ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 372
พอท่านลุงซ่งพูดจบก็ถูกเริ่นจื่อฮ่าวเอานิ้วผลักหัว
คิดดูแล้วกันเด็กอายุสิบกว่าเอานิ้วผลักหัวคนแก่อายุมากขนาดนั้นแล้ว
ซ่งฝูสี่กับพวกผู้ชายที่ทำงานไม้ก็ไม่ยอมสิ
ซ่งฝูสี่ด่าถึงแม่ไปหนึ่งที จากนั้นก็กระโดดจะเข้าไป แต่ถูกเริ่นจื่อฮ่าวถลึงตาใส่อย่างดุดันพร้อมเตะไปหนึ่งที
ซ่งฝูสี่ก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ หลังจากเซถอยหลังไปสองสามก้าวก็วิ่งเข้าหาเริ่นจื่อฮ่าวอีกรอบ เริ่มลงไม้ลงมือ
ข้างกายเริ่นจื่อฮ่าวมีเด็กหนุ่มสี่ห้าคนคอยช่วย ผู้ชายหลายคนที่อยู่บ้านจึงเริ่มสู้กันกับเด็กหนุ่มพวกนั้น
ลุงซ่งเข้าไปทึ้งผมเริ่นจื่อฮ่าว ช่วยซ่งฝูสี่กระชากคอเสื้อของเริ่นจื่อฮ่าว อีกทั้งพวกคนแก่ที่มาจากแปลงเพาะปลูกใต้ดินก็เข้าไปร่วมด้วยช่วยรุมเริ่นจื่อฮ่าว
ทึ้งผม ทึ้งหน้า
อย่างไรเสีย ตอนที่พวกชาวบ้านในหมู่บ้านเหรินจยามาถึงก็เห็นเหตุการณ์แบบนี้
ทึ้งกันไปมา อีนุงตุงนัง ทั้งเตะทั้งต่อยกันอยู่ในอาณาเขตแคบๆ ด้านบนมือไม้พันกันอุตลุด
ยังมีผู้หญิงหลายคนถือไม้เสียบ กำลังทิ่มบ้างไล่บ้าง
พวกผู้หญิงเองก็รู้สึกว่าเรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
บรรดาแม่บ้านกำลังเสียบถังหูลูอยู่กับพวกลูกสาวอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงเอะอะจากด้านนอก ดังนั้นอาวุธก็เลยเป็นไม้เสียบ
ถือไม้เสียบไปทิ่มใครน่ะเหรอ ก็ทิ่มพวกคนที่เริ่นจื่อฮ่าวพามา เพราะคนพวกนั้นกำลังจะพังบ้าน ชักเอาใหญ่แล้ว
กล้าพังรึ เดี๋ยวแม่จะทิ่มให้ตายทั้งฝูง
ยังมีพวกผู้หญิงฝ่ายทำอาหาร เหวี่ยงทัพพีไม้ในมือ ผู้หญิงสี่ห้าคนพร้อมใจกันเข้าไปทึ้งเด็กหนุ่มคนหนึ่งแล้วจับกดไว้ที่พื้น ฟาดด้วยทัพพีไม่ยั้ง
พวกนักเลงที่เริ่นจื่อฮ่าวพามา รีบหลบไม้เสียบ หลบทัพพี หลบไม้กวาดไม้กระบองเขี่ยกองไฟ ใช้จอบไม่ได้ เหวี่ยงไม่ออก
พวกชาวบ้านเห็นท่าไม่ดี ชายหญิงคนแก่หนุ่มสาวรีบพากันเข้าไปห้าม
แยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน
พวกผู้ชายกับพวกป้าๆ เข้าไปห้ามผู้หญิง บอกว่ามีพวกเราอยู่ ไม่ต้องกลัว อย่าลงไม้ลงมือกันเลย ถ้าเกิดพลาดทิ่มถูกลูกตาเข้าล่ะ
