ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 423 จีพีเอสเคลื่อนที่ / ตอนที่ 424 ลูกสาวพาพ่อเข้าหอนางโลม
- Home
- ทะลุมิติทั้งครอบครัว
- ตอนที่ 423 จีพีเอสเคลื่อนที่ / ตอนที่ 424 ลูกสาวพาพ่อเข้าหอนางโลม
ตอนที่ 423 จีพีเอสเคลื่อนที่
ถึงแม้จะเตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่าฉีหมิงเล่าให้ฟังอย่างรีบร้อนว่าป้ายร้านอยู่ที่บ้านเขา
แต่พอเห็นว่าป้ายร้านถูกปลดออกกับตาตัวเอง
ท่านย่าหม่าเงยหน้ามองตาละห้อย ดูน่าสงสารจับใจ แต่ในใจกลับคิดว่า ไอ้พวกบ้าเอ๊ย
ความในใจของท่านยายกัวยิ่งให้ใครล่วงรู้ไม่ได้ ฮ่องเต้ ตอนท่านมีชีวิตอยู่ พวกเราก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดี พวกเราเพิ่งจะตั้งเนื้อตั้งตัวได้ ท่านก็มาตายไปอีก จะตายก็ตายไป ทำไมต้องทำวุ่นวายด้วย ทุเรศชะมัด
สองยายเปิดประตู
ไม่ได้มาแค่ไม่กี่วัน บรรยากาศภายในร้านดูอึมครึม
ภายในร้านมืดมาก ไม่มีไออุ่นแม้แต่น้อย
สองยายดึงไม้ที่ตอกปิดหน้าต่างขายของออก จะตะโกนก็ไม่ได้ว่า ‘พวกข้ามาแล้ว รีบมาเอาเงินคืนไปสิ’ ทำได้เพียงทำให้ร้านเหมือนกลับมาค้าขายอีกครั้ง
คนหนึ่งไปต้มน้ำเพื่อให้กำแพงอุ่นโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็หยิบถาดไม้ หาผ้ามาเช็ดล้าง
อีกคนจัดการเอาอ่างผิงไฟมาจุดให้ความอบอุ่นในร้าน เพราะกำแพงไฟต้องใช้เวลาสักพักถึงจะร้อน
ใช้อ่างผิงไฟไปก่อนแล้วกัน ยังไงเสียในร้านก็ไม่มีขนม
สองยายทำงานกันหัวหมุน เดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิดประตู
มีลมพัดเข้ามาถูกสมุดบัญชีที่ท่านย่าหม่าวางไว้บนโต๊ะ หน้าแรกๆ ของสมุดเป็น ‘ภาพลายแทง’ ที่ท่านยายกัววาดลงบัญชีไว้
อย่างเช่นประตูบานเล็ก คนแซ่โจวเดินออก คนแซ่หลิวยืนอยู่ในประตู คนแซ่ฉู่ยืนพิงประตู
ด้านข้างก็แยกเป็น สั่งจำนวนเท่าไร ให้เงินมาเท่าไร วงกลมใหญ่ล้อมรอบวงกลมเล็ก
คนอื่นล่ะ
คนอื่นอยู่นี่
ไม่ได้เข้าไปในร้านกับสองยายด้วย
ในร้านหนาวจะตาย อีกอย่างจะให้เข้าไปทำอะไร
ดังนั้นพอเข้าเมืองได้ก็พาสองยายไปส่ง
ซ่งฝูเซิงกำลังพา ‘เครื่องราง’ ทั้งสอง รวมถึงเกาถูฮู เกาเถี่ยโถว และก็พวกต้าหลังทั้งหมดหกคน นั่งเกวียนวิ่งไปทั่วเมืองถงเหยา
