ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 274 คู่ต่อกรคนแรกของเจ้าขาว
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 274 คู่ต่อกรคนแรกของเจ้าขาว
จวนตระกูลเซียว นครหลวง
กระแสพลังปราณหน้าตาเหมือนกระบี่ยาวพุ่งทะยานขึ้นสูงบนท้องฟ้า พลังรุนแรงระเบิดออกมาราวกับจะถล่มนภากว้างออกเป็นเสี่ยงๆ
ภาพกระบี่มายาขนาดใหญ่เหนือจวนตระกูลเซียวกำลังโคจรไปรอบๆ อย่างงดงาม พลังปราณเที่ยงแท้จำนวนมหาศาลมารวมตัวกันก่อเกิดเป็นแอ่งพายุพลังปราณที่ไหลวนไม่หยุดพัก
เซียวเหมิงที่กำลังอ่านจดหมายลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในห้องหนังสือเปลี่ยนสีหน้าอย่างฉับพลัน เขาเกิดความปีติยินดีอย่างเหลือล้น ภายในพริบตาเดียวชายวัยกลางคนก็รุดออกจากห้องหนังสือเดินรี่ไปยังกลางจวน สายตาจับจ้องไปที่ห้องลับขณะที่ดวงตาเต็มตื้นไปด้วยความอิ่มเอมใจ
“บรรลุปราณหรือ” ร่องรอยความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซียวเหมิง
เสียงหวีดหวิวดังก้องอยู่พักใหญ่ พลังปราณรูปกระบี่แหลมคมกระจายตัวกันลงมาราวกับต้องการผ่าพื้นพิภพเบื้องล่าง ประตูห้องลับเปิดออกพร้อมเสียงดังสนั่น ร่างสูงลำตัวเหยียดตรงเดินออกมาจากภายใน
ชายหนุ่มดูเหมือนกระบี่คมกริบไม่ผิดเพี้ยน ส่วนกระบี่ของเขาก็ดูไม่ต่างอะไรจากสายรุ้ง
ลักษณะท่าทางของเซียวเยวี่ยเปลี่ยนไปมาก ผมของเขาสะบัดไหวราวกับเป็นปลายกระบี่ที่พลิ้วพัดตัดอากาศ ความเฉียบคมปรากฏในดวงตา มันเป็นความเฉียบคมที่พัฒนาขึ้นอย่างอาจหาญจนตัดผ่านทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้
“ท่านพ่อ…ข้าบรรลุแล้ว” เซียวเยวี่ยมองเซียวเหมิงพลางยิ้มออกมา น้ำเสียงแหบห้าวของเขาสะท้อนก้องไปทั่วจวนตระกูลเซียว จากนั้นกระบี่ยาวก็พุ่งออกมาจากด้านหลังของเซียวเยวี่ยพร้อมเสียงแหวกอากาศ ราวกับต้องการจะผ่าห้วงบรรยากาศให้ขาดออกจากกัน เซียวเยวี่ยควบคุมกระบี่ให้พุ่งออกไปข้างหน้า ปลายกระบี่ชี้ไปทางเซียวเหมิง
เซียวเหมิงหัวเราะออกมาทันที เขายืนตัวตรงอย่างภาคภูมิใจ พลางขยับหมัดของตัวเองออกไปแล้วโคจรพลังปราณเที่ยงแท้ จากนั้นก็ส่งหมัดออกไปประสานกับกระบี่ที่เซียวเยวี่ยไสเข้ามา
กระบี่ของชายหนุ่มพุ่งตรงมาอย่างอาจหาญพร้อมพลังกดดันรุนแรงหาใดเปรียบ ความสอดประสานกันของขั้นนักพรตยุทธการและวิถีกระบี่ทำให้ชายหนุ่มแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
ตอนนี้เซียวเยวี่ยบรรลุขั้นนักพรตยุทธการแล้ว ตระกูลแห่งนี้มีขั้นนักพรตยุทธการถึงสองคน โชคชะตาของตระกูลเซียวนั้นจะกล่าวว่าเป็นโชคชะตาของอาณาจักรก็ไม่ผิด!
