ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 299 จานพิเศษของปู้ฟาง… กิ้งก่าบุปผา
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 299 จานพิเศษของปู้ฟาง… กิ้งก่าบุปผา
เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังออกมาจากหอคอยสีดำเก่าแก่ในเมืองชายแดน ถึงเสียงนั้นจะไม่ได้กึกก้องแต่ก็ดังพอที่จะทำให้ร่างสามร่างซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ห่างออกไปไม่ไกลลืมตาขึ้น
“ทำไมท่านมหาพรตจึงได้โมโหถึงเพียงนั้น ใครไปล่วงเกินท่านกัน”
ร่างที่สวมชุดคลุมยาวสีดำเปิดปากพูดด้วยสายตาฉงน ข้างกายมีบุรุษในชุดดำอยู่อีกสองคน
“ใครสนกันเล่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ล่วงเกินท่านมหาพรตย่อมต้องพบจุดจบแสนเลวร้ายเหมือนกันหมด พวกเราองครักษ์โลหิตหลักทั้งสามก็แค่ต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วงเท่านั้น”
“ตอนนี้ปรมาจารย์อาวุโสก็เริ่มเก็บแก่นวิญญาณไปทั่วจักรวรรดิแล้ว วันที่ลูกโลกวิญญาณล่วงลับตื่นขึ้นจะเป็นวันที่พวกเราลัทธิอสุราได้กลับคืนมา… ถึงวันนั้นเมื่อใด พวกเราจะแสดงให้พวกคนเถื่อนแห่แคว้นทางใต้เห็นว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง!”
เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังประสานกับเสียงเย้ยหยัน หลังจากที่สรรพสำเนียงทั้งหลายเงียบลง ทั้งสามร่างก็กลับไปนั่งขัดสมาธิดังเดิม
…
“ศิษย์พี่ปู้… ท่านขุดหลุมตื้นๆ พวกนี้ทำไมหรือ”
ใบหน้าของถังอิ่นซีดขาวราวกับศพ การต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้เขาเจ็บหนักเสียจนพลังชีวิตแทบไม่เหลือ
“ก็เห็นอยู่ว่าข้าขุดหลุมเพื่อทำอาหาร ไม่อย่างนั้นข้าจะขุดทำไมเล่า จะให้ขุดหลุมฝังศพอสูรเวทนี่อย่างสมเกียรติเช่นนั้นหรือ ขอโทษทีเถอะ ข้าไม่ได้ใจดีขนาดจะขุดหลุมฝังอสูรเวทที่พยายามกินตัวเองหรอก” ปู้ฟางโต้ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ตรงหน้าชายหนุ่มขณะนี้มีหลุมตื้นๆ อยู่สองหลุม เศษดินเศษหินที่ถูกขุดขึ้นมาถูกถมไว้ด้านข้างจนกลายเป็นเนินเล็กๆ สองเนิน
“ทำอาหารรึ นี่ท่านทำอาหารในหลุมได้ด้วยหรือ”
ไม่ใช่แค่ถังอิ่นที่งุนงง คนอื่นๆ ก็ล้วนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
ปู้ฟางไม่ใส่ใจสายตาฉงนของฝูงชนแม้แต่น้อย ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมาก เหตุเพราะเขาไม่ได้เห็นวัตถุดิบชั้นดีมาตั้งแต่เข้าร่วมกองทัพและไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ตนเองเลย แต่ตอนนี้ปู้ฟางอาจใช้กิ้งก่ายักษ์ตัวนี้ทำอาหารอีกจานที่ผ่านเกณฑ์ประเมินของระบบก็ได้
“ศ… ศิษย์พี่ ใบไม้พลังปราณที่ท่านขออยู่นี่แล้วขอรับ”
