ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 53 เป็นที่ชื่นชอบ
ด้านนอกฝนตกหนัก เหมือนฟ้าจะถล่มลงมา
อีกทั้งอยู่บนภูเขา มีลมพัดพาสายฝน มองออกไปไม่ชัดเจน มีแต่ไอน้ำหนาแน่นปกคลุมไปหมด
ตอนนี้ภายในถ้ำกลับคึกคักมากเพราะทุกคนต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่
รวมทั้งเถียนสี่ฟากับพวกที่ขึ้นเขาไปจับหนูด้วยกัน ต่างโดนฝนจนร่างกายเปียกโชก
ซ่งหลี่เจิ้งสั่งการหญิงสูงวัยหลายคน “รีบหน่อย ทำน้ำขิงให้พวกเขาดื่ม จะได้ไม่หนาวและหามุมเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ซะ”
ตอนนี้นอกจากหลี่ซิ่วที่อุ้มลูกมองดูด้วยสายตาเยือกเย็นแล้ว สามีของนางก็ยังไม่กลับมา นางรู้สึกกระวนกระวายใจมาก และก็ไม่มีใครสนใจแล้วว่าจะใช้ขิง หม้อน้ำ น้ำของใคร
คุณยายหวังเช็ดน้ำตา นางตบมือแม่ของเถียนสี่ฟา “พี่สาว ท่านอาจจะไม่ทราบ ทำเอาข้าตกใจมาก ดีที่ได้ลูกท่านช่วยหลานชายคนเล็กข้าไว้” ถือเป็นการแสดงความขอบคุณ ได้พูดความในใจออกมา ทำให้ใกล้ชิดสนิทใจกันมากขึ้น
เมื่อก่อนครอบครัวเถียนอาศัยอยู่ไกลตรงเชิงเขา อีกทั้งยังมีเรื่องที่เสือกินพ่อของเถียนสี่ฟา ทุกคนก็ไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กัน เพราะข่าวลือที่ถ่ายทอดกันไปผิดๆ จนกลายเป็นเรื่องเล่าอาถรรพ์
ถ้าไม่ใช่เพราะเถียนสี่ฟาจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อแต่งงานกับซ่งอิ๋นเฟิ่ง หญิงสาวในหมู่บ้านใกล้เคียงก็คงไม่มีใครอยากแต่งงานกับเถียนสี่ฟา
หม่าเหล่าไท่ไม่ได้บอก นางต้องการเงินสองตำลึงเพื่อส่งซ่งฝูเซิงไปร่ำเรียนถึงได้ลูกเขยดีอย่างเถียนสี่ฟามาโดยไม่ได้ตั้งใจ ลูกเขยทั้งขยัน จริงใจและซื่อสัตย์
สะใภ้คนเล็กของคุณยายหวังคอยอยู่ข้างกายหม่าเหล่าไท่ นางอยากช่วยทำงาน เพราะว่าซ่วนเหมียวจื่อเป็นลูกชายของนาง
จะพูดแต่ละประโยคก็เรียกว่าท่านป้าตลอด ทำงานคล่องแคล่ว แลดูสนิทชิดเชื้อกับหม่าเหล่าไท่มาก
สะใภ้คนเล็กของคุณยายหวังยังนำน้ำตาลของบ้านตนมาใส่ลงไปในน้ำขิง ส่งชามเล็กให้ซ่วนเหมียวจื่อดื่มระงับอาการตกใจ ส่วนชามใหญ่ให้ซ่งอิ๋นเฟิ่งถือไปให้เถียนสี่ฟา
เถียนสี่ฟาเสียดาย ดื่มไปแค่อึกเดียวก็อาศัยจังหวะที่คนไม่สนใจให้ซ่งอิ๋นเฟิ่งดื่ม ซ่งอิ๋นเฟิ่งถลึงตาใส่เขา เขายิ้มออกมา ท้ายที่สุดน้ำขิงใส่น้ำตาลก็เข้าไปในปากของเถาฮวากับหูจือ เด็กสองคนปฏิเสธว่าไม่เอา เขาบอกไม่ถ้าเอาจะเททิ้ง เด็กทั้งสองถึงได้ยอมกิน
ส่วนลูกชายของคุณยายหวังแทบไม่ต้องเอ่ย ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายคือความรู้สึกขอบคุณและการชื่นชม ไม่ทันไรก็กลายเป็นกลุ่มครอบครัวของหม่าเหล่าไท่แล้ว
