ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 400 ให้ของขวัญ
ซ่งฝูหลิงไปพร้อมเป่าจู ด้านหลังยังมีซื่อจ้วงถือถุงตามมา
ทั้งสามคนไม่ได้ไปที่ร้านหนังสือของลู่พั่น
แน่นอนว่าซ่งฝูหลิงก็ไม่รู้ว่าร้านหนังสือข้างร้านขนมเค้กเป็นของลู่พั่น
เป่าจูเองก็ไม่รู้
ส่วนเหตุผล เป่าจูก็เพิ่งพูดไป นางเป็นบุคคลที่อยู่อย่างห่างๆ มาตลอด ทรัพย์สินส่วนตัวของคุณหนูสามนางเคยได้ยินมาบ้าง แต่ของเจ้านายคนอื่นนางจะไปรู้ได้อย่างไร
พอมาคิดดูดีๆ วันนี้อาศัยบารมีของแม่นางฝูหลิงนางถึงได้เข้าไปสัมผัสกับผนังห้องรับรองแขกในเจ๋อหยวนที่เล่าลือกัน
เมื่อก่อน เจ็ดปีที่เป่าจูอยู่ในจวนผู้สำเร็จราชการ นางผ่านทุกวัน แต่กลับไม่เคยเข้าไปแม้แต่ในเรือนที่ใหญ่ขนาดนั้นของลู่พั่น
พูดได้เลยว่า พ่อบ้านที่รับผิดชอบเรือนลู่พั่นโหดขนาดไหน ไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างบังเอิญเข้าผิดๆ
อีกทั้งเป่าจูยังได้ยินมาอีกว่า ยิ่งจวนผู้สำเร็จราชการจัดงานเลี้ยงรับรองแขก คนที่มายิ่งเยอะ พ่อบ้านของเรือนคุณชายก็จะยิ่งเข้มงวด ดวงตาแหลมคมไม่เบา คิดว่าเรือนนั้นเล่นใหญ่ไหมล่ะ
ดังนั้นการที่ซ่งฝูหลิงไม่ได้เลือกร้านหนังสือที่อยู่ใกล้ร้านขนมเค้กจึงไม่ได้เกี่ยวกับว่ารู้ว่าร้านหนังสือข้างๆ เป็นของลู่พั่นหรือไม่ นางก็แค่กลัวท่านย่ามาเจอเข้า ยังเที่ยวไม่พอเลยนะ
หนังสือราคาแพงจริงๆ
ภายในร้านหนังสือที่อยู่ถัดจากถนนกลางไปสองเส้น ซ่งฝูหลิงแค่อยากซื้อหนังสืออธิบายอักษรให้พ่อของนางเล่มหนึ่ง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าหนังสือเล่มเดียวจะราคาตั้งสามตำลึงครึ่ง
เถ้าแก่เหลือบมองหนังสือสองเล่มที่อยู่ในมือซ่งฝูหลิง พบว่าเด็กคนนี้กำลังลังเลว่าจะซื้อเล่มไหน “ถ้าซื้อทั้งสองเล่มเดี๋ยวลดให้เหลือหกตำลึงกับอีกเจ็ดเงิน”
เป่าจูรีบพูด “คุณหนู สองเล่มดีกว่า ลดไปตั้งสามเงิน”
กลับนึกไม่ถึงว่าซ่งฝูหลิงจะโบกมือ “ไม่ได้ ซื้อได้เล่มเดียวพอ เยอะไปพ่อข้าจะตาลาย”
เดี๋ยวจะต่อต้านได้
พอออกจากร้านหนังสือซ่งฝูหลิงก็สูดลมหายใจเข้า “กลิ่นอะไร หอมขนาดนี้”
เป่าจูอยากชะโงกหน้าออกไปดู แต่กลับนึกไม่ถึงว่าพอเงยหน้าก็เห็นซื่อจ้วงบังอยู่ จึงปล่อยมือที่คล้องแขนซ่งฝูหลิง มองผ่านซื่อจ้วงไปแล้วหันกลับมากวักมือ “คุณหนู ขายเนื้อลาย่างเจ้าค่ะ”
ซ่งฝูหลิงดวงตาเปล่งประกาย “ไป ไปลองชิมกัน”
