ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 402 ทะเลก็เหมือนแม่
ซ่งฝูหลิงเดินตามพ่อแม่ไปที่โรงเพาะปลูกพริก
พวกเด็กๆ กำลังโวยวายแย่งขนมหนวดมังกรอยู่ในบ้านนาง นางกับพ่อแม่ก็เลยต้องย้ายที่
ซ่งฝูหลิงเดินพลางครุ่นคิด
นี่มันก็จริงๆ เลยนะ ตอนท่านย่าเห็นนาง สิ่งที่เป็นห่วงก่อนก็คือ บ้านหลังนั้นอยู่ที่ไหน ข้างในเป็นอย่างไร ตอนเที่ยงเอาข้าวให้เรากินไหม เจ้าต้องทนหิวหรือเปล่า
ส่วนเรื่องที่ท่านแม่เป็นห่วงอันดับแรกก็คือ ไม่ได้ถูกรังแกใช่ไหม ไม่ได้ถูกสาวใช้แอบถูกเนื้อต้องตัวหรือดูถูกอะไรใช่ไหม ลูกไปเจอใครมาบ้าง
พอมาถึงพ่อ ลูกเข้าทางประตูไหน
ซ่งฝูหลิงเข้าโรงเพาะปลูกพริกไปก็มองต้นกล้าพริกอย่างเอ็นดู
ตอนนี้พ่อของนางเริ่มใช้แปลงไม้เพาะปลูกพริกรอบใหม่แล้ว อีกทั้งครั้งนี้มีหลายแปลง ต้นกล้ามีเป็นจำนวนมาก ทำชั้นวางขึ้นมาอันหนึ่ง วางเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ วางชิดกำแพงดูเหมือนเป็นชั้นหนังสือขนาดใหญ่
“พ่อถามเจ้าอยู่นะ ทำอะไรอยู่ เข้าไปทางประตูไหน”
“อ๋อ ไม่รู้ พอรถหยุดข้าก็เห็นประตูบานใหญ่”
ซ่งฝูเซิงนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็ก “ประตูนั่นโอ่อ่าหรือเปล่า เปิดสองบานไหม”
“สองบาน ใหญ่มาก ถ้าข้ารู้ว่าท่านพ่อสนใจเรื่องนี้คงถามเป่าจูมาให้แล้ว”
ซ่งฝูเซิงฟังจบก็พอจะเข้าใจแล้ว อย่างน้อยก็เป็นประตูกลาง ไม่ได้ให้ลูกสาวของเขาไปเข้าประตูของบ่าวรับใช้เป็นพอ พวกเราไม่ใช่ขี้ข้าของตระกูลลู่
เฉียนเพ่ยอิงหยิบกระบองเขี่ยกองไฟมาเขี่ยเตา จากนั้นก็หยิบมันฝรั่งออกมาหนึ่งหัวจากในนั้น “รีบกินสิ แอบเผาไว้ในเตามาตลอดช่วงบ่ายแล้ว”
ที่นี่ไม่มีมันฝรั่ง มีแค่ไม่กี่ลูกจากในพื้นที่พิเศษ
ใช้คำพูดของซ่งฝูเซิงก็คือ ‘มันฝรั่งที่ซื้อในหน้าหนาว พื้นที่พิเศษในบ้านเหลือแค่ไม่กี่ลูก แถมยังหน้าตาน่าเกลียด ใครจะรู้ว่าถ้าเอามาเพาะพันธุ์ปลูกจะขึ้นไหม คงยากน่าดู’
วันหน้าจะปลูกได้ไหมยังไม่รู้ แต่พวกเขากินได้นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอน ตราบใดที่เป็นของกินพวกเขาก็จะเอาออกมา
ซ่งฝูหลิงลงกลอนประตูก่อนแล้วนั่งลงบนเก้าอี้เล็กรับมันฝรั่งมา ร้อนจนต้องเอาสองมือช่วยประคองก็ยังไม่ขัดจังหวะการกิน “ท่านพ่อ เข้าพื้นที่พิเศษเอาน้ำพริกระเทียมให้ข้าหน่อย”
ปากกัดมันฝรั่งพลางเช็ดขี้เถ้า ร้อนจนมีไอออก จากนั้นก็พูดด้วยเสียงอู้อี้ “แล้วก็เอาหนังสือแผนที่ด้วย เล่มสีเขียวปกแข็งอยู่ในชั้นหนังสือ ของคณะสังคมศาสตร์”
ซ่งฝูเซิงตาเหลือกไปครึ่งหนึ่งแล้วกลับหยุดถาม “เอามาทำไม”
“อ๋อ ลู่พั่นถามข้าว่าทะเลทำอย่างไร ข้าเลยลองเดาดูว่าเขาน่าจะไปทางทะเล”
หลังจากซ่งฝูเซิงเข้าไปในพื้นที่พิเศษแล้วก็เปิดประตูห้องหนังสือก่อน เดินไปหาหนังสือให้ลูกสาวที่ชั้นหนังสือ