ไม่เว้นถนนสักเส้น กลัวจะพลาดร้านขายอาหารร้านเล็กๆ
พอได้ไปตามถนนก็รู้สึกว่า ไม่ต้องพูดถึงบรรยากาศของเทศกาลปีใหม่เลย ไม่มีเลยสักนิด
เอาแค่ร้านรวงที่อยู่ริมถนนแล้วกัน หลายร้านไม่เปิด เกินเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่ไม่เปิดร้าน
คนบนท้องถนนท่าทางก็ดูระมัดระวัง ลับๆ ล่อๆ
ตอนสวนกันแค่หันมอง สีหน้าไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย จากนั้นก็เดินจากไปอย่างรีบร้อน
แต่ละคนไม่ว่าจะทำอะไรก็มุ่งหน้าตรงไปที่จุดหมาย ท่าทางรีบร้อนกลับบ้าน ไม่อยู่ข้างนอกนาน
ยังดูเหมือนอำเภอใหญ่ที่เป็นศูนย์รวมที่ไหนกัน เมืองที่บ้านใกล้เรือนเคียงเป็นมิตร การค้านานาชนิด มีความครึกครื้น ไม่ว่าจะเข้าเมืองตอนไหนบรรดาร้านค้าเล็กๆ ก็จะตะโกนเรียก ‘ซื้ออะไรดี เข้ามาดูก่อนสิ’
ซ่งฝูเซิงพาทุกคนไปตามร้านขายอาหารทั้งหมดที่เขารู้จักในเมืองถงเหยา มีแค่ร้านเดียวที่เคาะประตูแล้วเปิด คนในร้านยังบอกว่า “ไม่รู้อีกกี่วันจะปล่อยอาหาร นายท่านของข้ายังไม่กลับ อีกสองสามวันท่านค่อยมาใหม่เถอะ ตอนนี้ในร้านไม่มีข้าวสารเหลือเลย”
ออกจากร้านขายข้าวสาร
ซ่งฝูเซิงคิด วันนี้อย่างน้อยๆ ก็ต้องซื้อให้ได้สักหน่อย ซื้อในราคาสูง
ตราบใดที่ตั้งใจซื้อก็ต้องซื้อได้ มีเงินเสียอย่างมันต้องได้
“อาเกา พวกเราแบ่งกลุ่มกัน กลุ่มละสองคน…
…ไปซอกแซกตามหาให้ทั่วตั้งแต่ตอนนี้…
…อืม ไปหาพวกร้านที่ขายอาหารแห้ง ขายซาลาเปา หาร้านบะหมี่ที่เปิดขาย…
…ร้านเล็กๆ ที่ขายบะหมี่อาจมีอาหารที่ตุนไว้ เข้าไปถามดู แบบนี้ดีไหม”
“ท่านพ่อ” ซ่งฝูหลิงเอานิ้วที่ใส่ถุงมืออยู่ชี้ที่ขมับ ความหมายคือ ทั้งหมดอยู่ในสมองนางแล้ว
“ไม่ต้องไปตามหาจนทั่ว อย่าเสียเวลาเลย ทั้งหมดมีสี่ร้านที่เปิด สามร้านซาลาเปา หนึ่งร้านบะหมี่ ตามข้ามา ข้าจำตำแหน่งร้านได้”
ตอนที่ 424 ลูกสาวพาพ่อเข้าหอนางโลม
สามร้านซาลาเปา หนึ่งร้านบะหมี่
เถ้าแก่ทำอย่างกับโจร ชะโงกหน้าออกมาถามก่อน “ไม่กินข้าว แล้วพวกเจ้าจะทำอะไร เจ้าเป็นใคร”
พอได้ยินว่าจะมาซื้ออาหารแห้งก็รีบไล่ไป
