ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 303 เก้าวัตถุดิบ เก้ากระทะยักษ์
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 303 เก้าวัตถุดิบ เก้ากระทะยักษ์
ลำแสงสีทองทอประกายสว่างเจิดจ้า
เสียงคำรามน่าสะพรึงกลัวดังออกมาจากมีดทำครัวในมือของปู้ฟาง พลังปราณเที่ยงแท้ในแก่นพลังปราณของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไหลทะลักออกมาจากแขนแล้วเข้าไปสู่มีดทำครัวกระดูกมังกรทองในมือ
อานุภาพของมังกรในมีดทำครัวกระดูกมังกรทองย่อมทำให้เหล่าอสูรเวทตื่นกลัวเป็นปกติ พลังกดดันที่ชายหนุ่มปล่อยออกมาทำให้เขาเดินฝ่าฝูงอสูรเวทไปได้อย่างง่ายดาย
ปู้ฟางก้าวเข้าไปหาช้างที่ลำตัวปกคลุมไปด้วยหนามพร้อมมีดทำครัวเล่มใหญ่ในมือ
ช้างตัวนี้เป็นอสูรเวทระดับเจ็ดที่รู้จักกันในนามช้างหนาม พลังโจมตีของมันรุนแรงยิ่ง อาวุธของมันคืองวงขนาดยาวเป็นพิเศษที่ปกคลุมด้วยหนามแหลมคม มันสามารถฉีกเหยื่อเป็นชิ้นๆ ได้ในพริบตาแล้วกระทืบซ้ำให้แหลกคาเท้า!
มีดทำครัวกระดูกมังกรทองสามารถข่มขู่อสูรเวทที่มีเชื้อสายมังกรได้ แต่ช้างหนามมีสายเลือดของมังกรที่หาได้ยากยิ่ง จึงทำให้มันต้านทานแรงกดดันจากมีดได้ดีกว่าอสูรเวทตัวอื่นๆ
ตู้ม!!
ดวงตาจักรกลของเจ้าขาวส่องประกายสีม่วงก่อนที่มันจะพุ่งเข้าไปหาช้างหนามด้วยความเร็วประดุจสายลม
ช้างหนามม้วนงวงของมันขึ้นก่อนจะส่งเสียงคำรามดังสนั่น มันกระทืบเท้าขนาดมหึมาลงไปจนเกิดเสียงดังลั่น ทำให้กำแพงเมืองสั่นสะท้านอย่างไม่อาจต้านทานได้
หินก้อนเขื่องร่วงลงมา บรรดายอดฝีมือบนกำแพงเมืองเริ่มตื่นตระหนก
เจ้าช้างตัวนี้เป็นอสูรเวทที่ทรงพลังจริงๆ
ถึงกระนั้นเจ้าขาวก็ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวขณะพุ่งเข้าใส่ แขนทั้งสองข้างของมันแปรสภาพเป็นใบมีดขนาดใหญ่กลางอากาศ
ช้างหนามฟาดงวงที่เต็มไปด้วยหนามแหลมลงบนพื้น ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนที่เขย่าไปถึงสรวงสวรรค์ ก่อนจะหันมาเล็งเป้าไปที่เจ้าขาว
หากเจ้าขาวโดนอัดเข้าไปเต็มๆ มันต้องถูกหนามแหลมคมฉีกเป็นชิ้นๆ แน่
ทุกคนต่างคิดเช่นเดียวกัน พลังกดดันที่แผ่ออกมาจากช้างหนามรุนแรงยิ่ง สมแล้วที่เป็นหนึ่งในอสูรเวทระดับเจ็ดขั้นสูง
ฉัวะ!!
