ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 322 วงแหวนปราณแตกสลาย วิญญาณนับหมื่นร่ำไห้
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 322 วงแหวนปราณแตกสลาย วิญญาณนับหมื่นร่ำไห้
ปู้ฟางคว้ากระทะกลุ่มดาวเต่าดำมาไว้ในมือ พลางผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย
ราวกับอากาศหยุดนิ่งอยู่กับที่ ปรมาจารย์อาวุโสที่ยังลอยอยู่กลางอากาศจ้องเขม็งไปที่ปู้ฟาง เขาส่งพลังกดดันน่าหวาดกลัวทับโถมลงมาบนตัวชายหนุ่ม
ส่วนชายชราร่างท้วมที่อยู่ไกลออกไปก็เม้มปากแน่น
ไม่มีใครเคยล่วงรู้ปูมหลังที่แท้จริงของปู้ฟาง เขามีอสูรเวทขั้นเซียนเทพปกป้องอยู่ ทั้งยังมีอุปกรณ์กึ่งเทพ คนเช่นนี้จะเป็นเพียงเจ้าของร้านอาหารแสนธรรมดาในเมืองเล็กๆ ไร้ความสำคัญได้อย่างไร ชายหนุ่มต้องมีกลุ่มอำนาจใหญ่ที่ทรงอิทธิพลหนุนหลังอยู่แน่นอน
ชายชราร่างท้วมที่เป็นผู้ฝึกตนจากสำนักเจดีย์นภากระจ่างแห่งดินแดนแสนภูผาก็ถือเป็นกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งในดินแดนทางใต้ แต่เขากลับไม่เคยได้ยินชื่อปู้ฟางมาก่อน ครั้งแรกที่ชายชราได้ยินชื่อแซ่ของปู้ฟางคือตอนที่ศิษย์ของเขาเอ่ยชมอาหารฝีมือชายหนุ่มไม่ขาดปาก
ช่างเป็นคนที่ลึกลับเสียจริง… แปลกประหลาดอะไรเช่นนี้
“ฮึ… ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครหรือมีผู้ใดอยู่เบื้องหลัง หากยังเสนอหน้ามาขวางทางการฟื้นคืนของลัทธิอสุรา อย่างไรก็ต้องตาย!”
ปรมาจารย์อาวุโสเงียบไปสักพัก ดวงตาหม่นแสงลง แต่สุดท้ายก็เอ่ยปากส่งเสียงข่มขู่ออกมา
เขาไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังปู้ฟาง แต่ก็คิดว่านั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร วงแหวนปราณผสานวิญญาณสำคัญยิ่งต่อการฟื้นคืนของลัทธิอสุรา ถึงอย่างไรก็ปล่อยให้ตกอยู่ในมือใครหน้าไหนไม่รู้ไม่ได้โดยเด็ดขาด
วืด…
เสียงปลุกพลังดังขึ้น ทันใดนั้นพลังปราณก็ระเบิดออกจากร่างปรมาจารย์อาวุโสแห่งลัทธิอสุรา ราวกับเป็นนักโทษที่ถูกปลดออกจากโซ่พันธนาการ ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีโลหิตในบัดดล
จากนั้นร่างทั้งร่างก็เปลี่ยนเป็นตัวเขาในวัยหนุ่ม
ร่างกายที่หนักแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำกระโจนขึ้นไปในอากาศเหมือนขดลวด พุ่งตรงเข้าหาปู้ฟางด้วยความเร็วราวกระสุนปืนใหญ่
ดวงตาสีม่วงของเจ้าขาวกะพริบวาบก่อนที่มันจะมากันร่างของปู้ฟางเอาไว้ มันยกมีดเล่มใหญ่ขึ้น จากนั้นมีดที่ทำมาจากพลังปราณก็ตกลงมาราวกับเป็นห่าฝน
“ไปให้พ้น!”
