ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 290 แตกกระเจิง
“เจ้า… กล้าดีอย่างไร!”
เว่ยต้าฝูมองชายร่างกำยำที่ถูกจับแก้ผ้าล่อนจ้อนแล้วโยนออกจากกระโจม หัวใจของเขาสั่นไหว ส่วนนิ้วมือที่กำลังชี้ออกไปก็สั่นเทา ใบหน้าาดูไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
ไอ้หมอนี่มันกล้าดีอย่างไรถึงจับคนโยนออกไป มีเหตุผลกลใดกันถึงได้กล้าทำขนาดนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเด็กหน้าใหม่ที่ไร้ซึ่งเหตุผลถึงเพียงนี้ ทั้งยังโหดร้ายป่าเถื่อนอีกต่างหาก!
เว่ยต้าฝูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขารู้สึกอับอายราวกับโดนตบหน้า ไอ้เศษเหล็กที่ปู้ฟางพามาด้วยไม่ได้แยแสความรู้สึกของเขาแม้สักนิด
ชายร่างกำยำที่ถูกจับโยนออกมาโซซัดโซเซลุกขึ้นยืน ใบหน้ามีทั้งสีเขียวและแดงผสมกันมั่วไปหมด เขารู้สึกแย่เสียจนอยากกระอักเลือดออกมา ไอ้เวรนี่… มันถึงขั้นกล้าฉีกเสื้อผ้าคนอื่นออกเลยหรือ ต้องมุทะลุขนาดนี้เชียว
“ไอ้หนุ่ม… รอก่อนเถิด!” ชายร่างกำยำมองปู้ฟางที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง เขาอยากส่งคำพูดเจ็บแสบทิ้งท้ายเอาไว้ แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีแสงสีแดงวิ่งผ่านตนเองไป สุดท้ายแม้แต่ก้นของเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน ดวงตามองไปที่เจ้าขาวด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
แม้เขาจะเป็นพ่อครัวในหน่วยโรงครัวประจำกองทหาร แต่ก็ยังมีขั้นปราณพอตัว เมื่อจับอาวุธ เขาก็สามารถเป็นทหารออกรบได้เช่นกัน ทว่าตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าขาวเมื่อครู่ แม้แต่จะดูว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ก็ยังดูไม่ทัน เนื่องจากถูกจับแก้ผ้าโยนออกมาเสียก่อน
การถูกจับแก้ผ้านั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด หากแต่เป็นการที่เขาไม่รู้เลยว่าตนเองถูกจับแก้ผ้าได้อย่างไรต่างหากที่น่าสะพรึงกลัวสุดขั้วหัวใจ!
ความเงียบเข้าปกคลุมภายในกระโจมอยู่สักพัก จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงที่ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า พ่อครัวจากหน่วยโรงครัวต่างมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว ไอ้หน้าใหม่คนนี้มันกล้าโต้กลับเช่นนั้นหรือ คิดว่าแค่ทำอาหารอร่อยสองสามจานแล้วจะทำอะไรก็ได้หรืออย่างไร กล้าดีอย่างไรมาลงไม้ลงมือกับศิษย์พี่กัน!
“เจ้าหนุ่ม อยากตายหรือ กล้าดีอย่างไรมาทำเช่นนี้กับพวกข้าที่เป็นศิษย์พี่”
“ชิชะ! เด็กใหม่ก็เป็นแค่เด็กใหม่อยู่วันยังค่ำ กล้าดีอย่างไรมาโจมตีพวกเรา อยากตัดไม้ทำฟืนไปจนตายหรือ”
ฃ
“ไอ้เด็กใหม่นิสัยเสีย เห็นทีเราจะต้องสั่งสอนมันเสียหน่อยแล้ว! มิเช่นนั้นมันคงไม่ฃรู้จักที่ต่ำที่สูงเป็นแน่!”
…
ฃ
เสียงพูดคุยดังลั่นไปทั่วกระโจมไม่หยุดหย่อน ทำให้ปู้ฟางต้องลืมตาขึ้นมา เขาขมวดคิ้ว สีหน้าดูรำคาญใจ
“ใครที่ส่งเสียงเอะอะ… จับแก้ผ้าแล้วโยนออกไปให้หมด”
ชายหนุ่มพูดอย่างไม่ปรานี น้ำเสียงของเขาเย็นชาเป็นอันมาก เขาไม่คิดจะทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าคนพวกนี้แม้แต่น้อย
หลายคนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาจริงๆ “ฟังวิธีที่ไอ้เด็กนี่มันพูดนะ… ช่างป่าเถื่อนอะไรเช่นนี้ พวกเจ้าไม่คิดเหมือนกันหรือ หรือมันคิดว่าพวกเราไม่มีปัญญาสั่งสอนมันกันแน่”
หลายคนมีสีหน้าดุร้ายขึ้นขณะตะโกนแล้วพุ่งเข้าใส่ปู้ฟาง
ทว่าทันใดนั้น… พวกเขาก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างไม่ปกติ หลังจากพุ่งเข้ามา พวกเขาก็รู้สึกราวกับกำลังวิ่งอยู่ในหมู่เมฆเพราะถูกโยนขึ้นในอากาศ ร่างกายพุ่งผ่านท้องฟ้าด้วยวิถีโค้งสวยงาม พวกเขาคิดว่าตนกำลังวิ่งเข้าใส่ปู้ฟางอย่างนักรบ แต่ความเป็นจริงกลับกลายเป็นถูกโยนออกห่างจากชายหนุ่มไปเสียได้
“ข้า…”
ตุ้บ ตุ้บ!