เนื้อลาที่หมักเรียบร้อยราดด้วยน้ำจิ้ม กอปรกับเพิ่งออกมาจากเตาร้อนๆ กลิ่นหอมโชย ซ่งฝูหลิงกินไปชิ้นครึ่ง
ทำเป่าจูตะลึงมาก จะกินเก่งเกินไปแล้ว ทั้งๆ ที่กินข้าวจากเจ๋อหยวนมาแล้ว กับข้าวตั้งสิบอย่าง แม้แต่อาหารของสาวใช้อย่างพวกนางก็ยังเป็นของดี มีกับข้าวสองอย่าง
ส่วนซื่อจ้วงที่อยู่โต๊ะข้างๆ กำลังจะกินชิ้นที่สี่
ซ่งฝูหลิงถามเขา “ซื่อจ้วง พอกินไหม”
ซื่อจ้วงพยักหน้า
ซ่งฝูหลิงจึงเลิกสนใจเขา พาเป่าจูที่กินเนื้อลาย่างแค่ครึ่งชิ้นไปจ่ายเงินเสร็จก็ออกไปข้างนอก
ตอนที่ซื่อจ้วงรีบกลืนแป้งทอดชิ้นสุดท้ายแล้วออกไปตามหาพวกนางก็เห็นซ่งฝูหลิงกับเป่าจูกำลังลูบโคมอันนั้นทีอันนี้ทีด้วยความเสียดายอยู่ที่แผงขายโคมไฟ
ท่ามกลางโคมไฟสีแดงสารพัดแบบ เด็กสาวสองคนกำลังลูบพู่ของโคมไฟพลางยิ้มให้กัน
แต่สายตาของซื่อจ้วงจดจ่ออยู่ที่ใบหน้าของเป่าจู
เวลานางยิ้มขึ้นมางดงามมากจริงๆ ราวกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ
เดินเข้าไปใกล้อย่างเงียบๆ ได้ยินทั้งสองคนพูด
“บ้านข้าปีนี้เลิกคิดไปได้เลย ติดกลอนคู่ไม่ได้ แขวนโคมก็ไม่ได้”
เป่าจูปลอบ “ช้าเร็วก็ต้องติดกลอนคู่ได้ แขวนโคมได้ พวกท่านอยู่กันเยอะจะต้องครึกครื้นมากแน่นอน ไม่เหมือนบ้านข้า ทำอาหารหกอย่างก็สิ้นเปลือง ปกติเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ในบ้านมีแค่ข้ากับพี่ชาย”
พูดจบเป่าจูก็คล้องแขนซ่งฝูหลิงเดินออกจากบริเวณที่เต็มไปด้วยโคมสีแดงนี้ ขณะที่กำลังเดินไปตามถนนยังได้หันกลับไปมองโคมไฟสิบสองนักษัตร ถึงแม้จะไม่ได้ดูเป็นมงคลเท่าโคมไฟสีแดงทรงกลม แต่แขวนโคมไฟสิบสองนักษัตรก็ดูครึกครื้นไม่เบา
ซื่อจ้วงตามอยู่ด้านหลังพวกนางสองคนอย่างเงียบๆ พอเห็นซ่งฝูหลิงเข้าไปในร้านขายผ้าเขาก็เงยหน้ามองป้ายร้าน จำที่ตั้งร้านนี้ไว้แล้วหันตัวเดินออกไป
ตรงแผงขายโคมไฟ เห็นเพียงชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่กำลังทำไม้ทำมืออธิบายโดยไม่สนสายตาแปลกๆ ของลูกค้าที่อยู่ข้างๆ ปากก็ทำเสียงแอ๊ะๆ ดังมาจากลำคอ
ร้อนใจจนเกาหัว ทันใดนั้นเขาก็แย่งสมุดลงบัญชีจากในมือเถ้าแก่ไปเขียนลายมือยึกยือที่เรียนมาจากพวกเกาเถี่ยโถวระยะหนึ่ง
เถ้าแก่ดูแล้วพอถูไถเดาได้ความว่า เจ้าหนุ่มคนนี้ต้องการจ่ายเงินให้ก่อน
จากนั้นเช้าตรู่ของวันที่สามสิบก็ให้เขาเอาโคมสิบสองนักษัตรไปส่งที่บ้านหลังหนึ่งทางตะวันตกของเมืองตามที่อยู่นี้ โดยบอกว่าแม่นางซ่งเป็นคนให้ แถมยังเขียนด้วยว่าห้ามบอกย่า?
