ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 232 วาระสุดท้ายของพ่อครัวเงา
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 232 วาระสุดท้ายของพ่อครัวเงา
คำประกาศสุดกล้าบ้าบิ่นของชายชราขี้เมาทำให้จ่านคงและเปี้ยนฉางกงถึงกับไปต่อไม่ถูก ก่อนหน้านี้ชายผู้นี้เคยแสดงให้เห็นแล้วว่าตนเองร่ำรวยเงินทองถึงเพียงใดตอนที่พวกเขาทั้งสามแย่งชิงผลตื่นรู้กัน ทั้งสองจึงเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าสิ่งนี้อาจเกิดขึ้น
แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับเริ่มลังเลขึ้นมา เนื่องจากไม่แน่ใจว่าควรประมูลต่อไปหรือยอมแพ้แค่นี้ ไม่มีใครรู้ว่าผลตื่นรู้ทางห้าสายที่ถูกนำมาทำเป็นอาหารจะให้ผลลัพธ์เดียวกับผลไม้หรือไม่ แม้ตัวปู้ฟางจะยืนยันหลายต่อหลายครั้งว่าอาหารจานนี้จะทำให้ขั้นนักพรตยุทธการบรรลุขั้นปราณไปเป็นขั้นเทพแห่งสงครามก็ตามที
คนทั้งคู่มีปราณขั้นเทพแห่งสงคราม พวกเขารู้ดีว่าการบรรลุปราณขั้นนี้ต้องแลกมาด้วยอะไรบ้างเนื่องจากเคยผ่านมาก่อน และรู้ดีว่ามันยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด การประกาศว่าอาหารจานเดียวสามารถทำให้บรรลุขั้นปราณได้นั้น ร้อยทั้งร้อยย่อมฟังดูเหมือนเรื่องเพ้อฝันหลอกเด็ก
หมื่นผลึกนั้นอาจฟังดูเยอะสำหรับขั้นนักพรตยุทธการ แต่ก็ไม่ได้มากมายเกินไปสำหรับขั้นเทพแห่งสงคราม เพียงแต่ไม่มีใครเชื่อว่าอาหารจานเดียวจะทำให้เกิดเรื่องน่าอัศจรรย์ได้ถึงเพียงนั้นต่างหาก
เมื่อผ่าผลตื่นรู้ออกก็แปลว่าคุณสมบัติที่อัดแน่นอยู่ภายในจะต้องสลายหายไปแทบทั้งหมด แล้วประสิทธิภาพของมันจะยังคงอยู่ได้อย่างไรกัน
“จะสู้ราคาต่อหรือไม่ หากไม่…อาหารจานนี้ก็เป็นของข้าแล้ว” ตาแก่ขี้เมาจับน้ำเต้าที่วางอยู่บนโต๊ะ เขามองไปยังจ่านคงและเปี้ยนฉางกง รู้ดีว่ามีเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่สามารถสู้ราคาได้
เซียวเหมิงรู้สึกสองจิตสองใจ เขาอยากซื้ออาหารจานนี้มากเนื่องจากรู้ดีว่าอาหารของเถ้าแก่ปู้นั้นได้ผลชะงัดตามคำโฆษณาจริง ทว่า…ไม่ใช่ว่าเขามีเงินไม่พอ แต่เขาไม่กล้าจ่ายเงินมากถึงเพียงนั้นออกไปต่างหาก เนื่องจากเขานั้นต้องดูแลตระกูลเซียวทั้งหมดไม่ใช่แค่ตัวเอง และยังต้องดูแลค่าใช้จ่ายในการบรรลุปราณของบรรดาทหารยามที่ดูแลความเรียบร้อยให้ตระกูลเซียวอีกหลายร้อยชีวิต ความเป็นอยู่ของคนเหล่านี้อยู่บนบ่าของแม่ทัพใหญ่แห่งนครหลวง
ปู้ฟางไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าคนพวกนี้จะสู้ราคากันสูงเท่าใด เนื่องจากระบบจะนำผลึกเพียง 5,550 ผลึกไปรวมกับรายรับของร้านเท่านั้น โดยไม่สนว่าอาหารจานนี้จะทำเงินได้จริงเท่าไร
