ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 345 การรวมตัวของขั้นเซียนเทพ
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 345 การรวมตัวของขั้นเซียนเทพ
เป่ยกงหมิงเห็นเปลวเพลิงสีทองซึ่งกำลังแผดเผาแรงกล้าและปล่อยกระแสความร้อนโหมกระหน่ำมาแต่ไกล ถึงมันจะยังอยู่ค่อนข้างไกล เขาก็สัมผัสได้ถึงความร้อนรุนแรงของเปลวไฟและพลังปราณที่พลิ้วกระจายไปในอากาศ
นี่ไม่ใช่เปลวเพลิงธรรมดา มันคือลูกไฟพลังปราณ คือเปลวเพลิงที่มีปัญญาวิญญาณ
เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี!
เป่ยกงหมิงกระสับกระส่ายเพราะความตื่นเต้น หากเขาสามารถผสานร่างเข้ากับเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีได้ ก็ย่อมก้าวข้ามขั้นเซียนเทพชั้นกลางไปได้อย่างแน่นอน อาจจะบรรลุไปถึงชั้นสูงสุดเลยด้วยซ้ำ
หากมีเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีอยู่ในมือ ความสามารถในการต่อสู้ของเขาเองก็ย่อมพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน
หนำซ้ำเขายังสร้างชื่อท่ามกลางสำนักน้อยใหญ่ได้ด้วย หากฝึกปราณด้วยเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีสักสองสามปี เขาอาจก้าวข้ามขั้นเซียนเทพได้ด้วยซ้ำ
ถึงตอนนั้นเขาจะเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดท่ามกลางผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ เขาจะกลายเป็นผู้นำของคนรุ่นใหม่!
เมื่อได้เห็นเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มจึงไม่อาจระงับความโลภโมโทสันในใจได้
ตอนที่เขากำลังจะพุ่งตัวไปหาเปลวเพลิงสีทอง เสียงกรีดร้องก็ดังก้องในอากาศ จากนั้นเปลวเพลิงก็พุ่งออกมาจากนกที่ลำตัวส่องสว่างเจิดจ้าเพื่อสกัดเขาเอาไว้
มันคือนกอัคคีจรัส เป็นอสูรเวทที่มาจากดินแดนร้อนจัด
บนหลังของนกอัคคีจรัสมีผู้อาวุโสร่างท้วมนั่งขัดสมาธิอยู่ เยี่ยอวิ๋นชิงนั่นเอง
เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีถูกสำนักเจดีย์นภากระจ่างสะกดไว้ ในฐานะผู้อาวุโสแห่งสำนักเจดีย์นภากระจ่าง เยี่ยอวิ๋นชิงย่อมไม่ยอมให้ใครได้มันไปทั้งนั้น
“ขั้นเซียนเทพของสนามฝึกซ้อมรึ! ฮึ! ใครกล้ามาคั่นกลางระหว่างข้ากับสมบัติของข้าต้องตายทั้งนั้น!”
ดูเหมือนว่าเป่ยกงหมิงจะมีสายตาให้เพียงเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีเท่านั้น ชายหนุ่มชำเลืองมองเยี่ยอวิ๋นชิงแวบหนึ่งจากนั้นก็ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา
เป่ยกงหมิงมีระดับพลังปราณที่น่าประทับใจไม่น้อย แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่โดดเด่นที่สุดท่ามกลางคนรุ่นใหม่ แต่ก็ถือว่าเป็นยอดฝีมือและมีชื่อเสียงพอตัว เขามั่นใจในตนเองถึงขนาดเมินใส่เยี่ยอวิ๋นชิง ในสายตาของเขา ขั้นเซียนเทพของสนามฝึกซ้อมเป็นแค่ตัวตลกไร้ค่าเท่านั้น
พวกที่เฝ้าสนามฝึกซ้อมล้วนเป็นทาสที่สำนักอื่นเก็บไว้ให้ศิษย์ของตนซ้อมมือ!
ทาสเหล่านี้กล้าดีอย่างไรจึงท้าทายผู้เป็นนาย ตอนนี้จุดจบของเจ้าเดินทางมาถึงแล้ว
ปัง ปัง!
ขณะที่เป่ยกงหมิงรวบรวมพลังปราณ ปีกสีขาวซีดคู่หนึ่งก็กางออกมาจากหลังของเขา ขนนกที่เกิดจากพลังปราณล่องลอยลงมาจากปีกงดงามเจิดจ้าคู่นั้น
ฟ้าว!