ตู้ม!
แต่ความปลื้มปีติก็ไม่ได้อยู่บนใบหน้าของเซียวเยวี่ยและเซียวเหมิงนาน เมื่อพลังรุนแรงน่าหวาดหวั่นระเบิดออกมาสะท้านสะเทือนไปทั่วนครหลวง
พลังดังกล่าวแพร่กระจายไปทั่วจนทำให้สีหน้าของสองพ่อลูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ในอกปวดหนึบเหมือนถูกบีบอยู่เรื่อยๆ
“นี่มัน…” สองพ่อลูกมองหน้ากันจากนั้นก็หันมองไปยังทิศทางของความโกลาหล สถานที่ที่ร้านเล็กๆ ของฟางฟางตั้งอยู่นั่นเอง
ร้านเถ้าแก่ปู้… นี่เขาก่อปัญหาอีกแล้วรึ?!
…
หอกเหล็กที่ส่องประกายเยียบเย็นดูราวกับอยากผ่าอากาศให้แหวกออกจากกัน อักขระสีแดงฉานปรากฏขึ้นบนตัวหอก ความงดงามของมันดูน่าหวั่นเกรงไม่น้อย เมื่อต้องเผชิญกับหอกนี้ ขั้นนักพรตยุทธการคนใดก็ไม่อาจฝ่าเข้าไปต่อกรได้นอกจากจะถูกทะลวงแทงเสียก่อน!
ลำแสงสีม่วงฉายไปทั่วท้องฟ้า จากนั้นลำแสงทรงพลังดังกล่าวก็พุ่งเข้าปะทะหอกเหล็ก ก่อเกิดเป็นแรงระเบิดทรงพลัง
ตู้ม!
เสียงปะทะกันดังสะท้อนสะเทือนไปทั่ว เหล่าลูกค้าที่อยู่ในร้านต่างยกมือขึ้นมาปิดหูอย่างไร้ทางเลือก ไม่เช่นนั้นมันอาจทำให้แก้วหูฉีกขาดได้
ดวงตาสีม่วงของเจ้าขาวกะพริบแสงวาบขณะที่ร่างของมันหมุนติ้วอยู่กลางอากาศจนกลายเป็นทรงกลมที่พุ่งลงมาปะทะพื้นอย่างรวดเร็วพร้อมเสียงดังสนั่น จากนั้นแรงถีบตัวมหาศาลก็กระจายออกมาเมื่อเจ้าขาวพุ่งตัวขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง
มือของมันแปรเปลี่ยนเป็นมีดพร้าขนาดใหญ่ที่ส่องประกายคมกริบ ดูน่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างมาก
หอกเหล็กหมุนคว้างกลางอากาศ แล้วพุ่งกลับมาอยู่ในมือที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นของเซี่ยอวี่อย่างรวดเร็ว พลังปราณของเขากล้าแกร่งราวมังกร ส่วนดวงตาก็ฉายประกายแสงแรงกล้าออกมา ภาพที่เห็นดูเหลือเชื่อไม่น้อย
เสียงหวีดหวิวดังก้อง ตอนนั้นเองเซี่ยอวี่ก็พุ่งตัวลงมาอย่างรวดเร็วราวกับเป็นลูกปืนใหญ่ ตรงไปหาเจ้าขาวที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามา
หอกในมือของเขากวัดแกว่งไม่หยุดขณะห้วงอากาศสั่นสะเทือนไปทั่ว
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
เจ้าขาวและเซี่ยอวี่พุ่งเข้าปะทะกันและโรมรันกันอยู่กลางอากาศ หนึ่งมนุษย์หนึ่งจักรกลมีร่างกายใหญ่โตผิดธรรมดาด้วยกันทั้งคู่ หอกและมีดแหลมคมถาโถมเข้าใส่กันไม่หยุดหย่อน ทุกครั้งที่อาวุธทั้งสองประสานกัน ประกายไฟวูบวาบตาจะปรากฏให้เห็น
