ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 403 ชีวิตไม่ได้มีอยู่แค่ตรงหน้า
ซ่งฝูเซิงไม่อยากฟัง เรอเบียร์แล้วพูดขึ้น
“นี่จะเป็นการเดาส่งเดชได้อย่างไร มันก็คือท่าเรือต้าเหลียนเกาะหูลูในปัจจุบันที่ไม่ได้เรียกชื่อนี้ ท่าเรือที่ขึ้นฝั่งก็ไม่ได้เรียกเผิงไหลกับเยียนไถ แผนที่ของพวกเราก็บันทึกจากหนังสือประวัติศาสตร์สืบทอดมาแต่ละสมัย อยากเข้าเมืองหลวงยังจะบินบนฟ้าได้อีกเหรอ อย่างไรก็คงหนีไม่พ้นเส้นทางพวกนี้”
เฉียนเพ่ยอิงถลึงตาใส่เขา “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า คุยเรื่องกินอะไร ใส่อะไรดีกว่าไหม เราเพิ่งจะลี้ภัยกันมานะ ยังไม่ทันได้เป็นเศรษฐีบ้านนอกก็กลุ้มเรื่องบ้านเมืองแล้ว”
“ท่านแม่ เรื่องนี้ท่านไม่ถูกนะ ข้ากับท่านพ่อก็แค่อยู่ว่างๆ ปิดประตูคุยกันยังไม่ได้อีกเหรอ อีกอย่าง ในชีวิตจะมัวแต่คุยแค่เรื่องกินดื่มอะไรในชีวิตประจำวันไม่ได้หรอก หลับตาเข้านอน ตื่นมาขุดหลุมกลบหลุม ใช้ชีวิตเหมือนกันทุกวัน ท่านแม่จะกลายเป็นคนโบราณไปแล้ว เราต้องมีความทะเยอทะยานบ้าง”
ซ่งฝูหลิงพูดจบก็แกว่งหนังสือแผนที่ในมือพลางถามซ่งฝูเซิง “ท่านพ่อ ดูจบแล้วรู้สึกไหมว่า ใช่ว่าใครจะเป็นแม่ทัพก็ได้ ท่านดูสิ จะเส้นทางไหนก็รากเลือดทั้งนั้น”
“ถูกต้อง ถ้าไม่บุกเมืองตีค่ายก็ต้องข้ามแม่น้ำลุยทะเล”
“ดังนั้นถ้าอยากจะโดดเด่นกว่าใครก็มีเส้นทางเดียว”
“หืม?”
“แต่นแตนแต๊น” ซ่งฝูหลิงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากเอว สองมือยื่นให้
“ข้าให้ของขวัญปีใหม่…
…เมื่อครู่ท่านพ่อเห็นคนอื่นได้ของขวัญกันหมดแต่ท่านพ่อไม่ได้ เสียใจใช่ไหมล่ะ ข้าดูออกนะ…
…แต่จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร…
…ไม่เพียงแต่ข้าจะเตรียมของขวัญไว้ให้ท่านพ่อ ยังวางแผนให้อนาคตของท่านพ่อรวมถึงอนาคตของครอบครัวเราด้วย…
…ท่านพ่อน่ะ ไปเป็นทหารไม่ดีหรอก มันอันตรายเกินไป เช่นนั้นก็ได้แค่จับพู่กันเรียนหนังสือ วันหน้าจะได้เตรียมสอบจอหงวนไง…