‘ผลตื่นรู้ทางห้าสายนั้นเป็นผลไม้พลังปราณระดับแปด จึงเป็นเรื่องปกติที่ราคาของอาหารซึ่งทำมาจากผลไม้ชนิดนี้จะสูงกว่าห้าพันผลึก’ ชายหนุ่มคิด สุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งที่เขาใช้สมุนไพรพลังปราณระดับเจ็ดสามชนิดปรุงขึ้นมานั้น เมื่อประกอบกับกระบวนการทำที่แสนซับซ้อนซ่อนเงื่อนแล้ว ยังคิดออกมาเป็นเงินเพียงห้าร้อยผลึกต่อจอกเท่านั้น
การตั้งราคาของระบบนั้นมักไม่เกินมูลค่าของวัตถุดิบที่ใช้ทำ นั่นเป็นเรื่องที่ปู้ฟางรู้เป็นอย่างดี และด้วยความที่สูตรอาหารที่ระบบมอบให้มักใช้วัตถุดิบมูลค่าสูงในการทำ เขาจึงจำเป็นต้องขายในราคาสูงตามไปด้วย
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้ ค่อยๆ บังคับพลังปราณในแก่นพลังให้กระจายไปทั่วร่างเพื่อฟื้นคืนพลัง เขามองไปที่ฝูงชน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยากต่อราคาเพิ่มอีกก็หรี่ตาลง
“เอาละ…ในเมื่อไม่มีใครจะเสนอราคาต่อ ประตูมังกรทะยานก็จะตกเป็นของคนผู้นี้” ปู้ฟางพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ตบมือทั้งสองข้างเข้าหากันแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย ขณะประกาศว่าใครเป็นผู้ได้อาหารโอสถทิพย์จานนี้ไปครอง
ตาแก่ขี้เมาลูบเครายาวของตนแล้วยิ้มยิงฟันออกมา
จ่านคงและคนอื่นๆ ถอนหายใจ รู้สึกเสียดายอยู่ในอก
ที่ทางเข้าร้าน มือหนึ่งจับหมับเข้าที่กรอบประตู กล้ามเนื้อบนมือดูกระตุกประหลาดและกำลังฉีกขาดออกจากกัน เลือดไหลซิบออกมาทุกอณู
พ่อครัวเงาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาฉายแววบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดที่รุมเร้าร่างกายทำให้ชายชรารู้อยู่เต็มอกว่าตนเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากไม่ได้ผลตื่นรู้ทางห้าสายมาครอบครอง ร่างของเขาจะต้องพิการแล้วจากโลกนี้ไปด้วยผลข้างเคียงของน้ำแกงเนื้อพลังชีวิตแน่นอน
เขาตั้งใจที่จะเดิมพันอยู่แล้ว จึงเลือกดื่มน้ำแกงในอึดใจสุดท้าย เพราะมันเป็นไพ่ตายที่ต้องแลกมาด้วยชีวิต ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ได้ผลตื่นรู้ทางห้าสายมาครอง
แต่เขากลับคาดคะเนผิดไปมากโข ชายสองคนปรี่ออกจากร้านมาซ้อมเขาจนปางตาย ทั้งยังทำลายความหวังที่เหลืออยู่ไปจนหมดสิ้น
ซู่!
ผิวหนังของพ่อครัวเงาเริ่มเหี่ยวแล้วหลุดออกจากร่างราวกับถูกไฟคลอก เลือดสดๆ ไหลตามออกมา ทำให้ร่างทั้งร่างดูน่าสยองพองขนเหมือนปีศาจที่กำลังชดใช้กรรมอยู่ในนรก
ดวงตาของชายชราเหลือเพียงความบ้าคลั่งเท่านั้น เขามองไปยังประตูมังกรทะยานบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยไอร้อนและพลังปราณ รู้สึกได้ถึงผลตื่นรู้ทางห้าสายที่ผสานอยู่ในอาหารจานนั้น…
เขาต้องการอาหารจานนั้นยิ่งนัก นี่คือความหวังสุดท้ายที่เหลืออยู่สำหรับเขาแล้ว
ปัง!