และก็มีชาวบ้านที่ฉลาดหน่อย เข้าไปแย่งจอบมาจากในมือของเด็กหนุ่ม พร้อมตะโกนว่าห้ามทำตัวอันธพาลในหมู่บ้านเหรินจยา
ส่วนอีกกลุ่มไปแยกพวกท่านลุงซ่ง จับเริ่นจื่อฮ่าวที่สู้จนดวงตาแดงก่ำกับซ่งฝูสี่ออกจากกัน ดึงพวกท่านลุงซ่งไว้ฝั่งหนึ่ง แยกทั้งสองฝ่ายไว้
หากถามว่าทำไมพวกชาวบ้านถึงตามมาได้ทันเวลา จุดนี้มีบุคคลสำคัญอยู่สองคน
หนึ่งคือหนึ่งในพวกป้าอ้วน
นางออกมาเทน้ำแล้วเห็นเริ่นจื่อฮ่าวพาคนกลุ่มใหญ่ข้ามสะพานไปด้วยท่าทางเอาเรื่อง
นางก็ไม่เอาแล้วถังน้ำ แหกปากตะโกนทันที “แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่ในหมู่บ้านแล้ว คนจะตีกันแล้ว ออกมากันเร็ว”
ตะโกนพลางวิ่งไปทั่วหมู่บ้าน ตะโกนสุดเสียง
ครอบครัวที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำพอได้ยินแบบนั้นก็ออกมากันหมด
ในนั้นมีคนที่หวังดี และก็มีคนที่รู้สึกจากใจว่าพวกซ่งฝูเซิงเป็นคนใช้ได้ ใช้ชีวิตอย่างตรงไปตรงมา อยากผูกมิตรด้วย จึงรวมกลุ่มกันสี่คนห้าคนวิ่งข้ามสะพานไปก่อน
จากนั้นคนในหมู่บ้านก็เริ่มรู้ข่าวมากขึ้น คนที่วิ่งข้ามสะพานมาก็เยอะขึ้นกว่าเดิม
ชายหญิง คนแก่ หนุ่มสาว ต่างวิ่งไปทางแม่น้ำ ซึ่งในนั้นก็ย่อมประกอบไปด้วยคนที่ตั้งใจมาดูเรื่องสนุก
บุคคลสำคัญคนที่สองก็คือ สะใภ้สี่ ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเช่นกัน
พอสะใภ้สี่ได้ยินป้าคนนั้นตะโกนว่ามีคนจะทะเลาะกัน ไปที่ฝั่งตรงข้ามแล้ว นางก็คิดว่าต้องไปส่งข่าวที่บ้านหัวหน้าตระกูลเหริน
ตอนนั้นสะใภ้สี่รีบโพกผ้า พลางไม่ลืมที่จะกำชับสามีตัวเองว่าให้รีบไปดูฝั่งนู้น ไปช่วยห้ามปรามหน่อย คอยช่วยตามความเหมาะสม
เนื่องจากสะใภ้สี่รู้ว่า ดูเหมือนพวกซ่งฝูเซิงจะไม่อยู่บ้านกัน
ช่วงนี้ออกไปแต่เช้า กลับมาเย็นกันทุกวัน นางเคยเห็น ไปกันทีก็หลายคน
อีกทั้งยังมาซื้อซีอิ๊วจากบ้านนางไปจนหมด กลัวว่าทางนู้นจะเสียเปรียบกัน
สะใภ้สี่คิดในใจ เริ่นจื่อฮ่าวนั่นมันอันธพาล ขยันสร้างความเดือดร้อนยิ่งกว่าพี่ชายทั้งสองคนของเขา ใครจะรู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาบ้าง
สะใภ้สี่จึงรีบวิ่งไปที่บ้านหัวหน้าตระกูลเหริน แต่ก็ช่างประจวบเหมาะเสียจริงที่หัวหน้าตระกูลเหรินไม่อยู่บ้าน