“เจ้าจะมาซื้ออาหารแห้งอะไรที่ข้า ข้าเป็นร้านเล็กๆ ไม่ใช่ร้านขายอาหารแห้ง ไปๆๆ อย่าให้คนอื่นได้ยิน เดี๋ยวจะนึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เอาเป็นว่า กระบวนการก่อนเข้าร้านเหมือนกันหมด ต้องพูดปากเปียกปากแฉะ
จากนั้นก็หูผึ่ง พอได้ยินว่าจะรับซื้อในราคาสูงหน่อยก็มาดึงเข้าไปในร้าน พาไปที่ด้านหลัง
หนึ่งในนั้นเป็นร้านซาลาเปาหมั่นโถวร้านใหญ่ แบบที่ว่าวางโต๊ะในร้านได้ยี่สิบกว่าโต๊ะ เป็นร้านอาหารที่มีหน้ามีตาในเมืองถงเหยา
เถ้าแก่เอามือซุกแขนเสื้อพลางพูด “ที่ว่าให้ราคาสูง สูงได้แค่ไหน ว่ามาก่อน”
ซ่งฝูเซิงบอกว่า “ท่านดูสิพวกเราเป็นชาวบ้านตัวเล็กๆ เองนะ จริงสิ คนนั้นน่ะ เถ้าแก่หวังที่ขายหนังสัตว์ ท่านรู้จักใช่ไหม ดูเหมือนบ้านข้าจะเคยขายถ่านให้ท่าน แล้วก็ยังมีเถ้าแก่สุยอีก กระท่อมขายของของเถ้าแก่หวังอยู่ติดกับเถ้าแก่สุย พวกข้าคุยกันบ่อย สองคนนั้นก็ถือเป็นพี่ชายของข้า พี่เถ้าแก่สุย พี่เถ้าแก่หวัง”
“ถ่านเหรอ งั้นพวกเจ้าก็คือคนที่เปิดร้านขายขนมใช่หรือเปล่า”
“อื้อ แหะๆ ข้าถึงว่า ถ่านที่อยู่ในอ่างผิงไฟของท่านมันคุ้นๆ หน้าตาประหลาด ที่แท้ก็มาจากที่ข้านี่เอง ถูกต้อง บ้านข้ายังมีร้านขนมเค้กที่ชื่อย่าหม่าอีกร้าน”
“อ้อ เจ้านี่เอง ร้านย่าหม่าเป็นของเจ้านี่เอง ข้าถึงว่ารู้สึกเจ้าหน้าคุ้นๆ เหมือนกัน ก่อนหน้านี้มาเปิดแผงขายของแถวนี้ใช่หรือเปล่า ขายอะไรนะ บะหมี่เผ็ดเหรอ ไอ๊หยา เล่นเอาถนนเส้นนี้หอมหวนไปหมด เถ้าแก่หวังที่เจ้าพูดถึงเป็นเพื่อนกับลุงข้าเอง”
“ใช่ๆๆ บังเอิญจริงๆ”
“เช่นนั้นพวกเราก็มีความเกี่ยวข้องกันอยู่บ้าง ข้าพอจะสบายใจแล้ว พูดตามตรงเลยนะ…”
ซ่งฝูหลิงที่อยู่ข้างๆ ฟังแล้วก็อายแทน พ่อนางก็ไหลไปเรื่อย
อีกทั้งพอพูดถึงเรื่องเงิน ตีสนิทยังไงก็เอาไม่อยู่
เท่าที่นางรู้เกี่ยวกับราคาข้าว เคยคำนวณในร้านขายข้าวสาร อันที่จริงตอนนั้นราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ
ข้าวสารขัดสีที่ขายในร้านราคาน่าจะประมาณจินละแปดหยวนกว่า ไม่ถึงเก้าหยวน
ส่วนข้าวที่ไม่ได้ขาวมาก ไม่ใช่ข้าวขัดสีอย่างดี จินละเจ็ดหยวนกว่า
เถ้าแก่ร้านซาลาเปาร้านนี้บอกพ่อนางว่า มีแค่แป้ง ไม่มีข้าว เพราะฉะนั้นขายให้ได้แค่แป้งละเอียด
แค่แป้งยังจะขายตั้งจินละสิบหยวน
ตามความเข้าใจของซ่งฝูหลิงก็คือแปลงเป็นค่าเงินให้เท่ากับเงินหยวน
