ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 310 มือซ้ายถือมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง มือขวาถือกระทะกลุ่มดาวเต่าดำ
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 310 มือซ้ายถือมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง มือขวาถือกระทะกลุ่มดาวเต่าดำ
จู่ๆ ปู้ฟางที่กำลังนอนขดอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้านก็ตัวสั่น ดวงตาที่หรี่เล็กเบิกกว้างเป็นประกาย เขาเด้งตัวขึ้นมานั่งหลังตรงหน้าตาตื่น
“ข้าเอาไปแลกเป็นอุปกรณ์พ่อครัวเทพได้นี่นา”
ชายหนุ่มเกือบลืมไปเสียสนิท หลังจากที่กลับร้านมา บรรยากาศอบอุ่นสบายกายของร้านทำให้เขาเกือบลืมเรื่องรางวัลจากระบบไปเลย
อุปกรณ์พ่อครัวเทพชิ้นแรกของเขาคือมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยเขาได้เป็นอย่างมากในปีนี้ มันทำให้ทักษะการทำอาหารของเขาพัฒนาขึ้นหลายระดับเลยทีเดียว
ปู้ฟางรักมีดทำครัวเล่มนี้เป็นที่สุด
ตอนนี้ชายหนุ่มสะสมชิ้นส่วนของอุปกรณ์พ่อครัวเทพได้ครบทั้งสามเสี้ยวแล้ว นั่นแปลว่าเขาสามารถแลกอุปกรณ์ชนิดที่สองมาครอบครองได้ ปู้ฟางคิดอยู่ในใจว่าเขาจะได้อะไรมาครอบครองพลางรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“กำลังดำเนินการแลกอุปกรณ์พ่อครัวเทพ… กำลังเพิ่มระดับพลังปราณเที่ยงแท้อีกร้อยละสิบ”
เสียงของระบบดังขึ้นในหูของชายหนุ่ม เขาหายใจเร็วขึ้นกว่าปกติทันทีที่ได้ยินประกาศนั้น
การที่พลังปราณเที่ยงแท้เพิ่มขึ้นอีกร้อยละสิบถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับปู้ฟาง แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าต่อให้ความคืบหน้าด้านพลังปราณของเขาจะกระเตื้องขึ้นอีกร้อยละสิบ ก็ยังเป็นการยากที่จะบรรลุปราณขั้นต่อไป เขาอาจจะต้องได้รางวัลพลังปราณเที่ยงแท้เพิ่มร้อยละสิบอีกหนึ่งรอบเพื่อให้บรรลุปราณขั้นนักพรตยุทธการ
แต่แน่นอนว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้เป็นกังวลเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากได้ความคืบหน้าด้านพลังปราณเพิ่มแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ชายหนุ่มรู้สึกมีความหวังอยู่พอตัว
สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดในตอนนี้คืออุปกรณ์พ่อครัวเทพ
แต่หลังจากผ่านไปสักพักระบบก็ไม่ได้พูดถึงอุปกรณ์พ่อครัวเทพอีก ทำให้ปู้ฟางเริ่มกังวลและหงุดหงิดเล็กน้อย เขาเริ่มหัวเสียเนื่องจากคิดว่าระบบตั้งใจปล่อยให้รอเก้อ
เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะดังก้องมาจากในตรอก เจ้าอ้วนจินและกองทัพชายอ้วนปรากฏตัวต่อหน้าปู้ฟาง “ให้ตาย เถ้าแก่ปู้! ไม่ได้เจอหน้าเสียหลายวัน ดูเหมือนวันนี้ข้าจะบุญหล่นทับเสียแล้ว พอท่านกลับมาข้าก็ได้ชิมอาหารฝีมือท่านเลย”
เจ้าอ้วนจินมองปู้ฟางที่กำลังอาบแดดอยู่ ดวงตาที่ซ่อนอยู่ใต้ชั้นไขมันหนาเป็นประกายเจิดจ้าไม่ต่างจากตอนที่เห็นสาวงามแม้แต่น้อย
ปู้ฟางที่กำลังรอให้อุปกรณ์พ่อครัวเทพเผยโฉมออกมายังจดจ่ออยู่ว่าเมื่อไรระบบจะส่งเสียงเตือนขึ้นมาอีกครั้ง แต่หลังจากรออยู่นานสองนาน ระบบก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ชายหนุ่มจึงรู้สึกหงุดหงิดกับความเงียบงันนี้เป็นอันมาก
แต่อารมณ์ที่ขุ่นข้องนั้นไม่ใช่เรื่องดีต่อการเป็นพ่อครัว พ่อครัวที่ดีต้องไม่รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจหรือใจร้อนเป็นอันขาด ต้องคงความสงบนิ่งเอาไว้เสมอเพื่อให้ทำอาหารออกมาได้รสอร่อย
ปู้ฟางมองใบหน้ายิ้มแย้มที่คุ้นตาของเจ้าอ้วนจิน จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตนเองกำลังหมกมุ่นอยู่กับอุปกรณ์เสียจนลืมกฎหลักของการเป็นพ่อครัวไปเสียสนิท
“เอาละ… วันนี้อาหารทุกจานในร้านเล็กๆ ของฟางฟาง ข้าจะเป็นคนลงมือทำเอง ใครอยากกินอะไรก็สั่งมาได้เลย”
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ แม้สีหน้าของเขาจะยังคงสงบนิ่งตามปกติ แต่กลับมีความอบอุ่นซ่อนอยู่ภายใน
เจ้าอ้วนจินและผองเพื่อนคนอ้วนนิ่งไปสักพัก จากนั้นก็หันมามองหน้ากันก่อนจะส่งเสียงเฮด้วยความดีใจ
ที่ร้านเล็กๆ ของฟางฟางแห่งนี้ หากใครต้องการชิมฝีมือเถ้าแก่ปู้จะต้องสั่งอาหารรายการพิเศษ ข้าวผัดไข่ ซี่โครงเปรี้ยวหวาน และอาหารจานอื่นๆ บางรายการพ่อครัวแม่ครัวฝึกหัดทั้งสองของร้านจะเป็นคนลงมือทำ
อาหารที่ทั้งสองทำมีรสชาติอร่อย ทักษะการทำอาหารของคนทั้งคู่ยอดเยี่ยมกว่าพ่อครัวแม่ครัวหลายคนในนครหลวง จัดได้ว่าเป็นคนทำอาหารฝีมือเยี่ยมในจักรวรรดิวายุแผ่วเลยทีเดียว
แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าหากเทียบกับอาหารฝีมือปู้ฟาง อาหารที่คนทั้งสองทำยังขาดอะไรบางอย่างไป อาหารของปู้ฟางมีเสน่ห์ที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก
นี่คือความแตกต่างของอาหารที่พ่อครัวแม่ครัวฝึกหัดและปู้ฟางทำ
เจ้าอ้วนจินผ่อนลมหายใจยาวออกมาขณะมองร่างผอมของปู้ฟางที่กำลังหันหลังเพื่อเดินไปทางครัว จากนั้นเขาก็เริ่มวิ่งนำเพื่อนๆ ไปที่ร้านเป็นคนแรก
พอบรรดาชายอ้วนที่เหลือได้สติ พวกเขาก็เริ่มตะโกนโหวกเหวกใส่กัน ต่างคนต่างไม่อยากให้ใครไปถึงหน้าร้านก่อนตนเอง กองทัพชายอ้วนพากันเบียดเสียดยัดเยียดแย่งกันเข้าร้านเป็นคนแรก
….