พ่อครัวเงาหวังติงกระโจนใส่ประตูมังกรทะยานอย่างหมดสิ้นซึ่งทุกอย่าง ด้วยความเร็วที่ทำให้เขาดูเหมือนเงาผี
ทุกคนตกใจเกินกว่าจะทำอะไรถูก อีกทั้งสภาพรุ่งริ่งเหมือนสัมภเวสีของพ่อครัวเงายังทำให้พวกเขาสะพรึงมากอีกด้วย ปู้ฟางเองก็มีอาการไม่ต่างกัน
“ตัวบ้าอะไรนี่…” ชายหนุ่มเอ่ย ตกใจกับสารรูปของพ่อครัวเงาเป็นอันมาก ดูอย่างไรก็เหมือนผีที่ทำบาปจนโดนทรมานอยู่ในนรกชัดๆ กลิ่นเหม็นที่โชยออกจากร่างกายของชายชราทำให้ปู้ฟางมุ่นคิ้ว
ตาแก่ขี้เมาหรี่ตามอง ไม่พอใจเป็นอันมากที่มีซากอะไรก็ไม่ทราบได้พุ่งเข้ามาหมายตะครุบอาหารจานที่เขาเพิ่งจ่ายไปหมื่นผลึกเพื่อให้ได้ครอบครอง ชายชราจ้องไปที่พ่อครัวเงาเขม็งพลางส่ายเคราขาวไปมา จากนั้นก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
นี่เป็นครั้งแรกที่ตาแก่ขี้เมาออกโรงเอง
เขาหยิบน้ำเต้าขึ้นมาถือไว้ น้ำเต้านั้นขยายขนาดใหญ่เท่าคนทันที
แววตาของพ่อครัวเงาเต็มไปด้วยความเสียสติ สิ่งเดียวที่เขาคิดถึงตอนนี้คือประตูมังกรทะยานเท่านั้น เนื่องจากเป็นอย่างเดียวบนโลกที่จะช่วยเขาไม่ให้กลายเป็นคนง่อยเปลี้ยเสียขาได้
ตูม!
น้ำเต้ากระแทกลงมาบนร่างของพ่อครัวเงา พร้อมด้วยพลังปราณน่ากลัวที่ไหลบ่าออกจากภายใน พ่อครัวเงากรีดร้องเสียงแหลมชวนขนหัวลุก เอามือขีดข่วนน้ำเต้าทุรนทุรายดวงตาปูดโปน
“ขยะเปียกแบบเจ้าที่ใช้ยาผีบอกเพื่อเพิ่มพลังตนเองให้เทียบเท่าขั้นเทพแห่งสงคราม อาจหาญจะมาประมือกับข้าหรือ”
ตาแก่ขี้เมาหัวเราะเย้ยหยันพลางยิ้มยิงฟันขาว น้ำเต้าเริ่มหมุนวน เขาวางมือไปบนน้ำเต้าเพื่อส่งพลังให้ระเบิดซัดร่างของพ่อครัวเงากระเด็นออกจากร้านไป
โครม!
ร่างของพ่อครัวเงาหมุนติ้วกลางอากาศแล้วตกลงบนพื้นตรอกเสียงดังลั่น…ตรงด้านหลังลาของตาแก่ขี้เมาอย่างพอเหมาะพอเจาะ
ร่างทั้งร่างของชายแก่ถูกกระแทกไม่เหลือชิ้นดี ผิวหนังหลุดลอกออกมาเหมือนผีตายโหง
เจ้าลาได้กลิ่นเหม็นเน่าจากด้านหลังแล้วก็รู้สึกขนลุกจนสะดุ้งตัวโยน มันส่งเสียงร้องออกมาก่อนจะยกขาหลังเตะอัดไปที่ศีรษะของพ่อครัวเงาพอดิบพอดี
มันเป็นลาที่ต่อสู้ได้อย่างองอาจในสนามรบ แรงเตะของมันทำให้ศีรษะของพ่อครัวเงาเกือบระเบิดออกมาเหมือนลูกแตงโมที่โดนทุบ
พ่อครัวเงาทรุดลงไปที่ข้างทาง เขาชักกระตุกอยู่บนพื้นอย่างควบคุมไม่ได้ ร่างทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือด
ฝูงชนออกมาจากร้านแล้วยืนดูอยู่ตรงทางเข้า ทุกคนต่างขมวดคิ้วเหมือนเห็นสภาพอันน่าสังเวชใจของพ่อครัวเงา
เซียวเหมิงถอนใจออกมาเมื่อเห็นสภาพใกล้ตายน่าออเนจอนาถของหวังติง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจไปในคราวเดียวกัน ในที่สุดพ่อครัวเงาที่แสนชั่วร้ายผู้ซึ่งทำความเลวมามากจนไม่อาจให้อภัย ก็ได้พบจุดจบที่สาสมเสียที
