ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 350 เถ้าแก่ปู้กินไฟ
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 350 เถ้าแก่ปู้กินไฟ
เสียงของระบบดังก้องอยู่ในหัวของปู้ฟาง
เขารู้สึกได้ว่าพลังปราณเที่ยงแท้ในแก่นพลังปราณเริ่มโคจรด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อแล้วสูบฉีดไปทั่วร่างกาย คลื่นพลังปราณเที่ยงแท้พันรอบแขนทั้งสองข้างจากนั้นก็พุ่งเข้าสู่เส้นเลือดดำ ความรู้สึกที่ร่างกายค่อยๆ พองตัวขึ้นมานั้นไม่ค่อยสบายตัวเท่าไรนัก
ปู้ฟางรู้ว่าสิ่งนี้คือหนทางเอาชนะเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีที่ระบบส่งมาให้ เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีคือสมบัติหายากซึ่งประกอบด้วยพลังปราณที่ล่องลอยอยู่ระหว่างสวรรค์และปฐพี ใครหน้าไหนจะได้ครอบครองง่ายๆ หากไม่มีเคล็ดลับซ่อนอยู่
ทว่าหลังจากศึกษาหนทางที่ระบบจัดให้อย่างถี่ถ้วนแล้ว ปู้ฟางก็ลืมตาแล้วเหลือบมองหมื่นไฟบรรลัยกัลป์อย่างอ่อนโยน
มันคือสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเสน่หา
หากมีใครอยู่ตรงนั้นแล้วได้เห็นสายตาของปู้ฟาง ย่อมต้องคิดว่าคนคนนี้บ้าไปแล้วแน่ๆ
มีเพียงปู้ฟางที่รู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้เสียสติ แต่นี่คือหนทางที่ระบบจัดมาให้ต่างหาก
“เอาชนะหมื่นไฟบรรลัยกัลป์… ด้วยการกินมัน”
กินหรือ
วิธีแสนประหลาดนี้ทำให้สีหน้าของปู้ฟางมีแต่ความสับสน แต่หลังจากผ่านความงุนงงมาได้ เขาก็ค่อยๆ ทำความเข้าใจกับขั้นตอนที่ระบบบอกอย่างช้าๆ
และนี่คือเหตุผลที่ชายหนุ่มจ้องหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ด้วยสายตาอ่อนโยน
วิธีที่ระบบจัดหาให้… คือวิธีที่เหมาะกับปู้ฟางที่สุดแล้ว เขาจ้องมองหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ รูม่านตาขยายกว้างทั้งยังเอ่อล้นไปด้วยความตื่นเต้น
ชายหนุ่มสงสัยใคร่รู้เหลือเกินว่าหมื่นไฟบรรลัยกัลป์จะมีรสชาติดีเพียงใด
‘แต่มันเป็นแค่ลูกไฟธรรมดา รสชาติไม่น่าดีเด่อะไร เนื้อสัมผัสก็น่าจะงั้นๆ’
ปู้ฟางหรี่ตาพลางคิดกับตนเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องกินไฟเลยรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ พลังปราณเที่ยงแท้ก็เข้าห่อหุ้มร่างทั้งร่างของเขาเป็นที่เรียบร้อย
ผิวของปู้ฟางเป็นสีแดงก่ำ เขาเปิดริมฝีปากแล้วหายใจเอาไอร้อนออกมา ดวงตาลุกโชนขณะจดจ้องหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ไม่วางตา
…
ตู้ม
เจตจำนงกระบี่อสุราเล่นงานเจตจำนงกระบี่ของเจ้าสำนักเมฆาขาวจนแตกเป็นเสี่ยงๆ อูมู่เซถอยหลัง มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก
การต่อสู้ของคนทั้งคู่ทำให้ต้นไม้รอบๆ เหี้ยนเตียน ไม่มีสิ่งใดต้านเจตจำนงกระบี่ที่แหลมคมได้ ทุกครั้งที่ฝ่ายหนึ่งลงมือ พื้นดินจะกลายเป็นร่องลึก
