ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 347 ลูกโลกวิญญาณล่วงลับที่หล่อเลี้ยงด้วยเปลวเพลิงอัคนี
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 347 ลูกโลกวิญญาณล่วงลับที่หล่อเลี้ยงด้วยเปลวเพลิงอัคนี
เชื้อไฟของหมื่นไฟประลัยกัลป์ลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างเงียบเชียบ มันเป็นลูกไฟดวงเล็กที่ดูบอบบาง งดงามเหมือนดอกไม้ไร้พิษสง ลอยล่องอยู่ในอากาศพร้อมแสงเรืองรองสว่างตา
บรรดาผู้ฝึกตนมากมายที่กำลังห้ำหั่นกันอยู่เงยหน้าขึ้นมองลูกไฟดวงดังกล่าว จากนั้นก็เริ่มรู้สึกปั่นป่วนเนื้อเต้นขึ้นมาทันที นั่นคือสิ่งที่พวกเขาใฝ่หา และเป็นเหตุผลที่พวกเขาพากันเดินทางมายังที่แห่งนี้ เชื้อไฟของหมื่นไฟประลัยกัลป์! หากพวกเขาสามารถนำเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีมาครอบครองได้ จะต้องทำให้ขั้นปราณพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน
ในฐานะผู้ฝึกตนที่มาจากนอกดินแดนทางใต้ เป่ยกงหมิงให้ความสำคัญกับเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีดวงนี้มาก มันถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็ต้องพยายามใฝ่หามาไว้ในครอบครอง
พลังปราณจากเจ้าลัทธิอสุราระเบิดออกมาเหมือนพายุร้าย ทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่กดทับจิตใจจนรู้สึกหนักอึ้ง
บรรดาผู้ฝึกตนจากสำนักเจดีย์นภากระจ่างมองเจ้าลัทธิอสุราด้วยสายตาจริงจัง ทุกคนรู้สึกกระสับกระส่ายที่ต้องมาอยู่เบื้องหน้าบุคคลในตำนาน ผู้ซึ่งเคยทำให้ดินแดนทางใต้ต้องปั่นป่วนเมื่อครั้งอดีตกาล
“หยุดเดี๋ยวนี้! เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีนั่นต้องเป็นของข้าเป่ยกงหมิงผู้นี้!”
ดวงตาของเป่ยกงหมิงเป็นสีแดงก่ำเมื่อเห็นเจ้าลัทธิอสุรากำลังพุ่งเข้าใส่เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีที่ส่องสว่าง เขาตะโกนลั่นแล้วพุ่งหมัดใส่ชายผู้นั้นทันที
วืด…
เจ้าลัทธิอสุราหันไปมองเป่ยกงหมิงด้วยสายตาสงบนิ่ง เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แต่กลับเคลื่อนที่ไปไกลหนึ่งลี้ พลังปราณสีดำลอยวนอยู่รอบกาย อากาศที่อยู่รอบๆ แทบบิดเบี้ยว
หมัดของเป่ยกงหมิงเดินทางมาประชิดตัวเจ้าลัทธิอสุรา แต่กลับถูกพลังที่มองไม่เห็นสกัดเอาไว้ได้ หมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณขั้นเซียนเทพของชายหนุ่มสลายหายไปทันที
หัวใจของเป่ยกงหมิงสั่นสะท้าน เขาใส่พลังแรงกล้าเข้าไปในหมัด แต่กลับถูกชายในชุดคลุมสีดำผู้นี้ปัดทิ้งไปอย่างง่ายดาย! นี่มันผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพกระจอกๆ ในสนามฝึกซ้อมจริงๆ น่ะหรือ!
ต้วนหลิงเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นดวงตาที่เย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง ความกระหายเลือดหลั่งรินไปทั่วร่าง ใครหน้าไหนที่บังอาจมาแย่งหมื่นไฟประลัยกัลป์ไปจากเขา… จะต้องตาย!
ลูกไฟดวงนี้เป็นของเขา ของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!
โครม!