ดวงตาของปรมาจารย์อาวุโสเต็มไปด้วยความกระหายเลือด มันทั้งบ้าระห่ำและโหดเหี้ยมเป็นที่สุด เขาปล่อยหมัดใส่เจ้าขาว หมัดนั้นมาพร้อมพลังปราณสีดำที่กระจายไปทั่วบริเวณ ทำลายมีดพลังปราณเสียราบคาบ
โครม
เจ้าขาวถูกต่อยตัวเซถลาไปด้านหลัง ร่างของมันหมุนคว้างหลายรอบกลางอากาศก่อนจะตกลงบนพื้น แม้ปรมาจารย์อาวุโสจะทำลายเจ้าขาวจนสิ้นซากไม่ได้ แต่เจ้าขาวเองก็เอาชนะปรมาจารย์อาวุโสไม่ได้เช่นกัน
ชายชราร่างท้วมที่ยืนอยู่ไกลๆ ลังเลว่าควรจะยื่นมือเข้าไปช่วยดีหรือไม่ แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าตนเองจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้จริง
ไอ้ปีศาจร้ายจากลัทธิอสุราคนนี้แข็งแกร่งทั้งยังพรั่งพร้อมด้วยเคล็ดเวทแสนประหลาดมากมาย… ตัวเขาไม่แน่ใจเลยว่าตนเองจะพลิกกลับมาเป็นต่อได้อย่างไร
ในขณะที่ชายชราร่างท้วมกำลังคิดอีกรอบว่าจะช่วยดีหรือไม่ ดวงตาของเขาก็หยุดเคลื่อนไหวเมื่อเห็นว่าปู้ฟางกำลังจะโจมตีอีกครั้ง
ปู้ฟางสูดลมหายใจเข้าลึก… กำกระทะกลุ่มดาวเต่าดำเอาไว้ในมือ จากนั้นก็เหวี่ยงใส่คู่ต่อสู้อีกหน
“ในเมื่อกระทะเหล็กใช้ไม่ได้ผลกับไอ้ปีศาจนี่ แล้วจะเขวี้ยงมันออกไปอีกรอบเพื่ออะไรกัน”
ดวงตาของชายชราร่างท้วมเบิกกว้าง
ปรมาจารย์อาวุโสยิ้มเยาะเย็นเยือก เขาพลิกฝ่ามือเรียกพลังปราณออกมาหุ้มมือของตนเอาไว้
ปู้ฟางตะโกนออกมาเล็กน้อยตามแรงที่ส่งไป ชายหนุ่มบิดตัวพลางเหวี่ยงกระทะสีทองออกไปอีกครั้ง
“ฮึ! ไร้สมองสิ้นดี! เจ้าหมดน้ำยาแล้วหรือ!”
เมื่อเห็นปู้ฟางกลับมาใช้การโจมตีเดิม ปรมาจารย์อาวุโสก็อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มดูแคลน
เขามองกระทะสีทองที่กำลังพุ่งเข้ามาใส่ จากนั้นก็ส่งหมัดที่มีพลังปราณหมุนวนอยู่ออกไป หมัดของเขากระแทกใส่กระทะอย่างแรง กระทะกลุ่มดาวเต่าดำทำให้ปรมาจารย์อาวุโสเหงื่อตกเล็กน้อย ใบหน้าของเขามืดลงเมื่อพลังปราณที่หุ้มฝ่ามือระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
ทันทีที่หมัดของเขาซัดลงมา กระทะกลุ่มดาวเต่าดำก็ถูกกระแทกจนปลิวกลับไปทิศเดิม
“อ้าว… เจ้าไม่ได้อยากได้ยันต์สุดที่รักของเจ้าหรอกหรือ”
ตอนที่กระทะกำลังปลิวกลับไปด้านล่าง เสียงราบเรียบก็ดังมาเข้าหูปรมาจารย์อาวุโส
ม่านตาของชายชราในคราบชายหนุ่มหดแคบลงทันที ขนของเขาลุกชันไปทั้งตัว เขาเพิ่งเห็นว่าเบื้องล่างกระทะกลุ่มดาวเต่าดำมีวงแหวนปราณผสานวิญญาณที่สร้างจากยันต์หยกทั้งห้าอยู่ มันกำลังพุ่งมาด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ
และที่เจ็บปวดที่สุดคือมันกำลังจะเข้าปะทะกับกระทะกลุ่มดาวเต่าดำที่เขาเพิ่งซัดกลับไป
“ไอ้ฉิบหาย! ไม่ได้นะ!!”
ปรมาจารย์อาวุโสเสียวสันหลังวาบ เขาตะโกนออกมาก่อนจะรีบพุ่งเข้าใส่วงแหวนปราณด้วยความเร็วราวสายฟ้า จะปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับวงแหวนปราณผสานวิญญาณไม่ได้เป็นอันขาด!