สิ้นเสียงดังกึกก้อง ร่างของเป่ยกงหมิงก็พุ่งทะยานเข้าใส่เยี่ยอวิ๋นชิงราวกับเป็นสายฟ้าฟาด
ทั้งคู่มีพลังปราณระดับเก้าขั้นเซียนเทพ กระนั้นเยี่ยอวิ๋นชิงก็เพิ่งอยู่เพียงขั้นเซียนเทพชั้นต้นเท่านั้น หลังประมือกับเป่ยกงหมิงระลอกแรก ร่างของเขาก็กระเด็นกลับมาเพราะพลังระเบิดรุนแรง ตัวของชายชรากระแทกเข้าใส่ทางเดิน ทำให้เนินเขาเล็กๆ ที่อยู่รายรอบกระจุยกระจาย
เป่ยกงหมิงแสยะยิ้ม ใบหน้ามีแต่ความเยือกเย็น เนื่องจากระดับพลังปราณของชายหนุ่มเหนือกว่าเยี่ยอวิ๋นชิงมาก เขาจึงสยบฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย
“เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี… ต้องเป็นของข้า! มันคือโชคที่ข้ามีสิทธิ์จะได้!”
เป่ยกงหมิงกระพือปีกเรืองแสงขณะพาร่างลอยขึ้นบนอากาศอย่างสง่างาม พลางหัวเราะเสียงดัง
ทว่าระลอกคลื่นเสียงก็พุ่งผ่านอากาศเข้ามา
ผู้ฝึกตนจำนวนมากของสำนักเจดีย์นภากระจ่างมาถึงแล้ว ในหมู่คนเหล่านี้ มีขั้นเซียนเทพที่ระดับพลังปราณแข็งแกร่งคนหนึ่งรวมอยู่ด้วย เขาหยิบคันธนูออกมา จากนั้นก็ยิงลูกธนูแหวกอากาศพร้อมประกายวูบวาบตรงเข้าใส่เป่ยกงหมิง
คนของสำนักเจดีย์นภากระจ่างช่ำชองเรื่องการยิงธนู ลูกธนูของพวกเขามีอานุภาพล้นเหลือ
กระนั้นเป่ยกงหมิงก็ยังมีระดับพลังปราณเหนือกว่า ไม่มีใครรู้ว่าปีกคู่เรืองแสงคืออะไร แต่มันก็แผ่มาคลุมร่างของชายหนุ่มเอาไว้ ห่าลูกธนูเจิดจ้าของผู้ฝึกตนจากสำนักเจดีย์นภากระจ่างพุ่งเข้าปะทะปีกคู่ซึ่งทำหน้าที่เป็นโล่ก่อนจะกระเด็นกระดอนออกมาแล้วระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
หลังจากนั้นศิษย์ที่มาพร้อมเป่ยกงหมิงก็บุกตะลุมบอนกับผู้ฝึกตนของสำนักเจดีย์นภากระจ่าง
คนพวกนี้ไม่ได้มาจากดินแดนทางใต้ วิชาที่พวกเขาใช้ฝึกปราณมีระดับเหนือกว่า แม้ว่าระดับปราณของแต่ละคนจะไม่สูงมาก แต่ก็สามารถรับมือพวกที่เหนือกว่าหนึ่งระดับได้
ด้วยเหตุนี้ศิษย์ของสำนักเจดีย์นภากระจ่างจึงพ่ายแพ้ย่อยยับทั้งที่มีจำนวนมากกว่า
ขนาดเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ชั้นสูงของสำนักเจดีย์นภากระจ่างยังถูกบดขยี้อย่างโหดเหี้ยม
เป่ยกงหมิงดูเหมือนคลุ้มคลั่งไปแล้ว เขากระพือปีกแล้วร่อนผ่านอากาศอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ สองผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพชั้นต้นถูกกำราบอย่างเด็ดขาด ถึงขนาดที่ว่าพลังปราณของพวกเขาผันผวนไม่คงที่ไปพักใหญ่
“ท่านปู่! จึหลิงมาช่วยท่านแล้ว!”