เสียงของหนักตกกระทบพื้นดังขึ้นติดต่อกัน ชายสองคนที่ตั้งใจจะจัดการปู้ฟางถูกจับแก้ผ้าล่อนจ้อนแล้วโยนออกมาเหมือนกันไม่มีผิด ทั้งสองมองหน้ากันด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะคลานไปบนพื้นอย่างกระอักกระอ่วน
สีหน้าของเว่ยต้าฝูแข็งทื่อเล็กน้อย “กล้าดีอย่างไร!”
ทว่าขณะที่เขากำลังจะเปิดปากสอบสวนปู้ฟาง ชายวัยกลางคนก็เห็นเจ้าขาวมาปรากฏอยู่ตรงหน้าก่อนจะรู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ เจ้าหุ่นอ้วนยกคอเสื้อของเขาขึ้นมาแล้วจับเขาโยนออกไป ร่างของเขาหมุนคว้างในอากาศ เสื้อเองก็หมุนไปด้วยขณะถูกกระชากออกจากร่าง
ถูกจับแก้ผ้าเฉย… ไอ้บัดซบเอ๊ย!
ตุ้บ… เว่ยต้าฝูอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบเขาทำได้เพียงทำตัวแข็งทื่อ ทันทีที่ตกลงกระแทกพื้น ควาอับอายแสนสาหัสจากการถูกจับแก้ผ้าโยนออกมาก็พุ่งเข้าโจมตีจิตใจ
เสียงคำรามก่นด่าที่ดังอยู่ในกระโจมหยุดชะงักไปทันที ทุกคนดูเหมือนกลายเป็นเป็ดตัวผู้ที่ถูกบีบคอจนเสียงเล็ดรอดออกมาไม่ได้ ดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
เว่ยต้าฝู หัวหน้าเว่ย ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารและอาวุโสที่สุดในหน่วยโรงครัว ถูกหุ่นเชิดของปู้ฟางจับโยนออกไปชนิดแก้ผ้าให้เสร็จสรรพแล้วด้วย…
ทุกคนตัวสั่นสะท้าน ดวงตาของหลงไฉดูตื่นเต้นเป็นประกาย
เว่ยต้าฝูคลานไปบนพื้นพร้อมเอามือปิดเป้าของตนเองไปด้วย เขารู้สึกพ่ายแพ้หมดรูป ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังจับใจ
“ไอ้เด็กเวร! รอก่อนเถิด!! ตั้งแต่วันนี้เจ้าต้องอยู่ที่นี่ไปจนตายเลย อยู่ในไอ้กระโจมวัตถุดิบธรรมดาเวรนี่แหละ อย่าแม้แต่จะคิดเชียวว่าจะได้จับวัตถุดิบพลังปราณ!”
“หลงไฉ หัวเราะบ้าอะไรกัน! อยากอยู่ในกระโจมเส็งเคร็งนี่ด้วยรึ!”
เว่ยต้าฝูโกรธจนเริ่มกระทืบเท้าไปมา แต่ก็ไม่กล้าทำแรงนักเพราะกลัวสิ่งที่ปิดไว้จะโผล่ออกมา ทำให้ดูเป็นภาพที่ชวนหัวจนหลงไฉอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็ไม่กล้า
“ไสหัวไปให้หมด!” ปู้ฟางลืมตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นมีแววหมดความอดทนเล็กน้อย ตั้งแต่เขามาเป็นพ่อครัวที่หน่วยโรงครัวแห่งนี้ ไอ้เว่ยต้าฝูก็ทำให้ชีวิตของเขายากไม่มีที่สิ้นสุด… ชายหนุ่มเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าไอ้หมอนี่มันพยายามจะทำบ้าอะไรกันแน่
แต่ตอนนี้ไอ้หมอนี่จะทำอะไรก็ไม่สำคัญแล้ว ปู้ฟางหมดความอดทนจนไม่คิดจะไว้หน้าอีกฝ่ายอีก
ผู้คนภายในกระโจมต่างล่าถอยกันไปหมด พวกเขารู้ว่าตนเองต่อกรกับหุ่นเชิดเหล็กของปู้ฟางไม่ได้ เนื่องจากมันแข็งแกร่งเกินไป ในเมื่อใช้กำลังจัดการไม่ได้ พวกเขาก็จะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกแยกด้วยการไม่มีปฏิสัมพันธ์ด้วยแทน!
