ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 329 ขั้นเซียนเทพผู้ที่ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลเพราะอาหารรสเผ็ด
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 329 ขั้นเซียนเทพผู้ที่ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลเพราะอาหารรสเผ็ด
ซอสพริกอเวจีทำมาจากพริกชี้ฟ้าสีแดงจากอเวจีที่คัดมาอย่างประณีตว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง พริกชี้ฟ้าเหล่านี้ถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังงานสารัตถะของปีศาจนรก ทำให้ความเผ็ดของมันเรียกได้ว่ากินแล้วเตรียมบอกลาครอบครัวได้เลย
แดนอเวจีนั้นทั้งมืดมิด เปียกชื้น และหนาวเหน็บ ด้วยเหตุนี้บรรดาปีศาจนรกจึงชื่นชอบซอสพริกอเวจีเป็นอันมาก พวกมันจะกลืนซอสพริกอเวจีเข้าไปเต็มคำ จากนั้นก็จะรู้สึกเหมือนภายในกายกลายเป็นเตาหลอมเปลวเพลิงที่ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ซอสพริกอเวจีจึงเป็นหนึ่งในอาหารชั้นเลิศสำหรับปีศาจนรก
แต่แน่นอนว่าปีศาจนรกเองก็ต้องทนกับความเผ็ดที่เหมือนถูกส่งลงนรกอีกรอบจากซอสพริกอเวจีด้วยเช่นกัน
ดวงตาของเซียวเสี่ยวหลงเบิกกว้าง ขณะมองฉากที่ปู้ฟางกำลังยิ้มมุมปากแล้วตักซอสพริกอเวจีช้อนใหญ่เทลงบนเต้าหู้ผัดพริกอย่างสบายอารมณ์
แบบนี้… จะรอดจริงๆ น่ะหรือ
เขายังจำตอนที่ปู้ฟางใช้ซอสพริกนี้เพียงหนึ่งหยดได้เป็นอย่างดี แม้เวลาจะผ่านไปนานมากแล้วตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้น แต่เขาก็จำได้แม่นว่าซอสพริกหยดนั้นเกือบทำให้คนที่กินเข้าไปแทบตายได้เลยทีเดียว
แต่คราวนี้คนตรงหน้ากลับตักขึ้นมาพูนช้อน…
เถ้าแก่ปู้ นี่ท่านตั้งใจจะฆ่าลูกค้าให้ตายคามือรึ
เซียวเสี่ยวหลงรู้สึกสงสารคนที่สั่งอาหารจานนี้ขึ้นมาจับใจ เหตุใดคนผู้นั้นจึงต้องทำตัวปากหาเรื่องไม่เข้าท่าเช่นนี้ด้วย เขาประกาศออกมาว่าตนเองต้องการอาหารรสจัดมาก และตอนนี้ก็กำลังจะได้กินสมใจอยากแล้ว
หากอาหารจานนี้ยังรสจัดไม่พอ เซียวเสี่ยวหลงยอมโดนซ้อมน่วมที่ท้ายตรอกเลยคอยดู
ปู้ฟางหยิบชามกระเบื้องออกมาแล้วเทเต้าหู้ผัดพริกลงไป สีแดงของอาหารจานนี้ดูสวยเป็นอันมาก ส่วนสายฟ้าที่ไหลไปมาในจานก็ดูเหมือนจิตวิญญาณที่แหวกว่ายไปมาอย่างงดงาม ดูสวยเกินจะหาสิ่งใดเปรียบได้
“ใช้ได้ๆ”
ปู้ฟางดูพอใจกับอาหารที่ออกมาพอตัว เขาเอาจมูกเข้าไปใกล้เต้าหู้ผัดพริกสายฟ้าแล้วสูดกลิ่นเบาๆ จากนั้นก็มุ่นคิ้วทันที รู้สึกได้ว่าเจ็บจมูกเล็กน้อย
ชายหนุ่มเดินถือเต้าหู้ผัดพริกจานพิเศษออกจากครัวไป
เมื่อเซียวเสี่ยวหลงเห็นปู้ฟางกำลังเดินออกจากห้องครัว เขาก็ครุ่นคิดนิดหนึ่ง ก่อนตัดสินใจเดินตามออกไปด้วย ชายหนุ่มสนใจเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นอันมาก คงน่าเสียดายแย่หากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง
จินคุนหรี่ตาลงเมื่อเห็นร่างโปร่งกำลังเดินออกจากครัวมาอย่างสบายอารมณ์ ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะถือชามอาหารเอาไว้ในมือด้วย อาหารจานดังกล่าวมีไอร้อนหนาอยู่ด้านบน
มาแล้ว!