เมื่อก่อนในปีหนึ่ง เขาเข้ามาในห้องหนังสือแค่ไม่กี่ครั้ง พอเห็นหนังสือก็ปวดหัว
ความรู้ที่เกี่ยวข้องด้านวัฒนธรรม อย่างมากก็แค่ฟังจากวิทยุตอนขับรถเช้าเย็น อ่านหนังสือพิมพ์ที่ลูกสาวรับประจำบ้างเป็นครั้งคราว
ปกติอ่านหนังสือพิมพ์ก็จะนั่งเลื้อยที่โซฟา แทะเม็ดแตงไปอ่านไป อ่านจบก็เอากระดาษหนังสือพิมพ์ห่อเปลือกเม็ดแตง ทั้งสะดวกทั้งง่าย
ต่อมาก็มีติ๊กต่อก เลื่อนดูก่อนนอน ข่าวอะไรในนั้นก็มีหมด แค่นี้ก็พอแล้ว
ดังนั้นชีวิตนี้ กลับกลายเป็นว่านับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในยุคโบราณถึงได้จับหนังสือมากหน่อย
ช่วยไม่ได้ ลูกสาวอยากได้อะไรเขาก็ต้องมาหยิบให้
“คณะสังคมศาสตร์เหรอ เล่มไหนล่ะ เด็กคนนี้ทำไมถึงซื้อหนังสือแผนที่มาเยอะขนาดนี้”
ค้นออกมาแล้วเหน็บไว้ที่ใต้รักแร้ ออกจากห้องหนังสือไปหยิบน้ำพริกกระเทียมให้ลูกสาว
หาถุงพลาสติกใส่องุ่นกับเชอร์รี ใส่เบียร์สองกระป๋อง เครื่องดื่มสองขวด น้ำพริกเนื้อ แล้วถึงออกจากพื้นที่พิเศษ
ภายในโรงเพาะปลูกพริก ต่อมาก็ได้ยินเสียงเปิดเบียร์กระป๋องกับเครื่องดื่ม สองพ่อลูกนั่งสุมหัว ดูแผนที่พลางพูดเสียงเบา เฉียนเพ่ยอิงมีหน้าที่เอามันฝรั่งสองหัวโยนเข้าไปในกองไฟอีก
“ท่านพ่อ วันนี้ข้าสอนเขาเหนื่อยมาก ข้าต้องคำนวณเปลี่ยนเมตรเป็นคืบอยู่ในใจ เสร็จแล้วถึงค่อยสอน จากนั้นก็ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเชื่อ ตั้งโจทย์มาทดสอบข้าด้วย”
“สอนอย่างเดียวเลยเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าตัดเวลาตอนกินข้าวทิ้งก็สอนอย่างเดียวเลย เขาจับๆ วางๆ ก้านไม้ที่ใช้คำนวณที่ท่านพ่อพูดถึง ทำแต่ละทีก็ครึ่งชั่วโมง”
เฉียนเพ่ยอิงฟังแล้วก็หัวเราะหึหึ พูดแทรก “คนไม่รู้คงคิดว่าเขาดูดวงอยู่”
ซ่งฝูหลิงถือมันฝรั่งหันกลับไปหัวเราะ “จะว่าไปก็เหมือนนะ เหมือนเรียงไพ่ทาโรต์”
ซ่งฝูเซิงกระดกเบียร์แล้วพูดขึ้น
“อย่าดูถูกเขา เด็กคนนั้นถือว่ามีความรู้มากแล้ว…
…สิ่งที่เจ้าเรียนคือสิ่งที่คนรุ่นก่อนตกผลึกมาแล้ว…
…สูตรหนึ่งสูตร ไม่แน่ว่าอาจเป็นบทสรุปที่เกิดจากการทุ่มเทของบรรพบุรุษหลายรุ่น ลูกย่อมคำนวณได้เร็ว…
…เขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็คำนวณเลขหลักหมื่นหลักแสน แถมยังทั้งหารทั้งคูณออกมาได้ นั่นก็นับว่าฉลาดมากแล้ว”
“ข้าไม่ได้ดูถูกนะ ข้าก็แค่เล่าให้ฟัง จริงสิท่านพ่อ ในความทรงจำมีเรื่องรถบันทึกลี้ไหมคะ ได้ยินว่าเป็นรถชนิดหนึ่งที่เอาไว้ใช้วัดพื้นที่ ข้าแค่อยากพูดว่า เฮ้อ ล้าสมัยมาก”
ซ่งฝูเซิงเปิดเบียร์อีกกระป๋อง ดื่มลงคอแล้วถึงพูด “คราวนี้ในที่สุดก็รู้สึกได้แล้วใช่ไหมล่ะ เมื่อเทียบกับคนที่นี่ พ่อก็ถือว่าเป็นคนมีความรู้พอสมควร ไม่ต้องพูดอย่างอื่น เอาแค่หนังสือแผนที่ในมือเจ้า คนอื่นไม่มี พ่อมี พ่อก็เป็นแม่ทัพได้”