ทว่าขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเจ้าขาวจะถูกอสูรเวทขยี้เป็นผุยผง ประกายแสงหนึ่งก็สว่างวาบขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน
ไม่นานหลังจากนั้น ท่ามกลางความเงียบงันจากอาการตื่นตะลึง ฝูงชนก็ได้เห็นงวงของช้างหนามถูกหั่นเป็นชิ้นๆ พร้อมสายฝนโลหิตที่โปรยปรายลงมา
ช้างหนามส่งเสียงร้องครวญครางน่าเวทนาก่อนจะเหวี่ยงตัวไปมาอย่างรุนแรง หนามและเท้าของมันคร่าชีวิตของอสูรเวทที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ไปหลายตัว
เจ้าขาวกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนหลังของช้างหนามที่กำลังสะบัดหูขนาดใหญ่ยักษ์ของมันอยู่ไปมา เจ้าขาวจ้องมองอสูรเวทด้านล่างด้วยดวงตาไร้ปรานี ก่อนจะฟันหัวช้างอย่างแรงแล้วชกลงไปอีกครั้งเพื่อปิดฉากการต่อสู้
ช้างหนามรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่ปะทุขึ้น
…
มีดทำครัวที่ปู้ฟางถืออยู่ในมือส่องรัศมีสีทองออกมา ชายหนุ่มจดจ่ออยู่กับเต่าภูเขาโบราณที่มีกระดองขนาดใหญ่ เจ้านี่ก็เป็นอสูรเวทที่ทรงพลังไม่ใช่เล่น
พลังกดดันที่แผ่ออกมาจากมีดทำครัวกระดูกมังกรทองทำให้อสูรเวทพากันตื่นกลัวและถอยหนี ไม่มีอสูรเวทตัวใดกล้าเข้าใกล้ปู้ฟางแม้แต่น้อย
พ่อครัวหนุ่มไม่สนใจอสูรเวทระดับต่ำแต่อย่างใด
เขาแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าเต่าภูเขา เพราะเต่าภูเขาโบราณนั้นถือเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศ
สมองของเต่าอยู่ภายในกระดองของมัน ตอนนี้อสูรเวทตรงหน้าหดตัวเข้าไปอยู่ในกระดองเรียบร้อยเพราะสัมผัสได้ถึงพลังแกร่งกล้าของมังกร
กระดองเต่าทั้งแข็งและเหนียวยากที่จะเจาะเข้าไป ถือเป็นโล่ที่สร้างขึ้นตามธรรมชาติโดยแท้
ปู้ฟางสำรวจลวดลายซับซ้อนบนกระดองเต่าด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ
จู่ๆ ก็มีจุดแสงสีแดงสองจุดส่องออกมาจากกระดอง ก่อนที่จะเกิดเสียงเปรี้ยงดังสนั่น สมองขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากกระดองแล้วตรงไปทางปู้ฟาง หมายจะปะทะใส่เขา
มันคือสมองของเต่าภูเขาที่ดูเก่าแก่และเหี่ยวย่น
เต่าภูเขาส่งเสียงร้องคำรามแล้วพุ่งเข้าใส่ปู้ฟางด้วยนัยน์ตาสีเลือด มันอ้าปากกว้างหมายจะกัดชายหนุ่ม
ปู้ฟางหรี่ตาลง เขาคาดไม่ถึงว่าอสูรเวทตรงหน้าจะสามารถต้านทานพลังกดดันของมังกรจนถึงขนาดโต้กลับได้ แน่นอนว่ายิ่งอสูรมีอายุยืนยาวมากเพียงใด มันก็ยิ่งร้ายกาจขึ้นเท่านั้น!
เคร้ง!!
ปู้ฟางป้องกันการโจมตีด้วยมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง เมื่อเจ้าเต่าเห็นว่าการโจมตีล้มเหลวจึงพยายามจะอัดปู้ฟางด้วยลำตัวอันมโหฬารของมัน อสูรเวทใช้สมองของมันกระแทกเข้าใส่มีดทำครัวกระดูกมังกรทองอย่างแรงเสียจนตัวของปู้ฟางกระเด็นไปไกลพร้อมมีดที่อยู่ในมือ
ปู้ฟางพลิกตัวกลางอากาศก่อนจะร่วงลงพื้นที่อยู่ไกลออกไป แต่ชายหนุ่มก็ดีดตัวลุกขึ้นได้ทันที
ตอนนี้สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งขรึมจริงจัง
คลื่นพลังปราณเที่ยงแท้ในกายหมุนวนเร็วกว่าเดิม มีดทำครัวกระดูกมังกรทองในมือเองก็ส่องประกายเจิดจ้ากว่าแต่ก่อน
ตู้ม!!
