ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 396
ซุ่นจื่อทำท่าชี้ที่หู กระซิบบอกซื่อจ้วง
“เจ้าเลิกเฝ้าประตูเหมือนนายทวารสักทีเถอะ พูดไม่ได้แต่ก็ได้ยินใช่ไหมล่ะ ไปๆๆ ข้าจะพาเจ้าไปกินของดี”
ซุ่นจื่อคิดว่าเขามีหน้าที่ต้องดูแลคนพวกนี้
อย่างไรเสีย ในบ้านที่ใหญ่โตนี้ก็รู้จักแค่เขาคนเดียว
ซื่อจ้วงยังคงไม่ขยับ
“ไปเถอะน่า ข้างในเริ่มกินกันแล้ว มีอะไรให้น่าเฝ้า”
ซื่อจ้วงครุ่นคิดแล้วถึงเดินตามซุ่นจื่อไป
ถูกต้อง เวลานี้ซ่งฝูหลิงนั่งอยู่หน้าโต๊ะกินข้าวแล้ว
นางเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไมสถานการณ์ถึงกลายมาเป็นกินข้าวบ้านคนอื่นแล้ว
ครีบปลาตุ๋น ปลิงผัดเอ็นหมู ฝ่ามือทองคำ[1] เป็ดป่าแปดสหาย[2] ปลาชิ้นราดซีอิ๊ว ลิ้นเป็ดทอด หนังหมูฝานกรอบ ผัดไก่ดำสับ เห็ดทอดยัดไส้ น้ำแกงเป็นน้ำแกงไก่ฉีกตุ๋นรังนก
ซ่งฝูหลิงมองอาหารชั้นเลิศเต็มโต๊ะ ตะโกนในใจดังๆ “สุดยอดดด”
ก็มีแค่ตอนได้กินของดีเท่านั้น นางถึงจะตื่นเต้นชื่นชมไม่หยุด
แววตาทอประกายอยากกินอาหารพวกนี้ทุกมื้อ
แต่พอหันไปเห็นเป่าจูถือตะเกียบกำลังจะปรนนิบัติ แววตาเปล่งประกายของซ่งฝูหลิงก็หายไป
ลู่พั่นสังเกตเห็นตั้งแต่แรก พอเห็นซ่งฝูหลิงไม่ค่อยมีความสุข เขาเองก็ขมวดคิ้ว
เดิมทีเมื่อครู่เขากำลังชื่นชมใบหน้ามีความสุขที่เก็บอาการไม่อยู่ตรงหน้า
เขาพูดขึ้น “พวกเจ้าออกไปให้หมด ไม่ต้องคอยรับใช้ตรงนี้”
“เจ้าค่ะ” พวกสาวใช้ทำความเคารพแล้วออกไป
ลู่พั่นคีบเห็ดทอดยัดไส้มากิน เนื่องจากเมื่อครู่เขาเห็นสายตาของซ่งฝูหลิงมองมาที่อาหารชนิดนี้
“อยากกินอะไรก็คีบเอา”
ซ่งฝูหลิงพยักหน้า นางก็คีบเห็ดทอดยัดไส้กินบ้าง
ลู่พั่นคีบหนังหมูฝานกรอบมากิน ซ่งฝูหลิงเหลือบมอง คีบตาม
ทุกครั้งที่ยื่นตะเกียบไป ลู่พั่นจะเลือกกินอาหารที่ซ่งฝูหลิงให้ความสนใจก่อน อารมณ์เหมือนทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ถ้าซ่งฝูหลิงกินแล้วพอใจมาก อยากเอาอีก เขาก็ยังจะคีบเป็นครั้งที่สอง
“ทำไมไม่พูดล่ะ”
“หืม?” ซ่งฝูหลิงสงสัย “ตอนกินห้ามพูดมิใช่หรือ”
“มีแค่เราสองคน ไม่มีกำหนดว่าตอนกินห้ามพูด เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดได้”
ซ่งฝูหลิงคิดในใจ คำพูดนี้ข้าควรถามท่านมากกว่า อยากฟังอะไรล่ะ ทำไมยังต้องให้ข้าพูดก่อนด้วย
“ก่อนมาถึง ข้านั่งอยู่บนรถม้ายังคิดอยู่ว่า ต้องทำตัวอยู่ในระเบียบ”
ลู่พั่นหยุดมือ มองซ่งฝูหลิง
ในสายตาของเขา แม่นางคนนี้น่าจะไม่ใช่คนที่ระวังเรื่องพวกนี้ ชอบแสดงออกอย่างเต็มที่มากกว่า
โดยเฉพาะเวลาที่นางกำลังจดจ่อ อย่างเช่นเมื่อครู่ตอนอธิบาย สนทนากับเขาด้วยท่าทางที่เท่าเทียมกันด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้เขาถึงแอบสงสัยว่า คนแบบนี้ก็สนใจสายตาของคนอื่นด้วยเหรอ
