ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 401 พั่งยาที่เข้าเมือง
“ไป” ท่านย่าหม่าที่สวมเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายหรี่ตาลงเพราะถูกลมหิมะ บังคับเกวียนอย่างไม่วางใจพลางหันกลับไปมองเกวียนล่อที่ตามอยู่ด้านหลัง
ด้านหลังมีเกวียนล่ออยู่สามเล่ม
เกวียนพวกนั้นบรรทุกกระเทียม บรรทุกหลานสาวคนเล็กของนางกับพวกเสี่ยวเกา เสี่ยวซ่ง เสี่ยวหวังจากร้านขนมเค้ก
เดิมทีควรให้ทุกคนนั่งในเกวียนของบ้านตัวเอง แต่วันนี้ท่านย่าหม่าซื้อกระดาษเหลืองมาจำนวนหนึ่ง
ภายในเกวียนที่นางคุม มีกระดาษที่เอาไว้เผาให้คนตายกับพวกเชิงเทียนสำหรับเซ่นไหว้
ส่วนภายในเกวียนอีกเล่มของบ้าน เอาไว้สำหรับใส่พวกชะลอมขนมทุกวันอยู่แล้ว สามคนนั่งอยู่ด้านนอก สองคนข้างในคอยจับชะลอมไว้
ช่วงนี้ในร้านยุ่งมาก มีหวังจงอวี้กับพวกต้าหลังมาช่วย นั่งอยู่ในเกวียนเล่มนั้น
เมื่อเป็นแบบนี้หลานสาวคนเล็กของนางจึงไปนั่งในเกวียนล่อที่บรรทุกกระเทียม เกวียนล่อพวกนั้นมาจากสวนชานเมืองที่เป็นของจวนผู้สำเร็จราชการ
“ไป” ท่านย่าหม่าสูดลมหายใจแล้วหวดแส้
ทุกวันเวลากลับบ้านจะเป็นช่วงที่ลำบากที่สุด
เวลานี้จะไม่มีแสงอาทิตย์หลงเหลือแม้แต่น้อย อากาศหนาวแห้ง ระหว่างทางก็เป็นสีเทาๆ หม่นๆ จะบอกว่ามืดสนิทอย่างสิ้นเชิงก็ไม่ใช่ ลมเหนือที่เย็นยะเยือกพัดผ่าน
อย่างวันนี้เพิ่งออกจากเมืองไม่นานหิมะก็โปรยปรายอีกแล้ว เกล็ดหิมะลอยเข้าตา
ท่านยายเถียนก็นั่งอยู่ในตำแหน่งคุมเกวียน นางกับท่านย่าหม่าคุมกันคนละฝั่ง สวมถุงมือผ้าฝ้ายคู่ใหญ่แย่งเชือกมาจากท่านย่าหม่า “เอามาเถอะ ข้าคุมให้สักพัก เจ้าขยับนิ้วในถุงมือบ้าง”
ท่านย่าหม่าเอาให้นาง จากนั้นก็ตะโกนไปทางเกวียนอีกเล่มที่ห่างออกไปไม่ไกล “จงอวี้ ช้าลงหน่อย หิมะตกแล้ว มองไม่เห็นว่าตรงไหนบนพื้นมีน้ำแข็งบ้าง ไปช้าหน่อยดีกว่าคว่ำ”
หวังจงอวี้กลับไม่ได้รู้สึกหนาวเท่าไร ผู้ชายกำลังวังชาดี “เข้าใจแล้วท่านยาย พวกท่านก็ช้าหน่อย อีกเดี๋ยวมืดกว่านี้ก็จุดไฟเถอะ”
ท่านย่าหม่าอาศัยจังหวะนี้หันไปมอง อันที่จริงต่อให้ชะโงกตัวมองก็มองไม่เห็นอยู่ดี แต่นางเป็นห่วง ไม่รู้ว่าบนเกวียนล่อจะหนาวหรือเปล่า
หนาวอะไรล่ะ ซ่งฝูหลิงเบียดอยู่กับกระสอบกระเทียม อยากขยับก็ยังขยับไม่ได้
