ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 399
ร้านเซี่ยฟู่ชุน
ซ่งฝูหลิงเป็นเหมือนที่ซุ่นจื่อบ่นในใจจริงๆ เห็นอะไรก็อยากได้ไปเสียหมด
ไม่ใช่ว่าอยากซื้อไปใช้ แต่เป็นเพราะขวดเล็กขวดน้อยและตลับสารพัดแบบที่บรรจุเครื่องประทินผิวเหล่านี้ นางรู้สึกว่าลายมันช่างสวยเหลือเกิน
ผีเสื้อคู่ตอมดอกไม้ ลายสัตว์ต่างๆ ดอกไม้ผลไม้ แม่น้ำป่าเขา
นางลูบขวดที่ใส่น้ำมันบำรุงหน้า รู้สึกว่าทั้งกะทัดรัดและประณีต สมกับเป็นร้านเครื่องประทินโฉมอันดับหนึ่งในเมืองเฟิ่งเทียน
ผงผัดหน้าอันนี้ทำมาจากผงแป้งเหรอ ซ่งฝูหลิงเปิดดม ผงแป้งล้วน?
พอสาวใช้ในร้านเห็นก็รีบจะเข้ามาแนะนำ
ซ่งฝูหลิงกลับปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้นปฏิเสธสาวใช้ที่จะนำเสนอแป้งผัดหน้าที่น่าใช้ยิ่งกว่า ‘ผงแป้ง’
พอเถอะ นางคิดในใจ คิดว่าข้ามาจากยุคปัจจุบันแล้วจะไม่รู้เหรอว่าแป้งผัดหน้ารุ่นใหม่ที่เจ้าแนะนำทำมาจากอะไร ตะกั่วทั้งนั้น ยิ่งทาหน้ายิ่งเหลือง แถมยังขายแพงเสียขนาดนั้น นี่คงเห็นเมื่อกี้นางเอาเงินออกมาอวดรวยสินะ
ต่อให้นางซื้อก็ยอมซื้อแป้งผงดีกว่า
ถึงแม้แป้งผงจะจางเร็ว แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เป็นอันตราย ไม่ต้องล้างหน้า หิวก็ยังเลียกินได้
แต่ไม่นานซ่งฝูหลิงก็ตบหน้าตัวเองด้วยการเรียก ‘พนักงานขายสินค้า’ กลับมา
“นี่อะไรเหรอ” ซ่งฝูหลิงถือกระปุกกระเบื้องขนาดเล็ก
“เรียนคุณหนู นี่คือที่ทาปาก สีน้ำตาลแดงเจ้าค่ะ”
ซ่งฝูหลิงขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกเหนือความคาดหมาย มีลิปสติกหลากสียังพอว่า คนโบราณมีที่ทาปากสีนู้ดด้วยเหรอเนี่ย
เอาจริงๆ ถ้าไม่มาเดินดูก็คงไม่รู้ เดิมทีนางคิดว่าคนโบราณเอากระดาษแดงมาเม้มปากก็จบแล้วเสียอีก
ลูกค้าสตรีภายในร้านเยอะมาก สาวใช้ตอบเสร็จก็เดินไป
สาวใช้ก็พอจะมองออกแล้วว่าซ่งฝูหลิงยังห่างจากคำว่าซื้ออีกเยอะ
โชคดีที่ซ่งฝูหลิงยังมีเป่าจูมาด้วย ไม่เข้าใจก็ถามนางได้ “อันนี้ใช้อย่างไร” ชี้ไปยังกระดาษหลากสีที่เป็นรูปนก ปลา ผีเสื้อ เป็ดยวนยาง จันทร์เสี้ยว ลูกท้อ พลางถาม
“มันเรียกว่าฮวาเตี้ยน เอาไว้ติดที่หว่างคิ้วหรือบนหน้าผาก”
“ข้ารู้ แต่ติดยังไง”
“หยิบมันออกมาแล้วใช้น้ำร้อนทาด้านบนแปะลงไป”
“อ่อ ดีไม่ดีลมพัดมาแรงๆ ก็ปลิวไปหมดแล้ว”
เป่าจูเอาผ้าเช็ดหน้าบังปากพลางหัวเราะ นางชอบฟังเวลาที่ซ่งฝูหลิงแอบกระซิบ พูดอะไรก็ดูสนุกไปหมด แปะลงไปก็ไม่แน่นจริงๆ อย่างว่า แต่มีคุณหนูบ้านไหนบ้างที่ติดฮวาเตี้ยนแล้วจะถูกลมแรงพัด นั่งอยู่ในเกี้ยวกันทั้งนั้น