เขาพลันกระทืบเท้า ส่งให้อากาศโดยรอบสั่นสะเทือนรุนแรง พลังปราณแก่กล้าระเบิดออกเป็นวงกว้าง ร่างของต้วนหลิงพุ่งไปข้างหน้า แล้วมาปรากฏอยู่หน้าเป่ยกงหมิงในพริบตา
ทั้งสองประสานสายตากัน ความมั่นใจและความรังเกียจเดียดฉันท์เอ่อล้นอยู่ในดวงตาของเป่ยกงหมิง ส่วนแววตาของต้วนหลิงนั้นมีแต่ความเย็นเยียบโหดเหี้ยม
“เป็นแค่ขั้นเซียนเทพต่ำต้อยจากสนามฝึกซ้อมแท้ๆ ช่างบังอาจนัก!” เป่ยกงหมิงจ้องอีกฝ่ายเขม็ง พลังปราณในกายของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามเสียงเรียกของเจ้าของ
“สนามฝึกซ้อมรึ” ดวงตาเหี้ยมของต้วนหลิงหม่นลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “เจ้ามาจากสำนักมหาพิภพหรอกรึ”
เป่ยกงหมิงใจเต้นระส่ำทันที เขาเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายบอกไม่ถูก ไอ้หมอนี่มันรู้ได้อย่างไรว่าเขามาจากสำนักมหาพิภพ
“เจ้าเป็นใครกัน!” เป่ยกงหมิงคำรามก้องพร้อมซัดก้อนพลังในมือใส่คู่ต่อสู้
ต้วนหลิงยิ้มหยัน จากนั้นพลังปราณรอบกายของเขาก็ก่อตัวเป็นกรงเล็บที่ทำลายก้อนพลังนั้นเสียเหี้ยน พลังปราณร้ายกาจน่ากลัวโถมทับลงไปด้านล่างแล้วระเบิดอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง
ร่างหนึ่งถูกซัดกระเด็นไปด้านหลังกระแทกลงบนพื้นเข้าอย่างจัง ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนไปหมด
“ศิษย์จากสำนักมหาพิภพนั้นชอบอวดดีเหลือใจ ช่างเกะกะลูกตาเสียจริง…” ต้วนหลิงบิดคอแก้เมื่อย ชุดคลุมสีดำที่คลุมกายระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เผยให้เห็นชุดเกราะสีเงินที่อยู่ด้านใน
ชุดเกราะนั้นเรืองแสงสีเงินยวง พร้อมด้วยพลังปราณเที่ยงแท้แสนประหลาดที่ไหลเวียนอยู่ทั่ว พลังของมันทำให้ทุกคนที่อยู่รอบกายรู้สึกเหมือนถูกกดทับอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นเขาก็สะบัดนิ้วส่งกระแสพลังปราณพุ่งเข้าใส่จุดที่เป่ยกงหมิงเพิ่งตกลงพื้น แล้วหันกลับไปสนใจหมื่นไฟประลัยกัลป์อีกครั้ง
หมื่นไฟประลัยกัลป์คือเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีที่มีความสำคัญกับเขามาก อุปกรณ์กึ่งเทพของลัทธิอสุรา ลูกโลกวิญญาณล่วงลับนี้เป็นวัตถุที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร เนื่องจากไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์ในการโจมตีเหมือนอุปกรณ์กึ่งเทพอื่นๆ
แต่ลูกโลกวิญญาณล่วงลับเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการฝึกปราณชั้นเยี่ยมของศิษย์แห่งลัทธิอสุรา เพราะภายในบรรจุดวงวิญญาณและผีร้ายอยู่หลายแสนดวง เมื่อหลอมด้วยเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีจะทำให้เกิดกระแสพลังปราณเชี่ยวกราก กระแสพลังปราณนี้จะกลับมาหล่อเลี้ยงผู้ที่เก็บลูกโลกวิญญาณล่วงลับเอาไว้กับตัว ช่วยให้คนผู้นั้นบรรลุขั้นปราณได้
พลังปราณของต้วนหลิงอยู่ในชั้นสูงสุดของขั้นเซียนเทพ หากเขาอยากบรรลุขั้นปราณอีกครั้ง เขาก็ต้องใช้วิธีที่เสี่ยงอันตรายนี้