แผ่นหินใต้เท้าของปู้ฟางแตกละเอียดเมื่อชายหนุ่มออกตัว
ปู้ฟางกำมีดไว้แน่นด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่เต่าภูเขาโบราณ รัศมีอานุภาพมังกรแก่กล้าขึ้นทำให้อสูรเวทโดยรอบต่างพากันล่าถอย
กระดองเต่าแข็งแรงเป็นอย่างยิ่ง ปู้ฟางจึงไม่คิดจะโจมตีด้วยมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง การทำลายกระดองเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขา และต่อให้เขาทำได้ ก็ต้องใช้พลังปราณเที่ยงแท้ไปมากโข ถึงตอนนั้นมีดทำครัวกระดูกมังกรทองคงไม่อาจคงรูปอยู่ได้ และชายหนุ่มต้องตกที่นั่งลำบากแน่
เต่าภูเขาโบราณคำรามสนั่น เผยให้เห็นฟันแหลมคมที่พยายามจะกัดปู้ฟางอีกครั้ง
ปู้ฟางหลบการโจมตีได้ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปใต้เต่าภูเขาแล้วฉวยโอกาสฟันขึ้นไปด้านบน ตัดขาของมันได้ข้างหนึ่ง
ขณะที่ยังอยู่ใต้ลำตัวเต่า ปู้ฟางก็กระชับกำมีดทำครัวกระดูกมังกรทองแน่น แล้วฟันเข้าไปที่ท้องของมันหนึ่งครั้ง
กระดองส่วนท้องของเต่าแม้จะยังแข็งแต่ก็เปราะกว่าส่วนอื่นๆ ทำให้ปู้ฟางโจมตีได้ง่ายขึ้น นี่คือวิธีรับมือกับเจ้าเต่าภูเขาโบราณตัวนี้
อีกด้านหนึ่ง หนี่หยันกำลังจะปิดฉากการต่อสู้ของนาง ในฐานะผู้ฝึกตนระดับแปดขั้นเทพแห่งสงคราม การจัดการอสูรเวทระดับเจ็ดสำหรับนางแล้วเป็นเรื่องง่ายดายไม่ต่างจากปอกกล้วยเข้าปาก
สิงโตเพลิงล้มลงกับพื้น เกิดเป็นฝุ่นฟุ้งกระจายตามมาเป็นทาง หนี่หยันกระโจนลงไปบนร่างของมันด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เจ้าขาวชกช้างหนามไม่หยุดจนกระทั่งหนามของมันแตกสลายไปหมดสิ้น
จากนั้นช้างหนามขนาดมหึมาก็ถูกฟาดลงกับพื้น สิ้นทางตอบโต้
แผละ!!
เสียงนั้นเป็นเสียงของเต่าขนาดยักษ์ที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ทุกคนต่างพากันตื่นตกใจเมื่อเห็นกระแสโลหิตไหลทะลักออกมาจากส่วนท้องของมัน เต่ายักษ์ดุร้ายล้มลง ลมหายใจถูกพรากออกจากร่าง
พวกเขาทั้งสามเอาชนะอสูรเวทระดับเจ็ดได้สามตัว
เหล่าคนบนกำแพงเมืองต่างก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก
ถังอิ่นเกร็งหน้าเล็กน้อยเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า คนทั้งสามช่างดุดันสมชื่อจริงๆ
ก่งเซวียนไม่อาจยอมรับได้ ว่าปู้ฟางผู้มีปราณเพียงระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการจะสามารถเอาชนะอสูรเวทระดับเจ็ดได้ เหตุใดไอ้หนุ่มนั่นถึงไม่ถูกอสูรเวทระดับเจ็ดสังหารเล่า ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเลยจริงๆ!
ฝูงอสูรเวทบ้าคลั่งยังคงอาละวาดต่อไปตามเดิม แต่พวกมันก็ยังมีสัญชาตญาณความหวาดกลัวที่มีต่อผู้เยี่ยมยุทธ์
อสูรเวททั้งหลายต่างพากันเลี่ยงซากศพของอสูรเวทระดับเจ็ดแล้วตรงไปทางอื่นแทน
ปู้ฟางสูดลมหายใจเข้าลึก เขายกมือตบกระดองของเต่าภูเขาโบราณเบาๆ ก่อนจ้องไปยังอสูรเวทตัวอื่นๆ
เหล่าผู้คนบนกำแพงเมืองพากันตกตะลึง เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นคนอย่างไรกัน สังหารอสูรเวทระดับเจ็ดตัวเดียวยังไม่พออีกหรือ