สีของแป้ง เปิดถุงออกดู คุณภาพแย่กว่าที่ขายเจ็ดหยวนในร้านขายอาหารแห้งอีก เนื้อหยาบมาก
ซึ่งก็หมายความว่า ซ่งฝูหลิงวิเคราะห์ เถ้าแก่คนนี้น่าจะรับซื้อมาด้วยราคาประมาณสี่ห้าหยวนตอนเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง เพราะเขาเปิดร้านใช่ไหมล่ะ ก็ต้องซื้อแป้งทำอาหารจำนวนมากจากเกษตรกรในครั้งเดียวแล้วเก็บไว้ เพื่อกันราคาแกว่งในภายหลังจนส่งผลต่อการค้า กลัวต้นทุนจะสูง
ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับเขาได้กำไรหนึ่งเท่าตัว
กำไรหนึ่งเท่าตัวก็ยังขายให้ไม่เยอะเสียด้วยนะ
ร้านซาลาเปาร้านใหญ่ขนาดนี้ขายให้แค่สี่กระสอบสี่ร้อยจิน อยากได้อีกเขาก็บอกว่าไม่มี
“ไม่ใช่ว่าพี่ชายไม่อยากขายให้ แต่ข้าก็ต้องเก็บไว้ใช้ที่ร้านด้วย หลายสิบชีวิตต้องพึ่งพาข้าให้อิ่มท้อง ไหนจะพี่เถ้าแก่หวังของเจ้า ลุงของข้าอีก เขาเข้าเมืองไม่ได้ ไหว้วานคนมาส่งข่าวให้ข้า ร้อนใจจะแย่ บอกให้ข้าต้องเก็บไว้ให้เขาหน่อยด้วย”
ซ่งฝูหลิงฟังแล้วก็รู้สึกแค่ว่า คนนี้ก็คงให้ได้เท่านี้แหละ
แต่ซ่งฝูเซิงไม่เหมือนลูกสาว เขารู้สึกขอบคุณจริงๆ
พูดขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า สี่ร้อยจินก็ไม่น้อยแล้ว ขอบคุณจริงๆ
แล้วก็ ช่วยแบ่งเกลือเม็ดให้หน่อยได้ไหม
เกลือเม็ดที่ท่านใช้ทำไส้ เอาแบบนั้นก็พอ
ต่อมาก็ไปที่ร้านอาหารอีกสามร้าน ใช้คำพูดของหมี่โซ่วก็คือ “ดีนะที่ท่านลุงรู้จักลุงคนนั้น ขายให้ราคาถูก แถมยังให้ซาลาเปาข้ามาหนึ่งลูก พี่สาว กินไหม”
ซ่งฝูหลิงเห็นด้วย อืม คนดีต้องมีคนให้เปรียบเทียบสินะ กินด้วย แบ่งมาครึ่งหนึ่ง
เพราะรู้สึกว่าอีกสามร้านที่เหลือคุณภาพแป้งแย่หนักกว่าอีก
เทียบกับร้านเมื่อครู่ เทียบกับที่ขายในร้านอาหารแห้ง มันแย่กว่ามากๆๆ คิดดูแล้วกันว่ามันต้องแย่ขนาดไหน แต่กลับขายจินละสิบสองหยวน
ยืนกรานว่าขายถูกกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่ซื้อก็ตามใจ
แถมยังมีแค่ไม่กี่จิน
ร้านซาลาเปาร้านเล็กๆ สองร้าน ร้านหนึ่งขายให้ได้แค่สองกระสอบสองร้อยจิน สองร้านก็สี่ร้อยจิน
ส่วนร้านบะหมี่นั่นเดินไกลมาก ซ่งฝูหลิงก็ยังอุตส่าห์จำตำแหน่งร้านได้ ร้านนั้นขายให้แค่สามร้อยจิน