จินคุนยืดตัวขึ้นพลางเพ่งสติทันที
เจ้าภูมิใจกับอาหารฝีมือตนเองมากใช่หรือไม่ ข้าจะทำให้เจ้าสงสัยในการมีชีวิตอยู่ของตนเองไปตลอดชีวิต ด้วยการด่าอาหารของเจ้าชนิดสาดเสียเทเสียมันเสียเลย
ชามกระเบื้องที่มีไอหนาแน่นถูกวางลงตรงหน้าจินคุน
กลิ่นของอาหารจานนี้เข้มข้นมาก กลิ่นของมันฟุ้งกระจายไปทั่วร้านพร้อมไอน้ำ แม้แต่ไป๋จ่านเองยังต้องหยุดปากแล้วหันมามองอาหารจานตรงหน้าจินคุน
ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายขึ้นทันที
จ่านคงเองก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่รู้ตัวเอง พลางมองไปยังอาหารที่ปู้ฟางทำให้จินคุนด้วยเช่นกัน
ผู้ฝึกตนจากดินแดนป่ารกชัฏนั้นชอบอาหารรสเผ็ดเสียยิ่งกว่าอะไร อุปนิสัยของพวกเขาทั้งบ้าระห่ำและป่าเถื่อน ไม่ต่างอะไรจากรสนิยมของพวกเขา
จ่านคงเคยกินอาหารร้านปู้ฟางมาหลายจาน และรู้ดีว่าร้านนี้ไม่ถนัดการทำอาหารรสจัดมาก เขาจึงสงสัยไม่น้อยว่าอาหารที่ปู้ฟางนำออกมาในครั้งนี้จะทำให้จินคุนพอใจได้หรือไม่
จินคุนเบิกตากว้างเมื่อมองไปที่จานอาหารตรงหน้าตน
สีแดงของอาหารจานนี้สวยงามเป็นอันมาก ส่วนสายฟ้าที่วิ่งอยู่ภายในเต้าหู้ผัดพริกก็ทำให้จินคุนรู้สึกได้ว่ารูขุมขนทั่วร่างของตนเองเปิดออกเล็กน้อย
เขาสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเอากลิ่นอาหารเข้าปอด จากนั้นดวงตาก็ต้องเบิกกว้างอีกครั้ง
เป็นอาหารรสเผ็ดจริงๆ เสียด้วย ดมจากกลิ่นก็รู้ว่าต้องเผ็ดมากแน่ๆ
“อาหารจานนี้ชื่อเต้าหู้ผัดพริกสายฟ้า เป็นเต้าหู้ผัดพริกที่ทำด้วยกรรมวิธีพิเศษ รสชาติทั้งเผ็ดและจัดจ้านเป็นอันมาก” ปู้ฟางเอ่ยแนะนำอาหารให้ลูกค้าฟัง
หลังจากที่กล่าวแนะนำเสร็จ ปู้ฟางก็มองหน้าจินคุนด้วยท่าทางสงบนิ่ง เหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายลองชิมดู
ผู้อาวุโสซุนที่นั่งอยู่ข้างจินคุนกลืนน้ำลายเสียงดังเอื๊อกทันที
“เฮ้ยๆ … เจ้าไม่ใช่คนที่จะตัดสินว่าอาหารจานนี้รสจัดหรือไม่ นั่นมันหน้าที่ข้า”
จินคุนยิ้มเยาะ จากนั้นก็หยิบช้อนกระเบื้องที่วางอยู่ข้างชามขึ้นมา เขาสูดหายใจเอากลิ่นเต้าหู้เข้าปอดอีกครั้ง แล้วตักเต้าหู้ขึ้นมาเต็มช้อน
ทันทีที่ยกช้อนขึ้น ช้อนนั้นก็ทิ้งสายน้ำซอสสีแดงยืดไว้เป็นทาง พร้อมด้วยสายฟ้าที่เต้นเร่าๆ อยู่ภายใน
ภาพนั้นทำให้สีหน้าของปู้ฟางทวีความตื่นเต้นขึ้นอีก เขาลากเก้าอี้เข้าไปใกล้จินคุนพลางนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็จ้องอีกฝ่ายเขม็ง
จินคุนค่อยๆ ยกช้อนที่มีเต้าหู้อยู่ภายในขึ้นมา เต้าหู้นั้นเป็นสีแดงเสียจนเหมือนเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นเขาก็ยัดมันเข้าปาก สายฟ้าที่ดูเหมือนจะทำให้ปากของเขาชาได้เพียงจุดเดียว กลับทำให้ทั้งร่างสั่นสะท้านไปหมด
