ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 425 คำพูดชโลมใจ
“ใครกัน คิดว่าเป็นที่ไหน อยากจะเข้าก็เข้ามา”
แม่เล้าสะบัดผ้าเช็ดหน้ายืนอยู่ในลานบ้าน ขมวดคิ้วมองต้าหลังกับซ่งฝูเซิงที่อุ้มเด็กอยู่ริมกำแพง
การแต่งตัวของทั้งสองคนดูก็รู้ว่าเป็นชาวบ้านธรรมดา เนื้อตัวไม่มีผ้าทอชั้นดีสักผืน สวมกางเกงผ้าฝ้ายเรียบง่าย แถวขากางเกงของต้าหลังยังมีรอยปะ
ส่วนเด็กที่อุ้มอยู่กลับดูสะอาดสะอ้าน
น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้มองหน้าชัดๆ หมี่โซ่วก็ตกใจแม่เล้าจนเอาหน้าซุกตัวท่านลุง
“ท่านป้า ข้าเอง ยังจำข้าได้ไหม”
ซ่งฝูหลิงรีบถอดผ้าปิดปากออกแล้วเดินขึ้นหน้าสองสามก้าว
“เจ้าน่ะใคร”
“ท่านย่าของข้าเปิดร้านขนม ขนมไข่ที่ท่านสั่ง มาจากร้านข้าเอง”
“ขนมไข่เหรอ ลูกกลมๆ นั่นน่ะเหรอ”
แต่เดี๋ยวนะ เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ ขนาดย่าเจ้ายังเรียกข้าว่าน้อง เจ้าเรียกข้าป้าเหรอ
ซ่งฝูหลิง ก็ที่บ้านพวกเราชอบเรียกให้ดูเด็กว่าอายุจริง
จะป้าหรือยายก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
แล้วประเด็นสำคัญคืออะไร เจ้าจะมาขายขนมอีกแล้วเหรอ ดูสภาพข้าซิ เริ่มเก็บข้าวของกันแล้ว ท่าทางเหมือนอยากจะซื้อขนมไหม
อีกอย่าง อยู่ๆ เจ้าพาผู้ชายสองคนที่ดูก็รู้ว่าทำงานใช้แรงงานบุกเข้ามาที่นี่ทำไม แถมยังพาเด็กมาด้วย
“ซื้ออาหาร”
ซื้ออาหารเหรอ
สีหน้าแม่เล้ามีหลากอารมณ์ขึ้นมาทันที มองสำรวจซ่งฝูหลิงตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ไปสำรวจซ่งฝูเซิงกับต้าหลังอีกรอบ “พวกเขาเป็นใคร”
“ลูกชายกับหลานของย่าข้า พ่อกับพี่ชายข้าเอง ที่อุ้มอยู่นั่นก็น้องชายข้า”
“ท่านย่าเจ้ามาหรือเปล่า ไปตามนางมา ข้าไม่คุยกับพวกเจ้า”
ต้าหลังกลับไปตามท่านย่าจนเกือบหลงทาง
โชคดีที่ระหว่างทางเจอคนใจดี “พี่ชาย ข้าขอถามหน่อยสิ ร้านขนมย่าหม่าไปยังไง”
“ย่าเหรอ ย่า”
ท่านย่าหม่ากำลังไม้เขี่ยหิมะที่หน้าประตู
ช่วงหลายวันมานี้หิมะเริ่มตกหนักมาตั้งแต่วันที่สามสิบ ไม่มีวันฟ้าใสสักวัน ไม่ได้มาดูไม่กี่วันหิมะกองหนามาก
ต้องเก็บกวาดหน่อย ไม่อย่างนั้นเห็นแล้วจะคิดว่าไม่มีคนมาแล้ว ทำเหมือนร้านถูกทิ้งร้าง
“อาสามกับน้องเจ้าล่ะ”
“ท่านย่า ไปกับข้าหน่อย เดี๋ยวเล่าให้ฟังระหว่างทาง”
“เอ๊ะ เหล่ากัว”
ยายกัวรีบชะโงกหน้าออกมาโบกมือ วางใจเถอะ ถ้ามีคนมาขอคืนเงินไม่คิดพลาดหรอก
พอท่านย่าหม่าไปถึงหอนางโลม เดินเข้าไปในลานบ้านด้วยสภาพที่มีผ้าโพกผมสีชมพู ประโยคแรกไม่ได้รีบร้อนพูดเรื่องขอซื้ออาหาร แต่ยังไม่ทันเดินเข้าใกล้นางก็ยื่นสองมือออกไปพลางเรียกแม่เล้า “ไอ๊หยา น้องข้า ไม่เจอกันหลายวัน เจ้ายังสบายดีในทุกเรื่องหรือเปล่า”