ทันใดนั้นเสียงคำรามลั่นก็ดังออกมาจากป่าลึก
ลูกธนูที่ห้อมล้อมด้วยสายฟ้าพุ่งตรงมาพร้อมเสียงกึกก้อง เป้าหมายของมันคือเป่ยกงหมิงและปีกคู่ที่คลี่ออกราวกับเป็นดาวตก
ผมของเป่ยกงหมิงสะบัดพลิ้วในอากาศ เขาสาวหมัดแล้วชกใส่ลูกธนูสายฟ้า
ทว่าร่างทั้งร่างของเขากลับถูกเหวี่ยงถอยหลังด้วยพลังมหาศาล แม้แต่หมัดก็ยังชาหนึบ
“อุปกรณ์กึ่งเทพรึ” นัยน์ตาของเป่ยกงหมิงหดแคบลง
ร่างงามสง่าปรากฏออกมาจากป่าพร้อมธนูสีน้ำเงินในมือ ลูกธนูสายฟ้าเปล่งแสงเจิดจ้าอยู่ในคันธนู
เยี่ยจึหลิงสวมวิญญาณวีรสตรี นางปล่อยนิ้วแล้วส่งลูกธนูสายฟ้าให้แหวกอากาศออกไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งนี้คือธนูอสนีบาต อุปกรณ์กึ่งเทพของสำนักเจดีย์นภากระจ่าง
เป่ยกงหมิงแผดเสียงคำราม ไม่แสดงความเกรงกลัวต่ออุปกรณ์กึ่งเทพให้เห็นแม้แต่น้อย แล้วเล่นงานผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพสองคนนั้นต่อไป
ปัง!
เปลวเพลิงมากมายพุ่งออกจากหลุมลึก พวกมันเปล่งประกายระยิบระยับ ลำแสงหนึ่งพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า
เสียงร้องตกใจดังขึ้นทั่วดินแดนแสนภูผาทันที ทุกคนในสมรภูมิกระโดดตัวโยนด้วยความกลัวขณะมองไปทางอสูรเวทตาแดงก่ำที่กำลังไต่ขึ้นจากหลุม
อสูรเวทเหล่านี้ปล่อยพลังปราณรุนแรงออกมา
ทั้งสองฝ่ายที่กำลังโรมรันพันตูผละออกจากกัน แล้วเริ่มรับมืออสูรเวทที่ดุร้ายและคลุ้มคลั่งเหล่านี้
อสูรเวทจำนวนนับไม่ถ้วนคลานออกมาจนเต็มพื้นที่ พวกมันส่วนใหญ่เป็นอสูรเวทระดับต่ำ แต่ก็มีระดับหกและระดับเจ็ดรวมอยู่ไม่น้อย อสูรเวทระดับแปดทำหน้าที่จ่าฝูงแม้จะมีจำนวนเพียงเล็กน้อยก็ตาม
จำนวนของอสูรเวทมากมายเกินไป ตอนนั้นเองความโกลาหลก็ปะทุขึ้นท่ามกลางการต่อสู้
เสียงคำรามและกรีดร้องดังก้องท้องฟ้าเมื่อนกอัคคีจรัสสองตัวบินออกจากหลุม แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ของสำนักเจดีย์นภากระจ่างก็ยังรู้สึกสั่นกลัวในใจ
“อสูรเวทนับแสนตัวปรากฏออกมา ดูเหมือนว่าหมื่ไฟบรรลัยกัลป์กำลังจะถูกปลดปล่อยในไม่ช้า…”
…
บนต้นไม้สูงตระหง่านไม่ไกลจากที่นั่น มหาพรตเท้าเปล่ากำลังสนทนากับเจ้าลัทธิอสุราในเสื้อคลุมสีดำ
ลูกโลกวิญญาณล่วงลับในมือของพวกเขาฉายแสงสีเทา มันกำลังดูดซับแก่นวิญญาณที่กรีดร้องร่ำไห้และเหล่าผีร้ายที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ แก่นวิญญาณเหล่านี้มาจากทั้งอสูรเวทและมนุษย์ นี่คือผลพลอยได้อีกอย่างหนึ่งจากการเดินทางมาที่นี่ของพวกเขา
สูงขึ้นไป เงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบดบังท้องฟ้าเอาไว้ อสูรเวทขาเดียวกระทืบเท้าลงมาข้างๆ หลุมเพลิงอย่างเกรี้ยวกราด
คลื่นพลังงานน่าเกรงขามแผ่กระจายไปทั่วสารทิศ และสังหารอสูรเวทนับไม่ถ้วนภายในพริบตา
ในที่สุดอสูรเวทระดับเก้าคางคกขาเดียวก็ปรากฏตัว คางคกขาเดียวตัวนี้มีขนาดมโหฬาร ลูกตาปูดโปนของมันกลิ้งกลอกไปมา
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังก้องผ่านอากาศราวสายฟ้าแลบ ร่างของอสูรเวทจำนวนมากระเบิดเลือดสาดกระจายไปทั่ว มนุษย์จำนวนหนึ่งก็ถูกส่งกระเด็นกระดอนไปไกล พลางกระอักเลือดออกมาเพราะเสียงที่ดังขึ้นอย่างฉับพลัน