สุดท้าย เดินกันตลอดช่วงเช้าและช่วงบ่ายก็ได้แป้งทำอาหารที่คุณภาพไม่ได้เรื่องมาทั้งหมดสิบเอ็ดกระสอบเตรียมเอาไปขึ้นเกวียน จ่ายเงินออกไปสิบสองตำลึงสี่เงิน เพิ่มเกลือเม็ดมาอีกสามสิบจิน
ปกติเกลือเม็ดขายกันที่จินละสี่สิบสามเหวิน นี่รับซื้อมาจินละหกสิบเหวิน เกลือเม็ดสามสิบจินจ่ายไปเกือบสองตำลึง
แค่นี้ก็หมดเงินไปเกือบสิบห้าตำลึงแล้ว
ซ่งฝูหลิงไม่จำเป็นต้องถามพ่อแล้วว่าวัตถุดิบพวกนี้กินได้กี่วัน ช่วงไม่กี่วันมานี้ นางช่วยท่านทวดคิดบัญชี พอจะรู้ว่าวันหนึ่งทุกคนกินใช้กันไปเท่าไร
มองแค่ว่าสองร้อยกว่าชีวิตทำงานรวมกันได้เงินเท่าไรไม่ได้ ต้องคำนวณด้วยว่าสองร้อยกว่าชีวิตกินใช้กันมากแค่ไหน
อย่างเช่น แป้งทำอาหารที่เพิ่งซื้อมาสิบกว่าตำลึงพวกนี้ ไม่นับพวกเครื่องปรุงต่างๆ ไม่นับอาหารมื้อรอง กินแค่อาหารหลัก คำนวณในระดับที่แต่ละคนกินพอประทังชีวิตทุกวัน หนึ่งพันหนึ่งร้อยจิน ยังไม่พอกินหนึ่งอาทิตย์
อาหารที่ตุนไว้ในบ้านพอกินถึงเดือนสาม นี่ได้เพิ่มมาอีกหนึ่งอาทิตย์ โจทย์ยากไม่ใช่เรื่องที่ต้องเสียเงินซื้อเท่าไร แต่ดูเอาสิ ไม่อยากขายกันทั้งนั้น
ซ่งฝูหลิงคิดในใจ แบบนี้ไม่ได้การ อย่างน้อยต้องให้พอกินถึงเดือนไหนน่ะเหรอ ไม่ต้องเอาถึงหน้าเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงหรอก เอาแค่ให้ถึงตอนฤดูที่ปลูกผักปลูกอะไรแล้วงอกออกมาได้ก็พอแล้ว ต่อให้ต้องขึ้นเขาไปขุดผักป่าก็พอประทังชีวิตไปได้
จะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ที่ว่าครอบครัวนางพาทุกคนลี้ภัยมาที่นี่ แต่ตอนจบกลับอดตายกันหมดแบบนี้ก็ไม่ได้
ไปซื้ออาหารจำนวนมากหน่อยได้ที่ไหนน่ะเหรอ
ดูจากตอนนี้ คาดหวังกับพวกร้านอาหารก็คงไม่ได้ พอได้ยินว่าจะปล่อยอาหารก็ห้ามต่อแถวซื้อกันทั้งเมือง ร้านขายอาหารแห้งก็พอเข้าใจเรื่องนี้
คิดดูแล้วกันว่าพวกนางสองร้อยกว่าคน กินกันเกือบพันจินในหนึ่งอาทิตย์ ถ้าอย่างนั้นทหารหลายแสนที่อยู่แนวหน้า จะต้องขนเสบียงไปที่นั่นเท่าไหร่
ถ้าสงครามยืดเยื้อ อ๋องที่อยู่ข้างนอกหลายคนสู้กับอ๋องเยี่ยนคนเดียว วันนี้คนนี้มาบุก พรุ่งนี้อีกคนมาบุก ไม่ต้องสนว่าอ๋องเยี่ยนมีเสบียงในคลังเท่าไร อย่างไรก็ไม่พอ ถ้าอ๋องพวกนั้นใช้แผนบั่นทอนเสบียงของอ๋องเยี่ยน ชาวบ้านที่นี่ก็คงถึงขั้นอยากขออาหารก็ไม่มีที่ให้ขอ จะต้องจนกันถึงขั้นไหน