ดินแดนทางใต้เป็นบริเวณที่ขาดแหล่งพลังปราณเข้มข้น หากเขาใช้วิธีปกติในการบรรลุข้ามขั้นเซียนเทพ… ใครจะไปรู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด และตัวเขาก็ไม่ได้มีเวลามากมายขนาดนั้น
เสียงกระบี่ตัดอากาศดังขึ้น ลำแสงเจิดจ้าพุ่งออกจากกระบี่ ทำให้มังกรเพลิงสีแดงจ้าที่เพิ่งคลานออกมาจากหลุมต้องล่าถอยไป
อูมู่เจ้าสำนักเมฆาขาวชี้กระบี่มาที่ต้วนหลิง
เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ไอ้ปีศาจร้ายจากลัทธิอสุราได้หมื่นไฟประลัยกัลป์ไปครอบครอง
ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักความลับแห่งสวรรค์ที่มีทั้งผมและคิ้วขาวโพลนก้าวเข้ามาร่วมด้วย เขาเรียกยันต์หยกออกมาไว้ในมือสองสามชิ้น จากนั้นก็ใส่พลังเข้าไปในยันต์เล็กน้อย แล้วส่งมันพุ่งตรงมาที่เจ้าลัทธิอสุรา
“วงแหวนปราณความลับแห่งสวรรค์กำราบปีศาจ!”
เสียงเคร่งขรึมของผู้อาวุโสสูงสุดดังขึ้นในอากาศ
อูมู่เองก็คำรามออกมาเช่นกัน เขาส่งลำแสงกระบี่นับหมื่นให้ตกลงมาเหมือนห่าฝน “สายธารกระบี่!”
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทั้งสองผนึกกำลังกันส่งการโจมตีของตนเองใส่เจ้าลัทธิอสุราทันที พลังปราณน่าสะพรึงกลัวระเบิดในอากาศ ทำให้หลายคนต้องล่าถอยไปด้านหลัง นี่เป็นศึกระหว่างผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนทางใต้
ทั้งเจ้าลัทธิอสุราและผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักความลับแห่งสวรรค์ เป็นผู้ที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของดินแดนทางใต้ ยากหาผู้ใดต่อกรได้
เป่ยกงหมิงคลานออกมาจากกองอิฐ เขามองการต่อสู้บนท้องฟ้าด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“เหตุใดจึงมีผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพชั้นสูงสุดอยู่มากมายถึงเพียงนี้…ในสนามฝึกซ้อมกัน! พับผ่าสิ!”
แม้เป่ยกงหมิงจะเป็นศิษย์จากสำนักมหาพิภพ แต่พลังปราณของเขาก็อยู่ในขั้นเซียนเทพชั้นกลางเท่านั้น เหตุใดสนามฝึกซ้อมจึงมีขั้นเซียนเทพอยู่มากถึงเพียงนี้กัน เป็นแค่ดินแดนป่าเถื่อนล้าหลังแท้ๆ!
ยันต์หยกชิ้นแล้วชิ้นเล่าระเบิดขึ้นบนท้องฟ้า ก่อกำเนิดเป็นวงแหวนปราณขนาดใหญ่ยักษ์ วงแหวนปราณนี้เข้าโอบล้อมเจ้าลัทธิอสุราเอาไว้ ก่อนเปลี่ยนสภาพไปเป็นท้องฟ้ามืดมิดยามราตรี ราวกับว่ารัตติกาลได้มาเยือนเป็นที่เรียบร้อย
ดาวตกพุ่งผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน
ยันต์หยกทุกชิ้นตั้งอยู่ในจุดที่มีดวงดาวจรัสแสงคอยปกป้องอยู่
กระบี่ฟาดลงมาจากฟากฟ้าโดยไม่ได้ทำให้วงแหวนปราณได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย แต่กลับพุ่งคมตรงมาที่ต้วนหลิงผู้ที่ติดอยู่ภายในวงแหวนปราณ
สายธารกระบี่ที่ตัดผ่านเข้ามาในวงแหวนปราณนั้นดูเหมือนได้ดูดพลังจากวงแหวนปราณเข้าไป จนทำให้มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“ตาแก่หนังเหนียวจากสำนักความลับแห่งสวรรค์! คราวนี้เจ้าหยุดข้าไม่ได้หรอก!”
