ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 398
ลู่พั่นถือกระดาษใบหนึ่งอยู่ในมือ
บนกระดาษมีตัวหนังสือยึกยือ ในนั้นเขียนไว้ว่า
นำยิปซัมดิบมาทำให้สุก เอาน้ำใส่ในยิปซัมสุกแล้วคนให้เข้ากันจนเหนียว เทใส่แม่พิมพ์ที่เป็นรูปทรงแท่งชอล์กแล้วรอให้จับตัว
ยังมีขั้นตอนการทำกระดานดำและแปรงลบกระดานดำ
ตรงขั้นตอนการทำกระดานดำยังได้เขียนเครื่องหมายปีกกาไว้ตรงจุดที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ สีน้ำมันใช้สีดำที่เอาไว้ใช้สำหรับเขียนหน้าปกหรือเขียนหนังสือไม้ไผ่
ลู่พั่นพับกระดาษใบนั้นให้ดี หันกลับไปมองที่กระดานดำ บนนั้นมีตัวอักษรมากมาย ล้วนเป็นลายมือของเด็กสาวคนนั้น
เขาเดินขึ้นหน้า อ่านข้อความในวงกลมหลายวงอย่างตั้งใจหนึ่งรอบ ข้อความในวงกลมล้วนเป็นใจความสำคัญ
ลู่พั่นหยิบชอล์กขึ้นมาหนึ่งแท่ง เลียนแบบท่าทางของซ่งฝูหลิงตอนอธิบาย ออกแรงที่นิ้วหัวแม่มือจนชอล์กหักเป็นท่อนเล็ก ดีดกระเด็นออก
“หึหึ” ทันใดนั้นลู่พั่นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
อย่าคิดว่าเขามองไม่ออก ทุกครั้งที่เขาคำนวณช้า ถึงแม้ใบหน้าของนางจะยิ้มแย้ม ปากก็พูดว่าไม่รีบอย่างใจเย็น แต่กลับออกแรงที่มือ ทำชอล์กหักเป็นท่อนๆ
ลู่พั่นหยิบแปรงลบกระดานขึ้นมา ค่อยๆ ลบตัวอักษรที่ซ่งฝูหลิงเขียนไว้บนกระดานดำ
ไม่เคยคาดคิดว่าจะพูดคุยกับสตรีที่อายุสิบสองสิบสามได้มากขนาดนั้น
ไม่เคยนึกเลยว่า สตรีสามารถเรียนคำนวณได้ถึงขั้นที่คิดในใจเพียงชั่วพริบตาก็บอกคำตอบกับเขาได้แล้ว
สมองไวปราดเปรื่อง ฉลาดเหลือเกิน
เรื่องที่ทำให้เขารู้สึกว่านางฉลาดไม่ได้มีแค่เรื่องคำนวณ แต่เป็นการพูดคุยตามปกติที่ทำให้สัมผัสได้ถึงความคิดกว้างไกลของสตรีนางนี้ สิ่งที่นางสนใจ อาจถึงขั้นที่บุรุษบางคนเข้าไม่ถึงด้วยซ้ำ
อีกทั้งแม่นางคนนี้ รู้จักเล่นสนุกยิ่งกว่าเขา
เล่นผสมสี เล่นไปเล่นมาก็เอาขี้เลื่อยไปย้อมสี ทำแบบจำลองขนมเป็น ทำประทัดหลากสีเป็น และอื่นๆ ที่เขาอาจยังไม่รู้อีก
เล่นยิปซัม เล่นไปเล่นมาก็กลายเป็นแบบจำลอง ทำชอล์กได้
นั่นสิ ระหว่างที่ลี้ภัยนางใช้ปูนขาวทำให้เกิดเสียงระเบิด
ตอนนั้นเหรอ
ลู่พั่นหรี่ตามองกระดานดำ สมองปรากฏภาพตอนเจอซ่งฝูหลิงครั้งแรก
เขายืนอยู่ นางคุกเข่าหดคออยู่ตรงหน้าเขา
เขาถามนาง นางเงยหน้าที่สกปรกมอมแมม ตอนนั้นดูเหมือนว่าพอนางมองเขาก็กระโจนเข้ามาที่เท้าของเขาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ลู่พั่นปฏิเสธการนึกถึงสภาพของซ่งฝูหลิงในตอนนั้น เพราะเขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าเด็กสาวที่ลี้ภัยในตอนนั้น เด็กสาวที่ถ้าโยนลงไปในเล้าหมู หมูยังรังเกียจที่นางสกปรกว่า จะเป็นคนเดียวกับซ่งฝูหลิงในวันนี้
ถึงแม้วันนี้การแต่งตัวของนางจะทำให้เขาพูดไม่ออก
แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ พอนางเริ่มพูดเขาก็ตั้งใจฟังมาก ความสนใจจดจ่ออยู่ที่ใบหน้าของนางคนเดียว
