้งจะบอกเขาหน่อยว่าให้เก็บสะสมอาหารเอาไว้ สักนิดก็ยังดี โดยไม่สนว่าตอนนี้จะมีชีวิตที่ดีหรือไม่ดี ซ่อนเอาไว้ เก็บเอาไว้แล้วก็ไม่ต้องบอกให้คนอื่นรู้
นี่ก็เป็นสาเหตุที่เขาร้อนใจอยากรีบหาเงิน
ระหว่างทางใช้เงินไปเยอะ ตอนจัดการที่อยู่อาศัยใหม่ก็ใช้ไปไม่น้อย
“เอ๊ะ”
หญิงชราหันไปมองท่านปู่หยวน เดิมทีคิดว่าเขาอยากลุกไปเข้าห้องน้ำ กำลังจะช่วยพยุง
นึกไม่ถึงว่าท่านปู่หยวนจะตบต้นขา พลางพูด “ข้าต้องรีบหายดีขึ้นมาจริงๆ แล้ว ออกไปใช้เงินสักหน่อย ดูว่าพวกเราจะย้ายไปหมู่บ้านเหรินจยาได้ไหม ไปอยู่ใกล้เจ้าหนุ่มนั่นหน่อย”
“ท่านพี่?”
ท่านปู่หยวนตกอยู่ในห้วงความคิด “ถูกต้อง ต้องไปอยู่ใกล้เจ้าหนุ่มนั่นหน่อย อยู่ที่นั่น เขาพึ่งพาได้และมีน้ำใจยิ่งกว่าใครทั้งนั้น”
…
ซ่งฝูเซิงผู้มีน้ำใจ เดินไปไหนข้างนอกก็มีแต่คนชื่นชม
เพราะแบบนี้ไง ทำไมพวกซ่งฝูเซิงถึงเดินเตร็ดเตร่ไปถึงหมู่บ้านที่ท่านปู่หยวนอยู่ได้
แล้วทำไมถึงได้รู้จักเพื่อนใหม่มากมาย ก็เพราะว่าเขากำลังหาซื้อข้าวของ
ระหว่างรอพริกเปลี่ยนเป็นสีแดง จะรออยู่เฉยๆ ได้เหรอ ต้องคิดเรื่องการเผยแพร่พริกให้เป็นที่รู้จักสิ เปลี่ยนมันให้เป็นเงิน
ซ่งฝูเซิงพาพวกผู้ชายแข็งแรงในบ้านไปตามอำเภอนั้น เมืองนี้ เพื่อซื้อวัตถุดิบเครื่องปรุงต่างๆ ซื้อผัก ซื้อลูกเจี๊ยบ ซื้อถั่วลิสง
ที่ไหนถูกก็ไปซื้อที่นั่น ต่างกันสามเหวินห้าเหวินก็ไม่น้อยอยู่นะ
อีกทั้งมาซื้อผักตอนนี้ก็แทบจะหาซื้อไม่ได้ ในเมืองไม่มีร้านขายแล้ว
จำต้องไปตามหมู่บ้าน บ้านไหนที่ตุนของไว้เยอะตอนฤดูใบไม้ร่วงฤดูหนาวอยากเอามาแลกเป็นเงิน เขาก็จะซื้อ
พวกชาวบ้านก็ใช้ชีวิตกันแบบนี้ อะไรที่ขายได้ ยอมรัดเข็มขัดตัวเอง กินวัววัวโถวทุกวัน เอาของที่ประหยัดกินได้ออกมาแลกเป็นเงินดีกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังมารับซื้อถึงบ้าน ให้เงินทองแดงกันตรงนั้น ไม่ต้องคำนึงถึงว่าจะไปเปิดแผงขายในตัวอำเภอ ต้องจ่ายส่วยกับค่าขนส่งที่ใช้เกวียนหรือรถล่อของคนอื่นขน
บ้านไหนที่มีการขุดห้องเก็บของใต้ดินสะสมอาหารไว้มากก็จะแบ่งออกมาขายให้พวกซ่งฝูเซิงหน่อย
ส่วนซ่งฝูเซิงก็มีวิธีเดียว ใช้การซื้อแบบบ้านนี้สามจิน บ้านนั้นห้าจิน บ้านโน้นแปดจิน
หนึ่งบ้านประหยัดออกมาขายได้กี่จิน เขาก็ไปหลายหมู่บ้านหน่อย แบบนี้ก็ได้เยอะแล้วไม่ใช่เหรอ
อย่างไรเสีย นี่ก็เข้ากลางฤดูหนาวแล้ว มีที่ไหนขายผักปริมาณมากกันล่ะ
ออกมาครั้งนี้ ซ่งฝูเซิงยังได้ถือหนังสือที่คล้ายกับ ‘จดหมายแนะนำ’ ไปตามแต่ละหมู่บ้านเพื่อให้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย
เหรินโหยวจินหัวหน้าตระกูลเหรินเป็นคนเขียนให้ เขียนในนามของหมู่บ้านเหรินจยา และก็มีที่เขียนในนามส่วนตัวของเขา เนื้อความในจดหมายค่อนข้างเวิ่นเว้อในสายตาของซ่งฝูเซิง แปลความออกมาก็ได้ประมาณว่า
‘พี่ๆ น้องๆ ทุกท่าน ผู้เขียนจดหมายคือเหรินซิ่วไฉ เหรินหลี่เจิ้ง หัวหน้าตระกูลเหริน ซ่งฝูเซิงลูกบ้านของหมู่บ้านเหรินจยาจะมารับซื้อสินค้าเกษตรจากทุกท่าน หวังว่าทุกท่านจะให้เกียรติกันแม้เพียงเล็กน้อย ช่วยจัดการเป็นธุระให้ด้วย’
อย่าได้ดูถูก ‘จดหมายแนะนำ’ พวกนี้ ต้องทราบก่อนว่าผู้คนให้ความเคารพเหรินโหยวจินยิ่งกว่าหลี่เจิ้งคนก่อน อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงซิ่วไฉ คนเราจะเก่งต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน เหรินกงซิ่นหลี่เจิ้งคนก่อนอาศัยลูกชายถึงขึ้นมาได้
ดังนั้นชื่อเสียงของหัวหน้าตระกูลเหรินใช้ได้ผลดีกับข้างนอกมากทีเดียว
พอเข้าไปในหมู่บ้านอื่นก็ไม่ถูกรังแก ไม่มีทางถูกถามว่ามาทำอะไรประหนึ่งสอบสวนนักโทษ และก็ไว้วางใจที่จะขายของให้ ข้างนอกอากาศหนาวพื้นเย็น มีการให้ยืมบ้านเพื่อรับซื้อของในที่ที่ผิงไฟได้อีกต่างหาก
หลี่เจิ้งหมู่บ้านอื่นบางคนรู้จักกันเป็นการส่วนตัวกับหัวหน้าตระกูลเหริน ถึงขนาดที่เป็นธุระช่วยบอกให้ชาวบ้านคิดราคาถูกหน่อย ให้พวกเด็กผู้ชายในหมู่บ้านนำทางไปหมู่บ้านถัดไป เดินทางไหนจะใกล้กว่า
ยังมีคนที่กระตือรือร้นช่วยออกความคิดเห็น ที่ไหนผลิตอะไรบ้าง หรือหมู่บ้านไหนมีของสิ่งนี้เยอะ เขาก็จะบอกให้อย่างเต็มใจ
และก็เพราะจดหมายพวกนี้ ซ่งฝูเซิงถึงได้รู้จักเจ้าหน้าที่ในหมู่บ้านหลายคน ต่อให้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ในหมู่บ้านก็เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาในหมู่บ้าน
ดังนั้นช่วงหลายวันมานี้ วันนี้เขาไปที่นี่ พรุ่งนี้เขาไปที่นั่น ไม่ได้เว้นว่างสักวัน เข็นรถกลับบ้านเรื่อยๆ ซ่งฝูเซิงก็พอรู้ราคาสินค้าภายในอำเภอใกล้ๆ นี้แล้ว รวมถึงรู้ว่าหมู่บ้านที่อยู่ล่างอำเภอลงไปมีอะไรบ้าง
จากการพูดคุย ที่ไหนที่นาดี ที่ไหนเก็บเกี่ยวได้น้อย เขารู้หมด
อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นซ่งฝูกุ้ยกับพวกหวังจงอวี้ที่ติดตามไปด้วยก็รู้เหมือนกัน
เพียงเวลาไม่นาน จนกระทั่งซ่งฝูเซิงไม่ออกไปไหนแล้ว อยู่บ้านทุกวัน ทันใดนั้นเขาก็พบว่าในบ้านเกิดการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยไปมากทีเดียว
เด็กๆ จากชั้นเรียนเด็กโต เด็กเล็ก มีความเปลี่ยนแปลงที่มากพอตัว
เวลาเช้าตรู่
ซื่อจ้วงไม่สอนพวกชั้นเรียนเด็กโตอย่างพวกเกาเถี่ยโถวหวดหมัดต่อสู้แล้ว ไม่รีบร้อนสอนแล้ว
และก็ไม่เคอะเขินที่จะถีบหลานชายคนโตของลุงซ่ง แจกลูกถีบคนนั้นทีคนนี้ที รังเกียจที่ขาของเจ้าพวกนี้ไม่มีแรง
แต่เขาพาออกไปข้างนอก ไปวิ่งรอบแม่น้ำก่อน
วิ่งเสร็จก็มาวิดพื้น
เด็กหลายสิบคนหมอบเรียงกันอยู่ที่ลานบ้าน วิดขึ้นวิดลง
ต่อมาเหงื่อก็เต็มศีรษะ ซื่อจ้วงยังไม่ปล่อยพวกเขาไป ฝึกเดินเป็ด
ฝึกเดินเป็ดที่ว่านี้ก็คือนั่งยองๆ แล้วเดินแบบเป็ด เป็นการฝึกกำลังขา ถ้าขาไม่มีแรงก็จะนั่งยองๆ ไม่ได้
ซ่งฝูเซิงยืนมองข้างๆ เห็นแล้วยังปวดขาแทน
เดิมทีเขาคิดว่าจะจบแล้ว ไม่นึกว่าซื่อจ้วงจะทำมือบอกให้เด็กพวกนี้ตามออกจากลานบ้านไป
ซ่งฝูเซิงก็ตามไปดูด้วยความอยากรู้ เวลานี้ฟ้ายังไม่สว่างดี ซื่อจ้วงถือไต้ในมือ เขาเองก็ต้องอาศัยแสงไฟถึงจะมองเห็นชัด
ไอ๊หยา ซ่งฝูเซิงรู้สึกงง นี่ใช้หิมะทำเป็น ‘โต๊ะ’ สิบกว่าตัวตรงเนินตะวันตกเฉียงใต้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
มองไกลๆ ความสูง อันที่จริงก็สูงพอสมควร ยังไงเสียก็คือการกระโดดข้ามโดยเอามือยัน ใช้มือยันแล้วกางขาออก กระโดดข้ามไป เหมือนที่เมื่อก่อนเขาเล่นแพะกระโดดข้ามเขา ข้างหน้ามีคนโก่งตัวลง คนที่อยู่ด้านหลังเอามือยันก้นคนนั้นแล้วกางขากระโดดข้ามไป
เพียงแต่ที่นี่ไม่ใช่การเอามือยันก้นคนข้างหน้า แต่เป็นการยันกับกองหิมะที่เกาะกันแน่น
ซ่งฝูเซิงมองพวกเด็กๆ แต่ละคนเรียงกันกระโดดข้ามกองหิมะ กระโดดกันไม่หยุด
เขาถือคบเพลิงพลางพูดพึมพำกับตัวเอง “ก็ไม่รู้ว่าเด็กพวกนั้นอ้าขากันกว้างขนาดนั้นกระแทกโดนไข่บ้างหรือเปล่า”
พอถึงตอนสาย ดวงอาทิตย์ออกมาแล้ว ซ่งฝูเซิงก็พบว่าพวกเด็กเล็กที่อยู่ในชั้นเรียนเด็กเล็ก ออกไปฝึกยิงธนูกับเถียนสี่ฟาก็มีความเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน
พวกเด็กเล็กไม่เพียงแต่จะเรียนเล็งเป้าจับคันธนู ยังได้ถูกเถียนสี่ฟาจับฝึกกระโดดกบ กระโดดไกล
เขาเข้าใจแล้ว นี่ก็คงเพื่อฝึกกำลังขา
และก็เข้าใจยิ่งกว่านั้น เอาเถอะ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นความคิดของลูกสาวเขาทั้งนั้น
สายตามองไปยังลูกสาวที่ไม่เข้าร่วมกระโดดกบ กำลังทำท่ายิงธนูอยู่ข้างๆ
“ลูกพ่อ?”
“ท่านพ่อ ทำกระดานกลมๆ ใหญ่ๆ ให้ข้าสักอันได้ไหม ทำจากไม้หนาหน่อยก็ได้”
“เอาไปทำอะไร”
“ข้าจะเอาไปผูกกับต้นไม้สักต้น แล้วฝึกปาขวาน”
ซ่งฝูเซิง “…”