ปู้ฟางใช้เวลาทั้งวันทำอาหารอยู่ในครัว ชายหนุ่มไม่ได้หยุดมือเลยแม้แต่อึดใจเดียว เสียงหั่นผักดังออกมาจากห้องครัวไม่ขาดสาย
โอวหยางเสี่ยวอี้เดินเข้าร้านมา เมื่ออาหารจานแรกที่นางต้องยกไปให้ลูกค้าถูกวางลงบนหน้าต่าง นางก็เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือเถ้าแก่ปู้ เด็กหญิงจ้องอีกฝ่ายอยู่สักพักด้วยใบหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาดังลั่น
ปู้ฟางกลอกตาตอบทันที
ข่าวการกลับมาของเถ้าแก่ปู้แพร่สะพัดไปทั่วนครหลวง หลังจากที่เจ้าอ้วนจินและผองเพื่อนออกจากร้านไปไม่นาน ร้านอาหารของเขาก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า บรรดาผู้คนในนครหลวงพากันหลั่งไหลเข้ามาชิมอาหารอร่อยกันไม่ขาดสาย
เหล่าคนเด่นคนดังในนครหลวงมากันครบเกือบหมด
แม้แต่ผู้พิทักษ์นครหลวงคนใหม่อย่างเซียวเยวี่ยก็มาที่ร้านอย่างกระตือรือร้นเช่นกัน ชายหนุ่มเอามือไพล่หลังเดินมายังร้านช้าๆ
ช่างตลกร้ายอะไรเช่นนี้ ตอนนี้การจะชิมอาหารฝีมือเถ้าแก่ปู้กลายเป็นเรื่องยากเย็นไปเสียแล้ว อาหารฝีมือเขาจึงทวีความล้ำค่ายิ่งขึ้นไปอีก
กลิ่นหอมหวานของอาหารโชยออกมาจากครัว กลิ่นหอมก่อตัวเป็นไอในอากาศ พลิ้วไหวไปมาเหมือนงูตัวจ้อย นานไม่น้อยกว่ากลิ่นหอมดังกล่าวจะจางหายไป
กลิ่นอาหารขึ้นไปปกคลุมหลังคาของร้านแล้วลอยไปในตรอก ก่อนจะแพร่กระจายออกไปเรื่อยๆ กลิ่นอาหารฝีมือปู้ฟางเดินทางไปได้ไกลหลายลี้กว่าจะจางหายไป
เซียวเสี่ยวหลงและอวี่ฝูมองร้านที่เต็มไปด้วยผู้คนซึ่งเนืองแน่นกว่าตอนที่มีแค่พวกเขาสองคนหลายเท่า แล้วก็ทำได้เพียงสูดลมเย็นเข้าปอด คนทั้งคู่รู้ซึ้งแล้วว่าฝีมือของพวกเขาและเถ้าแก่ปู้นั้นห่างชั้นกันเพียงใด
รอยยิ้มบนใบหน้าของลูกค้าที่เดินออกจากร้านไปทำให้ทั้งสองรู้สึกตื่นตัวเป็นอันมาก
นั่นเพราะพวกเขาไม่เคยทำได้เช่นนี้เลย ดูเหมือนว่าหนทางในการเป็นพ่อครัวแม่ครัวฝีมือเอกนั้นยังอีกยาวไกล คงเป็นการเดินทางที่ยาวนานไม่น้อยกว่าจะเก่งกาจได้เท่าผู้เป็นอาจารย์
พอหมดเวลาทำการ กิจกรรมในครัวจึงยุติลง
แต่ปูฟางกลับทำอาหารอีกสองสามจานแล้วเดินถือเข้ามาในบริเวณร้าน เขาว่างอาหารลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เรียกเซียวเสี่ยวหลง อวี่ฝู และโอวหยางเสี่ยวอี้ให้เข้ามา ชายหนุ่มตั้งใจจะให้รางวัลคนทั้งสามเป็นอาหารและเครื่องดื่มแสนอร่อย
อาหารที่อยู่บนโต๊ะคือกระทะเทพแห่งโชคชะตา มันด้อยกว่าจานที่เขาทำในกองทัพเล็กน้อยเนื่องจากไม่ได้ใช้เนื้อของอสูรเวทระดับเจ็ด
ทว่าแม้จะใช้เนื้อชนิดอื่นรสชาติก็ยังอร่อยเหมือนเดิม เขาหยิบเนื้อเหล่านี้ออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ แม้ระดับของเนื้อจะไม่สูงเท่า แต่รสชาติของอาหารจานนี้ก็ยังอร่อยล้ำ
นอกจากนั้นเขายังทำซุปเปรี้ยวหวานและเต้าหู้ผัดพริกด้วย เต้าหู้ผัดพริกจานนี้ทำโดยใช้อุปกรณ์ในห้องครัว รสชาติจึงดีงามกว่าที่เคยทำ มันหวานอร่อยกว่าเดิมหลายขุมนัก
โอวหยางเสี่ยวอี้และอีกสองคนมองเถ้าแก่ของตนไม่ละสายตา
อาหารจานใหม่สามจาน!