ต้วนหลิงมองไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดผมขาวคิ้วขาวจากสำนักความลับแห่งสวรรค์ จากนั้นก็ตะโกนออกมาพร้อมระเบิดพลังปราณส่งตนเองให้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า พลังปราณสีดำสนิทเปลี่ยนสภาพเป็นพายุร้าย กลืนกินห่าฝนกระบี่ที่พุ่งเข้าหาเขาไปจนหมดสิ้น
ภาพตรงหน้าช่างน่าอัศจรรย์ใจอะไรเช่นนี้ ลำแสงแห่งกระบี่ผสานกับกระแสพลังปราณสีดำ ทำให้ดูเหมือนพายุร้ายที่ทำให้โลกทั้งใบต้องสั่นสะเทือน
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น
ร่างหนึ่งพุ่งออกจากกระแสลมเชี่ยวกรากที่ทำลายวงแหวนปราณจนขาดสะบั้น จากนั้นก็พุ่งตรงไปหาหมื่นไฟประลัยกัลป์ทันที
ผู้อาวุโสสูงสุดคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว อูมู่เองก็โบกสะบัดกระบี่ของตนเช่นกัน จากนั้นทั้งสองก็ไล่ล่าตามร่างนั้นไป
เปลวเพลิงลุกโชติช่วงขึ้นบนท้องฟ้า ยันต์หยดสีแดงเลือดดิ่งลงด้านล่าง ก่อนก่อตัวเป็นตาข่ายที่ใหญ่มากพอจะบดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์เอาไว้หมดสิ้น ทั้งยังกันผู้อาวุโสสูงสุดและอูมู่เอาไว้ด้วย
มหาพรตแห่งลัทธิอสุราออกโรงแล้ว!
“เวรเอ๊ย! นางแม่มด!” อูมู่โกรธแค้นเป็นอันมากขณะฟาดกระบี่ใส่ตาข่าย ลำแสงแห่งกระบี่พุ่งไปข้างหน้าเหมือนมังกรที่ทรงพลัง แต่กลับสลายหายไปทันทีที่ชนเข้ากับตาข่ายยันต์หยกสีแดงเลือด
“นางแม่มดนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวงแหวนปราณที่มีปราณขั้นเซียนเทพ ปล่อยให้ชายแก่คนนี้จัดการเถิด”
ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักความลับแห่งสวรรค์มีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง เขาสะบัดข้อมือเรียกยันต์สีใสที่ดูบอบบางออกมา จากนั้นก็ขยี้ยันต์ทิ้งแล้วโยนใส่ตาข่ายสีแดง ทำให้ตาข่ายเกิดรอยแตกทันที
อูมู่พยักหน้าจากนั้นก็พุ่งตัดอากาศตรงไปข้างหน้าพร้อมกระบี่ในมือ เขาทะลุผ่านตาข่ายสีแดงแล้วไล่ตามเจ้าลัทธิอสุราต่อไป
มหาพรตคิดจะสกัดอูมู่อีกครา แต่ถูกผู้อาวุโสสูงสุดรั้งไว้เสียก่อน
ผู้เชี่ยวชาญด้านวงแหวนปราณทั้งสองประมือกันกลางอากาศ วงแหวนปราณพุ่งเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด
เปลวเพลิงกำลังเผาไหม้ร้อนแรง ยิ่งเข้าไปใกล้เท่าไหร่ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความร้อนมากเท่านั้น
ต้วนหลิงมองเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีด้วยสายตาละโมบที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นถึงขีดสุด หมื่นไฟประลัยกัลป์ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว แต่พลังของมันยังคงเบาบางอยู่ หากมันทวีความแข็งแกร่งขึ้นจนกลายเป็นเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีเต็มรูปแบบ เขาก็รู้ตัวดีว่าตนเองต้องเข้าใกล้มันไม่ได้อย่างแน่นอน