“เจ้ากลัวคนอื่นจะพูดว่าเจ้าเกิดในครอบครัวคนจน ไม่มีมารยาท อย่างนั้นเหรอ”
“เปล่า ข้าไม่สนใจว่าคนอื่นจะพูดถึงข้ายังไง พูดลับหลังข้าก็ไม่ได้ยิน ไม่ใช่เหรอเจ้าคะ…
…แต่ในความคิดของข้า มารยาทที่ว่านี้ก็คือ ไปบ้านคนอื่นก็ต้องทำตามกฎระเบียบของบ้านคนอื่น ไม่ว่าจะชินหรือไม่ ไม่ว่าจะทำเป็นหรือเปล่าก็ต้องเรียนรู้…
…ที่ข้าคอยเตือนตัวเองตอนอยู่บนรถม้าก็เพราะข้าไปเป็นแขกบ้านคนอื่นไม่บ่อย คำพูดคำจาและการกระทำค่อนข้างชินเพราะการที่วันๆ อยู่แต่บ้าน…
…นานวันเข้าก็หมายความว่า ความเคยชินแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ไขได้ในทันที ก็อาจมีหลุดกันบ้างเจ้าค่ะ”
ลู่พั่นกำมือปิดปากไอหนึ่งที จากนั้นก็เอาผ้ามาเช็ดปาก ปิดบังรอยยิ้ม
ตามคาด คำตอบไม่ได้เกี่ยวข้องว่าชาติกำเนิดจะต่ำต้อยหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าจะทำให้บิดาขายหน้าหรือไม่ ไม่มีพวกเหตุผลที่มาจากครอบครัวเล็กๆ แต่เป็นเรื่องของความคิดตัวเอง
สำหรับเรื่องกฎระเบียบ มีการขยายความอีกแบบหนึ่ง
นับตั้งแต่นางย่างก้าวเข้ามาในเจ๋อหยวน ทุกคำตอบของนางก็มักจะเหนือความคาดหมายของเขาเสมอ
ก็เหมือนกับที่เขาถามเมื่อครู่ว่า ทำไมถึงไม่ใช้พู่กันเขียนเรื่อง นางตอบว่า เปลืองกระดาษ
นั่นสินะ เขาเคยเห็นลายมือของนาง เขียนตัวเล็กบ้างใหญ่บ้าง ขีดเยอะก็เขียนตัวใหญ่มาก ถ้าแต่งเรื่องโดยเขียนอักษรแบบนั้น นานวันเข้าก็เปลืองกระดาษจริงๆ
ซ่งฝูหลิงพบว่าลู่พั่นเอาแต่มองนาง สีหน้าท่าทางเหมือนอารมณ์ดี
จำต้องหาเรื่องคุยหลังจากที่กินผัดหมูเค็มไปสองชิ้น “ปกติคุณชายไม่ต้องให้บ่าวรับใช้ปรนนิบัติตอนกินหรือเจ้าคะ”
ลู่พั่นคีบกับข้าวกิน กลืนลงท้องแล้วถึงตอบ
“แล้วแต่สถานการณ์…
…เวลาเดินทัพข้างนอก ถ้าข้ายังจะมัวยึดตามกฎระเบียบของบ้าน ต้องให้บ่าวรับใช้ปรนนิบัติเวลากิน ข้าก็ไม่ต้องออกศึกแล้ว…
…ถ้าไปเป็นแขกบ้านคนอื่น ข้าก็จะพาไปด้วย ทำตามกฎระเบียบบ้านคนอื่นเหมือนกับเจ้า…
…จะบอกกับคนอื่นไม่ได้ว่า ข้าเป็นแบบนี้ ไม่ชอบให้ใครมาปรนนิบัติ พวกเจ้าต้องปรับตัวให้เข้ากับข้า”
ทันใดนั้น ซ่งฝูหลิงก็รู้สึกว่านางเพิ่งจะเริ่มได้รู้จักลู่พั่น
เมื่อก่อนไม่ค่อยได้มีโอกาสฟังเขาพูด ดูเหมือนคนผู้นี้ก็พูดน้อยด้วย แต่วันนี้นางพบว่า เวลาเขาพูดขึ้นมา น่าฟังทีเดียว
ต้องทราบก่อนว่า อยู่ที่นี่เขาเป็นคุณชายตระกูลใหญ่อย่างแท้จริง แต่กลับแตกต่างจากคุณชายตระกูลผู้ดีที่เขียนอยู่ในหนังสือลิบลับมากทีเดียว อย่างเช่นเรื่องความฝันในหอแดง
จะพูดหรือทำอะไรก็เรียบง่ายมาก ถ่อมตัวสุดๆ
เพิ่งจะอายุเท่าไร ได้ยินว่าอายุสิบแปด ก็มีความสุขุมเยือกเย็นขนาดนี้แล้ว ในประเด็นเรื่องโอ้อวดที่ชาติกำเนิดของตัวเองไม่ธรรมดา เขายังดูมีมันสมองกว่าคนยุคปัจจุบันแบบนางด้วยซ้ำ