มีใครฉีดยากระตุ้นเถ้าแก่ของพวกเขาให้ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังหรือ ปกติคนผู้นี้มักนั่งเครียดอยู่เป็นครึ่งค่อนเดือนกว่าจะคิดอาหารจานใหม่ได้
“มาลองชิมดูสิ สามจานนี้อร่อยมาก”
ชายหนุ่มยิ้มขณะเรียกลูกน้องทั้งสามให้มากินอาหาร
ปู้ฟางเงยหน้าขึ้นมองรายการอาหารที่ติดอยู่ในร้าน บนนั้นมีอาหารจานใหม่เพิ่มขึ้นมาสามจาน ได้แก่กระทะเทพแห่งโชคชะตาระดับหนึ่งและอาหารจานใหม่อีกสองจาน แน่นอนว่าราคาของอาหารเหล่านี้แพงพอตัวเลยทีเดียว กระทะเทพแห่งโชคชะตานั้นมีราคาแพงที่สุดอยู่ที่ 205 ผลึก
กระทะเทพแห่งโชคชะตาที่ขายในร้านจะไม่เหมือนจานที่เขาทำในกองทัพ เนื่องจากชายหนุ่มไม่ได้ใช้เนื้ออสูรเวทคุณภาพสูงถึงเพียงนั้นในการทำ
กระทะเทพแห่งโชคชะตาที่เขาทำก่อนหน้านี้ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ใครจะไปคาดคิดกันเล่าว่าจะมีวัตถุดิบระดับสูงมากมายโผล่ออกมาจากดินแดนแสนภูผา
ผลที่ออกมานั้นเป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับปู้ฟางเป็นอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่เขากวัดแกว่งมีด ก็จะได้วัตถุดิบที่ควรค่าแก่การนำมาทำอาหารเต็มไปหมด แค่นึกถึงภาพอันน่ารื่นรมย์นั้นเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
ปู้ฟางไม่ได้เจอโอวหยางเสี่ยวอี้มากว่าครึ่งเดือน ดูเหมือนว่านางจะสูงขึ้นอีกระหว่างนั้น ทั้งยังเพรียวบางลงและดูสง่างามขึ้นกว่าเดิม
แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนในตัวนางก็คือ นางยังคงยัดอาหารเข้าปากอย่างตะกละตะกลามด้วยท่าทางที่ไม่สมเป็นสตรีเช่นเคย
“ซู้ดดด… ฮ่า… นายท่านตัวเหม็น! เต้าหู้ผัดพริกนี่อร่อยแท้! เผ็ดแถมยังสดชื่นดีจริงเชียว”
โอวหยางเสี่ยวอี้กำลังหอบหายใจ ปากเจ่อจากรสชาติเผ็ดร้อน แต่ดวงตาของนางกลับเปล่งประกายทั้งยังละสายตาไปจากจานเต้าหู้ผัดพริกไม่ได้แม้แต่น้อย
มารยาทบนโต๊ะอาหารของเซียวเสี่ยวหลงเหมือนโอวหยางเสี่ยวอี้ไม่มีผิดเพี้ยน มีเพียงอวี่ฝูคนเดียวเท่านั้นที่กินอย่างมีมารยาทเมื่อเทียบกับสองคนนี้
ปู้ฟางหักนิ้วกรอบแกรบไล่ความเมื่อยพลางยิ้มออกมา จากนั้นก็เดินมาร่วมโต๊ะกับผู้รักการกินทั้งสามคน
ไม่นานอาหารทั้งสามจานก็เกลี้ยงสะอาด
