ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 406 ถูกเปรียบเทียบ
ในตอนนั้นเอ้อร์ยากำลังวิ่งเอามือกุมหน้าเข้ามา ซ่งฝูเซิงที่รับเงินหกตำลึงสองเหรียญมาเรียบร้อยแล้วกำลังเดินออกมาส่งเถียนสี่ฟาพอดี
ทันทีที่เปิดม่านออกก็ชนเข้ากับเอ้อร์ยาอย่างจัง
ซ่งฝูเซิงมองเด็กน้อยที่น้ำตาไหลอาบน้ำ “เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหม”
“ฮือๆๆ ลุงสาม ฮือๆๆ” น้ำตาหยดเท่าเม็ดถั่วไหลเป็นทาง
ซ่งฝูเซิงกับเถียนสี่ฟามองหน้ากัน ก่อนเปิดทางให้เอ้อร์ยาเข้าไปด้านใน
ไม่นานนัก ในห้องก็เหลือแต่ซ่งฝูเซิงกับเอ้อร์ยา
ซ่งฝูเซิงถามหญิงสาวตัวน้อย “พี่สาวของเจ้าล่ะ”
“เงินของพี่สามข้าถูกแม่ข้าแย่งไปแล้ว พี่กำลังร้องไห้อยู่ในห้องอบขนม”
ซ่งฝูเซิงเข้าใจแล้ว ต้ายาน่าจะหาที่ที่ไม่มีคน แล้วกุมหน้าร้องไห้
ไม่ได้ยินที่เอ้อร์ยาบอกหรอกหรือ พวกเธอทั้งสองถูกตบหน้า
เพียงแต่เอ้อร์ยาหอบเงินหนีมาได้ ต่อให้ถูกตบก็ไม่ให้เงินจูซื่อ ครั้นพยายามลากและเกลี่ยกล่อมให้ต้ายามาด้วย ต้ายาก็บอกว่าไปหาใครก็ช่วยไม่ได้หรอก
ดูเหมือนเอ้อร์ยาจะเชื่อใจลุงสามให้จัดการแทนมากกว่าต้ายา
“ลุงสามคะ แล้วพั่งยาล่ะ” ดวงตาเปียกชุ่มของเอ้อร์ยาพยายามมองหาซ่งฝูหลิง
“เจ้าถามหานางทำไม”
“ข้าอยากให้พั่งยาช่วยข้าเก็บเงิน”
ก็ได้ ซ่งฝูเซิงขอคืนคำพูดของตัวเองเมื่อครู่ก็แล้วกัน เอ้อร์ยาเชื่อใจพั่งยาให้จัดการเรื่องแทนมากกว่า แต่กลับไม่เชื่อใจลุงสามอย่างเขาให้จัดการเรื่องแทน
แต่เรื่องนี้ลูกสาวของเขาจะมายุ่งไม่ได้
ผู้อาวุโสสุดคือท่านย่าหม่า
ต้ายากับเอ้อร์ยาก็มีพ่อมีแม่
ในที่แห่งนี้ ลูกสาวที่ยังไม่ออกเรือน เมื่อหาเงินมาได้ก็ต้องมอบให้พ่อจัดการ ให้แม่ดูแล ไม่สิ อย่าว่าแต่ยุคอดีตเลย เรื่องแบบนี้ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของยุคปัจจุบันเช่นกัน
จะมีสักกี่ครอบครัวที่เหมือนซ่งฝูหลิงของบ้านเขา ที่ช่างโชคดีเหลือเกิน เพราะตัวเขากับเพ่ยอิงไม่เคยเรียกเก็บจากลูกสาวตัวเองแม้แต่แดงเดียว
ตอนที่ฝูหลิงทำงาน คนเป็นพ่อก็หวังเพียงแค่ว่าเธอจะมีเงินเดือนพอใช้ อย่าได้ชักหน้าไม่ถึงหลังก็พอ
มีบางครั้งที่ลูกสาวตัวเองยังไม่ทันเอ่ยปากขอ ตัวเขาเองก็เสนอตัวเข้าไปถามว่า “ลูกมีเงินพอใช้หรือไม่” และคำตอบของลูกสาวก็เป็นเหมือนเดิมตลอด “ไม่พอค่ะ ส่งให้หนูใช้หน่อยสิ”
