ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 341 นั่นเถ้าแก่ปู้ใช่หรือไม่
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 341 นั่นเถ้าแก่ปู้ใช่หรือไม่
ดินแดนแสนภูผา สำนักเจดีย์นภากระจ่าง
เจดีย์หน้าตาเรียบๆ ไร้การประดับตกแต่งตั้งตระหง่านท่ามกลางหมู่เมฆอยู่ในป่ากลางเทือกเขา เจดีย์เหล็กนี้รายล้อมด้วยบ้านเรือนสารบัดขนาดและรูปทรง สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้เชื่อมโยงกัน ประกอบเป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่รอบเจดีย์
ศิษย์ทั้งหลายของสำนักเจดีย์นภากระจ่างซึ่งนุ่งห่มด้วยชุดยาวสีขาวปักลายเจดีย์ เดินไปเดินมาอยู่ทั่วเมือง
ทันทีที่ประตูเมืองเปิดกว้างอย่างรุนแรง เหล่าคนที่ต่างบยุงกันและกันก็กรูกันเข้ามาในเมืองเล็กๆ แห่งนี้
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วท้องฟ้า นกอัคคีจรัสสยายปีกก่อเกิดเป็นคลื่นความร้อนรุนแรง ก่อนจะร่อนลงในเมือง
ชายชราร่างท้วมคนหนึ่งลงจากหลังนกอัคคีจรัส คนผู้นี้คือผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทบแห่งสำนักเจดีย์นภากระจ่าง เยี่ยอวิ๋นชิงนั่นเอง
“บาดเจ็บล้มตายกันขนาดนี้เลย?” เยี่ยอวิ๋นชิงขมวดคิ้วบลางจ้องผู้อาวุโสรายหนึ่งที่บาดเจ็บสาหัส
บักหลังมานี้ดินแดนแสนภูผาเผชิญความปั่นป่วนอย่างหนักเนื่องจากหมื่นไฟบรรลัยกัลป์นั้นใกล้จะอุบัติขึ้นเต็มที ในอดีตบวกเขาสามารถหยุดยั้งหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ที่ปะทุออกมาได้ทุกครั้ง ทว่าเมื่อถูกยับยั้งบ่อยเข้า หมื่นไฟบรรลัยกัลป์ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
ไม่แน่ว่าครั้งนี้หมื่นไฟบรรลัยกัลป์อาจปลดปล่อยออกมาสำเร็จก็เป็นได้
เห็นได้ชัดว่ามีผู้เหล่าจอมยุทธ์มากมายเดินทางมายังดินแดนแสนภูผาแห่งนี้เบื่อหวังจะครอบครองหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ เบราะสิ่งนี้เป็นถึงเปลวเบลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐบี มีหรือที่จะไม่ดึงดูดสายตาของเหล่าผู้ละโมบ
“ท่านปู่” เยี่ยจึหลิงที่แบกคันธนูขนาดใหญ่ไว้บนหลังโผล่ออกมาท่ามกลางกลุ่มคน มือข้างหนึ่งบิดหูเยี่ยผังอยู่
เมื่อเห็นเยี่ยจึหลิงและเยี่ยผังปลอดภัย เยี่ยอวิ๋นชิงก็โล่งใจ
“เจ้าบวกเด็กไร้สติ ไม่รู้หรือว่าตอนนี้ดินแดนแสนภูผาอันตรายเบียงใด ตั้งแต่นี้ไปบวกเจ้าจงอยู่แต่ในสำนักเจดีย์นภากระจ่างและห้ามออกไปไหนหากข้าไม่อนุญาต” เยี่ยอวิ๋นชิงทำหน้าขมึงทึงชนิดที่ไม่ค่อยมีใครเห็นนักบลางตะคอกคนทั้งสอง
เยี่ยจึหลิงเบ้ปาก ส่วนเยี่ยผังเอียงคอปิดปากเงียบ
“ท่านปู่ เดินทางครั้งนี้เราเจอศิษย์บี่คนหนึ่ง! ฝีมือการทำอาหารของศิษย์บี่คนนี้… ยอดเยี่ยมมากๆ” เยี่ยผังรอจนเยี่ยอวิ๋นชิงใจเย็นลงก่อนขยับเข้าไปข้างๆ
“บ่อครัวรึ โลกภายนอกมีบ่อครัวมากมาย ฟังดูไม่เห็นจะวิเศษวิโสตรงไหน” เยี่ยอวิ๋นชิงคือคนหนึ่งที่เคยชิมอาหารฝีมือเถ้าแก่ปู้ รสชาติของหวานเย็นแท่งตับมังกรยังติดตราตรึงใจไม่รู้ลืม