ใคร ฝีมือใคร มัดกระสอบก็มัดไม่แน่น กระเทียมหลุดออกมาครึ่งกระสอบ โคลงเคลงไปตามเกวียนจนมาอยู่บนตัวนาง
ก่อนหน้านี้เป่าจูบอกว่านางตัวหอม ยังถามอีกว่าซ่งฝูหลิงทาอะไร รู้สึกว่าหอมกว่าคุณหนูสามอีก แบบที่ว่าแค่ยกมือหันตัวก็มีกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมา หอมมาก
ก่อนขึ้นเกวียนสะใภ้ใหญ่ของเกาถูฮูก็สูดจมูกแล้วพูด “พั่งยาทำไมหอมขนาดนี้”
ซ่งฝูหลิง ตอนนี้มาดมสิ พวกเจ้ามาดมกันอีกรอบ ตอนนี้ตัวนางมีแต่กลิ่นกระเทียมไร้กลิ่นอื่นเจือปน
ซ่งฝูหลิงแอบเสียใจที่ทำไมไม่นั่งรถม้าดีๆ กลับบ้าน อยู่ในรถม้ายังดื่มช้าร้อนได้ด้วย หรือแม้กระทั่งถอดรองเท้าห่มผ้า กอดหม้ออุ่นนอนอ่านหนังสือในรถ นางไปหาท่านย่าทำไมกันนะ
แล้วมาดูตอนนี้ ภายในเกวียนที่มืดสนิท แทบไม่กล้าขยับ กลัวว่าจะไปนั่งทับหัวกระเทียมแหลกหมด แค่ขยับมากหน่อยกระเทียมก็ร่วงเกรียวกราวลงมาที่ตัวนาง
มันช่างแตกต่างจากตอนมาเมื่อเช้าอย่างลิบลับ
ยังไม่ทันข้ามสะพาน คนในบ้านก็สังเกตเห็นแล้วว่ามีเกวียนหลายเล่มกลับมา
เพราะช่วงสองวันนี้ลุงซ่งได้รวมกลุ่มเด็กๆ ที่โตกว่าจินเป่าขึ้นไปให้ช่วยกันเอาหินก้อนใหญ่ที่ลากกลับมาบ้านอย่างยากลำบากใส่แคร่ แล้วลากไปข้างนอกอีกครั้ง
ลากก้อนหินยังไงน่ะเหรอ
ก็ลากจากประตูใหญ่ของบ้านไปที่ริมแม่น้ำ เพื่อเอาหินไปทำโคมไฟหินที่สูงเท่าเข่า พูดให้ชัดเจนหน่อยก็คือ เอาหินมาวางซ้อนกันล้อมรอบ เพื่อบังลมบังหิมะให้ไฟที่อยู่ในนั้น พอถึงเวลาก็จะได้จุดตะเกียงในนั้น
ห่างสิบกว่าเมตรตั้งหนึ่งอัน ทำเป็นถนนที่มีโคมไฟหินตลอดแนว
โดยจะเริ่มจุดตั้งแต่วันที่ยี่สิบเก้าไปจนออกเดือนอ้าย
การทำแบบนี้ ด้านหนึ่งก็เพื่อสะดวกต่อการเข้าออกของคนในบ้าน จะได้มีแสงสว่างนำทางตอนฟ้ามืด ช่วงปีใหม่ในบ้านแขวนโคมไฟไม่ได้ ก็สามารถใช้สิ่งนี้ทดแทนกันได้
อีกด้านหนึ่งก็เพราะใกล้ปีใหม่แล้ว อยากทำเส้นทางที่สว่างไสวเพื่อบอกเหล่าบรรพบุรุษ บอกแก่คนที่จากครอบครัวไปว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน กลัวว่าเส้นทางมืดเกินไป คนพวกนั้นจะหาทางกลับบ้านไม่เจอ
ท่านลุงซ่งเชื่อเรื่องพวกนี้มาก ดังนั้นช่วงสองวันมานี้จึงวุ่นอยู่กับเรื่องพวกนี้ตลอด