พอกลืนลงท้อง ตอนแรกจินคุนสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของเต้าหู้ เต้าหู้นั้นนุ่มนิ่มจนละลายในปากเพียงแค่กัดลงไปเบาๆ ไม่นานปากของเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมเข้มของเต้าหู้ จากนั้นก็ตามมาด้วยความชาจากสายฟ้าในจานอาหาร ทำให้ร่างทั้งร่างรู้สึกเหมือนตกลงไปในบ่อสายฟ้าอย่างไรอย่างนั้น หลังความชาก็ตามมาด้วยความรู้สึกร้อนเหมือนโดนอะไรลวกทันที
ด้วยความที่จินคุนเป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพ ความรู้สึกร้อนเหมือนโดนเผาจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขา แต่ความรู้สึกร้อนที่จินคุนสัมผัสได้ในตอนนี้กลับไม่ใช่ความรู้สึกร้อนจริงๆ แต่เป็นความรู้สึกร้อนที่ปู้ฟางใช้พลังปราณเที่ยงแท้ของตนใส่เข้าไปในอาหารเพื่อสร้างมันขึ้นมา นั่นเพราะจินคุนเป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความร้อน ต่อให้ถูกเปลวไฟเผาไหม้ก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ตอนที่จินคุนรู้สึกถึงความร้อนที่เหมือนโดนอะไรลวก เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณเที่ยงแท้เข้มข้นที่พัวพันอยู่ในปากของตนเองด้วยเช่นกัน
จากนั้นความรู้สึกต่อมาก็พุ่งเข้ายึดครองต่อมรับรสของเขาทันที
ผู้อาวุโสซุนที่กำลังจ้องจินคุนเขม็งดูตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นชายตรงหน้าดื่มด่ำกับรสชาติอาหาร เนื่องจากรับรู้เป็นอย่างดีว่าผู้นำแห่งวิหารเทพเจ้าลงทัณฑ์ผู้นี้มีต่อมรับรสที่ตายด้านเพียงใด
ไป๋จ่านเองก็จ้องจินคุนไม่วางตาเช่นกัน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังดื่มด่ำกับอาหารจานตรงหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากชิมอาหารของจินคุนสักคำ
ขณะที่จินคุนกำลังเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยนั้น ใบหน้าของเขาก็พลันแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโพลงจ้องมาที่ปู้ฟางทันที ความเผ็ดจนแทบทานทนไม่ไหวพุ่งเข้าจู่โจมต่อมรับรสของเขา ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังกินหินหลอมละลายร้อนๆ จากใต้โลก ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างฉับพลัน
แต่สีผิวตามธรรมชาติของจินคุนเดิมทีก็เป็นสีทองแดงอยู่แล้ว ทำให้ผิวของเขาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงดูไม่ชัดเจนนัก จึงไม่มีใครทันสังเกตเห็น
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา เหงื่อเม็ดเป้งก็ผุดขึ้นบนศีรษะของเขา
จินคุนกลืนเต้าหู้ผัดพริกคำโตลงท้อง รู้สึกเหมือนไฟนรกกำลังจุดติดอยู่ในลำคอทันทีที่อาหารเดินทางเข้าสู่กระเพาะ
“อ้า อ้า…”
จินคุนไม่อาจเก็บเสียงไว้ได้อีกต่อไป โพรงจมูกของเขาบีบรัดเข้าหากันพลางพ่นควันสีขาวออกมา
“ท่านขอรับ รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง ตกลงอาหารจานนี้เผ็ดหรือไม่เผ็ด”
ผู้อาวุโสซุนที่เห็นท่าทางประหลาดของจินคุนรู้สึกอยากรู้จนต้องเอ่ยถามออกมา
ในตอนนั้นจินคุนรู้สึกเหมือนสมองของตนแข็งทื่อหยุดทำงานไปเรียบร้อย เขาหันไปจ้องผู้อาวุโสซุนเขม็ง ทำปากยื่น ศีรษะโล้นส่องสว่างยิ่งกว่าเดิม