ซ่งฝูเซิงเข้าใจเรื่องพวกนี้ดี เขาจึงพูดตัดบทกับเอ้อร์ยาไปว่า “ลุงสามคงช่วยจัดการเรื่องในครอบครัวเจ้าไม่ได้ พั่งยาก็เช่นกัน ไม่ว่าจะดูจากเหตุผลหรือความรู้สึก มันก็ไม่สมควร เจ้าคิดหาวิธีเองแล้วกัน” ในใจลึกๆ ก็แอบกลัวว่าเด็กคนนี้จะเก็บไปเป็นปม
ในช่วงชีวิตของคนเรา ยิ่งเป็นช่วงวัยรุ่น ช่วงที่ไม่มีประสบการณ์รับมือกับปัญหา จำเป็นต้องมีใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วย
“เอ้อร์ยา ไหนลองบอกลุงสามมาสิ เจ้าไม่อยากให้แม่เจ้าเก็บเงิน เพราะไม่ไว้ใจ กลัวนางไม่ให้เจ้าในภายหลัง หรือว่าอยากจะเก็บไว้ใช้เอง”
เอ้อร์ยาสะอื้นพลางพูด “ลุงสาม ถ้าแม่ข้าเก็บไว้ใช้เองก็ดีสิ นางจะไม่ใช้มันกับคนอื่น แต่จะเก็บไว้ให้จินเป่าใช้ในอนาคตเท่านั้น…
…แต่ข้าอยากเก็บเงินไว้สักเหรียญเงิน ไม่สิ ลุงสาม ขอแค่ท่านแม่ให้เหรียญทองแดงกับข้าก็ยังดี…
…ท่านแม่บอกว่าพวกข้าทั้งสองไม่จำเป็นต้องใช้เงิน จะใช้เงินไปทำไม…
…ถึงปากจะบอกว่า ไว้ค่อยขอตอนจะใช้จริงๆ แต่ข้าทั้งสองรู้ดี ถ้าให้ไปครั้งนี้ คงขอกลับคืนมาไม่ได้แล้ว…
…ข้ากับพี่ข้าไม่คอยเชื่อใจท่านแม่เท่าไหร่ พอเอ่ยปากขอเงินติดตัวไว้สักเล็กน้อย ท่านแม่กลับตบข้ามาสองที”
ซ่งฝูเซิง เทียบกับซ่งฝูหลิง ช่างเป็นเด็กที่ไร้เดียงสาเสียนี่กระไร
อยากให้คนที่บ้านเธอมาได้ยินจริงๆ อย่าทำตัวไม่มีความสุขทั้งที่อยู่ท่ามกลางความสุข ยังไม่รู้ประสีประสาแท้ๆ ยังจะกล้าเสียเงินสี่ตำลึงเงินซื้อหนังสือให้กับเขา
ภายในห้องครัวที่มีผ้าม่านกั้น
เถียนสี่ฟาเหลือบมองซ่งฝูสี่ที่อยู่ข้างๆ
เขาเป็นคนเรียกซ่งฝูสี่มาเอง พอรู้สึกตงิดใจ จึงเรียกมาทันที
แม้ราชการที่สุจริตยังยากที่จะตัดสินปัญหาในครอบครัว แล้วนับประสาอะไรกับน้องสาม ให้น้องสองมาฟังด้วยตัวเองดีกว่า
ตอนที่เถียนสี่ฟาฟังเสียงสะอื้นระบายความในใจของเอ้อร์ยาจบ ก็มีความรู้สึกเดียวกับซ่งฝูเซิง เป็นความรู้สึกไม่เข้าใจ
เด็กๆ พวกนี้เป็นเด็กดีขนาดนี้ ทั้งอดทนต่อความลำบาก ทั้งหาเงินได้เอง แล้วยังมาแย่งเงินไปให้น้องชายได้ลงคอ ทำไปได้อย่างไร ใกล้ปีใหม่แล้วยังตบตีกันอยู่อีก
อายุก็ปานนี้แล้ว ยังตบหน้าเด็กอยู่อีกเหรอ
เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นที่ครอบครัวเขาเด็ดขาด
เถาฮวา ลูกสาวของเขาที่พยายามพูดคุยกับเขาด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย เขายังต้องตั้งใจฟัง กลัวฟังไม่เข้าใจ ซึ่งโดยปกติลูกสาวก็แทบไม่คุยกับเขาแล้ว
เถียนสี่ฟามองซ่งฝูสี่
พูดตามความจริง หลังจากได้ยินคำพูดพวกนี้แล้ว แต่ซ่งฝูสี่กลับไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