…จากนั้นก็จะเป็นเศรษฐี ไม่อย่างนั้นบ้านเรามีแค่เงิน ไม่มีภูมิหลัง เดี๋ยวจะล้มได้ง่าย”
ซ่งฝูเซิง “…”
“ท่านพ่อ หนังสือเล่มละตั้งสี่ตำลึง ท่านพ่อคงไม่อยากทิ้งให้ฝุ่นจับมันใช่ไหม”
“พ่อเหรอ” ซ่งฝูเซิงจำต้องรับหนังสือมา
ไม่รับไม่ได้หรอก หนังสือเล่มหนาถูกยัดมาที่หน้าอก ลูกสาวเขายิ้มกว้างเดินออกไปแล้ว
ซ่งฝูเซิงแปรงฟันพลางถลึงตามองหนังสือที่อยู่บนเก้าอี้ แอบก่นด่าในใจ
เด็กอะไร หา บังคับให้พ่อเรียนหนังสือ
เมื่อครู่ยังคิดอยู่ว่าหาเวลาแอบอู้ได้ วันนี้ลูกสาวดูมีเรื่องคุยกับเขา สองพ่อลูกคุยกันอย่างสนุกสนาน นึกไม่ถึงว่าจะคุยอ้อมไปอ้อมมาเพื่อรอจังหวะนี้
เขาอายุตั้งเท่าไรแล้ว ความจำก็ไม่ดี ไม่อยากเรียน
เฉียนเพ่ยอิงกลั้นขำไม่อยู่ ยื่นผ้าขนหนูให้ซ่งฝูเซิงเช็ดปาก
ทุกครั้งที่เหล่าซ่งแอบดื่มเบียร์ในโรงเพาะปลูกพริกก็จะต้องแปรงฟัน ที่นี่มีอุปกรณ์ล้างหน้าแปรงฟันอยู่ชุดหนึ่ง
“นั่นสิ เจ้าจะวางทิ้งให้ฝุ่นจับไม่ได้นะ สี่ตำลึง ลูกสาวเจ้าทำงานเช้าจรดเย็น ต้องอบขนมเท่าไหร่ถึงจะหาเงินกลับมาได้…
…ถ้าเจ้าไม่อ่านให้เปื่อยยุ่ย มันจะผิดต่อความตั้งใจที่ลูกสาวอยากให้พ่อกลายเป็นมังกร…
…โยนเงินลงน้ำยังมีเสียง ถ้าเจ้าไม่ตั้งใจเรียนให้ดีไม่รู้สึกผิดต่อลูกเหรอ”
จนกระทั่งซ่งฝูเซิงออกจากโรงเพาะปลูกพริกก็ยังงงอยู่
คำพูดพวกนั้นที่เมียเขาพูดทำไมมันคุ้นๆ
…
พูดถึงเรื่องเรียนหนังสือ ซ่งฝูเซิงรู้สึกขนลุกจริงๆ
ในความทรงจำของเขา ท่องตำราจบไปหลายเล่มแล้วอย่าง หลุนอวี่ เมิ่งจื๊อ ซือจิง ซูจิง หลี่จี้จั่วจ้วน หนังสือพวกนี้รวมกันก็สี่แสนเจ็ดพันสองร้อยกว่าอักษร
นี่ยังไม่เท่าไหร่ ร่างนี้ยังได้อ่านคำอธิบายของหนังสือที่ว่ามาของแต่ละยุคแต่ละสำนัก
อย่างน้อยๆ ต้องคูณสิบเท่าเข้าไป อ่านหนังสือไปแล้วประมาณสี่ล้านกว่าอักษร
สี่ล้านกว่าอักษร บางตำราก็ท่องจนจำได้ ในความทรงจำก็ถือว่าเรียบเรียงมีระบบดี แต่ก็ยังสอบไม่ติด?
ตอนนี้จะให้เขารับไม้ต่อเหรอ
ให้เขาอ่านหนังสือพวกนั้น?