“หากเจ้าอยากกระจ่างใจก็กินเข้าไปอีกสองสามคำสิ เจ้ากินแค่คำเดียวไม่รู้ซึ้งถึงรสชาติอาหารหรอกนะ ยิ่งกินมากเท่าไร รสชาติก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้นเท่านั้น เชื่อข้าสิ… หากยังไม่รู้สึกเผ็ดหลังกินเข้าไปอีกสองสามคำ ก็มาซ้อมข้าให้น่วมได้เลยตามสบาย” ปู้ฟางตอบเสียงจริงใจ
ฟู่ววว
จินคุนหันมองปู้ฟางพร้อมพ่นควันออกจากจมูกต่อ
“รส… รสชาตินี่ยังเผ็ดไม่พอ… เช่นนั้น… ข้าจะกินอีก”
จินคุนตบโต๊ะ เหงื่อหยดออกจากกายเหมือนสายฝน เขาตักเต้าหู้ผัดพริกขึ้นมาอีกช้อน สายฟ้าที่ไหลอยู่ภายในช้อนทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน
จินคุนยัดอาหารเข้าปาก รสชาติเผ็ดทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า เหมือนหินหลอมละลายปริมาณมหาศาลที่ทะลักออกจากปากปล่องภูเขาไฟ กระแทกกระทั้นเดือดปุดใส่กันไปมา
“อ้า…”
จินคุนกะพริบตาไม่หยุด ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบูดเบี้ยวเหยเก “ทั้งร้อนทั้งเผ็ด มีรสชาติเช่นนี้อยู่ในโลกด้วยหรือนี่”
แม้แต่พริกระเบิดจากดินแดนป่ารกชัฏยังสู้อาหารจานนี้ไม่ได้ ความจริงแล้วเรียกได้ว่าทิ้งห่างกันหลายขุมนรกเลยจะดีกว่า
“เป็นอย่างไร ยังไม่เผ็ดหรือขอรับ”
ผู้อาวุโสซุนเอ่ยถามจินคุน หากอาหารจานนี้ยังรสชาติเผ็ดไม่พอ ก็แปลว่าพวกเขาสามารถปรามาสไอ้ปู้ฟางที่วางท่าจองหองพองขนได้เต็มที่
แต่จินคุนกลับไม่ตอบ
ไป๋จ่านเลียริมฝีปากพลางยิ้มกริ่มออกมา…
ดูก็รู้ว่าอาหารจานนี้เผ็ดมาก ใบหน้าของจินคุนนั้นเรียกได้ว่าซีดเหมือนจะตายกลายเป็นสีเทาไปนานแล้ว
“เป็นอะไร หากไม่เผ็ดก็กินเข้าไปอีกคำใหญ่ๆ สิ”
ปู้ฟางยังคงพูดสนับสนุนไม่หยุดปาก
จินคุนไม่สนใจชายหนุ่ม เอาแต่ส่ายหน้าไม่หยุด… นี่มันอาหารบ้าอะไรกัน
ผู้อาวุโสซุนมองหน้าปู้ฟาง จากนั้นก็มองซอสพริกอเวจีในชามกระเบื้อง เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วตักเต้าหู้หนึ่งช้อนเข้าปากทันที
ปู้ฟางมองผู้อาวุโสซุนด้วยสายตาตื่นตกใจ ดวงตามีแววสงสารขึ้นมาจับจิต ปริมาณของซอสพริกที่เขาใส่เข้าไปเหมาะสำหรับขั้นเซียนเทพเท่านั้น
ทันทีที่ผู้อาวุโสซุนกลืนเต้าหู้ผัดพริกเข้าปาก สีหน้าเอร็ดอร่อยอย่างที่ปรากฏบนใบหน้าของจินคุนกลับไม่ได้ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเขาแต่อย่างใด ผู้อาวุโสซุนตัวแข็งทื่อไปเรียบร้อย ช้อนกระเบื้องตกลงบนโต๊ะเสียงดังเคร้ง
เขารู้สึกเหมือนถูกจับแก้ผ้าโยนลงไปในทะเลหินหลอมละลาย ความเผ็ดแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของร่าง มันรุนแรงเสียจนโลกพลันบิดเบี้ยวไปหมด หากจะบอกว่าทวารทั้งเจ็ดของผู้อาวุโสซุนปล่อยควันร้อนออกมาไม่ขาดสายก็คงไม่ได้กล่าวเกินจริงไปนัก ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวเหมือนโดนเหยียบเท้า
สีหน้าของผู้อาวุโสซุนเปลี่ยนจากแดงไปเป็นแดงเข้ม จนกลายเป็นม่วงในที่สุด
“แค่ก แค่ก...”