ใบหน้าประสงค์ร้ายของเซี่ยอวี่ดูบ้าคลั่งเป็นอย่างยิ่ง เขาทิ่มปลายหอกลงมาใส่ศัตรูนับครั้งไม่ถ้วนจนดูเหมือนห่าฝนที่ตกลงมาอย่างไรอย่างนั้น
ดวงตาจักรกลของเจ้าขาวกะพริบถี่ขณะที่ลำแสงสีม่วงเข้มขึ้น มีดพร้าขนาดใหญ่ปะทะใส่หอกไม่หยุดมือ
ทุกคนที่อยู่ข้างล่างต่างสูดหายใจเอาลมเย็นๆ เข้าปอด หัวใจถูกบีบจนแทบหายใจไม่ออก การต่อสู้ตรงหน้า…อยู่ในระดับไหนกันแน่ แค่ได้เห็นความกลัวก็เข้าบีบรัดหัวใจของพวกเขาจนแทบปลิ้น ร่างทั้งร่างสั่นเทาเพราะหายนะตรงหน้า
ปู้ฟางยืนพิงกรอบประตู การต่อสู้ด้านบนนั้นส่งให้เกิดกระแสลมรุนแรงที่ตีใส่ผมดำขลับของเขาจนไม่เป็นทรง ชายหนุ่มแหงนหน้ามองการต่อสู้ ประกายสว่างไสวหมุนวนอยู่ในดวงตา ชายหนุ่มไร้ซึ่งความกระวนกระวายใจแต่กลับดูตื่นเต้นแทน
เจ้าดำเดินนวยนาดไปมาเหมือนแมวเยื้องย่างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมันก็เงยหน้าขึ้นมองการต่อสู้ด้านบนด้วยแววตาสนอกสนใจ
มนุษย์นั่นยังไม่บรรลุขั้นเซียนเทพก็จริง แต่กายของเขาแข็งแกร่งเทียบเท่าขั้นเซียนเทพไปแล้ว พลังยุทธ์ในการต่อสู้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าขั้นเซียนเทพเลย
สุดท้ายร้านเล็กๆ แห่งนี้ก็ยังไม่วายดึงดูดสิ่งมีชีวิตเช่นนี้เข้ามาจนได้… ทว่าแล้วอย่างไรเล่า
เจ้าสุนัขส่งเสียงฮึในลำคอ ไม่ได้รู้สึกแยแสแต่อย่างใด
เสียงกึกก้องดังสะท้อนไปทั่วฟ้าเมื่อร่างหนึ่งถูกเหวี่ยงลงพื้นอย่างรุนแรง ร่างนั้นปะทะเข้ากับถนนสายหลักของนครหลวง จนทำให้พื้นดินสั่นไหวก่อเกิดเป็นรอยแยกลึก
โชคยังดีที่ตรอกแห่งนี้ตั้งอยู่โดดเดี่ยว มีพ่อค้าแม่ขายมาตั้งแผงขายของไม่มากนัก แม้ก่อนหน้านี้จะมีมากกว่านี้ก็ตาม แต่คนเหล่านั้นก็เก็บข้าวเก็บของย้ายสถานที่หากินไปนานแล้ว
ฝุ่นควันฟุ้งไปทั่วอากาศ ดวงตาสีม่วงของเจ้าขาวสะท้อนแสงวาววับขณะที่มันปีนออกมาจากซากปรักหักพัง เศษอิฐเศษหินร่วงกราวลงมาไม่ขาดสาย
ตอนนั้นเองดวงตาสีม่วงของเจ้าขาวก็ฉายแสงเจิดจ้าขึ้น
เซี่ยอวี่ที่ยืนอย่างองอาจอยู่กลางท้องฟ้า ลูบแผลที่โดนคมมีดบาดตามเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามพลางยิ้มหยันออกมา ใบหน้าฉาบไปด้วยความตื่นเต้น
ฟึ่บ ฟึ่บ!