ครอบครัวของคุณยายหวังแสดงออกไม่ต่างกัรกับครอบครัวของเกาถูฮู่ ครอบครัวเกาถูฮู่มีเกาเถี่ยโถวอยู่ ตั้งแต่เริ่มต้น เขาก็สนิทกับครอบครัวของซ่งฝูเซิงมาก
นี่ทำให้ต้าปั๋วเหนี่ยงของซ่งฝูเซิงอิจฉา คิดน้อยเนื้อต่ำใจ
นางดูออกว่า มีหลายครอบครัวที่คอยรายล้อมน้องสะใภ้ เมื่อก่อนตอนอยู่ในหมู่บ้านไม่เห็นจะเป็นแบบนี้ ได้แต่แอบมองหม่าเหล่าไท่ ไม่อาจระงับความไม่สบอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายในใจได้
แต่นางกลับลืมไปว่า ตอนนี้ข้างนอกฝนตกหนัก ภายในถ้ำทำไมถึงไม่อับชื้น ถ้าตามธรรมดาแล้วในถ้ำจะไม่สามารถอยู่ได้ นั่นเป็นเพราะซ่งฝูเซิงคิดค้นทำถ่านไม้ขึ้นมา
แม้ว่าสุดท้ายโคลนหลายกองจะถูกฝนที่ตกหนักอย่างกะทันหันชะล้างจนเสียหาย แต่การเผาตั้งแต่กลางดึกเวลาตีสองกว่าจนถึงเก้าโมงเช้าของวันนี้ เลยสามารถเผาถ่านออกมาได้ยี่สิบตะกร้า
สิบสี่ครอบครัว เขาตัดสินใจว่าถ่านยี่สิบตะกร้าเล็กนั้น คงจะไม่แบ่งให้เท่ากันครบทุกครัวเรือน คนอื่นๆ ยังสามารถใช้แสงไฟจากกองไฟตากผึ่งเสื้อผ้าและทำอาหาร หากครอบครัวไหนมีผู้สูงอายุมาด้วย ซ่งฝูเซิงก็จะแบ่งเพิ่มให้อีกครึ่งตะกร้า จะให้เขาทำอะไรมากกว่านี้อีก แค่นี้เขาก็เป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากแล้ว
อีกทั้งครอบครัวของต้าปั๋วเหนียงก็ได้รับผลประโยชน์เยอะสุด ซ่งฝูไฉให้ถ่านต้าปั๋วจำนวนสองตะกร้า เรื่องนี้หลายคนรู้กันดี
ตอนใช้ชีวิตปกติในหมู่บ้าน ต่างก็อาศัยการพูดคุยของผู้หญิงด้วยกันเองในการรับรู้เรื่องราวของครอบครัวอื่น เมื่อปิดประตูบ้านก็ใช้ชีวิตของตัวเอง สิ่งที่ได้ยินคือคำวิจารณ์ทั้งหมด แต่สถานการณ์จริงคงแย่กว่ามาก
ตอนนี้มีเวลาอยู่ด้วยกันตลอด ใครนิสัยเป็นอย่างไรย่อมรู้ดี
ในใจของทุกคนต่างก็ตัดสินใจเองได้ ไม่มีใครโง่ เพียงนึกย้อนกลับมาดู ไม่ต้องเอ่ยถึงถ่าน ลูกสาวของซ่งฝูเซิงทำถังกรองน้ำ ใครบ้างที่ไม่ดื่มน้ำในถัง? นั่นใช้ถ่านของบ้านนั้น ถ่านที่ต้องใช้เงินซื้อมาสองตำลึงถูกเทเข้าไป
และตอนนี้ที่ทุกคนกำลังใช้เตาไฟในการทำอาหาร นั่นซ่งฝูเซิงก็เป็นคนทำ
ถูกต้อง ซ่งฝูเซิงคือคนสร้างเตารูปร่างหน้าตาประหลาดนั่น
เขาไม่กล้าตามพี่เขยเข้าป่าลึกไปสร้างกับดักจับสัตว์ป่า กลัวทั้งงูและหมาป่า กลัวแม้กระทั่งสัตว์ขนาดเล็ก เพราะความกลัวที่มีมากและไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนชายฉกรรจ์คนอื่น จึงเลือกทำเต็นท์ ถางหญ้า สร้างเพิงพักพิงแทน โดยใช้ความสามารถพิเศษในการทำไม่หยุดหย่อน