สวัสดีปีใหม่ ยิ้มบ่อยๆ ปีใหม่แล้วต้องทำกับข้าวหกอย่างนะ
ภายในร้านขายผ้า ซ่งฝูหลิงกับเป่าจูไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าซื่อจ้วงหายไป
เพราะดวงตาของพวกนางแทบจะไม่พอใช้
เป่าจูซื้อเศษผ้าต่วนจำนวนหนึ่ง อยากทำผ้าคาดหน้าผากให้ท่านย่าหม่ากับท่านยายเถียนก่อนร้านปิดวันปีใหม่ พอตอนปีใหม่มีลูกหลานเข้ามาอวยพรจะได้ดูเป็นทางการหน่อย
นางเองก็ไม่มีผู้ใหญ่ในบ้าน ไม่มีพ่อแม่ให้กตัญญู จึงคิดว่าทำให้ท่านยายทั้งสองแล้วกัน
ซื้อดอกฝ้ายให้ต้าเต๋อจื่อจำนวนหนึ่ง ซื้อผ้าป่านอย่างหนาทั้งผืน จะเอาไปทำกางเกงตัวใหม่
สาวน้อยใช้ชีวิตเป็น ไม่ซื้ออะไรให้ตัวเองสักอย่าง อันที่จริงนางก็เก็บเงินได้บ้างแล้ว แต่นางคิดว่า ข้อแรกนางเพิ่งออกจากจวนฉียังไม่ขาดแคลนเสื้อผ้า ข้อสองถ้าต้องการแต่งพี่สะใภ้ดีๆ เข้าบ้านต้องใช้เงินไม่น้อย พี่สะใภ้ที่เป็นการเป็นงานย่อมต้องใช้เงินสินสอดมากพอตัว ใครจะรู้ว่าเงินที่มีอยู่พอหรือเปล่า ต้องเก็บไว้ก่อน
แล้วมาดูซ่งฝูหลิง เทียบกับเป่าจู นี่มันจอมล้างผลาญชัดๆ
“ว้าวเป่าจู ดูสิ รองเท้าปักลายคู่นี้สวยมากเลย” ซ่งฝูหลิงวางไม่ลงอีกแล้ว
แถมยังแอบบ่นท่านย่าในใจ
ท่านย่า ดูคู่ที่ข้าเลือกสิว่ามันใช้งานจริงได้มากกว่าแค่ไหน
นี่ก็รองเท้าบู๊ทใช่ไหมล่ะ แต่ข้างล่างปักลาย ข้างบนยัดดอกฝ้ายขึ้นมาจนถึงน่อง ไม่เหมือนรองเท้าบู๊ทยุคปัจจุบันที่แข็งมาก เพียงแต่มันเป็นผ้าฝ้าย ถอดออกมาก็ย่อมล้มลง แต่มันก็กันหิมะกันลมไม่ใช่เหรอ อีกอย่างผู้หญิงโบราณกระโปรงยาว แทบไม่เผยให้เห็นส่วนนี้อยู่แล้ว
ในมือของซ่งฝูหลิงเป็นรองเท้าปักลายสีกรมท่า ลายที่ปักบนนั้นดูเหมือนจะเป็นรูปเมฆมงคล ตัวรองเท้าผ้าฝ้ายที่หุ้มมาถึงน่องก็ปักก้อนเมฆสองก้อนเช่นกัน ปักได้เหมือนจริงมาก
สมองปรากฏใบหน้าเฉียนเพ่ยอิงที่ดูชื่นชมตอนชูรองเท้าปักลายสีเขียว
ซ่งฝูหลิงหันไปถามเจ้าของร้าน “รองเท้าคู่นี้เท่าไร”
“สี่ตำลึงสองเงิน”