การต่อสู้ระหว่างอาวุโสสูงสุดกับมหาพรตแห่งลัทธิอสุราก็เดือดจัดเช่นกัน ภาพการตอบโต้กันระหว่างสองปรมาจารย์ด้านวงแหวนปราณนั้นน่าตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด แม้จะมองไม่ออกว่าใครเหนือกว่าใคร แต่พวกเขาก็ถือว่าเสี่ยงทั้งคู่ ถ้าฝ่ายหนึ่งเผยจุดอ่อนแม้เพียงเล็กน้อยอีกฝ่ายย่อมได้เปรียบขึ้นมาทันที
เมื่อจุดอ่อนถูกเล่นงานอย่างชาญฉลาด ฝ่ายที่พ่ายแพ้อาจบาดเจ็บสาหัสและถึงขั้นตายได้
ดังนั้นการต่อสู้ของปรมาจารย์ด้านวงแหวนปราณทั้งสองจึงรุนแรงและอันตรายกว่าการต่อสู้ของผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทั่วไป
มหาพรตสวมชุดที่เน้นทรวดทรง เผยส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนร่าง ใบหน้างดงามที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากมีแต่ความเคร่งขรึม ขาคู่งามของนางบิดเข้าหากัน ยันต์หยกสีเลือดจำนวนมากห้อมล้อมตัวนางไว้แล้วก่อตัวเป็นวงแหวนปราณลึกลับ
ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักความลับแห่งสวรรค์ดูผ่อนคลายกว่ามาก ชายชราใช้เวลาหลายปีดีดักในการศึกษาศาสตร์เรื่องวงแหวนปราณ จึงทำให้มีประสบการณ์มากกว่า ความคุ้นเคยที่เขามีต่อวงแหวนปราณนั้นมากกว่ามหาพรตหลายขั้นนัก การรับมือนางจึงไม่ใช่เรื่องสาหัสสากรรจ์แต่อย่างใด
ไกลออกไป ต้วนอวิ๋นอ้าปากค้าง แววตาอ่อนแสง
เขาตาเบิกโพลงพลางดูดกิ่งไม้ที่ใช้เสียบเนื้อย่างไม่หยุดปาก ผมสีเทาปลิวไสวท่ามกลางคลื่นพลังปราณที่ส่งเสียงหวีดหวิว
“เจ้าหมอนี่… สามารถดั้นด้นไปถึงที่นั่น… แถมยังเข้าใกล้เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีได้ขนาดนั้น! เหตุใดเขาถึงยังไม่มอดเป็นจุณกัน!”
ในใจต้วนอวิ๋นมีแต่ความสับสน หรือพูดอีกอย่างก็คือ คนอย่างปู้ฟางมีแต่เรื่องที่ทำให้เขาต้องเกาศีรษะ
ไม่ว่าจะเป็นวิชาทำอาหารสุดลี้ลับของปู้ฟาง ปราณระดับเจ็ด หรือความสามารถในการฟาดคนอื่นด้วยกระทะสีดำ ทุกอย่างดูแปลกประหลาดและพิลึกกึกกือสำหรับต้วนอวิ๋น เขาสงสัยมาตลอดว่าปู้ฟางน่าจะมาจากดินแดนอื่นที่ไกลห่างจากดินแดนทางใต้ ทวีปมังกรซ่อนเร้นมีขนาดมโหฬาร การมีพวกนอกรีตหนึ่งหรือสองคนโผล่มาย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
ต้วนอวิ๋นเกิดความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ถ้าหมอนี่ครอบครองหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ได้เล่า มันต้องโคตรเจ๋งแน่ๆ มีขั้นเซียนเทพเป็นโขยงกำลังฟาดฟันกันเพื่อชิงเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี แต่สุดท้ายมันกลับตกเป็นของคนธรรมดาที่มีปราณเพียงระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการ...”
แค่คิดก็ว้าวแล้ว!