เฉียนเพ่ยอิงหัวเราะ “เลิกคิดเถอะ ถ้าท่านเป็นแม่ทัพก็คงพาเดินผิดทาง ศัตรูเข้ามาล้อมแล้ว ท่านยังไปไม่ถึง ลืมแล้วเหรอที่พาพวกเราหลงทางในป่าน่ะ”
ซ่งฝูเซิงไม่อยากฟัง ขมวดคิ้วพลางพูด
“พาหลงทางก็ยังมีความรู้มากกว่าพวกเขาหรือเปล่า…
…คนที่นี่ ทั้งชีวิตไม่ค่อยได้ออกไปไหน ตรงไหนก็ดูแปลกตาไปหมด คนที่พาทั้งกลุ่มหาสถานที่เจอ รู้ว่าต้องเดินไปทางไหน ก็ถือว่าเป็นคนเก่งสำหรับที่นี่แล้ว…
…ไปเป็นแม่ทัพก็ออกจะเว่อร์เกินไป แต่ถ้าเป็นผู้บัญชาการของกลุ่มเล็กๆ ก็คงไม่มีปัญหา…
…เจ้าคิดว่าพวกผู้บัญชาการในค่ายเลื่อนตำแหน่งกันได้อย่างไร ตามไปร่วมรบหลายครั้ง รอดมาจากสงครามครั้งก่อน ไม่ตาย นี่ก็จัดเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่มากแล้ว ถึงได้เลื่อนตำแหน่ง…
…ต้องรู้นะว่าพวกเขาไม่มีแผนที่ที่เป็นรูปเป็นร่าง แผนที่ที่ทำขึ้น ก็มาจากคนที่เคยไปรบ เคยเดินเส้นทางนั้น กลับมาวาดจากความทรงจำ…
…แต่ว่าจะมีกี่คนที่รอดกลับมาได้ล่ะ คนที่กลับมายังต้องจดจำเส้นทางตอนไปรบ จะมีสักกี่คนที่ทำได้…
…ข้าไม่เหมือนกัน ลูกสาวเรามีหนังสือแผนที่ตั้งหลายเล่ม”
ทันใดนั้นซ่งฝูหลิงก็พูดแทรกขึ้น
“ท่านพ่อ เหมือนข้าจะเดาได้แล้วว่าเขาจะใช้กลยุทธ์แบบไหน ดูนี่นะ จากไม่กี่เส้นทางนี้ อ้อมมองโกลไปทางใต้ หรือไม่ก็จากด่านซานไห่ที่ใกล้ที่สุด แต่ตราบใดที่ไม่ใช่อ๋องสมองทึ่ม กำลังทหารหลักจะต้องอยู่ที่นี่แน่นอน ทหารม้ายังวิ่งไม่ถึงปืนใหญ่ก็ปุงปังข้างบนแล้ว ความยากระดับห้าดาว”
ซ่งฝูเซิงชะโงกหน้าเข้าไปสังเกตแผนที่ “เส้นทางมองโกลไม่ดี ความยากของเส้นทางนั้นก็ระดับห้าดาวเหมือนกัน”
“ระดับความยากสูงขนาดนั้นเลยเหรอ”
ซ่งฝูเซิงทำเสียงจึ๊ “ไกลเกินไป เจ้าลืมแล้วเหรอ ที่นี่ขนส่งอะไรต้องใช้เท้าเดินทั้งนั้น ต้องคำนึงด้วยว่าถ้าเสบียงไปไม่ทัน ไม่มีกินไม่มีดื่มยังจะรบอะไรอีกล่ะ เสบียงยังไม่ทันส่งถึง ทหารเสบียงก็กินไปแล้วสองในสาม ทางมองโกลยังมีกลุ่มอื่นอีก นั่นก็ไม่ได้มาดีหรอก”
“สรุปว่า?” สองพ่อลูกจ้องเส้นทางตรงต้าเหลียน “นั่งเรือแอบเข้าตอนกลางคืน ขึ้นบกที่เผิงไหลหรือไม่ก็เวยไห่” สองพ่อลูกพูดเป็นเสียงเดียวกันอีกครั้ง “ลอบโจมตีจากทางด้านหลัง”
เอาให้ตั้งรับไม่ทัน ทางด้านด่านซานไห่ถึงจะเคลื่อนพลไปโจมตีด้านหลังได้ เมื่อถอนกำลังทหารไปส่วนหนึ่ง ด่านซานไห่ถึงจะมีหวังตีเมืองได้
เฉียนเพ่ยอิงเอามันฝรั่งย่างออกมา “เอ๊ะ สองคนนี้ปิดปากให้สนิทเลยนะ เดาเรื่องนั้นทำไม ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราอย่าหาเรื่องใส่ตัว แม่ว่าเก็บหนังสือแผนที่เล่มนี้ให้ดี ถ้าเจ้าเด็กลู่พั่นมาเห็นเข้า ไม่เพียงแต่เขาจะเอาไป ยังจะจับพวกเราไปขังแล้วสอบสวนด้วย อีกอย่าง ที่พูดกันมาก็ใช่ว่าจะถูก เดาส่งเดชกันทำไม คิดว่าเป็นแม่น้ำแบบทางบ้านเรานี่เหรอที่จะว่ายไปว่ายมาได้ นั่นทะเลนะ”