สายตาของเป่ยกงหมิงฉายแววอำมหิตแวบหนึ่ง เขากระพือปีกเรืองแสงแล้วยกตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพสองคนของสำนักเจดีย์นภากระจ่างที่ลอยอยู่กลางอากาศมีอาการกระสับกระส่าย
พวกเขาหวาดกลัวอสูรเวทระดับเก้าคางคกขาเดียวอย่างเห็นได้ชัด ความสามารถในการต่อสู้ของมันร้ายกาจเกินต้าน
ตอนที่คางคกขาเดียวกำลังสร้างหายนะ มังกรเพลิงสีแดงก็ค่อยๆ คืบคลานออกจากหลุมเพลิง เปลวเพลิงแผดเผาไปทั่วร่าง ทั้งดูน่าเกรงขามและทรมานในคราวเดียว
มันคืออสูรเวทระดับเก้าอีกหนึ่งตัว! อสูรเวทตัวนี้คือผู้พิทักษ์เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี! ตอนนี้อสูรเวทระดับเก้าสองตัวมาประจันหน้ากันแล้ว
ประกายของคมกระบี่วาบผ่านอากาศ ร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่อย่างงามสง่าบนกระบี่ที่กำลังพุ่งตรงมาข้างหน้า ผู้อาวุโสผมขาวคิ้วขาวในชุดคลุมสีขาวคนหนึ่งกำลังก้าวเดินบนอากาศมาจากระยะไกล
ฟึ่บๆๆ
จากระยะไกล ร่างร่างหนึ่งกำลังพันตัวเองรอบกิ่งก้านของต้นไม้สูงตระหง่าน แล้วเลื้อยขึ้นไปด้านบนเรื่อยๆ พลางมองไปข้างหน้าอย่างตั้งใจ
ร่างนี้แท้จริงแล้วคือสมาชิกตนหนึ่งของมนุษย์อสรพิษและเป็นเพศหญิง ผมสีเขียวทั่วศีรษะพลิ้วไหวไปในอากาศ ใบหน้าที่งดงามและความสวยพราวเสน่ห์ของนางทำให้ผู้คนที่ได้เห็นล้วนต้องตกตะลึง
“ขนาดประมุขอสรพิษยังเดินทางนับหมื่นลี้มาที่นี่…”
เจ้าสำนักเมฆาขาว อูมู่ ผู้มีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ยังเหาะเหินอยู่กลางอากาศด้วยกระบี่เมฆาหกเหินซึ่งเป็นอุปกรณ์กึ่งเทพ
สีหน้าของเขาตอนมองประมุขอสรพิษเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
…
“โอ้ สวรรค์! ทำไมมีขั้นเซียนเทพมากมายขนาดนี้! แถมมีอสูรเวทระดับเก้าอีกสองตัว… แล้วข้าจะชิงหมื่นไฟบรรลัยกัลป์มาได้อย่างไร!”
ต้วนอวิ๋นจ้องมองเหล่าผู้ฝึกตนที่กำลังตะลุมบอนกันด้วยสายตาว่างเปล่า ระดับพลังปราณของคนเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ มันทำให้เขาตัวสั่นไปทั้งตัว คนเหล่านี้ล้วนเป็นขั้นเซียนเทพกันทั้งหมด ไม่มีใครเลยที่ต้วนอวิ๋นจะต่อกรได้
เขาปวดใจมากถึงขนาดลืมกินเนื้อย่าง
ต้วนอวิ๋นไม่เคยคิดว่าจะมีขั้นเซียนเทพมากมายโผล่มาในสนามฝึกซ้อม มีขั้นเซียนเทพมากขนาดนี้ เขาคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้แตะเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี
คำนวณผิดมหันต์!
ปู้ฟางยังคงมีท่าทีสบายๆ ด้วยความล้ำค่าของเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี การที่มันดึงดูดขั้นเซียนเทพมากมายไม่ถือเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด ชายหนุ่มยืนพิงต้นไม้สูงตระหง่าน เคี้ยวเนื้อย่างเงียบๆ พลางสังเกตเหตุการณ์ที่ร้อนระอุตรงหน้า
เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ
แม้แต่เปลวเพลิงที่แผดเผาอยู่ในหลุมก็ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน