ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 386 / ตอนที่ 387 ฮี่ๆ
ตอนที่ 386
เจ้านายเฉินพร้อมเถ้าแก่กับพวกเสี่ยวเอ้อมาโค้งตัวส่งคุณชายทุกท่านที่กินกันจนอิ่มหมีพีมัน
เสี่ยวเฉวียนจื่อที่รั้งท้ายหันกลับไปมอง ดีดเศษเงินไปหนึ่งก้อน เข้ามือของเจ้านายเฉินอย่างแม่นยำ
ใบหน้าอวบอ้วนของเจ้านายเฉินยิ้มกว้างเป็นจานเชิงขึ้นมาทันที สองมือประคองก้อนเงินที่เป็นรางวัล
ผู้ติดตามของคุณชายเซี่ยจ่ายเงินค่าอาหารไปก่อนแล้ว นี่เป็นการตกรางวัล
ให้รางวัลก็แสดงว่าอาหารของพวกเขาถูกปาก บ่าวรับใช้ของคุณชายลู่เป็นคนเอาให้
ฮี่ๆ จะใช่เพราะรู้ว่าเขากับน้องซ่งเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันหรือเปล่านะ
ภายในร้านขนมเค้กแห่งความสุขของย่าหม่า
เป่าจูนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์คิดเงิน จดเงินที่รับมา เก็บเงินให้เรียบร้อย รอท่านย่าหม่ากลับมาต้องเอาให้ทีละรายการ
เวลานี้ตรงโต๊ะกลมหลายตัวข้างหน้าเคาน์เตอร์มีแขกนั่งอยู่ มีทั้งชายและหญิง แขกผู้หญิงกำลังจับลูกของตัวเองไม่ให้มายุ่งที่หน้าเคาน์เตอร์ กำลังรอเสี่ยวเกาใส่ขนม
หวังจงอวี้ที่อยู่ในชุดที่ดีที่สุดของบ้าน รับหน้าที่รับส่งแขกอยู่ที่ประตูร้าน ได้ยินเขาถามขึ้นอยู่เรื่อยๆ “ซื้อถังหูลูไหมขอรับ นั่นของปลอม อย่าให้เด็กกัดนะขอรับ มีของจริง มีขอรับ ไม่แพง ด้านบนโรยงา มาๆๆ ทางนี้ขอรับ เดี๋ยวเอาให้ดู”
บางครั้งบางคราวยังต้องคอยขายถังหูลูกับเสวี่ยเกา เสวี่ยเกาเมื่อเทียบกับถังหูลูสีแดงสด ยังคงขายยากกว่า
ที่ชั้นบน ต้าเนียนปากับต้าหลัง ญาติผู้พี่ของซ่งฝูหลิงแห่งครอบครัวซ่งฝูกุ้ยกำลังยกชามข้าวที่สับเปลี่ยนแล้วกับถ้วยเปล่าเดินเรียงกันลงมา
วันนี้เป็นพวกเขาสองคนกับอาอีกสองคนในบ้านมาช่วยงาน
ช่วงนี้ท่านลุงซ่งก็ส่งคนไปช่วยงานที่ร้านขนมอื่นๆ ที่อยู่อำเภอนอกเมืองเหมือนกัน
“ของโต๊ะสามเสร็จหรือยัง” ต้าหลังเอากาชานมกับถ้วยที่เก็บลงมายื่นให้ในครัว
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” ภรรยาของหวังจงอวี้เอียงหูถาม มีเสียงตะโกนชื่นชมจากด้านบนดังขึ้นพอดี ไอ๊หยา นี่เล่าถึงไหนล่ะเนี่ย เสียงดังขนาดนี้ ฟังอะไรไม่ได้ยินแล้ว
ลูกค้าที่รอขนมอยู่ชั้นล่างก็เงยหน้ามองบันไดด้วยความสงสัย
“ท่านป้า น้ำแกง น้ำแกงเผ็ด”
ต้าเนียนปาเตือนอยู่ด้านหลัง “ป้าหวัง ขาดแป้งผีผีของโต๊ะหนึ่งด้วยนะ”
ทันใดนั้นเองเสียงกระดิ่งที่ประตูก็ดังขึ้น
คุณชายสามท่านเดินเข้ามาพร้อมผู้ติดตามประจำตัว
หวังจงอวี้ถือถังหูลูหนึ่งไม้ที่คนข้างนอกจะซื้อเดินตามเข้ามาด้วย เบียดเข้ามาในร้านไม่ได้แต่รีบจัดแจง “ใครว่าง รีบมานี่ คุณชายลู่มาแล้ว เชิญไปด้านบนเร็ว”