“แล้วนี่อะไรเหรอ”
เป่าจูสังเกตดู กระซิบบอก “ดูเหมือนจะเรียกว่าดินสอซิ่งเยี่ย ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ เพิ่งมีมาก่อนหน้านี้ ช่วงที่ร้านขนมยังไม่เปิด ข้าเคยเห็นคุณหนูสามมี ได้ยินคุณหนูสามคุยกับพวกพี่สาว พวกนางเรียกแบบนี้”
ซ่งฝูหลิงกะพริบตาปริบๆ “ซิ่ง เยี่ย เหรอ งั้นมันใช้อย่างไร”
เป่าจูชี้ที่ตำแหน่งลักยิ้มบนใบหน้า ลู่จือหว่านมีลักยิ้ม ดังนั้นจึงเอาไปแต้มที่ลักยิ้มได้พอดี ตอนนั้นนางเห็นคุณหนูสามวาดเป็นรูปซิ่งเถา[1] “ได้ยินว่าวาดเป็นรูปดอกไม้ที่ริมฝีปากได้ด้วย แบบนั้นจะเรียกดินสอฮวาเยี่ย ยังมีวาดเป็นรูปเงินทองแดงด้วย”
ซ่งฝูหลิงพยักหน้าพลางพูดต่อ “งั้นก็ดินสอเงินสินะ ท่านย่าข้าคงชอบ วาดเป็นรูปเงินที่สองแก้ม”
เป่าจูเอาผ้าเช็ดหน้าบัง หัวเราะจนหน้าแดงก่ำ
ในขณะที่ซื่อจ้วงรออยู่ด้านนอกจนกำลังจะแข็งตาย ซ่งฝูหลิงก็ลงมือจับจ่าย ไม่เสียแรงที่เอาเงินออกมาอวด นางซื้อของไม่น้อยเลยทีเดียว
สิ่งแรกที่ต้องซื้อก็คือยาไป๋จื่อที่ท่านย่าของนางอยากได้มาก
ต่อมาก็ยาซิ่งเหรินบำรุงผิวหน้าให้พี่เถาฮวา พี่ต้ายา พี่เอ้อร์ยาที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
ซ่งฝูหลิงรู้สึกขอบคุณพี่สาวทั้งสามคนนี้มาก
ไม่เกี่ยวกับร้านขนม แต่เป็นความรู้สึกส่วนตัว ขอบคุณพี่สาวทั้งสามที่ทำชุดชั้นในให้นาง
ต้องทราบก่อนว่าชุดชั้นในของพื้นที่พิเศษ ท่อนล่างยังพอใส่ได้ ก็แค่ ก็แค่จะหวิวๆ ลมหน่อย
แต่ท่อนบนมันไม่ใช่เรื่องหวิวลมแล้ว แต่มันเอามาใส่ไม่ได้ และก็แก้ไม่ได้ด้วย มันเป็นเรื่องของขนาด
เอาจริงๆ เลยนะ อย่าหาว่าโม้ ตอนยุคปัจจุบันน่ะ ทรวดทรงของนางแจ่มอย่าบอกใคร
ปรากฏว่าพอมาอยู่ที่นี่ ในยุคปัจจุบันภาคภูมิใจมากแค่ไหน ในยุคโบราณก็น่าเศร้ามากเท่านั้น
แต่ขนาดจะเล็กแค่ไหนก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือจะไม่ใส่ก็ไม่ได้
ซ่งฝูหลิงรู้สึกขอบคุณพี่สาวทั้งสามมาก ยุ่งเรื่องทำขนมทุกวันขนาดนี้ก็ยังทำเอี๊ยมชั้นในที่พอดีตัวให้นางตั้งหลายตัว ช่วยชีวิตเจ้าหมั่นโถวน้อยๆ ของนางไว้ได้
อีกทั้งเรื่องนี้ พวกผู้ใหญ่คนอื่นหรือแม้แต่ป้าสะใภ้รองจูซื่อก็ยังไม่รู้ ยกเว้นแม่ของนาง
ดังนั้นใกล้ปีใหม่แล้ว ซ่งฝูหลิงจึงซื้อของบำรุงผิวหน้าที่ดีหน่อยให้พี่สาวทั้งสามคน ปีหน้าจะได้มีกำลังใจทำให้นางอีก
สุดท้ายซ่งฝูหลิงซื้อผงขัดฟันจำนวนมาก
นางคิดว่า ต้องแบ่งให้หลายคนก็เลยซื้อมากหน่อย
