ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 382
ท่านย่าหม่าคิด ทำไมคนพวกนี้หน้าคุ้นๆ
ถ้าท่านยายฉีที่อยู่สาขาเมืองถงเหยาอยู่ตรงนี้ จะต้องบอกท่านย่าหม่าแน่นอนว่า
‘คนพวกนี้ไม่ใช่พวกยายที่หัวเราะเสียงดังตอนพวกเราไปตะโกนด่าเมื่อคืนเหรอ’
แต่ว่าท่านยายฉีไม่อยู่
ทันใดนั้นกระดิ่งจากในครัวก็ดังขึ้น ท่านย่าหม่ารับแฮมเบอร์เกอร์ที่ห่อเสร็จแล้วมายื่นให้ลูกค้าผู้ชายที่กลางฤดูหนาวแบบนี้ยังจะโบกพัด “ท่านลูกค้า ซาลาเปาฮั่นหกลูกได้แล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณที่มาซื้อ นี่เงินทอนสิบสองเหวินเจ้าค่ะ”
ลูกค้าชายโบกพัด ไม่รับเงินทอน รับของมาแล้วเดินออกไปทันที
เขามาจากร้านหนังสือด้านข้าง
ส่วนเหล่าหญิงสูงวัยในเวลานี้ สะใภ้ใหญ่เกาถูฮูกำลังต้อนรับอยู่
โปรดให้อภัยสะใภ้ใหญ่เกาถูฮู นางยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ว่าคนพวกนี้มาจากหมู่บ้านเดียวกัน
อย่างไรเสีย พวกนางที่เป็นสะใภ้อายุน้อย ยิ่งทุ่มเทให้กับการหาเงินเข้าไปใหญ่ วันๆ ออกแต่เช้า กลับค่ำ พวกป้าอ้วนที่โผล่มาเข้าซีนบ่อยๆ พวกนางก็แทบไม่รู้จัก
ใบหน้าของเสี่ยวเกามีแต่รอยยิ้มตามจรรยาบรรณในอาชีพ พอเสี่ยวเย่ว์เลือกเสร็จ นางก็ใส่ถุงมือหยิบออกมา
แต่พวกยายๆ ในหมู่บ้านกลับรู้จักท่านย่าหม่า
คราวนี้ไม่ต้องให้เสี่ยวเย่ว์กำชับพวกนางว่าอย่าพูดจาส่งเดชแล้ว พวกนางเงียบโดยอัตโนมัติทันที เอาแต่จ้องท่านย่าหม่าราวกับถูกสกัดจุดไว้
พวกนางจ้องท่านย่าหม่าขนาดนั้น ท่านย่าหม่าเองก็ไม่ได้โง่ โดยเฉพาะนางเองก็รู้สึกคุ้นหน้าเหมือนกัน เก็บเงินสิบสองเหวินไป ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากถาม เสียงกระดิ่งที่ประตูก็ดังขึ้นมาอีก
เถ้าแก่เนี้ยร้านเสื้อผ้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเข้ามา
พอเถ้าแก่เนี้ยคนนี้เข้ามาก็หันไปยิ้มให้สะใภ้ใหญ่ของเกาถูฮูก่อนเพื่อบอกว่า เจ้าทำงานไปเถอะ จากนั้นก็หันไปถามอย่างอารมณ์ดี “ท่านยาย ช่วยจัดการให้ข้าหรือยัง”
ท่านย่าหม่าก็ยืนขึ้น เดินออกจากเคาน์เตอร์คิดเงินไปคุยกับนาง
“จะลืมได้อย่างไร อำเภอจยาใช่ไหม บอกน้องชายของเถ้าแก่เนี้ยให้ไปรับได้เลย…
…ถ้าเถ้าแก่เนี้ยซื้อที่นี่แล้วค่อยให้คนเอาไปให้บ้านแม่ ออกจะยุ่งยากไปหน่อย ทั้งยังต้องเสียเวลากลับมาอีก…
…วันหน้าก็เหมือนกัน ต้องการอะไร ต่อให้ร้านทางนั้นไม่มี เถ้าแก่เนี้ยก็ดูแล้วสั่งจากที่นี่ ข้าจะให้คนที่ร้านอำเภอจยาเอาไปให้ จะได้ไม่ต้องไปๆ กลับๆ”
เถ้าแก่เนี้ยร้านเสื้อผ้ายิ้มพลางพูด “แบบนั้นข้าก็วางใจแล้ว กลัวเขาไปเสียเที่ยว ประเดี๋ยวจะมาบ่น น้องชายของข้าเป็นคนใจร้อน ท่านยาย ขอบคุณท่านมาก แถมยังลดให้ข้าด้วย”