ร่างของเจ้าขาวกระโจนออกจากกองอิฐบนพื้น ดวงตาของมันเป็นสีม่วงเย็นเยียบ คมมีดไร้ปรานีฟาดใส่ปรมาจารย์อาวุโสทันที
ปรมาจารย์อาวุโสที่กำลังพุ่งเข้าหาเป้าหมายถูกสกัดกลางอากาศ
เจ้าขาวเป็นหุ่นเชิดที่มีพลังการต่อสู้ระดับเก้า แม้ปรมาจารย์อาวุโสจะสยบมันได้ แต่ก็ยังต้องใช้พลังในการหลบการโจมตีของมันอยู่ดี
กล้ามเนื้อบนร่างของเขาปูดโปนขึ้นขณะก้าวถอยหลังเพื่อหลบการโจมตี
จิตใจของเขาสิ้นหวังถึงขีดสุดเมื่อต้องก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เนื่องจากเขาเห็นวงแหวนปราณผสานวิญญาณพุ่งเข้าชนกระทะกลุ่มดาวเต่าดำที่แข็งแกร่งเหมือนขุนเขาเข้าเต็มตา
ปู้ฟางเบิกตากว้าง รู้สึกตื่นเต้นเต็มอก
เปรี๊ยะ…
เสียงสิ่งของแตกดังฟังชัดออกมาขณะที่วงแหวนปราณตกลงกระแทกพื้น
ง่ายๆ ตรงไปตรงมาเช่นนั้นเอง
วงแหวนปราณที่แสนเปราะบางไม่มีทางทานทนพละกำลังของสิ่งที่หนักยิ่งอย่างกระทะกลุ่มดาวเต่าดำได้ แค่ชนใส่เพียงครั้งเดียว วงแหวนปราณก็ปริแตกเป็นเสี่ยงๆ
ลวดลายแปลกประหลาดหนาแน่นบนผิวยันต์เองก็แตกออกมาเช่นกัน
วืด…
ลมหมุนพัดกรรโชกบนท้องฟ้า
จากนั้นเสียงกรีดร้องโหยหวนชวนขนหัวลุกก็ดังก้องออกมา
“นั่นมันวงแหวนปราณผสานวิญญาณนะ! วงแหวนปราณที่กักเก็บแก่นวิญญาณนับหมื่นนับแสนเอาไว้ภายใน! หากมันแตก… กองทัพวิญญาณมหาศาลจะถูกปล่อยออกมาทำลายทุกอย่างในรัศมีสิบลี้จนกลายเป็นสุสานคนตาย!”
ใบหน้าของปรมาจารย์อาวุโสเต็มไปด้วยความตกใจระคนโกรธแค้น เขาไม่สนแม้แต่น้อยหากรัศมีสิบลี้นี้จะกลายเป็นสุสานคนตาย แต่เขาคงเสียใจมากหากต้องเสียวิญญาณที่เพียรสะสมมาอย่างยากลำบากไป
การสูญเสียแก่นวิญญาณจำนวนมหาศาลไปเช่นนี้… ถือเป็นปัญหาใหญ่ของลัทธิอสุราเลยทีเดียว!
เสียงโหยหวนของวิญญาณกรีดแทงไปทั่วนครหลวง
เมฆดำเริ่มก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าเบื้องบน ปกคลุมเมืองทั้งเมืองเอาไว้ให้ตกอยู่ภายใต้ความมืดมิด
เงาแล้วเงาเล่าของภูตผีวิญญาณพุ่งออกมาจากวงแหวนปราณ พลางส่งเสียงร้องทุกข์ระทมจนดังก้องไปทั่วขณะแหวกว่ายไปในท้องฟ้า
ปู้ฟางหน้าซีดไปเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดว่าการทำลายวงแหวนปราณจะนำมาซึ่งภาพชวนสยองเช่นนี้
ชายชราร่างท้วมที่อยู่ไกลออกไปก็มีสีหน้าแข็งทื่อเช่นกัน
เขารู้อยู่แล้วว่าลัทธิอสุรานั้นตั้งใจก่อสงครามเพื่อเก็บวิญญาณคนตายเอาไว้เพื่อเตรียมการฟื้นฟูลัทธิ แต่เขาไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าวงแหวนปราณอันเล็กเท่านี้จะเต็มไปด้วยวิญญาณมากมายมหาศาล
ลัทธิอสุรา… ช่างเลวทรามน่ารังเกียจเสียจริง!
เขาพลันนึกถึงเหตุการณ์ที่ลัทธิอสุราฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ประชากรในดินแดนทางใต้ขึ้นมา
ปรมาจารย์อาวุโสผมแดงกรีดร้องเสียงหลง จากนั้นก็รีบหยิบลูกโลกวิญญาณล่วงลับออกมาจากกระเป๋า
“อุปกรณ์กึ่งเทพ… ลูกโลกวิญญาณล่วงลับ!”