อย่างเช่น ต้องให้ท่านย่า พี่เถาฮวา พี่ต้ายา พี่เอ้อร์ยา ต้าหลัง เอ้อร์หลัง จินเป่า
พูดถึงผงขัดฟัน ซ่งฝูหลิงก็นึกถึงช่วงสองวันนั้นที่ท่านย่าหม่ามาอยู่บ้านนาง ทำความสะอาดช่องปากเช้าเย็นโดยใช้ซี่ไผ่ถู ถูฟันเสร็จก็แลบลิ้นออกมาขูด
ตอนนั้นท่านย่าของนางแลบลิ้นออกมายาวมาก เอาซี่ไผ่ยื่นเข้าไป ขูดไปถุยไป
จากนั้นนางก็คอยสังเกตดู ถ้าไม่จับตาดูเป็นพิเศษก็ไม่รู้ เพราะนางตื่นสาย
นอกจากบ้านนางที่แอบใช้ยาสีฟัน หมี่โซ่ว ซื่อจ้วง หนิวจั่งกุ้ย และคนอื่นๆ ต่างก็ใช้ซี่ไผ่แปรงฟันกันหมด
เช้าตรู่พากันแลบลิ้นยาวๆ ออกมา
ดังนั้นเข้าเมืองครั้งนี้นางจึงซื้อผงขัดฟันมากหน่อย ยอมซื้อเยอะดีกว่าขาด
อีกทั้งครั้งนี้ซื้อผงขัดฟันด้วยตัวเองถึงพอจะเข้าใจแล้วว่า ตอนนั้นที่หมี่โซ่วรับผงขัดฟันไป คำพูดที่เถียงกับพ่อของนางคืออะไร
เรื่องอะไรน่ะเหรอ ก็คือหมี่โซ่วน้อยน้องชายของนาง เมื่อก่อนบ้านรวยใช่ไหมล่ะ ของที่ใช้ขัดฟันไม่ได้เป็นแบบผง แต่เป็นแท่งเกลือที่ทำคล้ายตราประทับ
‘ตราประทับ’ นั่น เมื่อครู่สาวใช้ที่ขายสินค้าในร้านก็มีแนะนำนาง เป่าจูเองก็บอกว่าใช้ ‘ตราประทับ’ ดีกว่าผงขัดฟัน
แต่ซ่งฝูหลิงโบกมือปฏิเสธ นางเห็นด้วยกับคำพูดที่พ่อของนางบอกหมี่โซ่วในตอนนั้น “ใช้แท่งไม่ได้ ไม่ใช่ว่าลุงไม่อยากเสียเงินซื้อให้ แต่ลูกเอ๋ยเจ้าลองคิดดู สิ่งนั้นน่ะเอาเข้าปากถูฟัน ถูเสร็จก็เอาออกมาวางไว้ กรอกน้ำ บ้วนปาก ใช่ไหมล่ะ ใช้แบบนี้ใช่ไหม แต่แท่งนึงตั้งใหญ่ขนาดนั้น ครั้งเดียวใช้ไม่หมด ทุกครั้งที่เอามาใช้ก็จะมีเศษข้าวติดอยู่บนนั้น ครั้งหน้าเจ้าจะเอาแท่งที่มีเศษข้าวติดเข้าปากรึ”
ดังนั้นตอนที่ซ่งฝูหลิงเห็นสาวใช้ในร้านกับเป่าจูแนะนำ ‘แท่งตราประทับ’ ให้กับนาง สมองของนางก็ปรากฏแต่คำพูดของพ่อ จินตนาการจนเกือบขยะแขยงเอง
ยอมซื้อผงขัดฟันที่มีอะไรปะปนยังดีเสียกว่า
ผงขัดฟันของเซี่ยฟู่ชุนค่อนข้างดีหน่อย ได้ยินว่าแบบที่ร้านขายของชำข้างนอกขายมันน่าสยองมาก ผงขัดฟันกลับมีส่วนผสมของเศษอิฐ ฟังแล้วก็รู้สึกขนลุก
ขณะที่กำลังจะออกจากร้านเครื่องประทินผิว ทันใดนั้นซ่งฝูหลิงก็ค้นพบของดีอีกอย่าง “นี่อะไรเหรอ”
เป่าจูพูดเสียงเบา “อันนี้แพงมาก เรียกว่าลูกอมดับกลิ่น อมเอาไว้ในปากช่วยขจัดกลิ่น พออ้าปากก็จะมีกลิ่นหอม เมื่อก่อนตอนที่ข้าอยู่ในจวน ไม่ว่าจะในจวนฉีหรือจวนผู้ อืม ท่านเข้าใจนะ” เป่าจูกลืนคำพูดที่เหลือของจวนผู้สำเร็จราชการลงไป กลัวคนอื่นได้ยินแล้วจะตกใจ “มีแค่พี่สาวใช้ใหญ่ของคุณหนูสามถึงจะได้มาเม็ดสองเม็ด พวกเราเห็นแล้วก็อิจฉา”