“เถ้าแก่เนี้ย แบบนี้เรียกว่าญาติที่อยู่ไกลยังไม่สู้เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ไว้ข้าไปซื้อผ้าจากร้านเถ้าแก่เนี้ย เถ้าแก่เนี้ยก็ลดให้เหมือนกันไม่ใช่หรือ เหตุผลเดียวกันใช่ไหมล่ะ”
“เหตุผลเดียวกัน ท่านยายพูดถูก ไว้ท่านยายต้องไปซื้อผ้าที่ร้านข้าให้ได้ ข้าจะรอ”
“วางใจได้ ไว้ถึงตอนนั้นจะซื้อมากหน่อย บ้านข้ามีเยอะอยู่อย่างเดียวคือจำนวนคน”
“ท่านยาย ไม่ต้องส่ง ข้าไปก่อน ใกล้ปีใหม่ทุกคนต่างยุ่ง ชั้นบนของท่านยายก็ยังมีลูกค้าอีก”
“ไม่เป็นไร ส่งแค่นี้เอง”
ทั้งสองคนพูดอย่างยิ้มแย้มพลางเดินออกจากร้าน
ตอนที่ท่านย่าหม่าสวมผ้าโพกผมกลับเข้าร้านมองไปยังกลุ่มยายๆ พวกนั้นอีกครั้ง
เหล่าหญิงสูงวัยก็ยืนตัวเกร็งหันไปมองนาง
“เดี๋ยวนะ ทำไมข้ารู้สึกคุ้นหน้าพวกเจ้า”
เสี่ยวเย่ว์ยิ้มให้สะใภ้ใหญ่เกาถูฮูอย่างสุภาพ พอได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองท่านย่าของนาง
พอมองไปถึงได้รู้สึกว่า นั่นสิ ตั้งแต่เข้าร้านมา ท่านย่าของนางก็ไม่ส่งเสียงเลย
“ท่านย่า?”
ท่านย่าไม่สนใจนาง แต่ชี้ท่านย่าหม่าพลางพูด “ข้ามาจากหมู่บ้านเหรินจยา”
พวกยายๆ ที่เหลือก็รีบแนะนำตัว “พวกเรามาจากหมู่บ้านเหรินจยา พวกเรารู้จักเจ้า”
สะใภ้ใหญ่เกาถูฮูกับสะใภ้เล็กยายหวังต่างมองหน้ากัน
เสี่ยวเย่ว์เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ท่านย่าของนางรู้จักเจ้าของร้านนี้ด้วยเหรอ
“อ๋อ” ท่านย่าหม่ากระจ่างทันที ในที่สุดนางก็นึกออกว่าเป็นพวกยายๆ ที่หัวเราะเสียงดังเมื่อคืน
ถึงว่า รู้สึกเหมือนเคยเจอที่ไหน
ท่านย่าหม่าก็ยังคงให้เกียรติ “มาจากหมู่บ้านเดียวกันนี่เอง เสี่ยวหวัง ไปรินน้ำ พวกเจ้าเข้าเมืองมาตั้งแต่เมื่อไร”
สายตามองไปที่ยายบ้านเลี้ยงหมู
ยายบ้านเลี้ยงหมูตอบทันที “เพิ่งมา”
น้ำมาแล้ว สายตาของท่านย่าหม่าเบนไปที่สะใภ้เก้า “มาๆๆ นั่งกันก่อน ดื่มน้ำหน่อย พักเท้าให้หายเมื่อย”
สะใภ้เก้าเหลือบมองเก้าอี้กับโต๊ะกลม มีระดับสุดๆ จึงรีบส่ายมือพลางพูด “ไม่ล่ะ ข้ามาซื้อขนมเป็นเพื่อนหลาน ไม่นั่งหรอก”
“นั่งเถอะ นั่งๆ”
“ไม่ล่ะ ไม่จริงๆ” เหล่าหญิงสูงวัยก็พากันส่ายมือ
ชวนนั่งแล้วไม่นั่ง ก็ยิ่งรั้งไว้ไม่ได้แล้วหรือเปล่า
ท่านย่าหม่าหันไปมองเสี่ยวเย่ว์แล้วถามสะใภ้เก้า “นี่หลานสาวคนโตของเจ้าหรือ”
สะใภ้เก้ายิ้มพลางพยักหน้า “ใช่ หลานสาวคนโตของข้าเอง”
ท่านย่าหม่าถามเสี่ยวเย่ว์ “เลือกเสร็จแล้วหรือ”
เสี่ยวเย่ว์ค่อนข้างงงว่ามันเรื่องอะไร แต่ใบหน้าก็ยังคงยิ้มแย้มพูดอย่างสุภาพ “เจ้าค่ะ เลือกเสร็จแล้ว”
ท่านย่าหม่ามองสะใภ้ใหญ่ของเกาถูฮู ทั้งสองคนสบตากันก็เข้าใจ
