ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 368
เนื่องจากต้องทําขนมจํานวนมากจึงจำเป็นต้องซื้อของเข้ามาเก็บไว้เยอะ
และต้องซื้อพวกแป้ง น้ำมัน น้ำตาล ไข่ไก่ที่ต้องใช้ ซานจา พุทราจีน และพวกถั่วแดงถั่วเขียว เป็นต้น ซื้อสิ่งของทั้งหมดกลับบ้าน
ครั้งนี้ไม่ได้ซื้อเพราะขาดอะไร และไม่ซื้อพวกส่วนผสมจำนวนน้อยๆ แล้ว
ครั้งนี้ยอมซื้อจำนวนมาก ไม่ซื้อน้อย
เพราะร้านของว่างของพวกเขาจะเปิดร้านอย่างเป็นทางการในวันที่สองของวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้สะดวกกับลูกค้าที่สั่งจองมารับของ แต่ร้านขายอาหารแห้งกับโรงขายน้ำมัน ตลอดจนร้านเล็กๆ แห่งอื่นอาจจะไม่ได้เปิดทำการในช่วงเวลานี้
ช่วงเวลานี้ แม้จะหาซื้อไข่ไก่ก็ยังลำบาก
ท่านย่าหม่าเริ่มควักเงินออกมาแล้ว เพียงพริบตาเดียวก็ควักเงินออกมาถึงห้าสิบหกสิบตำลึง
สั่งกำชับพี่สะใภ้ของนาง ก็คือป้าใหญ่ของซ่งฝูเซิง
“ฝูเซิงบอกกับฝูลู่แล้ว ฝูลู่พาคนไปตั้งร้านแผงลอยขายอาหารแถวร้านเจ้าไม่ใช่หรือ? เจ้าอาศัยช่วงบ่ายที่มีเวลาว่างออกมาซื้อแป้ง น้ำตาล พุทราในเขตพื้นที่ของเจ้า พวกเจ้าซื้อมาเยอะหน่อย ให้เสี่ยวเอ้อร์ของทางร้านลดราคาให้ถูกลงหน่อย สามารถส่งมาให้ที่ร้านจะดีมาก เมื่อจะกลับบ้านก็ให้พวกฝูลู่ขนกลับมา”
“เรื่องพวกนั้นข้าทราบดี ข้าเคยซื้อมาแล้ว แต่ทำไมถึงต้องซื้อข้าวด้วยล่ะ หรือว่านักเล่าเรื่องคนนั้นไม่หยุดทำงาน? เขาไม่กลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านหรอกหรือ? ชั้นสองไม่หยุดหรืออย่างไร”
ท่านย่าหม่าส่ายหน้า
“จะหยุดได้อย่างไร เดิมทีข้าก็พูดกับนักเล่าเรื่องแล้วว่าจะหยุด ในช่วงนั้นใครจะไปกินข้าวตอนช่วงบ่าย? ยุ่งอยู่กับการทำขนมก็พอ…
…แต่หลายวันมานี้ มีหลายคนสอบถามมาว่า นักเล่าเรื่องของพวกเราหยุดไหม เขาบอกว่าพวกเขาจะมาฟังเรื่องเล่ามากหน่อยเพราะเป็นช่วงวันหยุด…
…ถ้าเช่นนั้นก็ต้องเตรียมข้าวกับน้ำซุปเผ็ดร้อนไว้ด้วยซิ? ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน อย่างน้อยเนื้อสัตว์กับข้าวสารก็ไม่เสีย จะช้าหรือเร็วก็ต้องซื้ออยู่ดี ถ้าเช่นก็ซื้อมากหน่อยก็แล้วกัน”
“ได้สิ ข้ารู้แล้ว” ท่านป้าใหญ่รับผิดชอบเขตอำเภออวิ๋นจง ราคาอาหารแห้งของที่นี่มีราคาถูกกว่าที่อื่นมาก
เมื่อพูดถึงเนื้อสัตว์ ท่านย่าหม่าก็กัดฟันยื่นเงินสองตำลึงให้กับท่านยายหวัง “ซื้อหมูสองตัวในเขตพื้นที่ของเจ้ากลับมา”
“ทั้งตัวเลยหรือ? พวกเราต้องการแค่เนื้อหมูสามชั้นไม่ใช่หรือ?”