เหล่าคนที่คุ้นเคยกับปู้ฟางอย่างเยี่ยจึหลิงและเยี่ยอวิ๋นชิงต่างรู้สึกสับสนงุนงงขึ้นเรื่อยๆ ให้อีกล้านปีพวกเขาก็ไม่มีทางจินตนาการได้ว่าจะเห็นปู้ฟางที่นี่
ต้วนหลิงรู้สึกว่าพลังปราณของตนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ลำแสงพลังปราณจำนวนมากพุ่งจากท้องฟ้าตรงมาที่เขา ราวกับกำลังช่วยเติมเต็มความกระหายในร่างกาย เขารู้สึกเหมือนโซ่ที่พันธนาการร่างไว้เริ่มแตกร้าว เห็นภาพมายาว่าตนเองกำลังจะก้าวขึ้นสู่ระดับใหม่เป็นระดับสิบขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์
ลัทธิอสุรามาจากถิ่นอื่นนอกดินแดนทางใต้ ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าปราณระดับสิบขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังเพียงใด
ใครก็ตามที่อยู่ในระดับต่ำกว่า แม้กระทั่งระดับเก้าขั้นเซียนเทพก็จัดได้ว่าเป็นเพียงมนุษย์ พวกเขายังถูกโซ่ตรวนพันธนาการเอาไว้ เมื่ออยู่ต่อหน้าขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ ขั้นเซียนเทพก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวกตัวหนึ่ง
เขากำกระบี่อสุราแน่นขณะที่เจตจำนงกระบี่พลุ่งพล่านออกมาจากมือ คลื่นพลังปราณเที่ยงแท้พุ่งสู่ท้องฟ้าพร้อมการฟันอย่างแรง
การโจมตีครั้งนี้ส่งให้อูมู่ปลิวกระเด็นไป ก่อนจะฟาดลงกับพื้นแล้วกระอักเลือดออกมา
อูมู่คือผู้ฝึกตนสายกระบี่ที่มีเจตจำนงกระบี่ดีเลิศ กระนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ปรับที่พลังเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ เขาก็ดูเปราะบางอย่างไม่น่าเชื่อ
“ฮ่าๆๆ ยอมรับเถอะ! ลัทธิอสุราของข้าคืนชีพแล้ว ข้าต้วนหลิงจะกอบกู้ชื่อเสียงคืน!”
ต้วนหลิงหันหน้ากลับมาแล้วหัวเราะด้วยความตื่นเต้น เสียงหัวเราะที่เปี่ยมไปด้วยพลังกดดันสะท้อนก้องไปในอากาศ
ด้านล่าง เป่ยกงหมิงที่หมดสติเพราะกระทะของปู้ฟางลุกยืนขึ้นอีกครั้งจนได้
เขารู้สึกเหมือนศีรษะแตกเป็นเสี่ยงๆ แค่แตะสันจมูกที่บิดเบี้ยวเบาๆ ก็ปวดร้าวเจียนบ้า เขาอยากร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตา นี่เขาไปล่วงเกินใครเข้าถึงต้องมีสภาพเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้นกับกฎห้ามโจมตีใบหน้ากัน เป่ยกงหมิงรู้สึกว่าหน้าของตนไม่ใช่ของตนอีกต่อไป
เขาล้มเหลวอย่างน่าสมเพชกับภารกิจง่ายๆ!
ยิ่งคิดชายหนุ่มก็ยิ่งนึกถึงความแค้นที่ยังไม่สะสางกับปู้ฟาง ต้นเหตุแห่งความชั่วร้ายทั้งปวง ใจของเขาสั่นระรัวเมื่อเริ่มมองหาอีกฝ่าย เขากวาดสายตาแล้วหยุดลงตรงร่างหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างดูปกติดีจนกระทั่งเขาได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ภาพนั้นทำให้เขาหวาดกลัวจนหัวใจแทบจะทะลุหน้าอกออกมา
“หมอนั่นเสียสติไปแล้วรึ”
เป่ยกงหมิงกำลังได้ประสบกับตาตนเอง เจ้าคนกระจอกระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการ... กำลังจะคว้าเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี
ขนาดผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพยังไม่กล้าสัมผัสเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีด้วยมือเปล่าเลย!
ปู้ฟางรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัวจนต้องย่นหน้าผาก เขาเอื้อมมือออกไปแล้วกางนิ้วเรียวยาวสุดกำลัง
ครืด…
ราวกับว่าหมื่นไฟบรรลัยกัลป์จับการเข้าประชิดของปู้ฟางได้ มันจึงสั่นอย่างรุนแรงแล้วส่งคลื่นพลังที่มองไม่เห็นออกมา ความผันผวนของอากาศเหมือนเป็นสัญญาณเตือนปู้ฟางว่าอย่าเข้ามาใกล้กว่านี้!