ไกลออกไป เว่ยต้าฝูกับหลงไฉวิ่งเข้ามาพร้อมใบไม้พลังปราณหอบใหญ่ ใบไม้สีเขียวสดเหล่านี้ปกคลุมไปด้วยลวดลายที่มีพลังปราณแผ่ออกมาจางๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกมันไม่ใช่ใบไม้ธรรมดา
ปู้ฟางพยักหน้า ก่อนจะสั่งให้เว่ยต้าฝูและหลงไฉเรียงใบไม้ที่หามาได้ลงไปในหลุม
เมื่อทั้งสองลงมือทำตามคำสั่ง ปู้ฟางก็เดินไปที่ซากของกิ้งก่า ชายหนุ่มผ่าท้องของมันเรียบร้อยแล้ว มีเศษเนื้อกิ้งก่ากระจายอยู่บนพื้นเต็มไปหมด
แต่ก่อนหน้านั้นเขาผ่าไปคร่าวๆ เท่านั้น แถมยังไม่ได้ใช้สมาธิหรือความแม่นยำใดๆ เลย ตอนนี้ได้เวลาที่ชายหนุ่ม
ต้องเริ่มจัดการกับเนื้อกิ้งก่าอย่างระมัดระวังแล้ว
กิ้งก่ายักษ์ตัวนี้เป็นญาติใกล้ชิดกับเผ่าพันธุ์มังกร แปลว่ามีสายเลือดของมังกรไหลเวียนอยู่ในกาย
เกล็ดสีดำของมันแข็งมาก แต่ด้วยความคมของมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง ปู้ฟางก็จึงขอดเกล็ดของกิ้งก่าออกมาได้อย่างง่ายดาย
หลังทำความสะอาดเนื้อกิ้งก่าจนเกลี้ยงเกลา ปู้ฟางก็ตัดเนื้อออกมาก้อนใหญ่เท่าหินขนาดเขื่อง บนเนื้อมีลวดลายสีแดงปรากฏอยู่ เนื้อชิ้นนี้ดูคล้ายเนื้อปลาชุ่มฉ่ำคุณภาพดี
ชายหนุ่มควงมีดทำครัวกระดูกมังกรทองในมือก่อนจะบากเนื้อกิ้งก่าลงไปสองครั้ง
ปู้ฟางเจอสมุนไพรพลังปราณจำนวนหนึ่งในคลังเสบียงของกองทัพ แม้จะไม่ใช่ สมุนไพรพลังปราณระดับสูง แต่ก็ยังใช้ปรุงรสได้ดี ชายหนุ่มสับสมุนไพรเหล่านั้นก่อนวางลงบนเนื้อกิ้งก่า
จากนั้นเขาก็หั่นเต๋าเนื้อกิ้งก่าอย่างเป็นระเบียบ เนื้อที่หั่นออกมาแต่ละชิ้นถึงจะดูเป็นเอกภาพจากกันแต่ก็ยังเชื่อมกันอยู่เล็กน้อย
“ศิษย์พี่ปู้ ทางเราพร้อมแล้วขอรับ” เว่ยต้าฝูลุกขึ้นยืนแล้วแจ้งปู้ฟางด้วยความนบนอบ เขาไม่กล้าขัดใจปู้ฟางแม้แต่น้อย เพราะชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่พ่อครัวหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมฝ่ายโรงครัวประจำกองทัพอีกต่อไป
ตอนนี้เว่ยต้าฝูกลัวแค่ว่าปู้ฟางจะหันมาคิดบัญชีกับตัวเอง เพราะในค่ายทหารแห่งนี้ ไม่มีที่ใดให้เขาหลบซ่อนได้เลย
“ส่งใบไม้ที่เหลือมาให้ข้า” ปู้ฟางเก็บมีดก่อนจะส่งสายตาไปทางเว่ยต้าฝู
หัวใจของเว่ยต้าฝูสั่นสะท้าน เขากุลีกุจอยัดใบไม้พลังปราณที่เหลือลงในมือของปู้ฟางทันที
ปู้ฟางรับไปแล้วจัดการอะไรต่อเล็กน้อย จากนั้นก็นำใบไม้พลังปราณไปพันรอบเนื้อกิ้งก่าไว้ ต่อจากนั้นเขาก็เอาเนื้อไปวางในหลุมตื้นๆ ก่อนเอาดินกลบ
“ฮืม…” ความฉงนสงสัยฉาบเคลือบอยู่ในแววตาของเว่ยต้าฝู เขาทำอาหารมานานหลายปีแต่ก็ไม่เคยเห็นวิธีที่แปลกพิสดารเช่นนี้มาก่อน ขุดหลุมอย่างนั้นหรือ แล้วเนื้อกิ้งก่าจะสุกทั่วได้อย่างไรกัน
คำสั่งต่อมาของปู้ฟางทำให้ทุกอย่างกระจ่าง เขาสั่งให้นำฟืนจำนวนมากมาวางไว้ในหลุมที่เต็มไปแล้วครึ่งหนึ่ง จากนั้นชายหนุ่มจึงเรียกคลื่นพลังปราณเที่ยงแท้ออกมาเพื่อก่อไฟ