รวมถึงท่านย่าหม่าที่จ่ายเงินซื้อกระดาษเหลืองไปมาก กลับมายังต้องให้พวกผู้หญิงช่วยกันพับเป็นรูปหยวนเป่าอีก ใช้เงินกองกลางออกทั้งนั้น แบบที่มาเบิกเงินกับท่านย่าหม่าได้
ลุงซ่งให้พวกเด็กๆ วางงานในมือลงก่อน รีบไปรอรับที่สะพาน
ส่วนคนในหมู่บ้านที่อยู่ตรงริมน้ำ เวลานี้กำลังตะโกนทักทายพวกท่านย่าหม่า
ในสายตาของคนในหมู่บ้าน สุดยอด ยายพวกนี้ร่ำรวยกันเหลือเกิน
ดูเอาแล้วกัน ตอนนี้คนในหมู่บ้านพนันกันว่า หลังเข้าฤดูใบไม้ผลิคนพวกนั้นจะก่ออิฐสร้างบ้านหลังใหญ่ที่มีกี่ห้องกัน
อย่าคิดว่าพวกเขาไม่รู้ คนพวกนั้นไม่ได้มีแค่ร้านขนมสี่ร้าน ช่วงนี้เข้าๆ ออกๆ กันถี่ โรงเตี๊ยมต่างอำเภอก็มีเข้าหมู่บ้านมาซื้อสินค้า แค่อ้าปากก็ถามหาซ่งฝูเซิง
แสดงให้เห็นว่าคนพวกนั้นยังมีการค้าใหญ่อย่างอื่นอีก ดูจากที่ยุ่งกันไม่ได้หยุดก็น่าจะหาเงินได้ไม่น้อย
เฉียนเพ่ยอิงได้ยินเสียงก็ถือคบเพลิงวิ่งเหยาะๆ ออกไปรอรับ ถามท่านย่าหม่าว่าพั่งยาล่ะ ท่านย่าหม่าชี้ไปทางเกวียนล่อ หมี่โซ่วก็รีบวิ่งด้วยความเร็วสูงเข้าไปหา
ยังไม่ทันที่เฉียนเพ่ยอิงจะได้เห็นเงาลูกสาวก็ได้ยินเสียงของนางก่อน “โอ๊ย น้องชาย เจ้าทำรองเท้าข้าตกแล้ว ข้าอยู่นี่”
เฉียนเพ่ยอิงยื่นคบเพลิงให้หมี่โซ่วแล้วช่วยเอากระสอบกระเทียมออกจากตัวลูกสาว จากนั้นก็ไปช่วยสะใภ้ใหญ่ของเกาถูฮู
ถึงแม้ซ่งฝูเซิงก็ร้อนใจอยากเข้าไปดูลูกสาว หายไปทั้งวัน เป็นอย่างไรบ้าง
แต่ตัวเขาที่ผูกผ้ากันเปื้อน กำลังวุ่นเรื่องจ่ายเงิน
“ฟังข้านะเสี่ยวเฉวียนจื่อ เอาเงินนี่กลับไปให้ซุ่นจื่อ บอกไปว่าข้าพูดว่า เรื่องนี้ก็ส่วนเรื่องนี้ พวกข้าไปซื้อกระเทียมที่อื่นก็ต้องจ่ายเงินหรือเปล่า ครั้งนี้ขอบคุณมาก ตอนนี้อยากซื้อก็หาซื้อไม่ได้แล้ว เอาเงินกลับไปนะ”
พูดจบซ่งฝูเซิงก็เอาถุงเงินยัดใส่มือเสี่ยวเฉวียนจื่อ กวักมือเรียกให้คนมาเอากระสอบกระเทียมลง
พอซ่งฝูหลิงกลับมาถึงบ้านก็เริ่มพูดคุยสารพัดกับแต่ละคน
ท่านทวดถามนางอย่างมีลับลมคมใน “ไปครั้งเดียวก็พอแล้วเหรอ สอนเข้าใจแล้วเหรอ”
เมื่อเช้าชายชราได้ยินซุ่นจื่อพูดอย่างคลุมเครือว่า มีประโยชน์ต่อการทำสงคราม จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจเรื่องการทำแบบจำลอง ด้านบนวางภูเขาจำลองบ้าง แม่น้ำปลอมบ้าง มันจะมีประโยชน์ต่อการทำสงครามได้อย่างไร แต่เขาก็หวังว่ามันจะช่วยได้จริงๆ