ทุกคนได้รับคำสั่งให้ไม่ต้องพูดกับปู้ฟางแม้แต่คำเดียว…
การถูกทำให้โดดเดี่ยวในกองทัพเป็นเรื่องที่แย่มากสำหรับใครหลายคน
แต่ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย
สุดท้ายหลงไฉก็เหลือบมองปู้ฟางด้วยสายตาเป็นห่วงแล้วกลับออกไปเช่นกัน กระโจมของชายหนุ่มกลับมาเงียบสงบเย็นเยียบอีกครั้ง
…
แก๊ง แก๊ง แก๊ง!!
เสียงตะหลิวกระทบหม้อดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงเย็นชาของเว่ยต้าฝูที่สะท้อนก้องไปทั่วค่าย
“เตรียมตัวออกเดินทาง มาเรียงแถวหน้าข้าเร็วเข้า เอาอุปกรณ์ของตนเองมาด้วย เราจะออกเดินทางกันแล้ว!”
ตึงตัง!
ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน เสียงเก็บของดังประสานกันเป็นจังหวะ จากนั้นพ่อครัวคนแล้วคนเล่าก็เดินออกมาจากกระโจมของตนเอง
ทุกคนแบกกระทะเหล็กสีดำเอาไว้บนหลังแล้วตั้งแถวตามกลุ่มของตนภายในค่าย
ตอนแรกพวกเขาจะให้ปู้ฟางเป็นคนขนกระทะ… แต่ชายหนุ่มปฏิเสธ ความจริงแล้วเขาจะเก็บกระทะไว้ในกระเป๋าคลังเก็บของระบบก็ได้ แต่เนื่องจากคราวนี้เขามาทำภารกิจ กระเป๋าจึงถูกระบบปิดตายเอาไว้เนื่องจากเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้วัตถุดิบที่อยู่ภายใน เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกปวดหัวไม่น้อย
ด้วยเหตุนี้ปู้ฟางจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตามสมาชิกหน่วยโรงครัวคนอื่นๆ ชายหนุ่มแบกกระทะแล้วเดินออกจากกระโจมมา ทุกคนเดินมารวมตัวกันในค่ายจากนั้นก็ตั้งแถวตามกลุ่มอย่างเป็นระเบียบ
หน่วยโรงครัวต้องออกเดินทางเพราะพวกเขาต้องทำหน้าที่เตรียมอาหารให้กองทัพ ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงต้องแบกกระทะสีดำไปด้วย หลังจากตั้งค่ายเสร็จ พวกเขาจะหาที่จุดเตาแล้วเริ่มทำอาหารทันที
เว่ยต้าฝูเองก็เดินแบกกระทะมาเช่นกัน เขาเดินผ่านแถวด้วยสีหน้าจริงจัง เมื่อเขาเห็นว่าปู้ฟางเองก็แบกกระทะอยู่ เขาก็ทำสีหน้าไม่พอใจพลางส่งเสียงฟึดฟัดออกมา
ท่ามกลางเสียงแตรดังกึกก้อง สมาชิกหน่วยโรงครัวประจำกองทหารก็พากันเดินแบกกระทะเรียงแถวกันออกจากค่ายไป พร้อมเข็นรถขนของหนักอึ้งไปด้วย พวกเขาไปรวมตัวกับกองทหารลำดับสาม จากนั้นก็ออกเดินทางไปนอกเมืองประจิมเร้นลับด้วยกัน
การออกเดินทางครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงกองทหารลำดับสามของกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับเท่านั้น แต่ยังมีหน่วยหลักอย่างกองทหารลำดับสองด้วย ทั้งสองกองเดินทางออกจากเมือง เพื่อมุ่งหน้าไปช่วยเหลือเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด เนื่องจากเมืองประจิมเร้นลับได้รับจดหมายขอความช่วยเหลือจากเมืองที่อยู่ใกล้เคียง
ในจดหมายระบุไว้ว่าข้าศึกในครั้งนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เจ้าเมืองจึงต้องส่งกองทัพไปสองกองเพื่อรับมือ
เมืองประจิมเร้นลับเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ทั้งยังเป็นหนึ่งในสามเมืองโบราณของจักรวรรดิ จึงมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจักรวรรดิวายุแผ่ว การทำลายศัตรูให้ราบคาบนั้นเป็นหน้าที่ที่พวกเขาต้องรับผิดชอบ