ดวงตาของชายชราร่างท้วมเป็นประกายขึ้นขณะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ปรมาจารย์อาวุโสใช้จิตปลุกพลังของลูกโลกวิญญาณล่วงลับขึ้นมา ลูกโลกเริ่มส่องแสงสีเทาอ่อนๆ ออกมาทันที
วงแหวนปราณถูกทำลายไปแล้วก็จริง แต่เขาก็น่าจะพอเก็บวิญญาณที่หนีออกไปกลับคืนมาได้
ปรมาจารย์อาวุโสกัดฟันปลุกพลังของลูกโลกวิญญาณล่วงลับขึ้นมา เสียงร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ขณะที่วิญญาณมากมายไหลกลับเข้าสู่ลูกโลกวิญญาณล่วงลับ
ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงเห่าอย่างเกียจคร้านก็สะท้อนก้องไปทั่วฟากฟ้า เสียงเห่านั้นไม่ได้ดังเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้ฝูงวิญญาณที่กำลังไหลไปหาลูกโลกหยุดชะงักอยู่กลางทาง ร่างที่เข้าไปในลูกโลกแล้วครึ่งหนึ่งก็หยุดลงเช่นกัน
ใบหน้าของปรมาจารย์อาวุโสเต็มไปด้วยความงุนงง
หัวใจของเขากระตุกขณะหันกลับไปมองที่ร้านเล็กๆ แห่งนั้น แล้วเขาก็เห็นสุนัขสีดำตัวอ้วนที่ก่อนหน้านี้เอาแต่หลับกำลังยืนสี่ขาอยู่บนพื้น
ไขมันบนตัวเจ้าสุนัขสั่นกระเพื่อมขณะก้าวเดินมาข้างหน้าด้วยท่วงท่าสง่างาม
อุ้งเท้าของมันทั้งปราดเปรียวและแผ่วเบา ไม่ได้มีเสียงเลยแม้แต่น้อยขณะกระทบพื้น
“ไอ้หมานี่ต้องการอะไร!”
ปรมาจารย์อาวุโสเบิกตากว้าง ในใจเต็มไปด้วยความตกใจ หรือว่าไอ้สุนัขนี่จะมีความสามารถพิเศษอะไรบางอย่าง
ปู้ฟางเองก็งงไม่แพ้กัน เจ้าดำกำลังจะออกโรงหรือ
เจ้าดำเดินไปที่กลางตรอก ก่อนจะเอียงคอมองวิญญาณภูตผีมากมายบนท้องฟ้า จากนั้นมันก็อ้าปากกว้าง
มันเงยหน้าขึ้นแล้วเห่าออกมา
เสียงเห่านั้นดังไปไกลหลายพันลี้และไม่มีทีท่าว่าจะเงียบลงง่ายๆ
แสงของลูกโลกวิญญาณล่วงลับริบหรี่ลง จากนั้นพลังที่ใช้ดูดวิญญาณของมันก็หมดลงทันที
บรรดาวิญญาณที่ลอยอยู่บนฟ้ารวมตัวกันเป็นรูปกรวยแล้วไหลเข้าปากเจ้าดำด้วยความเร็วสูงจนน่าตกใจ
ลมพัดหวีดหวิดรุนแรง หมู่เมฆเปลี่ยนสี
หลังจากสูดลมหายใจเข้าไปสองสามครั้ง วิญญาณที่กัดฟันกรอดโบกหมัดไปมาด้วยความโกรธแค้นก็ไหลลงคอเจ้าดำไปจนหมด
หมู่เมฆมืดมิดสลายหายไป ทุกสิ่งกลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง
เสียงเห่าเองก็หยุดลงเช่นกัน สิ่งที่ตามมาคือ… เสียงเรอด้วยความพออกพอใจเหมือนคนเพิ่งกินอิ่ม
“เหมือนอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด รสชาติของภูตผีวิญญาณพวกนี้สู้ซี่โครงมังกรเปรี้ยวหวานแสนอร่อยไม่ได้แม้แต่น้อย”
เสียงบุรุษนุ่มลึกอ่อนโยนดังขึ้นในอากาศ
เจ้าดำแลบลิ้นเลียปาก มันพูดออกมาพร้อมจ้องเขม็งไปยังปรมาจารย์อาวุโสที่กำลังตกใจจนทำอะไรไม่ถูก