ท่านย่าหม่าก็รู้สึกเสียดายเงิน แต่ก็ไม่สามารถพูดเล่นได้ ครั้งก่อนบอกว่าจะซื้อไก่มาทำให้ทุกคนกิน แต่ก็ไม่ได้ซื้อเพราะหมาป่ามา
ครั้งนี้คนมาช่วยงานในร้านมีไม่พอ ท่านลุงซ่งก็ส่งคนสองคนมาช่วยงาน นางก็ไม่ต้องให้ค่าแรง เป็นการช่วยงานฟรี
ก่อนและช่วงปีใหม่ก็คงทำเช่นนี้ไปก่อน
หลังจากปีใหม่แล้ว ค่อยหาคนมาช่วยงานอย่างจริงจัง
ถ้าสะใภ้เล็กสกุลสวี่ไม่ดูแลร้านของพวกนางแล้ว นางก็จะเลือกเด็กหนุ่มที่บ้านสองคนมาช่วยงานคอยดูแลลูกค้าชายที่ชั้นสอง
เมื่อถึงตอนนั้น นางจะเป็นคนจ่ายเงินเดือนเอง
ตอนนี้อาจพูดได้ว่า หลายวันมานี้เหมือนเป็นการเอาเปรียบทุกคนเพราะว่าพวกเขาได้รับเงินค่าแรงจากส่วนกลาง แต่มาทำงานให้กับนาง
พวกนางไม่สามารถเอาเปรียบได้
พวกนางได้เงินพวกนี้มา ทุกคนก็รู้ดี ห้องเตาอบมีการพัฒนาที่ดีที่สุดในบ้าน ไม่ผิด ในความคิดของท่านย่าหม่า ลูกสามของนางพาคนอื่นหาเงินสู้นางยังไม่ได้
ในเมื่อนางเป็นเถ้าแก่ที่ใหญ่ที่สุดและหารายได้มากที่สุดของที่นี่ นางจึงตัดสินใจ
“ซื้อหมูทั้งตัวมาสองตัว เลือกหมูตัวอ้วนๆ มา…
…เนื้อสามารถเก็บไว้ใช้ที่ร้านได้ ส่วนหัวหมูกับหางหมูที่เหลือจะทำอาหารให้ทุกคนกินในวันปีใหม่…
…ส่วนกระดูก ให้พวกลูกสามของข้าต้มเป็นน้ำซุป ข้าเห็นพวกเขาหาเงินแล้ว ช่างเปลืองแรงนัก”
ซ่งฝูหลิงที่ฟังอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกว่าท่านย่าใจกว้างขึ้น
ท่านย่าหม่าพูดต่อ “เงินส่วนนี้ ห้องเตาอบของพวกเราเป็นคนออกเงินเอง ถือเป็นการเลี้ยงฉลองปีใหม่ให้กับทุกคน”
ท่านยายหวังตบมือหัวเราะชอบใจ “ใช่แล้ว พวกเราไม่ขาดแคลนเงินพวกนั้น พูดตามตรง ท่านหัวหน้า ข้าชื่นชมท่านจริงๆ”
พวกท่านยายกัวก็พูดเยินยอท่านย่าหม่า “ข้าก็ชื่นชมท่าน พวกเราก็ยังได้กินด้วย กินบำรุง ข้าว่าหัวหน้าคงอยากให้พวกเรากินบำรุงร่างกาย ใช่หรือไม่หัวหน้า?”
ยายรองซ่ง “พวกข้าต้องขอบคุณหัวหน้าแล้ว”
ท่านป้าใหญ่ก็ปากหวาน นางพูดขึ้นมา “ข้าบอกแล้วว่า น้องสาวข้าคนนี้ ถ้านางมี นางจะใจกว้าง สวรรค์คงมีตา มิเช่นนั้นนางคงไม่ได้มาเป็นหัวหน้าหรอก”
“ฮ่าๆ” การประชุมสิ้นสุดลง
ทุกคนต่างพากันหัวเราะ
ท่านยายกัวพูดขึ้น “เจ้าก็ช่างพูดออกมาได้ พูดหลอกคนอื่นได้ พูดหลอกพวกข้าไปทำไม ต่างคนต่างก็รู้ดี เจ้าเคยพูดคำพูดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ท่านป้าใหญ่โมโหจนหน้าแดง ยายเฒ่านี่ชอบขุดคุ้ยเรื่องอดีตไปทำไมกัน ทำเป็นเหมือนกับว่านางเคยพูดคำพูดพวกนี้ไม่ได้หรือไง?