ถ้าอ๋องเยี่ยนเด็ดเดี่ยวพอ ดีไม่ดีอ๋องเยี่ยนกลับเป็นฝ่ายรุกก่อน เข้ายึดทีละเมือง ลงมือก่อน
ซ่งฝูหลิงรีบล้มเลิกความคิดฟุ้งซ่าน
สรุปว่าปัญหาขาดแคลนอาหารมีแต่จะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ต้องรีบซื้อมาตุนให้มากโดยเร็ว
ซ่งฝูเซิงอุ้มหมี่โซ่วตลอดทาง อุ้มเด็กแล้วอบอุ่น ส่วนสมองก็คิดแบบเดียวกันกับลูกสาวมาตลอดทาง
เขาหยุดเดินแล้วหันกลับไปพูด
“ยังไงก็ต้องแยกกัน ก็เหมือนกับที่ซื้ออาหารเมื่อครู่ อาเกา ท่านเอาของพวกนี้ไปที่ร้านก่อน อย่ามัวลากไปมาเต็มถนน เอาไปเก็บเสร็จท่านกับเถี่ยโถวก็พยายามหาร้านที่มีพวกของแห้งแบบนี้ เผื่อมีร้านที่เพิ่งเปิด อย่าให้พลาด พวกเจ้าก็เหมือนกัน ต้าหลังไปกับข้า พอซื้อได้ก็เอากลับร้าน”
ซ่งฝูเซิงพาต้าหลัง ลูกสาวของเขาและหมี่โซ่วเข้าไปในโรงเตี๊ยม
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมบอกขายให้ไม่ได้ ต่อให้ปีนี้ค้าขายไม่ดี เจ้านายก็ไม่มีทางให้ขายอาหารแห้ง
ก็จริง พวกร้านเล็กๆ อาจคำนึงถึงหลายสาเหตุ ขายออกไปนิดหน่อยเพื่อให้ได้เงินมา แต่คนที่เปิดโรงเตี๊ยมได้มีเหรอจะเห็นแก่เงินเล็กน้อย เอาวัตถุดิบออกมาขายไม่คุ้มกัน อาจจะซื้อเข้าอีกด้วยซ้ำ
สถานการณ์เป็นแบบนี้ ยิ่งร่ำรวย ในใจก็คิดแต่จะซื้อเสบียงเข้าบ้าน ต่อให้พอกินก็ยังจะซื้อ เอามาตุนไว้
ไปมาหมดแล้วสามโรงเตี๊ยมที่เปิด ไม่ได้คาดหวังว่าจะซื้อได้
พวกซ่งฝูเซิงต่างท้อแท้ แต่ก็ยังไม่อยากกลับร้าน เดินไปเรื่อยเปื่อย
ยังไงเสียก็มีฝูหลิง เดินเรื่อยเปื่อยได้
เดินไปเดินมาก็กลายเป็นซ่งฝูหลิงเดินนำ นางอยู่ข้างหน้ามองซ้ายทีขวาที พอเงยหน้า โอ๊ะ หอนางโลม
ห้ามพนัน ห้ามดื่มสุรา ห้ามมั่วสุมโสเภณี พื้นที่ตรวจตราเข้มงวด
มิน่าประตูใหญ่ถึงปิดสนิท เปิดแค่ประตูเล็กตรงมุม ส่งห่อผ้ามาด้านนอก
ห่อผ้าเหรอ ข้างในยังมีเสียงหลายคนคุยกัน
หรือพวกนางจะไปจากที่นี่แล้ว
เดี๋ยวนะ เช่นนั้นพวกนางจะเอาอาหารไปด้วยหรือเปล่า
ซ่งฝูหลิงพาพ่อ หมี่โซ่วน้องของนาง ต้าหลังพี่ชายของนาง เข้าไปในหอนางโลม