ใบหน้าน่ารักของโอวหยางเสี่ยวอี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำหลังจากกินเสร็จ นางเหลือบตามองปู้ฟางก่อนจะพุ่งตัวออกจากร้านไป นางวิ่งกลับบ้านโดยไม่ได้เปิดปากเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าพยายามจะยั้งตัวเองเอาไว้
อาหารที่ปู้ฟางทำนั้นเต็มไปด้วยพลังปราณปริมาณมาก โดยเฉพาะกระทะเทพแห่งโชคชะตาที่สามารถนำพาโชคดีมาให้ผู้ที่กินได้ พลังปราณที่อยู่ภายในอาหารจานนี้ทั้งอ่อนโยนปลอบประโลมกาย เป็นอาหารที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ใครก็ตามที่ได้กินบรรลุขั้นปราณ
พลังปราณของโอวหยางเสี่ยวอี้ค้างอยู่ที่ระดับสี่ขั้นจิตยุทธการมานานแล้ว พอเด็กหญิงดูดซับพลังปราณจากต้นตื่นรู้ทางห้าสายเข้าไปทุกวัน นางก็เข้าใจสัจธรรมของโลกมากขึ้น แรงกระตุ้นจากกระทะเทพแห่งโชคชะตาทำให้พลังปราณของนางเดินทางมาถึงปลายทาง และกำลังจะบรรลุขั้นปราณในที่สุด
เซียวเสี่ยวหลงและอวี่ฝูไม่ได้มีทีท่าว่าจะบรรลุ แต่ระดับพลังปราณของคนทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้นมาก ทั้งสองโบกมือลาปู้ฟางก่อนจะขอตัวไปก่อน
ปู้ฟางจัดการเก็บตะเกียบและชามก่อนปิดร้าน พอเขาวางไม้กระดานปิดทางเข้าร้านเสร็จ เสียงของระบบก็ดังขึ้นในศีรษะทันที
ชายหนุ่มยุ่งวุ่นวายทั้งวันเพื่อดึงจิตใจที่กระวนกระวายไม่เป็นสุขของตนเองให้เย็นลง เหมือนอย่างที่คิดไว้ การทำอาหารเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขาใจเย็นลงได้
“กระทะกลุ่มดาวเต่าดำ หนึ่งในชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพเผยโฉมเป็นที่เรียบร้อย นายท่านสามารถตรวจสอบดูได้…”
ตอนที่เสียงของระบบดังขึ้น จิตใจของปู้ฟางยังคงสงบนิ่งอยู่
สิ่งแรกที่เขาทำคือเดินกลับเข้าไปในครัว หลังจากฝึกทักษะการใช้มีดฝนดาวซึ่งอยู่ในจุดสูงสุดเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะได้เลื่อนระดับทักษะขึ้นไปแต่อย่างใด ดังนั้นพอฝึกเสร็จเขาก็กลับขึ้นห้องของตนเองไป
ชายหนุ่มล้างมือเรียวยาวก่อนจะเช็ดให้แห้ง พอมือสะอาดแล้ว เขาจึงผสานจิตของตนเข้ากับระบบเพื่อเข้าไปตรวจสอบดู
ทันทีที่เขาเชื่อมต่อจิตสำเร็จ เสียงสัญญาณก็ดังขึ้น
ลำแสงมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในห้อง จากนั้นวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายสีขาวก็เผยโฉมขึ้นเบื้องหน้าปู้ฟาง
สายลมพัดเข้ามาในห้องทำให้ผมของชายหนุ่มปลิวไสว เชือกมัดผมกำมะหยี่ถูกลมพัดปลิวไป ทันทีที่เชือกหลุด เส้นผมยาวของชายหนุ่มก็ตกลงมาประบ่า