ท่านย่าหม่าก็มองพวกนางด้วยรอยยิ้ม มีบางคนหัวเราะออกมาจนเห็นว่าไม่มีฟัน บางคนมีใบหน้าเหี่ยวย่นมากกว่าใบหน้าของนางอีก
นางตัดสินใจภายในใจ
วันไหนมีเวลาว่าง นางจะใจดีสักหน่อย ออกไปซื้อของมาเตรียมฉลองวันปีใหม่
ซื้อเสื้อผ้าเพิ่มให้พวกลูกและหลานทั้งหลาย และจะซื้ออะไรให้กับพวกป้าทั้งหลายเหล่านี้ดีนะ
ซื้ออะไรดีนะ?
นางคิดไว้ตั้งนานแล้วว่าจะซื้อครีมทาหน้า สิ่งสำคัญก็คือ นางอยากทาครีม
ทั้งชีวิตนี้ยังไม่เคยทามาก่อน บนร่างกายไม่มีกลิ่นหอม ตั้งแต่เป็นสาวก็ต้องตักขี้หมู เก็บขี้วัว เหม็นทุกวัน
ต่างก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน
ใครๆ ก็อยากมีกลิ่นหอมเหมือนหลานสาวคนเล็ก
ครั้งนี้ก็จะซื้อให้พวกนางที่มีอายุมากคนละหนึ่งกระปุก เพราะตอนขายของกินให้ลูกค้า ถ้ามีใบหน้าที่เหี่ยวย่นก็ดูไม่น่ามอง อีกอย่างหนึ่ง ถ้าซื้อให้พวกนางใช้ จะได้เป็นเพื่อนทาครีมด้วยกัน
มิเช่นนั้นลุกขึ้นมาทาครีมแต่เช้าเพียงคนเดียวก็คงรู้สึกกระดากอายแย่
อย่าให้พวกลูกสะใภ้มาคิดว่า นี่เป็นนางปีศาจเฒ่า
ท่านย่าหม่าบ่นกับตนเองในใจ เห็นหรือไม่? นางเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เปลี่ยนแปลงไปจนน่าตกใจ แม้แต่ครีมทาหน้าก็ยังอยากซื้อมาใช้
แค่นึกภาพก็น่าตกใจแล้ว
——
หนึ่งอาทิตย์ถัดมา พวกซ่งฝูเซิงก็ยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน
ในสายตาของคนในหมู่บ้าน อย่างเช่น ท่านป้าอ้วนก็เห็นพวกเขาเดินเข้าออกในหมู่บ้านอยู่บ่อยครั้ง
สักครู่ก็มีรถเข็นหลายคันคลุมด้วยผ้าน้ำมันถูกเข็นออกไป
พวกผู้ชายเดินออกไปโดยมีพวกป้าๆ ทั้งหลายที่คลุมใบหน้าจนเหลือแค่ดวงตาโผล่ออกมา เดินตามอยู่ข้างหลัง
สักพักก็มีรถเข็นหลายคันขนของมากมายกลับมา มากกว่าตอนขาไป
สักครู่พวกผู้ชายก็กลับมา มีพวกป้าเดินตามอยู่ด้านหลัง
พวกฝั่งตรงข้ามแม่น้ำที่มีรถเกวียนสองคันก็ออกไปแต่เช้าแล้วกลับมาตอนเย็น
ยังดีที่เป็นสะพานหิน มิเช่นนั้นสะพานคงจะพังไปก่อนแล้ว
ส่วนป้าอ้วนก็รู้สึกว่าตนเองลำบากไปด้วย เพราะนางมักจะได้กลิ่นหอม
นางสอบถามคนในบ้านว่าได้กินหรือไม่ คนอื่นก็บอกว่าไม่ได้กิน แม่สามียังว่านางว่า เป็นคนตะกละ แต่นางรู้สึกว่ามีกลิ่นหอมโชยมาตามลมจริงๆ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง นางเดินไปจนถึงครึ่งสะพานแล้วก็ถูกแม่สามีพบเข้า ด่านางจนต้องย้อนกลับมา