เพราะในสายตาของซ่งฝูสี่ ให้เงินแม่ตัวเองก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ เพราะเงินที่ตัวเขาหามาได้ ก็ให้แม่ตัวเองเหมือนกัน มันแปลกตรงไหน พ่อแม่ให้กำเนิดเจ้า เลี้ยงดูเจ้ามาไม่ใช่หรือ หรือเจ้าคิดว่าตัวเองโผล่ออกมาจากซอกหินหรืออย่างไร ทำไมให้เงินพ่อแม่ถึงเป็นเรื่องผิดแปลก
แต่เสียงร้องไห้ของเอ้อร์ยาช่างเจือไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ และคำพูดต่อจากนี้ก็ทำเอาซ่งฝูสี่ถึงกับสะเทือนใจ
“ลุงสามคะ วันๆ จินเป่าเอาแต่บอกว่าพี่พั่งยาดีที่สุด ใครก็สู้พี่พั่งยาไม่ได้…
…ข้าก็เป็นพี่สาวเขาเหมือนกัน มิหนำซ้ำยังเป็นพี่สาวแท้ๆ พ่อแม่คนเดียวกัน…
…ข้าคิดอยากเก็บเงินมาตลอด พอใกล้ปีใหม่ก็ทำงานให้มากหน่อย แล้วหาเวลาเข้าเมืองไปซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ให้จินเป่าสักวัน เขาจะได้รู้ว่าข้าไม่ได้ขี้เหนียว…
…ข้าก็อยากได้ยินเขาบอกว่าเอ้อร์ยาเป็นพี่สาวที่แสนดีเหมือนกัน…
…ลุงสามคะ ข้าล่ะอิจฉาพั่งยาจริงๆ ที่สามารถซื้อน้ำมันทาหน้าให้ท่านย่าได้…
…อันที่จริง ข้าก็อยากสนิทกับท่านย่าเหมือนกัน…
…ถ้าข้าหาเงินได้มากพอ ข้าจะซื้อน้ำมันทาหน้าให้ท่านย่าได้อย่างไม่คิดเสียดาย แต่ข้ารู้ดีว่าท่านแม่ข้าไม่มีทางยอมให้ใช้เงินเยอะขนาดนั้นแน่นอน…
…อยากจะเก็บเงินไว้สักเล็กน้อยเพื่อซื้อปิ่นปักผมให้ท่านย่าข้า ท่านแม่ข้าและพั่งยา”
ซ่งฝูเซิงยิ้มแล้วเอ่ย “ทำงานหามรุ่งหามค่ำ แล้วยังไม่คิดจะซื้ออะไรให้ตัวเองหน่อยหรือ”
“ไม่ แค่นี้ยังไม่พอใช้เลย”
“เอ้อร์ยา ฟังลุงสามนะ ถ้าหลังจากนี้ตกลงกับแม่เจ้าไม่ได้ ก็ไปคุยกับพ่อเจ้าเสีย”
“ท่านพ่อข้า ไม่มาทนฟังข้ากับพี่สาวหรอก”
ซ่งฝูสี่ที่อยู่ในห้องครัวเดินออกไป
เถียนสี่ฟามองเข้าไปในห้องก่อนจะรีบตามออกไป พอถึงด้านนอกก็ดึงมือซ่งฝูสี่พูดขึ้น “น้องสอง อย่าได้ทำอะไรผลีผลาม แต่ละบ้านเพิ่งได้รับเงิน กำลังมีความสุข ต่างก็ปัดกวาดเช็ดถูเรือนของตัวเอง ถ้าบ้านเจ้าตบตีกันเสียงดัง ลองนึกดูว่าจะเสียหน้าขนาดไหน”
“ข้ารู้พี่เขย พี่กลับเข้าบ้านไปเถอะ”
ประตูปิดลง ซ่งฝูสี่ก็ปิดปากจูซื่อด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็จูงภรรยาตัวเองเข้าห้อง
หลังจากฟังที่ลุงสามพูดจบ เอ้อร์ยาก็กอดเงินกลับไปอย่างสิ้นหวัง เธอยืนลังเลอยู่หน้าประตูบ้านว่าจะรอท่านย่ากลับมาจากในหมู่บ้าน แล้วค่อยเข้าบ้านไปพร้อมกัน แต่จู่ๆ ซ่งฝูสี่ก็พุ่งออกมาตะโกนเรียก “ลูกรัก?”