พอกลืนเต้าหู้ผัดพริกลงท้องไป เขาก็นอนเอาหน้าแปะอยู่บนโต๊ะพร้อมไอออกมาอย่างรุนแรง มือยกกุมลำคอของตนเอง คอของเขาตอนนี้รู้สึกเหมือนจะพ่นไฟได้อย่างไรอย่างนั้น
“น้ำ…”
เสียงแหบเล็ดลอดออกมาจากเสียงไอโขลกๆ ไม่หยุด
ผู้อาวุโสซุนรู้สึกอยากตบตัวเองให้ตายคามือ เหตุใดเขาจึงจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่องไปได้ เขาเริ่มคิดแล้วว่าหรือตนเองจะต้องมาตายเพราะรสชาติเผ็ดเหลือร้ายนี้กันแน่
หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ชาวบ้านคงไม่ได้เพียงลือกันว่ามีขั้นเทพแห่งสงครามตายอย่างน่าอนาถที่สุดในประวัติศาสตร์ของผู้ฝึกตนขั้นเทพแห่งสงคราม แต่คงเล่าต่อด้วยว่าความตายแสนอนาถนั้นเกิดจากการกินอาหารเผ็ดเกินไปชนิดไม่ประมาณตน
ศีรษะโล้นของจินคุนส่องแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ จมูกของเขากระตุก พลางสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาเริ่มรื้นชื้นแฉะ น้ำตาไหลอาบสองข้างแก้ม ความร้อนแผ่ออกจากแก้มของเขาจนทำให้น้ำตาที่ไหลออกมาระเหยหายไปในไม่กี่อึดใจ
ไป๋จ่านและจ่านคงมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงงทำอะไรไม่ถูก
ผู้ฝึกตนจากวิหารเทพเจ้าลงทัณฑ์ผู้แสนสุขุม ที่ไม่เคยเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียวเมื่อถูกคมกระบี่ฟาดฟัน กลับกำลังร้องไห้จ้าบ่อน้ำตาแตก
อาหารในชามกระเบื้องนั้นคืออะไรกันแน่
อาหารที่ทำให้แม้แต่ขั้นเซียนเทพยังต้องร้องไห้ หรือว่านี่จะเป็นสิ่งที่มีเพียงปู้ฟางเพียงเท่านั้นที่ทำได้
ใบหน้าของจินคุนดูเสียใจเป็นอันมาก เขาปากพล่อยจนเอาตนเองเข้ามาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร อาหารนี้เผ็ดหรือไม่น่ะหรือ เผ็ดเพียงพอหรือไม่น่ะหรือ
เรียกได้ว่าเผ็ดเสียจนเขารู้สึกเหมือนโลกกลับตาลปัตรไปหมดเลยจะดีกว่า แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่แน่ใจแล้วเลยว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหรือกำลังเห็นภาพหลอนกันแน่
จินคุนเปิดปากออกพลางโบกมือเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ลำคอของเขาถูกเผาไหม้จากภายในราวกับมีเปลวเพลิงอยู่ในนั้น ทำให้พูดอะไรออกมาไม่ได้สักคำเดียว
อีกทั้งน้ำตาก็ยังไหลพรากไม่หยุด
เขาอยากดื่มน้ำเหลือเกิน เขาอยากดื่มน้ำให้มันหมดทะเลสาบ น้ำตาบ้านี่เรียกได้ว่าแทบไม่ได้ทำให้ปากบวมๆ ของเขาชุ่มชื้นขึ้นแม้แต่น้อย
ปู้ฟางมองภาพตรงหน้าพร้อมกระตุกมุมปาก เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี หากลูกค้าอยากพูดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ สิ… อย่าเอาแต่ร้องไห้ไม่พูดไม่จาเช่นนี้