ต้วนหลิงหยิบลูกโลกวิญญาณล่วงลับสีขาวอมเทาออกมาแล้วกำเอาไว้ในมือ หมอกหนากระจายออกจากลูกโลก หมอกนั้นคือวิญญาณมากมายที่หากมองใกล้ๆ จะเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของพวกเขาในยามที่เคยเป็นมนุษย์ ต้วนหลิงผสานหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกับลูกโลก และสัมผัสได้ถึงความกระหายจากสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในหมอก
เขาใช้นิ้วบีบลูกโลก จากนั้นมันก็พลันเปลี่ยนสภาพกลายเป็นลำแสงสีขาวที่พุ่งเข้าใส่เปลวเพลิงหมื่นไฟประลัยกัลป์ พร้อมด้วยกระแสพลังชีวิตมากมายที่ระเบิดออกมา
แสงแห่งกระบี่พุ่งเข้าสกัดจากฟากฟ้า ใบหน้าของต้วนหลิงพลันบอกบุญไม่รับขึ้นมาทันที และแทนที่จะหลบเขากลับรับการโจมตีนั้นเข้าไปเต็มๆ ต้วนหลิงขยับไปไหนไม่ได้ เนื่องจากหากเขาขยับเอาตัวรอด กระบี่นั้นอาจทำอันตรายลูกโลกวิญญาณล่วงลับได้
“หากเจ้าอยากตาย…ข้าก็จะสนองให้!” พลังปราณสีดำสนิทสลายไป ต้วนหลิงหันไปมองเจ้าของกระบี่ด้วยสายตากระหายเลือด เขาพุ่งเข้าใส่อูมู่ ทั้งสองเริ่มเปิดฉากห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง
หมื่นไฟประลัยกัลป์กะพริบแสงอยู่เงียบๆ ส่วนลูกโลกวิญญาณล่วงลับก็ยังคงปล่อยพลังชีวิตออกมาอย่างต่อเนื่อง กระแสพลังชีวิตถูกเผาไหม้กลายสภาพไปเป็นพลังปราณที่ไหลเวียนกลับเข้าไปยังลูกโลกวิญญาณล่วงลับอีกครั้งหนึ่ง
…
ปู้ฟางยัดเนื้อที่มันย่องด้วยน้ำมันชิ้นสุดท้ายเข้าปาก เนื้อมังกรปฐพีย่างนั้นมีรสชาติอร่อยล้ำ รสสัมผัสที่ได้จากเนื้อของอสูรเวทระดับแปดไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ
ต้วนอวิ๋นหมดหวังที่จะได้ครอบครองหมื่นไฟประลัยกัลป์ เขากำเนื้อย่างเอาไว้ในมือแล้วนั่งลงข้างๆ ปู้ฟาง ปากยังเคี้ยวอย่างต่อเนื่อง แต่รู้สึกเหมือนชีวิตดำดิ่งลงสู่ความสิ้นหวัง ชายหนุ่มหดหู่เสียจนทำได้เพียงกินอาหารอร่อยย้อมใจเท่านั้น
ปู้ฟางปรายตามองต้วนอวิ๋นที่นั่งอยู่ข้างๆ จากนั้นก็หันไปมองการต่อสู้ของเหล่าขั้นเซียนเทพที่อยู่ไกลออกไป
เปลวเพลิงที่ส่องสว่างอยู่กลางอากาศสะท้อนอยู่บนใบหน้าเล็กของเขา จากนั้นชายหนุ่มก็ยิ้มออกมา
ปู้ฟางสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน ชายหนุ่มตบพุงเจ้าขาวจพลางก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า
เจ้าขาวเอามือขึ้นลูบศีรษะตนเอง ดวงตากะพริบแสงสีแดงก่อนจะเดินตามชายหนุ่มไป หนึ่งบุรุษหนึ่งหุ่นเชิดกำลังมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่เหล่าขั้นเซียนเทพกำลังต่อสู้กันอยู่
ต้วนอวิ๋นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนเนื้อย่างร่วงจากปาก
“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึ ตรงนั้นมีขั้นเซียนเทพกำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย… แล้วขั้นนักพรตยุทธการกระจอกๆ อย่างเจ้าจะพุ่งเข้าไปหาอสูรเวทแมวอะไร!”