นางกลับเข้าไปที่เคาน์เตอร์คิดเงินอีกครั้ง คิดเงินพลางพูด “ขนมของเจ้าต้องคิดเงินใหม่”
สะใภ้เก้าใจหายวาบ ไอ๊หยา นางสังหรณ์ใจไม่ดี คิดว่าความหมายในคำพูดนี้ก็คือจะขึ้นราคา
ท่านย่าหม่าลดราคาขนมหกอย่างที่เสี่ยวเย่ว์ซื้อ ทั้งหมดลดไปสิบหกเหวิน
ตอนส่งออกจากร้าน นางพูดว่า
“ข้าอยู่หมู่บ้านเดียวกับท่านย่าเจ้า จะให้คิดราคาเต็มคงไม่ได้หรอก เจ้าแต่งเข้ามาอยู่ในเมือง ต่อไปก็มาบ่อยๆ นะ”
พออยู่หน้าร้าน เสี่ยวเย่ว์ก็เรียกว่าท่านย่าหม่าแล้ว “บ้านแม่อยู่ไกล ต่อไปถ้าคิดถึงบ้าน ข้าก็มีที่ให้มาแล้ว ท่านย่าหม่า ไว้ถึงตอนนั้นถ้าข้ามารบกวนก็อย่ารำคาญข้านะเจ้าคะ”
ท่านย่าหม่าก็ยิ้มพลางพูด “จะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร พวกเรายินดีต้อนรับอยู่แล้ว”
หันตัวเดินเข้าร้าน เป่าจูถามด้วยความสงสัย “ท่านสนิทกับพวกนางหรือเจ้าคะ”
“อ๋อ ก็สนิท” ท่านย่าหม่าไม่ได้เก็บมาคิด นางกลับเข้าเคาน์เตอร์คิดเงินไปวาดรูปสินค้าที่สั่งจองของวันนี้
กลับเป็นท่านยายเถียนที่ส่ายหน้าให้เป่าจู ยิ้มพลางพูด “สนิทกับผีสิ ซื้อหกอย่าง ลดให้แค่สิบหกเหวิน แบบนั้นสนิทรึ อย่าโดนนางหลอก ท่านย่าหม่าของเจ้าน่าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกนางแซ่อะไร”
เป่าจูกลั้นขำไม่อยู่ “แต่ฟังจากที่คุย รู้สึกเหมือนสนิทสนมกัน”
สะใภ้เล็กยายหวังกลุ้มใจ “เจ้าว่าพวกนางกลับไปจะเอาไปโพนทะนาไหม แย่แล้ว คราวนี้แย่กว่าเมื่อวานอีก เปิดเผยหมดแล้ว คอยดูแล้วกัน ไม่รู้ว่ากลับหมู่บ้านจะเอาไปพูดกันอย่างไรบ้าง”
สะใภ้ใหญ่เกาถูฮูใส่ถุงมือ
ก้มตัวจัดขนมในตู้พลางตอบ “ช่างมันเถอะ พวกเราไม่ได้ไปลักขโมยใครเสียหน่อย พวกนางเองก็ไม่ได้มายืมเงินพวกเรา อย่างมากสุดก็แค่ความสัมพันธ์ที่ลดให้สิบหกเหวิน”
บนถนนกลางนอกร้าน
พวกย่าหม่าคิดแค่ว่าเป็นสีสันเล็กน้อยที่ให้ชื่อว่า ‘สิบหกเหวิน’ แต่คนพวกนั้นกลับไม่คิดแบบนี้
โดยเฉพาะเสี่ยวเย่ว์
ในหมู่บ้านมีบุคคลสุดยอดขนาดนี้ปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไร
ในหมู่บ้านเหรอ ในหมู่บ้าน
ถ้าท่านย่าหม่าไม่ยอมรับด้วยตัวเอง ต่อให้ท่านย่าของนางพูดจนปากฉีก นางก็ไม่มีทางเชื่อ
“ท่านย่า พวกท่านย่าไม่เห็นป้ายหน้าร้านหรือ ก่อนเข้าร้านข้ายังจงใจชี้ให้พวกท่านดูอยู่ ตอนอยู่นอกร้านพวกท่านจำไม่ได้หรือ”
เหล่าหญิงสูงวัยพวกสะใภ้เก้าพากันหันไปมองป้ายร้าน คิดในใจ ไม่ได้สมจริงสักนิด ใครวาดกันเนี่ย ไม่มีรอยเหี่ยวย่นแม้แต่รอยเดียว
อีกอย่าง ไม่กล้าคิดไปในทางนั้น
เพราะพวกนางก็คิดเหมือนหลานสาว จะเป็นไปได้อย่างไร ใช่ไหมล่ะ
“ข้ารู้แล้ว กลิ่นน้ำตาลนั่น” ทันใดนั้นยายบ้านเลี้ยงหมูก็พูดอย่างมีลับลมคมใน