หวังจงอวี้ดีใจมากที่ได้เจอลู่พั่น นี่คือคนรู้จักมักคุ้นของพวกเขาเชียวนะ
เสี่ยวเกาที่กำลังหยิบขนมผุดรอยยิ้มบนใบหน้าทันที
ไม่ใช่รอยยิ้มต้อนรับแบบสุภาพ แต่เป็นรอยยิ้มที่มาจากใจ นางพูดขึ้น “แม่ทัพเล็กมาแล้ว ไม่เจอนานเลยนะเจ้าคะ”
เสี่ยวเฉวียนจื่อ “…” ทำไมเจ้าเป็นกันเองขนาดนี้
เซี่ยเหวินอวี่หลุดหัวเราะ
หลินโส่วหยางก็เหลือบมองลู่พั่น คิดในใจ หมินหรุ่ย แม่ทัพก็แม่ทัพสิ ทำไมเจ้ายังกลายเป็นแม่ทัพเล็กด้วย
ลู่พั่นพยักหน้าให้ทุกคนเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าแค่ชั้นหนึ่งก็มีลูกค้ามาซื้อขนมมากขนาดนี้
ที่ชั้นสองเวลานี้ มีเสียงชื่นชมดังขึ้นมาอีกรอบ
ลู่พั่นชี้นิ้วให้ต้าหลัง ความหมายคือเขาต้องการขึ้นชั้นบน
ตรงชั้นบนมีเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากหัวบันได
ซุ่นจื่อเพิ่งเก็บเงินเสร็จ จดรายการ คิดไว้ว่ารอต้าหลังกับต้าเนียนปาขึ้นมาก็จะยื่นเงินให้ ให้พวกเขาลงไปเอาของที่ลูกค้าเพิ่งสั่ง
ตรงรักแร้ของซุ่นจื่อหนีบรายการอาหารไว้ เล่มรายการอาหารค่อนข้างหนัก เอาวางบนเก้าอี้ นั่งทับลงไปกลายเป็นที่รองนั่ง
เขามองนักเล่าเรื่องที่ยิ้มอยู่ด้านหน้า พลางหยิบถั่วลิสงในจานริมหน้าต่างมาโยนเข้าปากสองสามเม็ด ฟังถึงตอนที่สนุก คนที่นั่งด้านหลังนำปรบมือพลางพูดชม
เพิ่งโยนถั่วลิสงเข้าปากไปได้เม็ดเดียว ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่ป้าบเข้ามา ซุ่นจื่อคิดในใจ อะไรวะ ขัดจังหวะข้า มีอะไรก็พูดมาสิ มาตีข้าทำไม
หน้านิ่วหันไปมอง ขณะที่กำลังจะด่า “อึก!”
ตอนที่ 387 ฮี่ๆ
ซุ่นจื่อจะกลืนก็กลืนไม่ลง จะคายก็คายไม่ออก กลั้นจนหน้าแดง ถลึงตามองคุณชายตัวเองแล้วไอออกมา
คุณชายของเขาเหลือบมองไปที่หน้าต่าง นอกจากจานถั่วแล้ว บนนั้นยังมีอีกจานหนึ่ง ในจานมีโดนัทสีเขียวที่ถูกกัดไปแล้วครึ่งหนึ่ง ข้างกันมีถ้วยหนึ่งใบใส่ชานม ไอร้อนลอยขึ้นมา ทั้งหมดนี้เป็นของกินเล่นของซุ่นจื่อ
ซุ่นจื่อมองตามสายตาของลู่พั่น ยกถ้วยชานมของเขาขึ้นมาจิบสองสามคำ คุณชายเป็นห่วงเขา เห็นเขาสำลักจึงส่งสัญญาณบอกเขาว่าอย่ากลัว ไม่เป็นไร ดื่มน้ำชากลืนลงไปแล้วค่อยพูด
เสี่ยวเฉวียนจื่ออยู่ด้านหลังลู่พั่น เห็นอาจารย์ของเขาตั้งแต่ต้น คิดในใจ อาจารย์ไม่ได้พักผ่อนอยู่หรอกเหรอ ทำไมหนีมาที่นี่ล่ะ
แขกที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหลังพอได้ยินเสียงก็หันมามอง จากนั้นก็หุบยิ้มทันที พากันยืนขึ้น
ต่อมาโต๊ะที่อยู่ตรงกลางค่อนมาทางด้านหลังก็ถูกคนรู้จักสะกิดให้ดู และก็เงียบไปเช่นกัน