ต้องพูดเลยว่าซ่งฝูหลิงรู้จักตัวเองอย่างมีสติในเรื่องการวิจารณ์ตัวเอง
เพราะซ่งฝูหลิงเคยจินตนาการว่า ถ้าวันที่ท่านพ่อของนางเป็นคนเก่งของที่นี่มาถึง ที่นี่ให้ความสำคัญกับชนชั้นขนาดนั้น ให้ความสำคัญกับสถานะขนาดนั้น นานวันเข้า นางจะกลายเป็นคนที่ใช้อำนาจข่มเหงคนอื่นเข้าสักวันหรือเปล่า สักวันหนึ่งนางจะทำตัวยโสโอหังหรือไม่ ‘รู้หรือเปล่าว่าคุยกับใครอยู่ รู้ไหมว่าพ่อข้าเป็นใคร พูดออกไปเจ้าได้ฉี่ราดแน่’
นางมีความปรารถนาที่อยากลองอวดพ่อดูสักครั้ง
แต่พอหันมาดูลู่พั่น สุขุมมาก
เรื่องที่ซ่งฝูหลิงไม่รู้ก็คือ ลู่พั่นถ่อมตัวมาจนชินแล้ว
อย่างเช่นเรื่องพริก ลู่พั่นสามารถกำหนด ‘ร้านค้าพริกให้ทางกองทัพ’ ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการต่างๆ แต่เขาไม่ทำ
ขุนนางคนที่จัดหาสิ่งจำเป็นให้กองทัพคือพลาธิการ เขาก็แค่ ‘เสนอชื่อ’ และสุดท้ายเคาะรายชื่อออกมาผ่านทางเหมาจวิ้นอี้
เพราะในสายตาของลู่พั่น ฐานะของครอบครัวเขาสูงถึงขั้นไหนแล้วน่ะหรือ ก็ถึงขั้นที่สามารถกำหนดได้ทุกเรื่อง แต่ถ้าทำแบบนั้นทางราชสำนักจะมีตำแหน่งต่างๆ มากมายไว้ทำไมล่ะ
ถ้าทุกเรื่องให้จวนผู้สำเร็จราชการตัดสินใจได้ ลูกน้องใต้บังคับบัญชาก็แค่ไปทำงานตามคำสั่งของพวกเขา แบบนั้นก็ยกเลิกกรมกองพวกนั้นไปเถอะ แบบนั้นจวนผู้สำเร็จราชการจะกลายเป็นอะไร จวนผู้สำเร็จราชการคิดจะทำอะไร จะแก้เป็นแซ่ลู่ให้หมดรึ
ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนให้ราชสำนักแซ่ลู่ เช่นนั้นก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ใครหน้าที่มัน มีหน้าที่อะไรก็ทำไป อย่ายื่นมือเข้ามายุ่งให้มากนัก ต่อให้ยื่นมือเข้ามายุ่งแล้วจะเป็นการดีต่อราชสำนักยิ่งกว่า แต่จะทำเรื่องที่ข้ามหน้าข้ามตาคนอื่นโดยอ้างว่าทำเพื่อราชสำนักไม่ได้ นั่นไม่ใช่เหตุผล
นี่เป็นสิ่งที่เขาได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก
อีกทั้งลู่พั่นแค่คุยกับซ่งฝูหลิงเรื่อง ‘กฎระเบียบ’ ไม่ได้คุยเรื่อง ‘การรู้จักมารยาท’ ในสายตาของเขา
ก็เหมือนกับที่จวนผู้สำเร็จราชการทำแค่เรื่องที่ขุนนางจวนผู้สำเร็จราชการควรทำ ในมุมมองของเขาก็เป็นการรู้จักมารยาทอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ว่ามีชีวิตที่สุขสบายแล้ว วันๆ เดินไปไหนมาไหนก็ต้องเจ้ายศเจ้าอย่างในทุกย่างก้าว
ลู่พั่นไม่เคยคิดว่าการทำตัวเจ้ายศเจ้าอย่างพวกนั้นจะเป็นการแสดงสถานะ แต่เป็นที่ความคิดต่างหาก ชาวบ้านธรรมดาถ้าเป็นคนดีมีศีลธรรม รู้จักบุญคุณ รู้จักมารยาท ก็ควรค่าที่เขาจะให้เกียรติและยกย่องยิ่งกว่าพวก ‘คนชั้นสูง’ ในสายตาของเขา
——————–
[1] ไข่ยัดไส้หมูสับ ทำเป็นรูปมือ
[2] เป็ดย่างยัดไส้แปดอย่าง