อีกทั้งไม่แม้แต่จะมองลูกชายกับหลานตัวเอง เดินเข้าไปข้างในหอพลางคุยกับแม่เล้า
ภายในห้องที่พอให้ผิงไฟได้ ท่านย่าหม่าได้ทราบว่าคนพวกนี้กำลังจะถูกส่งไปแล้ว
ได้ยินว่าเจ้าของที่แท้จริงของที่นี่เป็นพ่อค้ารายใหญ่
หอนางโลมของเมืองถงเหยา อำเภออวิ๋นจง อำเภอจยา ล้วนเป็นเจ้าของเดียวกัน ยกเว้นหอนางโลมของเมืองเฟิ่งเทียนที่เขาครอบครองไม่ได้ ชั้นสูงเกินไป เขาไม่ได้เป็นคนเปิด ในอำเภอเมืองอื่นที่อยู่ถัดลงไปข้างล่างก็ยังมีอีก ทำการค้าใหญ่โตมาก มีหอนางโลมทั้งหมดสิบกว่าแห่ง
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตอนนี้จะต้องถูกพักไปหนึ่งปีแน่นอน ต้องเอาหอพวกนี้ทำการค้าอย่างอื่น ก็เลยต้องย้ายพวกสาวๆ ไปที่อื่น
ผู้ดูแลหม่าที่ตอนนี้ไม่อยู่ แต่มีหน้าที่ดูแลหอนางโลมเมืองถงเหยาจะพาสาวๆ พวกนี้ไปหลังวันที่สิบหกเดือนอ้าย ที่ไม่มีการปิดเมืองแล้ว
ตอนท่านย่าหม่าได้ยินแบบนี้ยังถามอีกว่า “ตอนนี้แม่นางชุ่ยหลิ่วสบายดีไหม แม่นางฝูหรงล่ะ”
สองคนนี้เป็นสาวๆ ที่เคยสั่งจองขนมเค้กวันเกิดขนาดใหญ่มากจากร้านของนางทั้งนั้น
รู้สึกว่าเรื่องที่แม่นางชุ่ยหลิ่วให้เขียนหน้าขนมเค้ก นางจึงให้ลูกชายคนที่สามช่วย เขาแต่งว่า ‘สายลมใบไม้ผลิพัดใบหลิ่ว สกุณาคล้อยตามกลิ่นหอม’ เหมือนเรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“อยู่ในหอกันหมด กำลังเก็บของ”
“งั้นเจ้าล่ะ”
แม่เล้าดื่มชาแล้วถึงตอบ “กลับบ้านเกิด บ้านเกิดข้าอยู่โกวปังจื่อ คงไปอยู่กับพี่ชายพี่สะใภ้สักพัก รอเด็กๆ กลับมาอีกครั้ง ผู้ดูแลหม่าจะไปหาข้า”
ทันใดนั้น ท่านย่าหม่าก็ถอนหายใจ
นางบอกว่ากะทันหันเหลือเกิน กิจการของนางก็วุ่นวายเหมือนกัน เล่นเอาพอได้ยินว่าตอนนี้พวกเจ้าจะไปแล้วเลยไม่มีแม้แต่ขนมสักชิ้นมาให้
พูดจบ ท่านย่าหม่าก็หยุดคิดเล็กน้อย ดึงผ้าโพกศีรษะสีชมพูที่อยู่ตรงคอออกมาแล้วล้วงเข้าไปในคอเสื้อ
“น้องข้า เจ้าก็เห็นแล้ว นี่คือเขี้ยวหมาป่าที่ข้าพกติดตัวมาตลอด…
…นับตั้งแต่ห้อยมัน ดวงข้าก็ใช้ได้เลยทีเดียว…
…เจ้า เฮ้อ เป็นผู้หญิง ถึงแม้จะมีเงินติดตัว แต่ไปอาศัยพี่ชายพี่สะใภ้ พี่ชายน่ะพี่แท้ๆ แต่พี่สะใภ้ยังไงก็ยังมีความห่างเหินอยู่บ้าง อายุเจ้าก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ก็ไม่รู้ว่าพี่สะใภ้จะยังไง…
…ข้าคิดว่าเอานี่มอบให้เจ้า หวังว่าเขี้ยวหมาป่าอันนี้จะช่วยให้เจ้าราบรื่นเมื่อไปถึงที่นั่นนะ”
คำพูดนี้ทำให้หัวใจของแม่เล้าที่แข็งแกร่งมาตลอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
หากยามปกติมีคนพูดกับนางแบบนี้ นางคงบอกให้ไสหัวไป
ประสบการณ์ชีวิตสอนนางมาตลอดว่า ‘อย่ามาเสแสร้ง ต้องอยู่กับความเป็นจริง’
แต่เวลานี้อาจเพราะต้องไปจริงๆ แล้ว ไม่มีใครมาส่ง รู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ
แม่เล้ายื่นสองมือออกไปรับ
ท่านย่าหม่าถามนาง “แล้วเจ้าเชื่อเรื่องเขี้ยวหมาป่าหรือเปล่า เขาพูดกันว่า ถ้าไม่เชื่อแล้วห้อยมันจะไม่ดี ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องฝืนรับไว้นะ ไม่ต้องกลัวข้าจะเสียหน้า ก็แค่ข้ามามือเปล่า พวกเจ้าก็จะไปกันแล้ว”
“ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเชื่อ”
พอซาบซึ้งใจกัน เรื่องก็ง่ายขึ้น โดยเฉพาะตอนนี้ที่ผู้ดูแลหม่าไม่อยู่ในหอนางโลม เงินที่ขายได้ก็เข้ากระเป๋าแม่เล้าทั้งหมด
“ไปเรียกลูกชายท่านมาเถอะ ให้เขาไปขนย้ายทางด้านหลัง ท่านซื้อของพวกนี้ไปให้หมดเลยแล้วกัน” แม่เล้าเปิดประตูห้องเก็บของ
ท่านย่าหม่า ไอ๊หยา แค่เห็นก็เดาได้ว่า เดิมทีหอนางโลมอยากทำกำไรครั้งใหญ่ในเดือนอ้าย
ข้าวสารอย่างดีห้าสิบห้ากระสอบ ที่นี่มีแต่ข้าวสารกับธัญพืชอย่างดี แม่เล้าบอกว่า ขอไว้เหลือห้ากระสอบ เอาไว้กินช่วงนี้ ท่านเอาไปห้าสิบกระสอบ
แป้งทำอาหารสามสิบกระสอบ
หมูสามชั้นอย่างดีสองร้อยจิน
ไข่ไก่มีเกือบพัน
เกลือละเอียดหนึ่งกระสอบ น่าจะสักร้อยกว่าจิน
น้ำมัน เป็นน้ำมันที่ไม่เจือปนอะไรแม้แต่น้อย แม่เล้าบอกว่ามีหลายไหรวมๆ กันก็สามร้อยจิน
น้ำตาลทรายอย่างดีประมาณห้าสิบจิน
เนื้อไก่ ถอนขนแล้ว เอาเครื่องในออกแล้ว เหลือแต่เนื้อที่ทำความสะอาดเสร็จหมดจด หกสิบตัว
นอกจากนี้ภายในห้องเก็บของใต้ดินยังมีผักกาดขาวกับหัวไชเท้าอีกจำนวนมาก
ปลา แม่เล้าไม่ขาย ปลาขนาดใหญ่สี่ตัวนางบอกว่าจะเอาไปบ้านพี่ชาย
ซ่งฝูหลิงที่เข้ามาดู รู้จักปลาชนิดนั้น นั่นมันปลาต้าหม่าฮาที่ชาวเฮ่อเจ๋อเหวี่ยงแหนับพันจับไม่ใช่เหรอ ปลากุย ซึ่งก็คือปลาแซลมอนที่คนยุคปัจจุบันรู้จักกันดี
จะปลาหรือไม่ปลาไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งสำคัญก็คือ ท่านย่าหมากระซิบถาม “พวกเราซื้อแต่อาหารแห้งได้ไหม เนื้อสัตว์อะไรพวกนี้ ชีวิตพวกเรายังไม่ลืมตาอ้าปาก บางอย่างกินได้บางอย่างกินไม่ได้ ต้องประหยัดเงิน”
“ท่านพี่ ซื้อไปให้หมดเถอะ ข้ายังกลุ้มกับของพวกนี้อยู่เลย ท่านคิดดูนะ พวกเราปกติอยู่แต่ในหอเล็กๆ แห่งนี้ ไม่ได้สนิทกับใคร จะเอาของกักตุนพวกนี้ไปขายให้ใครได้ ถ้าท่านซื้อหมด ยินดีจ่ายเท่าไรข้าก็เอาเท่านั้น”
นี่เป็นเรื่องที่ท่านย่าหม่าไม่กล้าคิด ไม่ขึ้นราคาด้วย?
คิดในใจ ไอ๊หยา เห็นทีเจ้าจะอยู่ในหอนางโลมนานไปจนไม่ไหวแล้ว ไม่ได้ตื่นรู้อะไรกับเขาเลย บ้านเมืองวุ่นวายราคาอาหารพุ่งสูง เจ้าเป็นแต่เรื่องคิดเอาเงินจากผู้ชายรึ
งั้นคนซื่ออย่างเจ้ายังมีอีกเยอะไหม
ท่านย่าหม่าจึงถามขึ้นอีกก่อนที่จะจัดการของ “น้องข้า ทางอำเภออวิ๋นจงกับอำเภอจยาที่สถานการณ์เป็นแบบพวกเราก็ตุนอาหารไว้เยอะแบบนี้ไหม เจ้ารู้จักทางนั้นหรือเปล่า เขียนจดหมายให้ข้าได้ไหม”