ร่างเล็กๆ ของเอ้อร์ยาสะดุ้งโหยง ก่อนจะเริ่มแปลกใจว่าทำไมพ่อไม่เรียกเธอว่าเอ้อร์ยา ทำไมถึงเปลี่ยนไปเรียกลูกรัก
“ลูกรัก เข้าบ้านกันเถอะ”
จูซื่อนั่งตรงขอบเตียง เธอไม่เอามือบังหน้า เผยให้เห็นรอยแดงเรื่อบนใบหน้าพร้อมกับดวงตาอันชุ่มวาว
ซ่งฝูสี่ก็นั่งตรงขอบเตียงเช่นกัน จากนั้นก็หยิบเงินที่ลูกสาวตัวองยื่นให้ออกมาประมาณหนึ่งตำลึงเงิน อีกทั้งเหรียญทองแดงที่ร้อยเป็นพวงประมาณหลายสิบเหรียญ ก่อนยื่นให้
“ท่านพ่อ?”
“อ่ะ รับไว้”
ไม่นานก็เห็นเอ้อร์ยาวิ่งไปที่ห้องอบขนมด้วยความดีใจ น้ำเสียงมีความสุขของเด็กผู้หญิงแว่วลอยมาแต่ไกล “พี่จ๋า พี่ กลับบ้านกันเถอะ”
ต้ายายังคงกุมหน้าร้องไห้อยู่ ร้องจนหน้าแดงก่ำ เมื่อได้ยินน้องสาวตะโกนเรียกก็คิดว่า ข้าไม่กลับบ้านหรอก แม่แท้ๆ ของตัวเองทำลายจิตใจเสียขนาดนี้
“กลับกันเถอะ ลุงสามเก่งมาก ลุงสามบอกว่าท่านพ่อของพวกเราจะจัดการให้ แล้วท่านพ่อก็จัดการให้จริงๆ พี่ดูสิ ข้าได้เงินมาแล้ว”
ต้ายาลุกพรวดพลันใช้หลังมือปาดน้ำตา จากนั้นก็ฉุดมือน้องสาวตัวเองวิ่งกลับบ้าน
เฉียนเพ่ยอิงที่กำลังปิดประตูโรงปลูกพริก เห็นเด็กสาวสองคนท่าทางรีบร้อนก็อดถามไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น”
ซ่งฝูเซิงจึงเล่าให้ฟัง
เมื่อเฉียนเพ่ยอิงฟังจบก็รู้สึกเห็นใจ “ดูครอบครัวเขาสิ ให้เงินหนึ่งเหรียญเงินไว้ใช้ยังดีใจขนาดนี้ แล้วดูลูกสาวเราสิ”
“ใช่แล้ว ลูกสาวข้าล่ะ” เมื่อถูกเอ่ยถึง ซ่งฝูเซิงก็นึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่การประชุมจบลงก็ไม่เห็นซ่งฝูหลิงเลย
“ลูกสาวของเจ้าเข้าไปสั่งจองไก่ในหมู่บ้านกับท่านย่าของนางแล้ว”