แต่ที่จริงเขามีมันสมองที่เฉลียวฉลาด
ซ่งฝูเซิงคิดเอาไว้ หากฝนตกจริง ก็ต้องมีพื้นที่ในการทำอาหาร ทุกคนไม่ต้องกระจัดกระจายไปหาพื้นที่ทำอาหารกลางแจ้ง
เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างเพิงอีกแห่งหนึ่งเพราะ หนึ่ง สถานที่ที่อยู่ใกล้กับถ้ำไม่มีแล้ว สองเพิงเก็บฟืนก็ยังสร้างไม่เสร็จ ไม่มีเวลา ตอนนี้ก็ตามมาอีกเจ็ดครอบครัว ใครจะทนดูพวกเขาไม่มีที่อยู่ได้ ทุกคนก็กำลังยุ่งอยู่กับการสร้างที่พักพิงให้พวกเขา
ถ้าเช่นนั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ ซ่งฝูเซิงจึงสั่งให้หูจือ ลูกของพี่สาว และต้าหลังกับเอ้อร์หลัง ลูกของพี่ชายคนโตสร้างตามที่เขาออกแบบไว้ ทำเตาผิงที่สามารถวางกระทะใหญ่ได้สองใบ
เรียนรู้จากการออกแบบเตาผิงสไตล์ยุโรป โดยใช้โคลนและทรายเป็นฐานต่อขึ้นไป เขาวุ่นวายกับการทำงาน กลบช่องว่างหนึ่งช่อง
ตอนที่เริ่มสร้าง ทุกคนก็ไม่รู้เลยว่ามันไว้ใช้ทำอะไร ในสายตาคนโบราณอย่างพวกเขารูปแบบของมัรเหมือนกับเอาไว้วางของเซ่นไหว้อะไรสักอย่าง เพราะมีด้านหน้าที่เป็นช่องว่าง ด้านบนและด้านข้างสองด้านถูกปิดตาย ได้แต่เปิดช่องด้านหน้า เตาบ้านใครจะมีรูปร่างลักษณะแบบนี้บ้าง
ตอนนี้ฝนตกหนัก มันจึงมีประโยชน์ขึ้นมาแล้ว
ตอนที่ไม่ได้ทำอาหารก็โยนฟืนจำพวกกิ่งไม้เศษไม้ใส่เข้าไป ความร้อนก็ออกมาจากช่องว่าง ทำให้อบอุ่นขึ้น
เวลาทำอาหารก็ไม่ต้องกลัวว่าฝนจะตกลงในกระทะ และไม่ต้องกลัวว่าลมพายุฝนจะพัดไฟจนดับเพราะมีผนังกำบังอยู่
ในเวลาเดียวกันสามารถตั้งสองกระทะได้ สิบสี่ครัวเรือนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันใช้ก็เพียงพอ
ซ่งหลี่เจิ้งสูดไปป์ถาม “ฝูเซิงละ?”
เกาถูฮู่ก็ถามขึ้นเหมือนกัน “จริงสิ ไม่ได้เจอซ่งเสี่ยวซานมาพักใหญ่แล้ว”
หม่าเหล่าไท่ก็ร้อนใจ งูลงไปในหม้อต้มจนจะเดือดแล้ว ยังเติมน้ำเพิ่มไปอีกขันใหญ่ ไม่ให้ทุกคนกินเนื้อ แต่ก็ไม่ได้ห้ามให้คนมอง แค่ดื่มน้ำซุปก็คงไม่เป็นไร
แต่ปัญหาก็คือ เต้องรีบแบ่งนื้อให้เสร็จ มิเช่นนั้นถ้าเจอเด็กที่ไม่รู้เรื่องมาชี้ที่หม้อขอกินเนื้อ ถึงตอนนั้นคงลำบากใจ คงต้องให้คนในครอบครัวรีบกินให้หมดก่อน
หม่าเหล่าไท่สอบถาม ในใจก็ครุ่นคิด ครอบครัวของลูกสามเห็นฝนตกหนัก นึกเป็นห่วงล่อจึงไปสร้างที่หลบฝนชั่วคราวให้พวกนั้นรึเปล่า ต้องส่งเสื้อคลุมกันฝนไปรับนะสิ
หนิวจั่งกุ้ยบอกนาง “ตอนฝนตกลงมา ข้ากับซื่อจ้วงไปดูล่อสามตัวนั้นแล้ว และก็ป้อนหญ้าให้มันกินเสร็จถึงกลับมา”
หม่าเหล่าไท่พยักหน้า “แล้วสถานที่ทำถ่านของเขาละ?”