บนภูมิประเทศโล่งกว้าง แถวยาวของกองทัพกำลังเคลื่อนที่ไปอย่างไม่รีบร้อน แถวขอเหล่าทหารนั้นยาวมาก ทุกส่วนประกอบไปด้วยทหารจากหลากหลายกองร้อย โดยมีหน่วยโรงครัวอยู่ด้านหลังสุด เนื่องจากเหล่าพ่อครัวต้องแบกกระทะเอาไว้บนหลัง จึงเป็นเรื่องยากที่จะเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว
ดวงอาทิตย์แผดแสงเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้า ส่งความร้อนระอุลงมาสู่ผืนโลก ทำให้ภูมิประเทศด้านล่างดูเหมือนกำลังจะสุกเกรียมได้ที่จนถึงขั้นระเหิดกลายเป็นไอได้
หลายคนถูกพิษแดดเล่นงานจนทนไม่ไหวอีกต่อไป
ปู้ฟางแบกกระทะโดยมีเจ้าขาวเดินตามต้อยๆ อยู่ด้านหลัง ระยะห่างระหว่างเขาและหน่วยของเขานั้นมากพอตัว เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้สมาชิกหน่วยโรงครัวกับปู้ฟางกลายเป็นไม่ชอบขี้หน้ากัน ทุกคนทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน เว้นไว้ก็เพียงหลงไฉเท่านั้น
ทุกคนตั้งใจจะใช้วิธีนี้ทำให้เขากลายเป็นคนบ้าไร้คนคบเพื่อแก้แค้น
ทุกครั้งที่หลงไฉพูดคุยกับปู้ฟาง เว่ยต้าฝูจะจ้องเด็กหนุ่มตาเขียว จากนั้นหลงไฉก็จะวิ่งหนีไปอีกทาง ทิ้งรอยยิ้มเยาะไว้บนใบหน้าของเว่ยต้าฝูขณะมองไปที่ปู้ฟาง
ปู้ฟางคิดว่าคนผู้นี้นี่ช่างสติวิปลาสเสียจริง…
ครืด ครืด
เสียงล้อรถขนของหนักอึ้งถูกลากไปบนพื้นถนนดังก้องไม่หยุด ส่วนคนทั้งหลายก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินกันต่อไป
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดมิด ดวงจันทร์เสี้ยวสองดวงโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาลอยเด่นอยู่ในแผ่นฟ้าสีดำ
เสียงตะโกนออกคำสั่งทำให้บรรดาทหารหยุดเดินแล้วเริ่มตั้งค่ายพักแรม
หน่วยโรงครัวเองก็กำลังอลหม่านเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาต้องตั้งค่ายของตนเอง ทั้งยังต้องตั้งเตาติดกระทะเพื่อทำอาหารอีกด้วย
ปู้ฟางหยุดอยู่ด้านหลังพลางมองหน่วยโรงครัวที่เริ่มสร้างค่ายอย่างรวดเร็วเป็นระเบียบ ทั้งยังตั้งที่วางกระทะอย่างชำนาญ ชายหนุ่มดูภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกประทับใจเล็กน้อย
คนเหล่านี้เป็นสมาชิกของโรงครัวประจำกองทหารจริงเสียด้วย พวกเขาต้องออกเดินทางเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ จนพรั่งพร้อมด้วยประสบการณ์ และทำทุกอย่างอย่างชำนาญและดูง่ายดาย
ปู้ฟางเองก็เริ่มตั้งกระโจมสำหรับตนเองแล้วตั้งที่วางกระทะเพื่อทำอาหารเช่นกัน
ขณะที่หน่วยโรงครัวกำลังทำอาหารส่งกลุ่มควันโขมงขึ้นไปในอากาศ และขณะที่ทหารนายอื่นๆ กำลังพักผ่อนเพื่อรักษาพลังปราณให้แข็งแกร่ง เสียงแกรกกรากก็ดังขึ้นรอบตัวพวกเขา พุ่มไม้ที่ล้อมค่ายเอาไว้เริ่มส่งเสียงดังออกมา
หัวใจของบรรดาทหารทั้งหลายเริ่มกระตุก มีทหารนายหนึ่งเดินออกไปสำรวจ ทันทีที่ยื่นมือออกไปแหวกพุ่มไม้ดู… เสียงคำรามโหยหวนอย่างดุร้ายของสุนัขป่าก็ดังลอยออกมา ตามมาด้วยร่างยักษ์ที่กระโจนเข้าใส่กัดทหารนายนั้นเข้าอย่างจัง