ที่ใจกลางซากหักพังบนพื้น เสียงของมีคมแหวกอากาศดังก้องออกมาสองคราด้วยกัน จากนั้นนัยน์ตาของเซี่ยอวี่ก็หดแคบ เมื่อสังเกตเห็นว่ามีดบิดคมกริบสองเล่มกำลังพุ่งตรงมาทางเขาด้วยความเร็วไม่ต่างจากแสง
แคร้ง แคร้ง!
เซี่ยอวี่กระชับหอกเหล็กในมือพลางใช้มันปัดป้องมีดบินทั้งสองเอาไว้ได้ ทว่ามีดบินกลับม้วนตัวแล้วพุ่งตรงมายังชายร่างยักษ์อีกครั้งราวกับจะทำร้ายกันให้จงได้
พลังรุนแรงน่าหวาดหวั่นของมีดบินทำให้เซี่ยอวี่ไม่กล้าใช้ร่างของตนเป็นเกราะต้านทาน เขารู้ชัดว่าพลังของมีดสร้างความเสียหายให้ร่างของเขาได้แน่ แม้ชายร่างยักษ์จะยังไม่รู้ชัดว่าไอ้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็นอสูรเวทขั้นเซียนเทพจริงหรือไม่ แต่พลังยุทธ์ของมันนั้นน่าพรั่นพรึงจริงแท้แน่นอน
แม้เขาจะจับพลังปราณเที่ยงแท้ของอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่น้อย แต่ก็ไม่กล้าประมาทแต่อย่างใด
“ตายเสียเถอะ!”
เซี่ยอวี่แผดเสียงคำรามขณะใช้หอกเหล็กปัดป้องมีดบินทั้งสองเล่ม จากนั้นก็พุ่งตัวลงมาอย่างรวดเร็วจนดูไม่ต่างจากลูกปืนใหญ่ เขาพุ่งเข้าปะทะเจ้าขาวที่อยู่บนถนนสายยาวจนเกิดเสียงดังสนั่น จากนั้นทั้งสองก็เข้าโรมรันกันอีกครั้ง
ถนนสายยาวของนครหลวงตอนนี้เป็นหลุมเป็นบ่อไปตลอดเส้น เศษหินเศษทรายฟุ้งกระจายไปทั่ว ชั้นถนนถูกเลาะออกมา บ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงต่างมีรูกลวงโบ๋จากการถูกก้อนหินปะทะใส่
ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของทั้งคู่ทำให้ทุกคนได้ประจักษ์มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาต่อสู้กันจากถนนเส้นยาวตรงไปยังตรอก และจากตรอกกลับไปยังถนนเส้นยาวกลับไปกลับมาหลายครั้ง
เหล่าทหารยามในนครหลวงผนึกพื้นที่โดยรอบเอาไว้ ด้วยการกั้นไม่ให้ฝูงชนเข้าไปในที่เกิดเหตุ
เซียวเหมิงและเซียวเยวี่ยรีบรุดออกมาดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ ทั้งคู่กำหน้าอกตนเองเอาไว้แน่น คู่ต่อสู้ทั้งสองไร้เทียมทานเป็นอย่างยิ่ง แข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้มาก
เซี่ยอวี่แกร่งกล้ามาก เขาสามารถใช้ร่างกายต่อกรกับผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพได้ ตำแหน่งของเขาในสามวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏก็ไม่ได้ต่ำเลย เขาเป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุดของวิหารเทพเจ้าลงทัณฑ์ ซึ่งเป็นวิหารที่เน้นหนักเรื่องการฝึกฝนร่างกาย จึงไม่แปลกอะไรที่ร่างของเขาจะแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