ลูกค้าที่มามีทหารจำนวนมาก ต่อให้ไม่ใช่ลูกน้องของลู่พั่นก็คุ้นหน้าลู่พั่นเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น ในนี้ยังมีคนของค่ายเสินจี ให้ผู้บัญชาการมาเห็นว่าอยู่ที่นี่ในช่วงพักมันจะดีเหรอ
ยังมีคุณชายหลายโต๊ะที่หันมามอง ก็ยืนขึ้นเช่นกัน พยักหน้าให้ลู่พั่นกับพวกหลินโส่วหยาง ทำท่าเชื้อเชิญ อยากเอาโต๊ะให้
มีแค่ลูกค้าโต๊ะสองแถวแรกที่ไม่ได้รับผลกระทบ โต๊ะหนึ่ง เกิ่งเหลียงกำลังถือกาเหล้าข้าว รินเหล้าให้พวกเพื่อนๆ อยู่ ให้ดื่มด้วยกัน
เสี่ยวเฉวียนจื่อมองหลังเกิ่งเหลียงพลางคิดในใจ เหอะ ตรงนั้นยังมีอีกหนึ่งนอกจากอาจารย์ รองผู้บัญชาการเกิ่งได้หยุด ก็ไม่รู้จักอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่เตรียมขึ้นปีใหม่ ไม่อยู่กับภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้าบ้านไปได้ไม่นาน แต่กลับหนีมาอยู่ที่นี่
ลู่พั่นทำไม้ทำมือบอกให้คนที่ยืนอยู่นั่งลง อย่ารบกวนนักเล่าเรื่องที่อยู่ข้างหน้า
จากนั้นก็เดินไปนั่งโต๊ะมุมของแถวสุดท้าย
ต้าหลังถามเขา “ให้หาโต๊ะให้ไหมขอรับ”
ลู่พั่นตอบ “ไม่เป็นไร นั่งสักพักก็ไปแล้ว”
เซี่ยเหวินอวี่กับหลินโส่วหยางกระซิบ “ตอนพวกเรามาไม่เห็นมีการต้อนรับแบบนี้เลย คราวก่อนพวกเราก็นั่งกันตรงนี้”
ถูกต้อง ร้านนี้เจ๋งไม่เบา
เมื่อก่อนเวลาพวกเขาไปไหน ต่อให้ไม่มีที่ก็ต้องหามุมดีๆ ให้พวกเขา
แต่ร้านขนมเค้กแห่งความสุขของย่าหม่าไม่ใช่แบบนั้น ตกรางวัลให้ก็ไม่มีประโยชน์ ใครมาก่อนได้ก่อน
เจ๋งถึงขั้นไหนน่ะเหรอ
เคยมีคุณชายจากหลายบ้าน ก็เหมือนเซี่ยเหวินอวี่ที่อยากมาขอซื้อหนังสือเรื่องเล่า ร้อนใจอยากอ่าน อ่านเร็วกว่าฟัง ท่านย่าหม่าตอบไปทันที นางกล้าบอกว่าไม่มี
พร้อมทั้งยังบอกอีกว่า ที่นักเล่าเรื่องก็เหมือนกัน เขาเล่าถึงไหนพวกเราก็ให้ถึงตอนนั้น ไปข่มขู่เขาก็ไม่มีประโยชน์
ตอบได้จุกอกคนถามมาก
แต่คุณชายที่อยู่ในเมืองเฟิ่งเทียน คนที่หูตากว้างไกลหน่อยต่างรู้ว่าเจ้านายที่แท้จริงของร้านนี้คือใคร วันเปิดร้านเสียงดังเอิกเกริกขนาดนั้น อยากจะทำเป็นไม่รู้ก็คงเป็นไปไม่ได้
ที่นี่ไม่เหมือนโรงเตี๊ยมอีผิ่นเซวียนที่อยากจะข่มขู่ก็ทำได้
ได้แค่ถามไปแบบนั้น พออีกฝ่ายตอบกลับมาว่าไม่ให้ก็ต้องล้มเลิกความคิด ยังจะทำไงได้อีก
นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วงนี้ย่าหม่าตกผลึกออกมาได้
ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าการร่วมมือเปิดร้านกับคุณหนูสามหมายความว่าอะไร
เอาแค่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ย่าหม่ายังเคยแอบระบายกับซ่งฝูหลิง ความหมายประมาณว่า