ความสนใจทั้งหมดของปู้ฟางอยู่ที่วงแหวนปราณตรงหน้า เสียงดังลั่นลอยออกมาจากวงแหวนปราณ จากนั้นเงาขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นภายในวงแหวนปราณ
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคืออุปกรณ์สีดำสนิทที่ทรงพลังไม่แพ้มีดทำครัวกระดูกมังกรทอง
มันคือกระทะขนาดใหญ่ที่หน้าตาธรรมดาอย่างถึงที่สุด แต่ที่ขอบกระทะกลับมีลวดลายประหลาดอยู่มากมาย นอกจากนี้ยังมีภาพที่สลักไว้ในเนื้อกระทะด้วย หลังจากจ้องมองอยู่นานในที่สุดปู้ฟางก็มองออกภาพที่สลักอยู่บนกระทะนั้นเป็นภาพอะไรกันแน่ แท้ที่จริงแล้วมันคือภาพเต่าสีดำขนาดใหญ่ที่ดูหนักไม่ต่างจากขุนเขา
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่กระทะใบนี้แผ่ออกมา พลังของมันทำให้จิตใจของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย ชายหนุ่มเบิกตากว้างเพื่อพิจารณากระทะตรงหน้า
ช่างเป็นกระทะที่ประหลาดอะไรเช่นนี้!
ตึง!
ลำแสงกระจายหายไปพร้อมวงแหวนปราณ ส่วนกระทะใบใหญ่ที่มีภาพเต่าสีดำใหญ่ยักษ์สลักอยู่ก็ตกลงบนพื้นส่งเสียงดังตึง
ทันทีที่กระทะสัมผัสพื้นห้อง ร้านทั้งร้านก็สั่นสะเทือนไปพักใหญ่
สุนัขสีดำตัวใหญ่ที่นอนอยู่ตรงทางเข้าร้านลืมตาขึ้น พลางหันมองไปทางห้องของปู้ฟางด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้
“กระทะนี่… ทรงพลังถึงกับทำให้จิตใจสั่นสะท้านได้เลยหรือ” ปู้ฟางพึมพำขณะยื่นนิ้วเรียวยาวออกไปลูบขอบกระทะ ลมเย็นเยือกถึงกระดูกลอยออกจากกระทะ ส่งไอเย็นพุ่งเข้าไปยังปลายประสาทในนิ้วของเขา
ปู้ฟางสัมผัสกระแสพลังประหลาดที่กระจายออกจากกระทะได้เพียงน้อยนิด ชายหนุ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดเหมือนโดนน้ำร้อนลวกที่แขนขวา ทันใดนั้นภาพของกระทะก็ปรากฏขึ้นที่ข้อมือของเขา
ปู้ฟางเดาะลิ้นด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
พอนึกถึงกระทะอีกครั้ง กระทะที่เคยหนักอึ้งก็เปลี่ยนเป็นเบาหวิวเหมือนขนนกอยู่ในมือของเขา
เขาโบกมืออีกข้าง เหมือนเวลาที่ใช้เรียกมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง จากนั้นกระทะก็เปลี่ยนเป็นควันสีเขียวแล้วจางหายไป
มือซ้ายคือมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง มือขวาคือกระทะกลุ่มดาวเต่าดำ…
อุปกรณ์พ่อครัวเทพนั้นช่างเลิศหรู สง่างาม ล้ำค่ายากหาสิ่งใดเปรียบเสียจริง