ถูกต้อง ความหวังข้อที่หนึ่งของชายชราคือ ทางที่ดีที่สุดคืออย่ามีสงคราม ความหวังข้อที่สองคือ ถ้าหลังปีใหม่จะต้องเกิดสงครามแน่ๆ เขาก็อยากให้อ๋องเยี่ยนชนะ อย่าเห็นว่าเขาเพิ่งมาอยู่ที่นี่ แต่ก็รู้สึกได้ว่าอ๋องเยี่ยนแตกต่างออกไป
เอาแค่ที่บ้านเกิดเมื่อก่อนนี้ เขารู้สึกได้เลยว่าการดูแลจัดการเละเทะกว่าอ๋องเยี่ยน อีกทั้งชายชราอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดมาหลายสิบปี ใช่ว่าจะไม่เคยประสบภัยต่างๆ แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องการส่งเสบียงช่วยเหลือมาก่อน
ชาวบ้านจะอดตายหรือไม่ล้วนต้องดูตัวเอง การจัดเก็บส่วยก็หนักขึ้นเรื่อยๆ
ไม่เหมือนที่นี่ ถึงแม้จะหนาวกว่าที่บ้านเกิด แต่ดูเหมือนคนรวยที่นี่จะมีอยู่เยอะมาก
แน่นอนว่าชายชราไม่ได้สติเลอะเลือน เขารู้ว่าอาจเป็นเพราะตอนนี้พวกเขาหาเงินได้มาก คนที่คลุกคลีด้วยอาจเป็นคนรวยหรือเปล่า หรือเขาคิดไปเอง
แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด ดูจากการใช้ชีวิตของคนในหมู่บ้านก็รู้ได้ ดีกว่าที่บ้านเกิดเยอะ
ไหนยังจะมีมือปราบมาส่งข่าว ที่ตอนนั้นเริ่นกงซิ่นถูกปลด ก็รู้สึกได้ว่าพวกมือปราบต่างก็เป็นคนมีเหตุผล ไม่เหมือนมือปราบที่บ้านเกิด ร้ายกาจสุดๆ เก้าปีสิบปีเขาไม่เคยไปหามือปราบ พอไปครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเขาเป็นหลี่เจิ้ง มือปราบก็เรียกเงินค่าเดินเรื่องจากเขา ให้น้อยก็ไม่เต็มใจจะทำ
ซ่งฝูหลิงไม่ปิดบัง บอกท่านทวดไปตามตรง “เขาบอกว่าวันที่ห้าจะให้ข้าดูอีกครั้ง ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะให้ข้าดูอะไร แต่วันที่ห้าข้าบอกให้เขาไปที่ร้านขนม”
นี่คือตอนคุยกับท่านลุงซ่ง
ยังมีพวกพี่สาวที่เข้ามาถามนั่นถามนี่ จะเอาเงินให้ซ่งฝูหลิงให้ได้ บอกว่าจะให้น้องสาวควักเงินซื้อของขวัญให้ได้ยังไง พวกพี่หาเงินได้แล้วก็ควรเป็นพวกนางที่ให้ ก็แค่ไม่ได้ออกไปไหนเลย
ซ่งฝูหลิงทำสีหน้า ‘เรื่องแค่นี้เอง’
พวกเถาฮวาจึงบอกว่า “พวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ หลังปีใหม่หาเวลาสักวันเข้าไปในเมือง พอถึงตอนนั้นเจ้าอยากได้อะไรเดี๋ยวซื้อให้” ต้ายากับเอ้อร์ยาก็รีบพยักหน้าทันที
ยังมีน้องชายอีกสองคนที่เข้ามาเซ้าซี้ซ่งฝูหลิง