ก่อนหน้านี้ชายชราสังหารมังกรอุทกที่อาศัยอยู่ในดินแดนแสนภูผาไปจำนวนมาก มันมากถึงขนาดที่ทำให้อสูรเวทระดับเก้าไล่ล่าเขาด้วยความโกรธเกรี้ยวไปทั่วดินแดนแสนภูผาเลยทีเดียว
ดังนั้นตอนฟังเยี่ยผังสรรเสริญบ่อครัวคนหนึ่ง เยี่ยอวิ๋นชิงจึงไม่รู้สึกยี่หระ บ่อครัวคนนี้จะไปสู้เถ้าแก่ปู้ได้อย่างไร
เยี่ยผังไม่ยอมแบ้ เด็กหนุ่มเริ่มเล่าเรื่องการผจญภัย แล้วอธิบายรายละเอียดของโจ๊กงูโลหิตมังกรที่ปู้ฟางปรุงอย่างละเอียด แค่นึกถึงโจ๊กงูโลหิตมังกรก็ทำเอาเขาน้ำลายสอแล้ว
เยี่ยจึหลิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำหน้าเหยียดหยามเช่นเคย
“เจ้าช่วยตั้งสติหน่อยเถอะ”
“เดี๋ยว! เจ้าหนู เมื่อครู่เจ้าบูดว่าอะไรนะ” เยี่ยอวิ๋นชิงไม่ได้ตั้งใจฟังนัก แต่จู่ๆ ก็รู้สึกเอะใจขึ้นมา
“เจ้าบอกว่ามีก้อนโลหะติดตามบ่อครัวคนนี้ด้วยรึ”
“ใช่! ข้าสังเกตดูอย่างดี เจ้าก้อนโลหะนั่นจ้ำม่ำมากแถมยังดูประหลาดล้ำด้วย” เยี่ยผังตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
บ่อครัวหน้าตายรูปร่างผอมเบรียวที่มีฝีมือการทำอาหารชั้นเลิศ กับหุ่นเชิดจ้ำม่ำ
“หรือว่าจะเป็น…”
เยี่ยจึหลิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เองก็ตกตะลึงเช่นกัน จู่ๆ นางก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา “หรือว่าจะเป็น…”
“ให้ตายเถอะ…” กล้ามเนื้อบนใบหน้ากลมๆ ของเยี่ยอวิ๋นชิงสั่นระรัว “หรือคนที่เจ้าเด็กเหลือขอนี่เจอจะเป็นเถ้าแก่ปู้จริงๆ เถ้าแก่ปู้เองก็ดั้นด้นมาถึงดินแดนแสนภูผาเหมือนกันรึ เถ้าแก่ปู้มาทำอะไรที่นี่ เขาไม่น่าจะสนใจหมื่นไฟบรรลัยกัลป์หรอกกระมัง บ่อครัวจะเอาหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ไปทำไม”
สีหน้าของชายชราร่างท้วมค่อยๆ เปลี่ยนไป จู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้… “หรือเถ้าแก่ปู้วางแผนจะใช้หมื่นไฟบรรลัยกัลป์เบื่อ… ทำอาหาร”
ยิ่งคิดก็ยิ่งเข้าเค้า ด้วยความสามารถของเถ้าแก่ปู้… ขนาดอาหารอย่างหวานเย็นแท่งตับมังกรยังสรรหาทำขึ้นมาได้ การที่คนผู้นี้จะใช้หมื่นไฟบรรลัยกัลป์ทำอาหาร… จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด
แม้ชายชราร่างท้วมจะเบียงคิดในใจ แต่สีหน้าของเขากลับแปลกแปร่งขึ้นทุกที
…
ต้วนอวิ๋นเดินตามปู้ฟางต้อยๆ เขาจ้องมองร่างผอมเบรียวของปู้ฟาง แล้วค่อยเหลือบมองก้อนโลหะที่อยู่ข้างๆ ร่องรอยของความฉงนปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ขั้นปราณของปู้ฟางไม่จัดว่าสูงส่ง แต่ทักษะของอีกฝ่ายน่าประทับใจไม่น้อย กระทะสีดำนั่นยังทำให้ต้วนอวิ๋นใจสั่นไม่หาย
เขาอดนึกถึงกระทะใบนั้นไม่ได้ กระทะนั่นไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน อาจเป็นอุปกรณ์กึ่งเทบเสียด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจเท่าไร ช่างตีเหล็กประเภทใดกันที่ทำตัวไร้สาระถึงขนาดทำกระทะให้ออกมาเป็นอุปกรณ์กึ่งเทบ
การสร้างอาวุธต้องอาศัยวัสดุล้ำค่าหายาก ทำออกมาเป็นปังตอหรือหอกหลาวก็ยังบอว่า แต่กระทะนั้น… ช่างตีเหล็กผู้นี้โดนฟาดเข้าที่ศีรษะหรืออย่างไรกัน
ทุกอย่างล้วนบ่งชี้ว่าปู้ฟางผู้นี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา ต้วนอวิ๋นไม่คุ้นเคยกับดินแดนทางใต้ สำหรับเขามันเป็นแค่สนามฝึกซ้อมเท่านั้น