“พั่งยา ตอนนี้ย่าว่าย่าเข้าใจแล้ว ทำการค้าเล็กๆ ยังพอไหว แต่ถ้าเข้าเมือง อยากยืนได้อย่างมั่นคง เปิดกิจการใหญ่โตน่ะไม่ง่าย…
…ต่อให้ของๆ เจ้าคนอื่นทำไม่เป็น ก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน…
…พวกเราอยากขายแต่เพียงผู้เดียวงั้นเหรอ คนอิจฉาสามารถทำให้เจ้าหายไปอย่างโดดเดี่ยวได้…
…ต่อให้เจ้ามีวิธีดึงลูกค้า แต่ดึงมาแล้วอย่างไรล่ะ ไม่ต้องให้พวกคนชั้นสูงมาข่มขู่เจ้าหรอก แค่จ้างนักเลงไม่กี่คนมาก่อกวนก็พอแล้ว แค่นี้เจ้าก็แทบไม่ต้องคิดเรื่องจะไปขึ้นศาลาว่าการกับคนพวกนั้นหรอก…
…ดังนั้นย่าถึงได้เข้าใจแล้วว่า ที่พึ่งสำคัญมาก…
…คุณหนูสามแทบไม่ต้องออกมาอยู่ร้าน แค่ใช้ชื่อก็เพียงพอให้พวกเราได้พึ่งพาอาศัย แต่สกุลลู่ไม่ใช่คนแย่แบบนั้น ลูกๆ ที่พวกเขาเลี้ยงออกมา แต่ละคนสูงส่งมีคุณธรรม…
…มีแค่พวกคนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเท่านั้นแหละ ถึงจะรังแกราษฎร”
ตอนนั้นคำพูดนี้ของท่านย่าหม่าทำให้ซ่งฝูหลิงรู้สึกได้ถึงความโหดร้ายของการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจนในสมัยโบราณอีกครั้งหนึ่ง
วันนั้นซ่งฝูหลิงรู้สึกสะเทือนใจคำพูดนี้ของท่านย่าหม่า ยังได้บอกพ่อของนางว่า “ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะฟื้นคืนการสอบจอหงวนได้ ท่านพ่อ พอถึงตอนนั้นท่านต้องตั้งใจสอบให้ดี ต่อให้ท่านพ่ออายุห้าสิบก็ต้องไปสู้เพื่ออนาคต เพื่อเปลี่ยนแปลงฐานะครอบครัวนะ”
ซ่งฝูเซิงถึงกับสะดุ้ง หันไปแอบปลอบใจตัวเอง ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ สอบจอหงวนไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้หรอก
ซุ่นจื่อพบว่าตัวเองหมดทางให้ประจบแล้ว ต้าหลังกับต้าเนียนปายกของกินเล่นยกขนมขึ้นมาประหนึ่งมีงานเลี้ยง ขาดก็แค่น้ำแกงกับข้าวสวย แต่นั่นก็เพราะคุณชายห้ามไว้ บอกว่ากินมาแล้ว
ส่วนเสี่ยวเฉวียนจื่อที่เป็นลูกศิษย์ของเขาก็คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ รีบชิงยื่นผ้าเช็ดมือที่กำลังร้อนๆ ให้คุณชายก่อน
ซุ่นจื่อครุ่นคิด จากนั้นก็แอบเข้าไปที่แถวหน้า
ค่อยๆ ขยับ พยายามทำให้เกิดเสียงน้อยที่สุดโดยไม่ส่งผลกระทบต่อนักเล่าเรื่อง เอาแบบจำลองของลูกพี่ใหญ่เข็นออกไป
พวกเกิ่งเหลียงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะแถวหน้าต่างงงกันหมด ซุ่นจื่อฉวยโอกาสนี้ขยิบตาให้เกิ่งเหลียง บอกให้หันไปข้างหลัง
เกิ่งเหลียงยกถ้วยเหล้าข้าวแล้วหันไป มองหารอบๆ พอเห็นแถวสุดท้ายตรงมุม “แค่ก แค่กๆ” ไอเสร็จปากก็ไม่ขยับแต่มีเสียง เตือนพวกเพื่อนๆ “แม่ทัพมา”