จ่านคงมองผิวหนังที่หลุดลอกออกมาของพ่อครัวเงา ใบหน้าภายใต้หน้ากากเงินของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที
“ไอ้หมอนี่มันต้องกินยาอะไรเข้าไปเป็นแน่ แต่ผลข้างเคียงเช่นนี้…แค่เห็นข้าก็ขนลุกแล้ว”
“พวกเจ้าทั้งสองไม่คิดว่าผลข้างเคียงนี่มันคล้ายวิธีการที่ลัทธินั้นใช้หรอกรึ” เปี้ยนฉางกงสูดหายใจเข้าลึกแล้วถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ตาแก่ขี้เมาและจ่านคงชะงัก จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“หมายถึงยาที่ไอ้หมอนี่…เอ่อ ไอ้ซากเวรนี่กินเข้าไป มีความเกี่ยวข้องกับลัทธิอสุราที่ครอบงำกดขี่ดินแดนทางฝั่งเหนือมาหลายพันปีเช่นนั้นหรือ” ตาแก่ขี้เมาถามเสียงเข้ม
ลัทธิอสุราเป็นสำนักชั่วร้ายที่ถูกโค้นล้มจนหมดอำนาจมานานหลายปีแล้ว
“ข้าแค่เคยอ่านเรื่องโอสถที่มีนามว่าโอสถกลืนวิญญาณซึ่งบันทึกไว้ในวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏเท่านั้น มันบอกไว้ว่าโอสถนี้จะทำให้ผู้กินดึงพลังสูงสุดของตนออกมาได้ เป็นการเสริมพลังกายและพลังปราณให้ผู้กินชั่วคราว แต่ผลข้างเคียงนั้นโหดร้ายป่าเถื่อนเป็นอันมาก ไอ้ซากเน่านี่น่าจะใช้วิธีบางอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งโอสถกลืนวิญญาณก็เป็นได้”
เปี้ยนฉางกงค้อมหลังลงมองพ่อครัวเงาที่ผิวหนังกำลังเปื่อยยุ่ยผุพัง สีหน้าเริ่มทวีความรังเกียจเดียดฉันท์มากขึ้นเรื่อยๆ
จ่านคงสูดหายใจเข้าลึก ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง จากนั้นเขาก็ทำมือคารวะตาแก่ขี้เมาและเปี้ยนฉางกงก่อนเอ่ย “หากไอ้หมอนี่เกี่ยวข้องกับลัทธิอสุราจริง ข้าจะต้องนำตัวมันไปด้วยให้จงได้ เนื่องจากลัทธิอสุราและสำนักเมฆาขาวของข้านั้นเคยมีประวัติที่ไม่น่าจดจำกันมาก่อน ท่านทั้งสองน่าจะรู้ดี”
เปี้ยนฉางกงและตาแก่ขี้เมาพยักหน้า พวกเขาอาจไม่ใช่คนแข็งแกร่งที่สุดในสำนักที่ตนเองสังกัด แต่ก็รู้นอกรู้ในเป็นอย่างดี ทั้งสองรู้ดีว่าสิ่งที่จ่านคงพูดเป็นความจริง จึงไม่ได้ทักท้วงแต่อย่างใด
จ่านคงกล่าวขอบคุณคนทั้งคู่ จากนั้นก็มองพ่อครัวเงาด้วยดวงตาที่เย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ เขาเรียกโซ่ตรวนสีดำสนิทออกมาถือไว้ในมือพร้อมแสงวาบ
จ่านคงใส่ตรวนพ่อครัวเงาเอาไว้ โซ่นั้นเรืองแสงเป็นอักขระแล้วจัดการรัดตัวพ่อครัวเงาจนอีกฝ่ายขยับตัวไม่ได้แม้แต่คืบเดียว…แม้พ่อครัวเงาจะหมดสติสิ้นสภาพไปหลังจากที่ถูกเจ้าลาเตะอัดสมองก็ตาม
ปู้ฟางยกขาขึ้นไขว่ห้างแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายตัว
เขามองไปยังตาแก่ขี้เมาที่ยืนเบียดอยู่ตรงปากทางพร้อมคนอื่นพลางเอ่ยเตือน “เจ้าจะกินหรือไม่กิน อย่าโทษข้าที่ไม่ได้บอกเจ้าก็แล้วกันว่า หากมันเย็น…ผลลัพธ์อาจจะด้อยลงไปด้วย”