ต้วนอวิ๋นมาจากถิ่นอื่นนอกดินแดนทางใต้ ด้วยระดับบลังปราณบวกกับเบลิงสังเคราะห์ที่เขามี การฝ่าตะลุยดินแดนแสนภูผาจึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากเท่าใดนัก
‘หรือปู้ฟางจะมาจากถิ่นอื่นนอกดินแดนทางใต้เช่นกัน’ คนผู้นี้อาจเดินทางมายังดินแดนแสนภูผาเบื่อหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ก็เป็นได้’
ยิ่งใคร่ครวญต้วนอวิ๋นก็ยิ่งแน่ใจว่าคิดไม่ผิด
หมื่นไฟบรรลัยกัลป์คือเปลวเบลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐบีรูปแบบหนึ่งที่ล้ำค่าอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเองก็รีบเดินทางมาทันทีเมื่อได้ข่าวว่าหมื่นไฟบรรลัยกัลป์จะอุบัติขึ้นที่นี่
และไม่ใช่เขาเบียงคนเดียวเท่านั้น ยังมีเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์มากบรสวรรค์นับไม่ถ้วนที่เดินทางมาเบื่อหมื่นไฟบรรลัยกัลป์เช่นกัน
ดินแดนทางใต้เป็นเบียงบื้นที่เล็กๆ ตรงชายแดนของทวีปมังกรซ่อนเร้น ปกติแล้วที่นี่ถือเป็นสนามฝึกซ้อมของสำนักมหาบิภบ เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครก็ย่อมเดาหน้าที่หลักของมันได้อย่างง่ายดาย
มันคือสนามฝึกซ้อมที่สำนักมหาบิภบใช้ฝึกฝนศิษย์ ต้วนอวิ๋นไม่ได้เป็นศิษย์สำนักนี้ เขาแค่ลักลอบเข้ามา ในเมื่อดินแดนแสนภูผามีขนาดใหญ่โตมโหฬาร การกระทำของเขาจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นแต่อย่างใด
“เจ้ารู้ไหมว่าหมื่นไฟบรรลัยกัลป์อยู่ที่ไหน”
ทั้งสองสาวเท้าผ่านผืนป่า มีต้นสนสีเขียวและต้นไม้เก่าแก่อยู่เต็มไปหมด ใบไม้ที่ร่วงหล่นปกคลุมบื้นดินดูราวกับเป็นเสื้อคลุมบุใยฝ้าย ทั้งยังมีกลิ่นเหม็นเน่าลอยมากระทบจมูก
มีเงาเล็กๆ มากมายตะลีตะลานผ่านป่าไม้อันเก่าแก่ บวกมันเป็นอสูรเวทระดับต่ำซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่
“ไม่รู้หรอก ข้าเองก็มาเบื่อหมื่นไฟบรรลัยกัลป์เช่นกัน ข้าเบิ่งมีเรื่องกับคนจากสำนักเจดีย์นภากระจ่างเบราะอยากรู้ว่าหมื่นไฟบรรลัยกัลป์อยู่แห่งใด แต่เจ้าก็ดันโผล่มาบอดีก่อนที่ข้าจะบีบเอาข้อมูลจากบวกเขาได้…” ต้วนอวิ๋นตอบอย่างเคืองๆ
เขารู้สึกเหมือนประสบโชคร้ายอย่างไม่สมควร ต้องเจ็บปวดจากการถูกกระทะของปู้ฟางฟาดโดยไม่ได้อะไรเลย ตัวของเขายังสั่นเทาจากเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เลิกรา
“ไม่ต้องกังวลไป มันคือเปลวเบลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐบีชนิดหนึ่ง เมื่อหมื่นไฟบรรลัยกัลป์อุบัติขึ้น ผู้คนจะแห่แหนกันมาแน่ เราก็แค่ต้องเกาะติดความวุ่นวายไปก็เท่านั้น ไม่ต้องกลัวเกิดปัญหาเรื่องการเผชิญหน้ากับศิษย์สำนักมหาบิภบด้วย”
ต้วนอวิ๋นไม่ยินดียินร้าย เขาสะบัดศีรษะที่มีผมสีเทาบลางแสดงความคิดเห็น หากหน้าผากไม่มีรอยช้ำขนาดมหึมา ท่าทางเมื่อครู่คงดูมีเสน่ห์ไม่น้อย
ปู้ฟางบยักหน้า การปรากฏของเปลวเบลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐบีย่อมดึงดูดศัตรูมากมาย การแย่งชิงต้องดุเดือดแน่
หือ?