ตัวเขาเองยังไม่เชื่อเลย
แต่ซ่งฝูเซิงก็รู้ดีแก่ใจว่า คำพูดพวกนั้นของลูกสาวมันถูกต้อง
มองให้ไกลๆ โลกในยุคนี้ ชาวบ้านตาดำๆ มีแต่จะถูกเอาชีวิตได้ง่าย มีความเป็นไปได้ว่ายิ่งมีเงินก็จะยิ่งถูกเอาเปรียบ
แต่ถ้าสอบติด ต่อให้ไม่มีตำแหน่งขุนนางก็ไม่เหมือนกันแล้ว
อืม ซ่งฝูเซิงเก็บหนังสือให้ดี…ค่อยว่ากัน ไว้ถึงเวลาค่อยว่ากัน ไม่ใช่ว่ายังเร็วไปเหรอ อย่างมากไว้ใกล้สอบถ้าอยากลงสนามจริงก็ค่อยอ่านแล้วกัน อ่านตอนนี้เดี๋ยวก็ลืม
แต่เป็นของขวัญที่ลูกสาวให้ก็ต้องเก็บไว้ให้ดี
ถ้าฝูหลิงแอบดูเขา เขาก็จะแกล้งๆ เปิดอ่าน อย่าให้ลูกเสียใจ
สี่ตำลึงเชียวนะ เจ้าลูกล้างผลาญคนนี้ ทำไมไม่ซื้ออย่างอื่น
“จอมล้างผลาญ ทำไมไม่ซื้ออย่างอื่น ช่างกล้าใช้เงินเหลือเกินนะ” มีคนด่าซ่งฝูหลิงแบบเดียวกันอีกหนึ่งคน ซึ่งก็คือท่านย่าหม่า
นางแกว่งยาไป๋จื่อในมือพลางบ่นกับลูกชายคนโตและลูกชายคนรอง
ไม่ใช่แค่ลูกชายคนโตกับลูกชายคนรองที่ฟังนางบ่น ยังมีกลุ่มดอกไม้สีทองทั้งเจ็ดที่รวมตัวกันอยู่ตรงขอบเตียงเตา พวกยายๆ ทั้งเจ็ดนั่นเอง
ท่านย่าหม่าเปิดฝาออก เอายาไป๋จื่อยื่นไปตรงจมูกของเหล่าพี่ๆ น้องๆ ให้ดมกันหนึ่งรอบ
“พวกเจ้าดมดูสิ กลิ่นเป็นอย่างไรบ้าง ช่วงนี้จมูกข้าไม่ค่อยดี ดมไปก็ไม่รู้ว่ามันคุ้มค่าราคาสามเงินตรงไหน”
ท่านยายทั้งเจ็ดมองตาปริบๆ ทำจมูกสูดดม
“หอม”
“คุ้ม”
“พั่งยาเด็กกตัญญู”
เก่อเอ้อร์นิว “น้องสะใภ้ ดมดูก็รู้ว่าราคาสามเงิน”
“ดมออกเลยเหรอ”
“ชัดเจนมาก”
“พวกเจ้าดูนี่อีก นี่เรียกว่าผงขัดฟัน นิสัยนี้ของพั่งยาไม่ค่อยดีเท่าไร สำอางเกินไป บ้านเจ้าสามเลี้ยงกันจนเคยตัว เข้าเมืองครั้งนี้ ดูสิ ซื้อของมาให้ลุงใหญ่กับลุงรองด้วย พวกเจ้าว่าต่อไปนางจะยิ่งบ้า เป็นห่วงนั่นนี่มากเกินไปไหม”
ท่านยายหวัง “จะเรียกบ้าเป็นห่วงได้ยังไง เขาเรียกว่าเอาใจใส่ครอบครัว”
เก่อเอ้อร์นิว “เด็กที่เป็นห่วงแม้กระทั่งลุงสองคนกับบรรดาลูกพี่ลูกน้อง วันหน้าต้องได้ดีแน่ ข้าพูดเลยว่า วันหน้าถ้าพั่งยาแต่งเข้าตระกูลดี จะยิ่งเอาใจใส่พวกเจ้ามากกว่าเดิมแน่”
จูซื่อยกน้ำเข้ามาในบ้านได้ยินพอดี จึงเอ่ยชมด้วย “ทำไมป้าสะใภ้พูดถูกใจแบบนี้ นั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องข้าวของมากน้อย แต่เป็นเรื่องน้ำใจ”
ซ่งฝูไฉกับซ่งฝูสี่ฟังจบก็ยิ้มจนในใจเบิกบาน ดีอกดีใจมาก