เปลวไฟแรงกล้าพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าขณะที่กลุ่มควันลอยวนอยู่รอบๆ
ปู้ฟางเฝ้ามองเปลวไฟที่ลุกโชนด้วยสายตาพึงใจ เขายกมือไขว้หลัง
กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็สบตากันอยู่ไปมา ทุกคนล้วนอับจนถ้อยคำ ถังอิ่น จูเยวี่ย และเว่ยต้าฝูต่างก็งุนงงเพราะไม่อาจเข้าใจอาหารจานนี้ได้แม้แต่น้อย วิธีการทำอาหารเช่นนี้เป็นสิ่งใหม่ที่พวกเขาเพิ่งเคยได้เห็นก็วันนี้
“หากไม่สามารถจับตาดูสถานะของอาหารอย่างใกล้ชิดได้… แล้วจะปรุงอาหารรสชาติโอชะได้อย่างไรกัน” เว่ยต้าฝูบ่นพึมพำพร้อมเบ้ปาก แม้ปู้ฟางจะพิสูจน์ฝีมือให้เขาเห็นหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่เว่ยต้าฝูเองก็ยังไม่แน่ใจว่าวิธีการทำอาหารเช่นนี้จะสามารถทำอาหารอร่อยๆ ออกมาได้
นั่นเพราะไม่เคยมีใครได้เห็นได้ยินวิธีนี้มาก่อน
หลุมที่ชายหนุ่มขุดมีอยู่ทั้งสิ้นสองหลุมด้วยกัน ปู้ฟางทำสิ่งที่ทำไปแล้วเมื่อครู่อีกครั้ง เขาพันเนื้อกิ้งก่าด้วยสมุนไพรพลังปราณ วางลงในหลุม ก่อนจะใส่ดินลงไปให้เต็มครึ่งหนึ่ง แล้วใช้ฟืนจุดไฟที่ด้านบน
นี่เป็นวิธีการทำอาหารที่ปู้ฟางเรียนรู้จากชีวิตก่อน เขานำมาประยุกต์ใช้พร้อมปรับแต่งเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะสมกับการปรุงเนื้อกิ้งก่า
ปู้ฟางยืนอยู่ข้างกองไฟที่ลุกโชนพลางยกมือลูบคาง จากนั้นมุมปากของชายหนุ่มก็ยกขึ้นเล็กน้อย
“หรือข้าจะตั้งชื่อมันว่ากิ้งก่าบุปผาดีนะ แต่ชื่อนี้ก็ฟังดูประหลาดไม่น้อย…”
ปู้ฟางบ่นพึมพำกับตนเอง สีหน้าแปลกแปร่งปรากฏขึ้นบนใบหน้า ชายหนุ่มเดินวนรอบหลุมที่มีไฟลุกท่วมทั้งสองหลุมช้าๆ
นานๆ ครั้งชายหนุ่มจะส่งคลื่นพลังปราณเที่ยงแท้ลงไปในหลุม ทันทีที่พลังปราณเที่ยงแท้สัมผัสเปลวไฟ กองไฟก็จะยิ่งโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นอีก
“วิธีการทำอาหารของศิษย์พี่ปู้นั้นช่างแปลกใหม่ดีจริงๆ…” ถังอิ่นไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกเช่นไร ตอนแรกพวกเขาคิดว่าปู้ฟางแค่ล้อเล่นเท่านั้น
อึดใจถัดมาทุกคนก็แยกย้ายไปทำธุระของตนเอง
เปลวไฟแผดเผาอยู่ร่วมชั่วยามครึ่ง เปลวไฟที่โชติช่วงทำให้ทั้งค่ายสว่างไสวไปทั่ว
ดวงอาทิตย์ร้อนแรงตกลับขอบฟ้าไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงท้องฟ้ายามค่ำคืนกับดวงจันทร์เสี้ยวสองดวง
ปู้ฟางยังยืนอยู่หน้ากองไฟร้อนระอุสองกอง ชายหนุ่มเพ่งมองเข้าไปในกองไฟก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นแล้วทุบฝ่ามือลงไป
คลื่นพลังปราณเที่ยงแท้เข้มข้นระเบิดออกมาจากร่างของชายหนุ่มแล้วกระจายลงไปบนไฟ ในชั่วลมหายใจนั้น กองไฟทั้งสองก็มอดลง