ใบหน้ายิ้มแย้มที่กำลังพยายามสะกดกลั้น ‘ทำไมโง่ได้ขนาดนี้ ทำไมช้าแบบนี้ ฟังไม่เข้าใจหรือไง ทำไมเข้าใจอะไรได้ช้ากว่าหมี่โซ่วที่อายุแค่ห้าขวบของบ้านข้าอีก’ คาดว่าความอัดอั้นตันใจที่มีต่อเขาคงไม่ใช่แค่นี้ ยังมีอีกเยอะ
ถูกคนรังเกียจ อีกทั้งยังเป็นเด็กสาวที่อายุสิบสองรังเกียจเขา
วันนี้เป็นครั้งแรกที่ลู่พั่นได้สัมผัสรสชาตินี้ ปกติจะเป็นเขาที่ข่มความรู้สึกรังเกียจคนอื่นเอาไว้
รสชาติแบบนี้แปลกไหม
อืม ก็แปลกพอสมควร
แปลกใหม่มาก
วางแปรงลบกระดานดำให้เรียบร้อย ลู่พั่นเดินไปที่หน้าต่าง มองระเบียงทางเดินยาว คิดในใจ
สภาพแวดล้อมที่ซ่งฝูเซิงให้ได้ออกจะแย่ไปสักหน่อย
ถ้าซ่งฝูหลิงสามารถเชิญอาจารย์แต่ละท่านมาสอนที่บ้านได้แบบพวกพี่สาวของเขา มีห้องหนังสือ
ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่นางนั่งขีดเขียนประพันธ์วาดภาพ หรือทำสิ่งของอะไรเล็กน้อย ไม่ต้องมานั่งคำนึงถึงต้นทุน ไม่ต้องคำนวณว่าในวันหนึ่งต้องทำขนมเท่าไรถึงจะช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้านได้ เอาความทุ่มเททั้งหมดไปลงในสิ่งที่นางอยากทำ
ดวงตาของลู่พั่นเจือไปด้วยรอยยิ้ม บางทีนางอาจเล่นสนุกได้หลากหลายกว่านี้ เล่นได้มากกว่านี้
ลู่พั่นรู้สึกเสียดายที่ซ่งฝูเซิงฐานะไม่ดี ให้ชีวิตที่ดีกว่านี้แก่ซ่งฝูหลิงไม่ได้
ซุ่นจื่อที่รีบร้อนกลับเรือน ในใจแอบบ่นซ่งฝูเซิงว่าตามใจลูกสาวมากเกินไปจริงๆ ตามใจมากเกินไปแล้ว
เกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอ
ซุ่นจื่อรับหน้าที่ไปส่งพวกซ่งฝูหลิงกลับใช่ไหมล่ะ ซ่งฝูหลิงบอกไม่กลับ และก็ไม่ต้องไปจอดที่ร้านขนมเค้กด้วย จะไปเซี่ยฟู่ชุน
ซ่งฝูหลิงในสายตาของซุ่นจื่อ หลังจากที่นางเข้าไปในร้านเซี่ยฟู่ชุนแล้วดวงตาก็เปล่งประกาย เท่านั้นยังไม่พอ แถมยังมองขวดสารพัดหลากสีพวกนั้นด้วยสีหน้าที่หลงใหลสุดๆ
ซุ่นจื่อคิดว่า ตอนนั้นเขามองไม่ผิดแน่ๆ สายตาของแม่นางฝูหลิงเขียนไว้ว่า ‘อยากซื้อให้หมดเลย’
จากนั้นพอเขาเห็นว่าเป็นถึงขนาดนี้ เฮ้อ หญิงสาวชาวบ้านชอบแต่มีเงินที่ไหนกันล่ะ แม้จะได้ยินมาว่าซ่งฝูเซิงทำเครื่องปรุงน้ำพริกขายได้กำไรอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่มีทางให้เงินลูกสาวได้มากมาย ใช่ไหมล่ะ เรื่องที่จำเป็นต้องใช้เงินมีเยอะแยะ
ซุ่นจื่อเลยคิดว่า งั้นก็ให้เขาแสดงน้ำใจแล้วกัน ชอบถึงขนาดนั้นแล้วนี่ จัดไป
เขาจึงเดินเข้าไปพูดว่า ‘คุณหนูฝูหลิง วันนี้ท่านช่วยตั้งมากขนาดนี้ ถ้าชอบอันไหนก็ไม่ต้องเกรงใจ ควรให้ของตอบแทนอยู่แล้วขอรับ’
อืม เขายังพูดไปอีกว่า ซื้อเยอะก็ไม่เป็นไร
คิดในใจ อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เขาจ่ายเงิน ประเดี๋ยวกลับไปเบิกกับคุณชายแล้วกัน
ดูเหมือนคุณหนูฝูหลิงจะแปลกใจที่ทำไมเขายังไม่ไปอีก และดูเหมือนต้องการจะไล่เขากลับไปจึงเทเงินออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างที่หน้าตาประหลาด
ก้อนเงินวาววับในมือ ‘ข้ามีเงิน ท่านรีบกลับไปเถอะ’
จากนั้นซุ่นจื่อถึงได้มีสภาพร้อนใจแบบในตอนนี้
เขาบ่นในใจมาตลอดทาง
ซ่งฝูเซิง บ้านเจ้าฐานะเป็นแบบไหน
เจ้าให้เศษเงินกับลูกสาวยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่ให้มาทั้งก้อน ให้มาเป็นสิบสิบตำลึงเชียวนะ
มีเงินมากกว่าในกระเป๋าบ่าวรับใช้ใหญ่อันดับหนึ่งที่ตามติดคุณชายอย่างข้าอีก
ต่อให้เจ้าหาเงินได้เยอะ แต่บ้านเจ้าก็ยังไม่ได้สร้าง ที่ดินก็ยังรกร้าง ที่นาของครอบครัวไม่ถึงหนึ่งหมู่ เพิ่งจะตั้งรกราก เรื่องที่ต้องใช้เงินมีเยอะแยะ เจ้ารู้จักใช้ชีวิตหรือเปล่า ตามใจลูกสาวมากเกินไปหรือเปล่า
นี่ต้องขายน้ำพริกกับกระเทียมเหลืองมากเท่าไหร่ถึงจะได้เงินยี่สิบกว่าตำลึง
แม่นางซ่งก็ช่างกล้าใช้เงิน ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายซื้อของในร้านเซี่ยฟู่ชุนไปเท่าไร เขาถูกไล่ออกมาก่อนเลยไม่เห็น
อีกทั้งแม่นางฝูหลิงเอ๋ย การดูแลความปลอดภัยภายในเมืองก็ไม่ได้ดีนัก
เจ้าเอาเงินตั้งมากขนาดนั้นไว้ในกระเป๋าสะพายข้าง อย่างน้อยที่สุดเจ้าก็ต้องเอากระเป๋าไว้ข้างหน้าถูกไหมล่ะ เจ้าเอากระเป๋าไปไว้ด้านหลังได้อย่างไร ไม่กลัวเดินๆ อยู่จะถูกคนตัดเอาไปเหรอ
ลู่พั่นมองซุ่นจื่อด้วยสีหน้าตกใจ ทำไมกลับมาแล้วล่ะ
ซุ่นจื่อรีบตอบ “เรียนคุณชาย แม่นางฝูหลิงบอกว่า นานๆ นางจะได้เข้าเมืองสักครั้ง ต้องการไปเดินเล่นสักหน่อย ไม่ยอมให้บ่าวไปส่งนางกลับ ยังบอกอีกว่าพอเดินเล่นกับพวกเป่าจูเสร็จก็จะไปที่ร้านขนม กลับพร้อมท่านย่าของนางขอรับ”
“อ่อ” ลู่พั่นกำลังเก็บของ
จะเอากระดานดำกับชอล์กไปที่จื๋อฟังซือ ซึ่งก็คือหน่วยงานสำหรับจัดเก็บเอกสารแผนที่ทางการทหารโดยเฉพาะ เขาจะไปสอนคนทึ่มพวกนั้นว่าต้องทำยังไง คำนวณยังไง
ซุ่นจื่อมองลู่พั่น กลืนคำพูดลงไป คิดในใจ
คุณชาย ถึงแม้คุณชายจะบอกข้าว่า ทำอะไรถ้ารู้อะไรก็บอก แต่บ่าวรู้ว่าตอนนี้คุณชายต้องไม่อยากฟังแน่ว่าแม่นางฝูหลิงอยากซื้อไปเสียทุกอย่างที่เซี่ยฟู่ชุน
เกรงว่าบ่าวพูดออกไปแล้วคุณชายจะหาว่าบ่าวยุ่งไม่เข้าเรื่อง แม่นางฝูหลิงซื้อเครื่องประทินผิวก็ปกติมิใช่รึ ซื้อหมดแล้วอย่างไรล่ะ ดีไม่ดีข้าจะถูกรังเกียจอีก โดนออกไปรับโทษโบยสิบไม้
ซุ่นจื่อก็เลยช่วยเก็บของพลางพูดหยั่งเชิง
“คุณชาย คนพวกนั้นปลูกกระเทียมเหลืองใช่ไหม ได้ยินว่าตัดขายครั้งนี้เสร็จก็ต้องปลูกใหม่อีก อ่อ ก็ต้องใช้ต้นกระเทียมปลูกนั่นแหละ…
…แต่เท่าที่บ่าวทราบมา ใกล้ปีใหม่แล้ว ช่วงนี้ราคากระเทียมแพงมาก อีกทั้งยังหาซื้อยาก…
…ครั้งนี้แม่นางฝูหลิงมาช่วยงาน เรื่องของตอบแทน บ่าวคิดว่าต้องเอาที่ใช้งานได้จริงเป็นหลัก เอาที่สวนให้ดีหรือไม่ขอรับ”
ลู่พั่นเก็บกระดานดำ ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ให้คนเอาไปส่ง”
“ขอรับคุณชาย”