ช่วงนี้ผู้เฒ่าเหรินโหยวจินออกจากความทุกข์เรื่องหลานได้แล้ว เขาเป็นซิ่วไฉเก่า เริ่มกลับไปติดต่อเพื่อนเก่า ไปแวะเวียนเยี่ยมเยียนถึงบ้าน
แต่โชคดีที่พวกลูกๆ ของเริ่นโหยวจินอยู่บ้าน
รีบรวบรวมชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านแล้วรุดไปห้ามการปะทะที่อีกฝั่งของแม่น้ำ
ด้วยเหตุนี้คนในหมู่บ้านถึงมาได้ทันเวลา
อีกทั้งก็ว่ากันไปตามเหตุผล ครั้งนี้หลายคนในหมู่บ้านพูดอย่างยุติธรรมตอนช่วยห้ามศึก
บอกว่า “เริ่นจื่อฮ่าว แบบนี้ไม่เท่ากับเป็นอันธพาลมาหาเรื่องถึงบ้านหรอกเหรอ”
และก็มีบางคนที่ดึงตัวเริ่นจื่อฮ่าวไปกระซิบเกลี้ยกล่อมว่า “เจ้าคิดจะมาทำร้ายคนพวกนี้ คิดว่าพวกเขาไม่มีทางสู้เหรอ ไม่เชื่อเจ้าลองให้ชายหญิง คนแก่ หนุ่มสาว พวกนั้นลองพูดดูสิ พวกเขาไม่ยอมเสียเปรียบง่ายๆ หรอกนะ หมาป่ายังสู้มาแล้ว แค่คนจะเหลือเหรอ รีบกลับบ้านไป หยุดได้แล้ว”
ยังมีคนพูดอีกว่า “เจ้าเพิ่งกลับมา มีหลายเรื่องที่เจ้าไม่รู้ ถ้าเจ้าไม่รู้ก็รีบกลับบ้านไปถามพ่อเจ้าพี่รองของเจ้า และถ้ายังคิดไม่ตกเรื่องที่ว่าพ่อเจ้าป่วยได้ยังไงก็เข้าเมืองไประบายกับพี่ใหญ่ของเจ้านู่น”
พวกลูกชายของหัวหน้าตระกูลเหรินพูดด้วยความโมโหยิ่งกว่า “เริ่นจื่อฮ่าว เจ้าคิดว่าหมู่บ้านเหรินจยาเป็นบ้านเจ้ารึ ข้าจะบอกให้นะ พ่อข้าไม่อยู่ ยึดคำพูดพวกเราเป็นหลัก ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดู ลองกล้าพังบ้านพวกเขาดูสิ”
สรุปว่าคนในหมู่บ้านพูดกันทุกอย่าง เพียงเพื่อไม่ให้ลงไม้ลงมือ ยืนขวางอยู่ตรงกลาง แยกเริ่นจื่อฮ่าวกับพวกท่านลุงซ่งออกจากกัน
ขณะที่ทุกคนกำลังพยายามเกลี้ยกล่อม เริ่นจื่อจิ่วกับเริ่นกงซิ่นก็เดินมาพร้อมกับช่างสองคน
ครั้งนี้ดูเหมือนจะโทษเริ่นกงซิ่นไม่ได้จริงๆ
อีกทั้งฟังจากที่เริ่นกงซิ่นพูด เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าลูกชายคนสามพาคนมาก่อเรื่อง
พอเริ่นกงซิ่นเข้ามาในลานบ้านก็ตะโกน “เจ้าจะให้พ่ออายุยืนอีกหลายปีหน่อยไม่ได้หรือไง! ข้าสู้พวกเขาไม่ได้ ข้ายอมพวกเขาแล้ว เจ้าสาม พวกเรายอมรับแล้ว เลิกสร้างความเดือดร้อนเสียที! คิดเสียว่าบ้านเรา บ้านเราพ่ายแพ้ให้พวกเขาอย่างหมดท่า หมดท่าแล้ว!”