เป่าจูเองก็ตกใจกับราคา กระซิบพูดก่อน “คุณหนูถูกใจคู่ที่แพงสุดของร้านแล้วหรือเปล่า” จากนั้นก็รีบพูดขึ้น “เถ้าแก่ นี่คือเจ้านายของร้านขนมเค้กแห่งความสุขของย่าหม่าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม”
“เจ้านายเหรอ ท่านย่าหม่าเป็นอะไรกับท่าน”
ซ่งฝูหลิงเอียงหน้า “ท่านย่าของข้า”
“อ้อ งั้นเดี๋ยวข้าลดให้หน่อย เอาหรือเปล่า”
ซ่งฝูหลิงคิด อันนี้ต้องซื้อ และจะต้องเป็นนางที่ซื้อ รองเท้าปักลายคู่แรกของการผจญภัยในยุคโบราณของแม่นาง
“เอา”
จากนั้นซ่งฝูหลิงยังถูกใจของอีกเยอะแยะ กระโปรงปักลายผีเสื้อสีขาวนวล และยังมีกระโปรงที่ยาวถึงเท้า แบบที่บานมาก
นางจินตนาการออกมาได้เลยว่า ถ้าใส่หมุนรอบในบ้าน กระโปรงคงจะบินได้
ยังมีรองเท้าบู๊ทขนาดเล็กสีขาว ประณีตไม่ต่างจากรองเท้าที่นางซื้อให้แม่ พอใส่กระโปรงยาวทับก็จะดูเหมือนแค่ใส่รองเท้าปักลาย แต่ด้านบนยังมีผ้าสีขาวนวลหุ้มไปถึงน่อง
แต่สุดท้ายนางก็แค่ดูแล้วชอบ ไม่ได้ซื้อ กลับหยิบหมวกสีน้ำตาลใบเล็ก “เถ้าแก่ ใบนี้เท่าไหร่ เด็กห้าขวบใส่ได้ไหม”
หมวกที่อยู่ในมือซ่งฝูหลิงเหมือนหมวกที่เมื่อก่อนนางเห็นพวกเจ้าสัวน้อยใส่ในทีวี บนหมวกมีลายเหรียญ
นางจินตนาการว่าถ้าทำชุดตัวยาวลายเหรียญให้น้องชายสักชุด ใส่หมวกใบนี้ ถักเปียที่ด้านหลังหมวก ก็น่าจะสนุกน่าดู
อีกทั้งน้องชายของนางก็ชอบใส่หมวกหลายๆ แบบ
ตอนที่ซื่อจ้วงรีบร้อนกลับมาก็พบว่าคุณหนูเล็กยังซื้อไม่เสร็จ
สุดท้ายทั้งสามคนก็กลับมาถึงหน้าร้านขนมเค้ก แต่แล้วซ่งฝูหลิงก็ไปที่ร้านขนมสกุลไป๋อีก มองซ้ายมองขวาด้วยความสงสัย ก่อนออกก็ได้ซื้อ ‘ขนมหนวดขาว’
ขนมหนวดขาวเป็นวิธีเรียกของชาวบ้านที่นี่ แท้จริงแล้วก็คือขนมหนวดมังกรในยุคปัจจุบัน
อืม อร่อย
“ท่านย่า ข้ากลับมาแล้ว”
“เอ๊ะ ซื้ออะไรมา” ท่านย่าหม่ารีบเข้ามาหา
ท่านยายเถียนยิ้มยิงฟันหลังจากที่ช่วยถอดชุดคลุมให้ซ่งฝูหลิง “ไอ๊หยา พั่งยาของเรา วันนี้สวยจริงๆ”
“ท่านยายเถียน ดูเอาแล้วกัน ข้าบอกแล้ว สายตาเจ้าน่ะแหลมคม”
ซ่งฝูหลิงยังไม่ทันอ้าปากประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง เสี่ยวเฉวียนจื่อปรากฏตัว
“เอาอะไรมาให้นะ กระเทียมเหรอ”