จู่ๆ ปู้ฟางก็พุ่งตัวออกไปพร้อมมีดทำครัวอีกครั้ง
…
เหล่าอสูรเวทคลั่งถอยหนีไม่เป็นกระบวน แม้ว่าจะยังไม่ถึงเวลาที่พวกมันควรถอย แต่บนพื้นกลับปกคลุมไปด้วยซากศพของอสูรเวทระดับเจ็ดจำนวนมาก พลังวิญญาณที่ไหลบ่าออกมาจากซากศพเหล่านั้นทำให้อสูรเวทตัวอื่นๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ดังนั้นพวกมันจึงเบนทิศทางแล้วเริ่มถอยร่นกลับไปยังดินแดนแสนภูผา
เหงื่อเม็ดเป้งเกาะพราวอยู่บนหน้าผากของปู้ฟางขณะที่เขาจับจ้องการล่าถอยของบรรดาอสูรเวท ชายหนุ่มออกจะเสียดายอยู่เล็กน้อย
ในหมู่พวกมันมีวัตถุดิบชั้นดีอยู่อีกมาก… แต่พวกมันกลับหนีไปเสียแล้ว
หากคนอื่นๆ ได้มารับรู้ความคิดของเขาคงต้องอับจนถ้อยคำเป็นแน่
เจ้าขาวกลับมายืนเคียงข้างปู้ฟาง ตามด้วยหนี่หยันผู้ซึ่งกำลังเหนื่อยจัด การปะทะกับอสูรเวทระดับเจ็ดสามตัวทำให้นางหมดเรี่ยวแรงไปไม่น้อย
หญิงสาวเอาชนะอสูรเวทระดับเจ็ดได้สามตัว นางยึดมั่นในคำสัญญาของปู้ฟางที่ว่าจะทำอาหารจานเด็ดให้ชิม จึงไม่ยั้งมือในการต่อสู้แม้แต่น้อย
“เถ้าแก่ปู้… หากอาหารจานเด็ดของเจ้าไม่ถูกปากข้า ฟู่ว… ข้าจะขยี้เจ้าให้แหลก!” หนี่หยันคำรามออกมาพลางหอบหายใจ
ปู้ฟางยิ้มมุมปากให้อีกฝ่ายก่อนจะออกคำสั่งให้คนไปเปิดประตูเมือง
เมื่ออสูรเวทพากันล่าถอยไปแล้ว การเปิดประตูเมืองก็สามารถทำได้อย่างปลอดภัย
ด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าทหาร ซากของอสูรเวทระดับเจ็ดทั้งแปดตัวจึงถูกลากเข้ามาในเมืองประจิมเร้นลับ
ภาพนั้นทำให้ประชากรในเมืองประจิมเร้นลับตื่นตะลึง พวกเขาไม่เคยเห็นอสูรเวทระดับเจ็ดมาก่อนแม้แต่ตัวเดียวอย่าว่าแต่แปดตัวเลย ยิ่งไปกว่านั้นทั้งแปดตัวนี้ก็ถูกสังหารไปแล้วทั้งสิ้น
ช้างยักษ์ที่ร่างกายเต็มไปด้วยหนามดูน่ากลัวกว่าใครเพื่อน
“เถ้าแก่ปู้ อาหารจานเด็ดที่เจ้าจะทำคืออะไรหรือ อสูรเวทระดับเจ็ดแปดตัวพอไหม” หนี่หยันถาม
เว่ยต้าฝูและหลงไฉเองก็รีบตรงเข้ามา แม้ว่าอสูรเวทระดับเจ็ดจะตายไปหมดแล้ว แต่ซากของพวกมันก็ยังแผ่รัศมีที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวออกมา
“ไปเอากระทะใบใหญ่ที่สุดในเมืองประจิมเร้นลับมาให้ข้ามากที่สุดเท่าที่จะหาได้ คราวนี้ข้าจะทำอาหารเลี้ยงทั้งกองทัพไปเลย” ปู้ฟางกล่าวกับเว่ยต้าฝู
กระทะยักษ์…
เว่ยต้าฝูตะลึงงัน จากนั้นเขาก็หันไปมองอสูรเวททั้งแปดก่อนจะกลืนน้ำลาย
หากรวมกิ้งก่ายักษ์ที่ปู้ฟางสังหารไปก่อนหน้านี้ จำนวนอสูรเวทระดับเจ็ดก็เพิ่มเป็นเก้าตัว… มีวัตถุดิบระดับเจ็ดมากถึงเพียงนี้ เขาจะทำอาหารจานใดกันแน่!
ฝูงชนเริ่มเข้ามามุงดูบรรดาทหารที่ออกแรงลากซากศพของอสูรเวทกลับเข้าค่าย
คืนนั้นกองไฟขนาดใหญ่ก็ถูกก่อขึ้น
บรรดากระทะใบเขื่องที่สุดในเมืองประจิมเร้นลับถูกส่งมาที่ลานกว้างของค่าย พ่อครัวจำนวนหนึ่งจากหน่วยโรงครัวประจำกองทัพกำลังพยายามจุดไฟใต้กระทะเหล่านั้น
ผู้คนมากมายรวมถึงหนี่หยันต่างพากันสงสัยว่าปู้ฟางวางแผนจะทำอาหารจานเด็ดชนิดใดจากอสูรเวทระดับเจ็ดทั้งเก้า
อสูรเวทระดับเจ็ดถึงเก้าตัว… เพียงแค่คิดฝูงชนก็ล้วนตื่นเต้นกันยกใหญ่แล้ว!