ขณะที่ตะโกนคำพูดนี้ คาดว่าในใจของเริ่นกงซิ่นไม่ได้รู้สึกยอมแพ้จริงๆ ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ยังเจือไปด้วยความโกรธ หายใจหอบตะโกนคำพูดพวกนี้จนจบ ทันใดนั้นร่างกายก็หดเกร็ง ล้มตึงลงไปบนพื้นในสภาพตาเหลือก
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำเอาทุกคนตกอกตกใจ
ดวงตาของเริ่นจื่อฮ่าวแดงก่ำ ด่าโคตรเหง้าบรรพบุรุษของท่านลุงซ่ง ด่าท่านลุงซ่งว่าเฮงซวย ถ้าวันนี้พ่อของเขามีอันเป็นไปจะให้ทุกคนชดใช้ด้วยชีวิต
จากนั้นพวกซ่งฝูสี่ก็ตีกับเริ่นจื่อฮ่าวอีกรอบ
คนในหมู่บ้านไม่มีเวลาเข้าห้ามแล้ว พากันไปดูว่าเริ่นกงซิ่นเป็นอย่างไร
เริ่นจื่อจิ่วประคองเริ่นกงซิ่น “ท่านพ่อ ท่านพ่อ” เรียกพ่ออย่างต่อเนื่อง เอามือกดจุดใต้จมูกไม่หยุด
ท่านลุงซ่งเห็นสถานการณ์โกลาหลก็กลืนน้ำลายด้วยความกังวล คิดในใจ แบบนี้ไม่ได้การแล้ว
ถ้าเริ่นกงซิ่นตายอยู่ที่นี่แบบนี้ก็จะอธิบายยากแล้ว ไม่ต้องสนว่าก่อนหน้านี้จะมีเหตุผลขนาดไหน ทุกคนก็จะจำแค่ว่าเริ่นกงซิ่นล้มลงที่บ้านของพวกเขา
ชายชราร้อนใจ กัดฟัน ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ล้มลงกับเขาบ้าง
ทำไมต้องนอนลงน่ะเหรอ เขาคิดไว้แบบนี้
คนพวกนี้มาหาเรื่องที่บ้านพวกเรา โมโหจนล้มไป เช่นนั้นข้าก็จะล้มบ้าง บอกว่าโมโหพวกเจ้าจนสลบไป แค่นี้เราก็เสมอกันแล้ว
พวกซ่งฝูสี่ที่เป็นผู้ชาย พอเห็นท่านลุงซ่งล้มลงก็พากันตะโกนพร้อมกับพวกผู้หญิง “ท่านลุงซ่ง ท่านลุงซ่ง!”
ลุงใหญ่ของซ่งฝูเซิงตกใจมาก คุกเข่าลงข้างตัวท่านลุงซ่ง รีบโผเข้าหา
แต่ต่อมาเขาก็เบาใจ ท่านลุงซ่งหลับตาอยู่ แต่แอบบีบมือเขา
คราวนี้เนื่องจากล้มลงฝ่ายละคน ไม่มีใครยอมใคร พวกชาวบ้านก็กลับเข้าสู่สถานะห้ามศึกฉุกเฉินอีกครั้ง ตะโกนขึ้น “ใจเย็นๆ ไปตามหมอมาก่อน”
เรื่องหลังจากนั้นก็คือ อยู่ๆ ซ่งฝูเซิงก็กลับมา เบียดฝูงชนเข้าไปตบหน้าเริ่นจื่อฮ่าว
ซ่งฝูเซิงเป็นใคร เป็นเสาหลักของอีกฟากของแม่น้ำ
พอเห็นซ่งฝูเซิงลงไม้ลงมือ เกาเถี่ยโถวกับพวกต้าหลังก็พุ่งเข้าบ้างราวกับฉีดยากระตุ้นมา วิชาชกต่อยที่ช่วงนี้เรียนมาจากซื่อจ้วง ได้งัดเอามาใช้กับคนพวกนี้ทั้งหมด
ท่านลุงซ่ง สถานการณ์ชักอลหม่าน เขาควรจะฟื้นได้แล้วหรือเปล่า
ฝูเซิงของเขาคงไม่ได้คิดว่าเขามีอันเป็นไปแล้วหรอกนะ เกิดทำจนทางนั้นตายเพื่อเป็นการล้างแค้นให้เขาล่ะจะทำอย่างไร