“ข้าแค่อยากรู้ว่า ถ้าอมมันแล้วเผลอกลืนลงท้องจะเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีทาง พออมละลายแล้วก็กลืนลงท้องไป เจ้านายทุกคนในจวนผู้อมกันหมด ยกเว้นคุณชาย”
ซ่งฝูหลิงหยิบกระปุกเล็กมา นางอยากเอาไปให้หมี่โซ่วลองอมเล่น
เพราะจมูกเล็กๆ ของหมี่โซ่วทำงานดีมาก มีครั้งหนึ่งนางเคี้ยวหมากฝรั่ง คายทิ้งไปแล้วนะ หมากฝรั่งไปอยู่ในถังขยะห้องครัวเรียบร้อย แต่หมี่โซ่วก็ยังมากอดคอนางพลางพูดว่า “ปากพี่สาวฮ้อมหอม แอบกินอะไรลับหลังข้าอีกแล้วใช่ไหม”
ซื้อกระปุกเล็กไป กลับบ้านเอาไปให้เด็กน้อยกินเล่น
พอเดินออกจากร้านซ่งฝูหลิงก็ถามขึ้น “จริงสิ เมื่อกี้ทำไมเจ้าบอกว่าพวกเจ้านายกินลูกอมดับกลิ่นกันหมด มีแค่คุณชายไม่กิน แต่ข้ารู้สึกว่ามีกลิ่นหอมมาจากตัวเขา แถมกลิ่นยังชัดเจนด้วยนะ”
“ชู่ววว” เป่าจูรีบมองรอบตัว โชคดีที่ด้านหลังไม่มีลูกค้าในร้านออกมา
คิดในใจ คุณหนูฝูหลิงของข้า ต่อให้ท่านได้กลิ่นหอมมาจากตัวคุณชายก็ต้องแสร้งทำเป็นไม่ได้กลิ่นนะ
“ฮี่ๆ ข้าได้ยินมาว่า”
“ทำไมเจ้าเคยได้ยินตลอดเลยล่ะ”
เป่าจู “ก็ข้าเข้าไปไม่ได้”
“ดูเจ้าสิ อยู่ที่นั่นมาตั้งเจ็ดปีเลยนะ เอาเถอะ ว่ามา รู้อะไรก็บอกมาให้หมด” ซ่งฝูหลิงได้กลิ่นของการซุบซิบนินทา
“ได้ ข้าจะพยายาม ได้ยินว่าคุณชายกินตุ๋นปั๋วเหอ[2]บ่อย เป็นบัวลอยที่ใช้ข้าวเหนียวข้าวแข็งและก็ปั๋วเหอมาทำ” เป่าจูทำปากชี้ “ช่วยดับกลิ่น”
ซ่งฝูหลิง ไอ๊หยา เขารู้จักกินนะเนี่ย
“ได้ยินว่า ห้องรับรองแขกที่วันนี้แม่นางไปอยู่ กลิ่นหอมรอบบริเวณมาจากผนังที่ใช้เครื่องหอมที่คุณชายใช้บ่อยมาผสมกับดินเหนียวเอาไปก่อ”
ซ่งฝูหลิง ไอ๊หยา ฟุ่มเฟือยไม่เบา
“ได้ยินว่า เสื้อผ้าของคุณชายต้องเอาไปรมกลิ่นด้วย”
“รมยังไง”
“ก็พวกท่านซุ่นจื่อจะถือเตาเครื่องหอมเอาไว้ จากนั้นก็เอาเสื้อผ้าที่เพิ่งซักสะอาดมารมกลิ่นจนแห้ง”
ซ่งฝูหลิง รม รมจนแห้งเหรอ
อย่างมากนางก็แค่เอาน้ำหอมฉีดบนตัว ทำเป็นคนสำอางหน่อย
แต่ถ้าเทียบกับคุณชายลู่ ชีวิตนางดูดิบเถื่อนไปเลย
“ไป”
“ไปไหน พวกเรายังไม่กลับเหรอ”
“ไปร้านหนังสือ ซื้อหนังสือ”
ดูว่าเล่มไหนเหมาะให้พ่อของนางท่องตำราในตอนนี้
โอกาสมีไว้สำหรับคนที่พร้อมเท่านั้น
รอวันที่สอบจอหงวนถูกรื้อฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยทบทวนมันจะทันเหรอ
ถ้าไม่ตั้งใจเรียนให้ดี อนาคตพ่อของนางจะเป็นยังไง จะให้อยู่ไปวันๆ แบบนี้เหรอ
—————
[1] แอปริคอต
[2] ปั๋วเหอคือสะระแหน่