ส่วนลู่พั่นในเวลานี้สีหน้ากำลังสนใจ นั่งพิงเก้าอี้ กอดอกมองนักเล่าเรื่อง ในความเป็นจริงเขาฟังแล้วก็งง ไม่ค่อยเข้าใจ
แต่พอซุ่นจื่อเข็นรถแบบจำลองมา ลู่พั่นก็นั่งตัวตรงทันที ขมวดคิ้วมองแบบจำลอง
หลินโส่วหยางมอง เขากะแล้วว่าต้องทำหน้าแบบนี้
เซี่ยเหวินอวี่ยิ้มพลางพูด “กะแล้วนิสัยของทหารอย่างพวกเจ้า นี่เป็นเรื่องเล่าจากจินตนาการ เริ่มต้นจะเอ่ยถึงภูมิหลังก่อน รู้ไหมว่าอะไรคือจินตนาการ”
อันที่จริงเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจ
แต่ว่าเขาได้ฟังมาบ้างแล้ว จึงยืนขึ้น เอาพัดในมือชี้ให้ลู่พั่นดู พลางเล่าอย่างภูมิใจ
“เห็นแม่น้ำปลอมสายนี้ไหม เรียกว่าช่องแคบอังกฤษ ส่วนพื้นที่ตรงนี้เรียกว่าแคว้นธงข้าว ตรงนั้นเรียกแคว้นฝ่า มีแม่น้ำสายนี้กั้นอยู่ตรงกลาง…
…ดังนั้น ตอนนี้แคว้นเหยี่ยวบุกยึดที่นี่ ถ้าอยากจะไปต่อก็ต้องข้ามทะเล รู้หรือไม่ว่าในเรื่องเขาข้ามทะเลกันอย่างไร…
…เครื่องบิน เครื่องบินที่เหมือนนกยักษ์ คนนั่งอยู่ในนั้นก็ขึ้นไปบนฟ้าได้ ลอยขึ้นลอยลงทำให้หูอื้อ พวกเราเงยหน้ามองฟ้าเห็นพวกก้อนเมฆ เจ้าเครื่องนกยักษ์บินอยู่บนฟ้า ยื่นมือออกไปก็คว้าก้อนเมฆได้…
…อันนี้คือขึ้นฟ้า ยังต้องลงสู่พื้นอีก ตัวอย่างเช่นแคว้นเหยี่ยวอยากข้ามช่องแคบนี้บินข้ามไปแล้วใช่ไหมล่ะ ก็ต้องลงสู่พื้น สะพายร่มกระดาษไขขนาดใหญ่ไว้กับตัว ปกติไม่ใช้ก็พับเป็นกระเป๋าได้ กระโดดลงมาจากบนฟ้าที่สูงขนาดนั้น กระโดดลงมาแล้วไม่เป็นอะไรเลยสักนิด…”
หลินโส่วหยางขัดจังหวะ “ไม่ใช่ไม่เป็นอะไรเลย หลี่เทียนป้าเคยติดอยู่บนต้นไม้…ช่างเถอะ หมินหรุ่ย เจ้าอย่ามาฟังพวกเราเล่าไม่ปะติดปะต่อ เจ้าต้องฟังตั้งแต่แรก ขาดไปตอนเดียวก็จะไม่เข้าใจแล้ว ต้องเริ่มตั้งแต่ที่พวกเขาอธิบายว่าอะไรคือเครื่องบิน รถหุ้มเกราะ วิเคราะห์อาวุธ และก็ภูมิหลังของหลายแคว้นในตอนนั้น เรื่องนี้สนุกมาก ในนั้นมีการพูดถึงโรงงาน มีการผลิต การประกอบ เอาเป็นว่าข้ารับรองว่าเจ้าต้องสนใจแน่นอน”
ลู่พั่นคิดในใจ ก็แค่นิทานปรัมปรา บินได้สูงขนาดนั้น ตกลงมาไม่ตาย แถมยังทะลุเมฆได้อีก
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเล่านี้กับเขา
เขาต้องการดูก่อนว่าเจ้าสิ่งนี้ทำอย่างไร
แม่น้ำเหมือนแม่น้ำ ต้นไม้เหมือนต้นไม้ แถมยังมีทะเลทรายกับพื้นหิมะ
ลู่พั่นเงยหน้ากวาดตามองซุ่นจื่อ
ซุ่นจื่อชะโงกหน้าไปก็พบว่าคุณชายรำคาญที่เขาเข้ามาใกล้เกินไป อีกทั้งน่าจะคิดว่าเขาไม่เข้าใจสายตา
ซุ่นจื่อคิดในใจ
คุณชาย ข้าเข้าใจ อยากถามว่าใครเป็นคนทำใช่ไหมล่ะ ก็ต้องมาคุยกันส่วนตัวสิ
แม่นางฝูหลิงเป็นคนทำ ฮี่ๆ