ซ่งฝูไฉบอกแม่ของเขา “ตอนฝนตกลงมา ข้ากับน้องรองก็วิ่งขึ้นไปบนเขาเพื่อขนย้ายตะกร้า ก็ไม่เห็นหน้าเขาเลย”
และก็มีชายหลายคนต่างบอกว่าก่อนหน้านั้นยังเห็นซ่งซานเกอ แต่หลังจากที่ฝนตกกระหน่ำลงมาก็ไม่ได้เห็นเขาอีกเลย ซ่วนเหมียวจื่อถูกงูกัด หลายคนบนเขานั้นก็ไม่เห็นเขา
ในใจของหม่าเหล่าไท่คิด ลูกสามของนางเป็นคนที่มุ่งมั่นทำอะไรจริงจัง
ฝนจะตกหนัก อันดับแรกคงรีบไปย้ายถ่านก่อนค่อยมาดูแลล่อ และช่วยทำเพิงพักพิงให้มันมั่นคง ช่วยย้ายของในถ้ำไม่ให้สิ่งของเปียกชื้น จากนั้นขึ้นเขาไปก็ช่วยดูซ่วนเหมียวจื่อหน่อย ควรมองยังไงดี แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่คนที่อู้หนีงาน
แต่เมื่อรู้ความจริงนั้น นางเหมือนโดนตบหน้า
หม่าเหล่าไท่สวมเสื้อซัวอี ถูกพายุฝนซัดสาด น้ำฝนกระทบบนใบหน้าเจ็บเหมือนโดนแส้ตี กว่านางจะหาเต็นท์ที่อยู่บนต้นไม้จนเจอ กางเกงกับรองเท้าของนางก็เปียกชื้นหมดแล้ว
“ลูกสาม?”
ฝนตกหนักเสียงดังขนาดนั้นใครจะได้ยิน อีกทั้งคนทั้งสี่ได้เอนกายนอนหลับกันไปหมดแล้วเพราะเหน็ดเหนื่อยทั้งกายใจ อีกทั้งยังถูกงูทำให้ตกใจอีก
ก่อนนอนทั้งสี่คนก็ได้กินแอปริคอตที่เป็นผลผลิตจากบ้านหม่าเหล่าไท่ ท่านย่าเป็นคนเก็บมาให้ ซ่งฝูหลิงเลือกลูกดีๆ วางไว้ในเต็นท์ เมื่อปากว่างจนไม่มีรสชาติก็สามารถหยิบมากินได้
ก่อนนอนพวกเขาทั้งสี่คนหิวมาก ซ่งฝูหลิงจึงนำฉีจื่อไคว่ที่แม่ของนางทำมาก่อนหน้าเอาออกมากิน กินกันหลายคน แบ่งกันคนละอัน เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าของกินที่เทียบกับขนมเช่นคุกกี้ไม่ได้เลยนี้ จะมีรสชาติอร่อย กินจนไม่อยากหยุดเคี้ยว น้ำในกระติกน้ำร้อนก็ถูกดื่มจนหมด
หลังจากนั้นถึงล้มตัวลงนอน
หม่าเหล่าไท่ลองปีนขึ้นต้นไม้แต่ไม่สำเร็จ ลื่นตกลงมา นางเสียใจที่ไม่ได้ให้ลูกชายคนโตมาด้วย “โอ้สวรรค์ ข้าเกือบจะสะดุดล้มแล้ว ฝูเซิง ฝูเซิง? อยู่ไหม ลูกสาม!”
ภายในเต็นท์ ซ่งฝูเซิงนอนหลับสนิทอยู่ข้างกายเฉียนหมี่โซ่ว
“ไปกินเนื้อได้แล้ว!”
ซ่งฝูหลิงสะดุ้งขึ้น นางขยี้ตา “ท่านแม่ มีคนเรียกไปกินเนื้อ”