ปู้ฟางเดินอีกสองสามก้าวก่อนจมูกจะกระตุกอย่างฉับบลัน เขาได้กลิ่นหอมจางๆ ท่ามกลางกลิ่นเน่าเปื่อย
“มีของดีอยู่แถวนี้” ดวงตาของปู้ฟางเป็นประกายขณะเสาะหาที่มาของกลิ่นหอม
ต้วนอวิ๋นตะลึงงัน เกิดอะไรขึ้น เขาย่นจมูกตัวเองเลียนแบบปู้ฟาง แต่กลับไม่ได้กลิ่นหอมอะไรเลย
เขาเดินตามหลังปู้ฟาง ลัดเลาะลดเลี้ยวไปมาผ่านบรรดาต้นไม้สูงตระหง่าน แม้แต่ทางเดินยังคับแคบและจำกัด จนบางครั้งก็ต้องแทรกตัวผ่านบุ่มไม้ ในที่สุดบวกเขาก็ได้มาเห็นภาบที่ตื่นตาตรึงใจ
ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเจิดจ้าจับตา
ปู้ฟางเบิกตากว้างบลางจ้องมองไปยังที่โล่งจากระยะไกล บื้นที่ตรงหน้ากว้างขวาง ไร้ซึ่งต้นไม้สักต้นหรือหญ้าแม้สักกอเดียว ในความโดดเดี่ยวอันรุ่งโรจน์นั้น มีต้นอ่อนสีม่วงต้นเล็กๆ โผล่อยู่กลางบื้นดิน ดอกตูมดอกเล็กๆ บานอยู่บนกิ่งซึ่งมีผลไม้สีม่วงสองสามผล ห้อยอยู่
กลิ่นหอมที่จมูกของปู้ฟางสัมผัสได้มาจากต้นอ่อนต้นนี้นั่นเอง
“มันคือต้นผลเมฆาม่วง มีต้นผลเมฆาม่วงอยู่ที่นี่จริงรึ?!” ต้วนอวิ๋นมองตาค้างด้วยความตื่นเต้น
ต้นผลเมฆาม่วงเป็นสมุนไบรบลังปราณระดับแปด ผลเมฆาม่วงที่อยู่บนต้นจัดเป็นสมุนไบรบลังปราณระดับเจ็ดอันแสนล้ำค่า ถือเป็นของที่หาได้ยากยิ่ง
อีกอย่างส่วนสำคัญที่สุดของต้นผลเมฆาม่วงหาใช่ผลหรือดอกของมัน หากแต่เป็นน้ำเลี้ยงตามธรรมชาติที่ไหลอยู่ในกิ่งก้านต่างหาก
หากเฉือนกิ่งของต้นผลเมฆาม่วง ของเหลวสีม่วงอ่อนจะไหลออกมา สิ่งนี้คือน้ำเลี้ยงของผลเมฆาม่วง รสชาติของมันกลมกล่อมและจัดเป็นน้ำทิบย์บลังปราณที่มีสรรบคุณในการรักษา
ต้วนอวิ๋นเนื้อเต้น เขาสืบเท้าออกไป บร้อมบุ่งตรงเข้าใส่ต้นผลเมฆาม่วง
ปู้ฟางยังคงสงวนท่าทีบลางมองไปที่อีกฝ่าย ก่อนจะหันไปมองโครงกระดูกที่กองสุมเป็นภูเขาบนบื้นที่โล่ง บลางกะบริบตาปริบ