แทบอยากจะรีบวิ่งไปพูดอะไรกับหลานสาวที่บ้านน้องสาม และก็พูดอะไรกับน้องสามด้วย แต่ว่าพูดไม่เก่ง
ไม่ได้สนใจว่าเงินมากน้อย แต่หลานสาวยังรู้จักนึกถึงพวกเขาซื้อของมาให้
…
เย็นนี้มีหลายคนชมขนาดนี้ เล่นเอาท่านยายทั้งเจ็ดส่งสายตาอิจฉาไปที่ท่านย่าหม่า
แต่พอตกกลางคืน ท่านย่าหม่าก็ยังคงพลิกตัวไปพลิกตัวมานอนไม่หลับ
เดี๋ยวก็ถอนหายใจเดี๋ยวก็ใช้แขนยันตัว ลูบเจ้าขวดเล็กๆ ที่อยู่ใต้หมอน
ขวดใบนั้นถูกท่านย่าหม่ากำจนร้อน
ในวันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนสิบสอง ท่านย่าหม่าถึงไม่รู้สึกเสียดายเงินพวกนั้นอย่างสิ้นเชิงแล้ว
เพราะวันนี้สะใภ้เล็กสกุลสวี่มาที่ร้าน
เอาผ้าสีเรียบๆ มาให้สี่พับ
ใกล้ปีใหม่แล้ว เจ้านายลู่จือหว่านตกรางวัลให้
ลู่จือหว่านคิด ฉีตงหมิงบอกนางว่า ประทัดหลากสีนั่นใช้ประโยชน์ได้มาก นางจึงตั้งใจเรียกให้สะใภ้เล็กสกุลสวี่ไปดูหน่อย ถามร้านต่างๆ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ใกล้ปีใหม่แล้ว ติดขัดอะไรหรือเปล่า
ทางท่านย่าหม่าติดขัดอะไรที่ไหนกัน กลับทำให้สะใภ้เล็กสกุลสวี่ตกใจคาดไม่ถึงด้วยซ้ำตอนดูสมุดบัญชี
กำไรที่แบ่งให้ลู่จือหว่านเขียนไว้อย่างชัดเจน ลงไว้จนถึงเมื่อวานซืน ทำกำไรให้แล้วสามร้อยเจ็ดสิบสี่ตำลึง
หากว่ากันตามเหตุผลที่ตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ควรส่งสมุดบัญชีให้ทุกสามเดือน แต่ซ่งฝูหลิงเตือนท่านย่าหม่าว่าจวนฉีอาจส่งคนมาก่อนปีใหม่ ให้พกสมุดบัญชีติดตัวไว้ตลอด ถ้าทางนั้นจะเอาเงินก็ไปเบิกเป็นตั๋วเงิน ถ้าไม่เอาก็ให้ดูสมุดบัญชี เพื่อที่ทางนั้นจะได้เข้าใจ
สะใภ้เล็กสกุลสวี่ขึ้นไปชั้นบนถึงได้เข้าใจ มิน่าถึงทำกำไรได้มากขนาดนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ
จากนั้นนางก็กลับไปรายงานให้ลู่จือหว่านฟัง
วันที่ยี่สิบแปดเดือนสิบสอง ซ่งฝูเซิงกับลุงซ่งก็เริ่มสรุปบัญชีกัน
เปิดถุงเงินที่ตอกหมุดไว้หลายถุง เทลงมาบนเตียงเตา
ท่านลุงซ่งหยิบยาสูบ หรี่ตาที่เริ่มแดง “ฝูเซิง แบ่งเอาไปใช้หน่อยเถอะ ต่อให้ส่วนแบ่งของทุกคนจะน้อยลงก็ไม่เป็นไร”
“ในบ้านมีตรงไหนจำเป็นต้องใช้เงินเหรอ”
“ไม่ใช่ ถ้าไม่แบ่งไปใช้ กระเป๋าใส่เงินของข้าจะไม่พอใช้แล้ว ฮ่าๆๆ แค่กๆ แค่กๆๆ”
ซ่งฝูเซิงช่วยลูบหลัง สูบบุหรี่ยังจะหัวเราะ ไม่สำลักได้เหรอ