เจ้าขาวไม่มีพลังปราณเที่ยงแท้ แต่ตั้งแต่ได้รับหน้าที่ปกป้องร้านอาหาร มันก็จับคนเปลื้องผ้ามานักต่อนักแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มันเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง และเป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายต่อกรกับมันได้อย่างสูสีเช่นนี้
ดวงตาของปู้ฟางเป็นประกายวาบ เขารู้สึกตกตะลึงไม่น้อย ดูเหมือนว่าศัตรูคราวนี้จะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปเสียแล้ว เขาสัมผัสได้ถึงพลังการต่อสู้ที่รุนแรงกว่าครั้งใดๆ ของเจ้าขาว
เสียงสนั่นลั่นเลื่อนดังสะท้อนก้องไปทั่ว
จู่ๆ ร่างทั้งสองก็ผละออกจากกันไปไกล ทิ้งรอยแยกเป็นทางยาวไว้บนพื้น เซี่ยอวี่หายใจหอบหนัก ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยแผลจากคมมีด เลือดชโลมทั่วร่าง
ความเร็วของเจ้าขาวนัยน์ตาม่วงนั้นเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ ร่างอ้วนของมันปุปะด้วยรอยหมัดและคมหอก เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้หนักหนาไม่ใช่น้อยสำหรับเจ้าขาว
ทว่าเมื่อเทียบกับเซี่ยอวี่ เจ้าขาวยังดูได้เปรียบอยู่โขเพราะมันไม่รู้จักเหนื่อย อย่างไรเสียเซี่ยอวี่ก็เป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ เมื่อต้องสู้ไปนานๆ สุดท้ายก็ต้องเหนื่อยล้าขวัญและกำลังใจตกต่ำลง ชายร่างยักษ์รู้เต็มอกว่าตนไม่ควรสู้ต่อในสภาพนี้
ไม่เช่นนั้นเขาคงถูกเจ้าหุ่นเชิดนี่อัดถึงตายแน่!
เซี่ยอวี่หยิบยันต์ออกมา ตอนนั้นเองลำแสงแก่กล้าก็พุ่งออกมาจากยันต์แล้วปกคลุมไปทั่วทั้งฟ้า พื้นดินสั่นไหวส่งเสียงกึกก้องขณะที่ร่างร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางนภา
เสียงคำรามดังกังวานของมังกรสะท้อนก้องไปทั่วสวรรค์ทั้งเก้าชั้น ขณะที่มันแผ่ร่างออกปกคลุมทั่วทั้งนครหลวง พลังกดดันแก่กล้าของมังกรอุทกแพร่ขยายไปทั่ว ทำให้ผู้คนในนครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่วต่างรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
“ฮ่าๆๆๆ! ของเล่นของเจ้าแข็งแกร่งยิ่งนัก และข้าเซี่ยอวี่ผู้นี้ยอมรับว่าไม่อาจทำอะไรเจ้าได้ แต่ถ้าข้าต่อกรกับของเล่นของเจ้าอยู่ ร้านเล็กๆ นั่นจะยังมีกลเม็ดเด็ดพรายอะไรหลงเหลืออยู่อีก หากลูกพี่ข้าต้องการทำลายร้านของเจ้า เขาก็คงทำได้ง่ายๆ ไม่ต่างจากดีดนิ้ว! ชีวิตที่สูญเสียไปของน้องชายข้า… ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องชดใช้ด้วยความตาย!”
เซี่ยอวี่กระชับหอกในมือแน่น เขาชี้ปลายหอกพลางปล่อยพลังกดดันรุนแรง ขณะหัวเราะออกมาไม่หยุด
ดวงตาเต็มไปด้วยความพยาบาทและมั่นใจในตนเอง
บนท้องฟ้าด้านหลังชายร่างยักษ์ อสูรเวทระดับแปดหน้าตามุ่งร้ายน่าเกรงขามกำลังแผ่ร่างที่มีขนาดมโหฬารออกปกคลุมไปทั่วเมือง มันคือมังกรอุทกดินแดนป่ารกชัฏนั่นเอง!