ควันหนาแน่นกระจายขึ้นไปเป็นวง ดูราวกับเป็นมังกรสีดำสองตัวที่เกี่ยวประสานกันพลางพุ่งตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า
ถังอิ่นและคนอื่นๆ ต่างทึ่งกับภาพที่เห็นแล้วเริ่มมารวมตัวกันใกล้ๆ กระโจมอีกครั้ง ภาพตรงหน้าเรียกคนดูได้มากทีเดียว ทหารจำนวนหนึ่งเข้ามารวมตัวกันใกล้ๆ ชายหนุ่ม
ทุกคนต่างพากันส่งสายตาสงสัยไปยังปู้ฟาง
“เสร็จแล้วหรือ” นัยน์ตาของถังอิ่นส่องประกายขึ้นมาทันที กลุ่มคนเริ่มมาออกันข้างๆ ปู้ฟาง ทุกคนต่างก็มีสี
หน้าสนใจใคร่รู้ พวกเขาล้วนอยากพิสูจน์ว่าวิธีการทำอาหารที่แปลกประหลาดนี้จะสร้างอาหารซึ่งมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ได้จริงหรือ
ทหารสองสามนายเดินไปกวาดเศษขี้เถ้าออก เผยให้เห็นดินที่ถูกเผาจนเกรียมอยู่เบื้องล่าง
“ขุดดินขึ้นมาได้” ปู้ฟางจ้องทหารทั้งสามก่อนออกคำสั่ง “ระวังเล่า อย่าทำลายอาหารที่อยู่ด้านใน”
นี่เขาทำอาหารในหลุมได้จริงๆ น่ะหรือ
เมื่อดินถูกเผาจนกลายเป็นเถ้า ความชื้นจึงระเหยออกไปหมด ทำให้กระบวนการขุดยากเย็นกว่าปกติเพราะดินนั้นแห้งแข็ง
ผ่านไปพักใหญ่ ทหารเหล่านั้นก็ขุดดินได้สำเร็จ เผยให้เห็นใบไม้พลังปราณที่อยู่ภายใน
พวกเขาขุดเอากองใบไม้พลังปราณออกมา ใบไม้พลังปราณที่เคยชุ่มฉ่ำและเขียวชอุ่มบัดนี้ทั้งเหี่ยวย่นและมีสีน้ำตาลตุ่นๆ ราวกับว่าพลังปราณภายในได้เหือดแห้งไปหมดแล้ว
ฝูงชนต่างพากันทำหน้าแปลกแปร่ง นัยน์ตาหดแคบ
หากวัดจากใบไม้พลังปราณที่อยู่ด้านบน พวกเขาก็พอจะเดาได้ว่าเนื้อกิ้งก่าที่อยู่ภายในจะมีสภาพเช่นไร…
‘สงสัยเถ้าแก่ปู้จะทำพลาดเสียแล้วกระมัง อาหารจานนี้คงไม่สำเร็จเป็นแน่’ ถังอิ่นลอบคิดอยู่ในใจ
แต่ปู้ฟางก็ยังคงรักษาท่าทางนิ่งเฉยเอาไว้ได้ ชายหนุ่มเดินไปยังหลุมตรงหน้า ก่อนจะแกะใบไม้สีน้ำตาลออกแล้วหยิบเนื้อชิ้นใหญ่ที่ห่อด้วยใบไม้พลังปราณออกมา
ใบไม้พลังปราณที่แนบอยู่กับเนื้อเหี่ยวย่นและเป็นสีน้ำตาลไหม้ ไร้ซึ่งสัญญาณของพลังปราณแม้แต่น้อย
“ออกมาแล้ว!”
ทุกคนชะโงกหน้าไปดู สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบไม้พลังปราณ สิ่งที่อยู่ในใบไม้คืออาหารจานใหม่ที่ปู้ฟางทำ เนื้อกิ้งก่ายักษ์ระดับเจ็ด
แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้กลิ่นเนื้อ แต่แค่จินตนาการถึงรสชาติของเนื้อกิ้งก่าก็ทำให้น้ำลายสอแล้ว อย่างไรเสียมันก็เป็นถึงเนื้อจากอสูรเวทระดับเจ็ด จะไม่ให้อยากลิ้มรสได้อย่างไร
ไม่ใช่จะมีเนื้อของอสูรเวทระดับเจ็ดมาให้ลองชิมทุกวันเสียหน่อย
ควันจางๆ ลอยออกมาจากข้อมือของปู้ฟาง มีดทำครัวกระดูกมังกรทองปรากฏขึ้น จากนั้นปู้ฟางก็ใช้มีดทำครัวเคาะบนใบไม้พลังปราณที่ไหม้เกรียมเบาๆ
ทันทีที่มีดสัมผัสโดน ใบไม้ที่แห้งกรอบก็แหวกออกเป็นทาง
มีลำแสงเจิดจ้าแทรกออกมาจากรอยแหวกนั้น!
เนื้อกิ้งก่าบุปผาเสร็จสมบูรณ์แล้ว!