ซื้อหมวกกลับมาให้ใบหนึ่ง หมี่โซ่วใส่แล้วน่ารัก ยืนอยู่บนเตียงเตาถามนั่นถามนี่ เขาดูดีไหม
ซ่งจินเป่าเสียงดังกว่าหมี่โซ่ว กินขนมหนวดมังกรพลางตะโกน “พี่พั่งยาน่ารักจริงๆ ดีกว่าท่านย่าอีก”
ไม่แปลกที่ซ่งจินเป่าจะบ่น
ก็เมื่อวาน ท่านย่าหม่าซื้อผ้ากลับมาเยอะแยะใช่ไหมล่ะ หลานชายหลานสาวมีชุดใหม่กันหมดยกเว้นจินเป่า ของจินเป่าก็มี แต่ของเขามันใส่ไว้ข้างใน เลยไม่พอใจ บ่นว่าท่านย่าจะไม่ให้ชุดใหม่ก็ได้ แต่ขอขนมเค้กครีมหนึ่งชิ้น
ท่านย่าหม่าก็เลยกล่อมไปว่า “เชื่อย่า แล้วย่าจะเอาขนมเค้กครีมให้กิน”
ตอนนั้นซ่งจินเป่าเลยตบตัวจนเกิดเสียง “ได้ ข้าเชื่อท่านย่า”
“เด็กดี เชื่อย่านะ พวกเราไม่กินขนมเค้กครีมกัน”
ดังนั้น พี่พั่งยาก็เลยดีกว่าย่าแท้ๆ ย่าหลอกเด็กเก่ง
เวลานี้ท่านย่าหม่าแอบบ่นยิ่งกว่าซ่งจินเป่า นางคิดว่าเมื่อเทียบกับหลานสาวคนเล็ก นางยังใสซื่อบริสุทธิ์กว่ามาก
ใครล่อหลอกเก่งที่สุด พั่งย่าหลานนางอย่างไรล่ะ
อาศัยจังหวะที่เมื่อคืนนางร้องไห้ ขอเงินไปไม่น้อย เหยี่ยวถูกไก่จกตาเสียได้ ดูสิ วันนี้ของชิ้นเล็กชิ้นน้อยพอรวมกัน กล้าจ่ายไปตั้งสิบแปดตำลึง
สิบแปดตำลึง อ๊ากกก!
ในมือของท่านย่าหม่ากำยาไป๋จื่อ “ทำไมเจ้าล้างผลาญขนาดนี้ หา โอ๊ย ปวดใจเหลือเกิน”
“ท่านย่า ปวดใจก็กลับบ้านไปขึ้นเตียงนอน ท่านย่าก็คิดเสียว่า ของเอาไปคืนไม่ได้ และที่ซื้อก็ไม่ได้ให้คนอื่น โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ โกรธจนเสียสุขภาพก็หาคนมาแทนไม่ได้อีก…
…อีกอย่างเมื่อเช้าก่อนออกจากบ้าน ท่านพ่อท่านแม่ก็กำชับนักกำชับหนา…
…ท่านแม่ข้าบอกว่า ต่อให้ไม่ซื้ออะไรเลยก็ต้องซื้อยาทาหน้าให้ท่านย่า…
…ท่านพ่อพูดด้วยความเอาใจใส่ว่า ต้องซื้อผงขัดฟันให้ท่านย่ามากหน่อย ถ้าซื้อน้อยเดี๋ยวท่านย่าก็จะเสียดายไม่กล้าใช้ กลัวท่านย่าใช้ซี่ไผ่ขูดลิ้นไม่รู้วันไหนจะบาดคอเข้า”
ซ่งฝูเซิงเข้าบ้านมาพอดี ท่านย่าหม่าเงยหน้ามองลูกชาย “หึ!” แล้วหันตัวเดินออกไป
“ท่านแม่ มาดูนี่ รองเท้าปักลาย ท่านย่าไม่รู้ ฮี่ๆ จริงๆ ใช้เงินไปเยอะกว่าสิบแปดตำลึง รองเท้าท่านแม่ข้าแยกใส่ไว้ต่างหาก”
เฉียนเพ่ยอิงใช้สองมือรับมาทันที “สวยจริงๆ ลูกแม่ เท่าไหร่เหรอ”
ซ่งฝูเซิงพูด “พวกเจ้าสองคนแม่ลูกเอาไว้ก่อน ลูกไปที่เจ๋อหยวน เข้าไปทางประตูไหน ทำอะไรบ้าง”