ทว่าคนอย่างปู้ฟางแม้แต่ความรู้สึกของผู้อื่นก็ยังไม่คิดใส่ใจ แล้วนับประสาอะไรกับความรู้สึกของลูกไฟ ในสายตาเขา หมื่นไฟบรรลัยกัลป์เกือบจะแปรสภาพเป็นขนมปังหอยนางรมควันฉุยหอมกรุ่นล่อตาล่อใจอยู่รอมร่อ
ปู้ฟางเลียริมฝีปาก ในที่สุดฝ่ามือของเขาก็เอื้อมถึงหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ ตอนนั้นเองแรงดูดประหลาดก็ระเบิดออกมาจากฝ่ามือของชายหนุ่ม ทำเอาปู้ฟางขมวดคิ้วทันที
ปัง!!
เจ้าขาวกระทืบเท้าอย่างเกรี้ยวกราดแล้วพุ่งขึ้นฟ้ามาอยู่ข้างๆ ปู้ฟาง ดวงตาของมันกะพริบแสงสีม่วง พลังการต่อสู้พุ่งสูงทันที
ชั่วลมหายใจที่ปู้ฟางฉวยหมื่นไฟบรรลัยกัลป์มาได้ ความรู้สึกเดียวที่เขามีคือร้อนเหลือหลาย ลูกไฟลูกนี้ร้อนจนแทบจะลวกมือ คลื่นพลังปราณเที่ยงแท้ภายในกายของปู้ฟางหมุนวนแล้วมารวมตัวกันเป็นลวดลายลึกลับบนฝ่ามือ ซึ่งช่วยให้ชายหนุ่มคว้าเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีเอาไว้โดยที่ลูกไฟไม่อาจหนีไปไหนได้
โชคยังดีที่หมื่นไฟบรรลัยกัลป์เพิ่งจะก่อตัวได้ไม่นาน พลังของมันยังมีจำกัด ปู้ฟางจึงสามารถควบคุมไฟได้ หากพลังของมันแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อีกเล็กน้อย ปู้ฟางย่อมถูกเผามอดไหม้เป็นจุณได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมีหมื่นไฟบรรลัยกัลป์อยู่ในมือ ปู้ฟางจึงสามารถชื่นชมมันได้อย่างจริงจัง
“หือ อะไรนี่”
ปู้ฟางพ่นลมหายใจที่ร้อนจนเกือบจะเดือดออกมาเบาๆ
จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นลูกโลกสีขาวอมเทาลอยอยู่เหนือหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ คลื่นพลังปราณเข้มข้นและเสียงร้องโหยหวนน่าสังเวชทะลักออกมาจากลูกโลกนั้น
ปู้ฟางยื่นมือไปคว้าลูกโลกร้อนฉ่า ก่อนจะดึงมันออกมาจากตำแหน่งเดิมที่อยู่เหนือเปลวไฟ
“หน้าตาคุ้นๆ” ปู้ฟางหรี่ตา เขารู้สึกว่าลูกโลกนี้คล้ายลูกโลกวิญญาณล่วงลับที่เคยเห็นมาก่อน ทว่าที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยใส่ใจของพรรค์นี้เท่าไรนัก และที่สำคัญ… คือมันกินไม่ได้เสียหน่อย
“เจ้าขาว เปิดพุงหน่อย…”
ปู้ฟางบอกเจ้าขาวที่ลอยอยู่ข้างๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
เจ้าขาวที่อัดแน่นด้วยพลังเกรี้ยวกราดกำลังจะดิ่งลงไปสังหารมังกรเพลิงเบื้องล่าง ทว่าทันทีที่ได้ยินคำสั่งของปู้ฟาง ดวงตาจักรกลของมันก็เป็นสีม่วงขึ้นมา
เจ้าขาวทำตามคำสั่งของปู้ฟาง มันเปิดพุงออกเผยให้เห็นหลุมดำมืดมิด
ปู้ฟางมองเข้าไปในหลุมดำ จากนั้นก็โยนลูกโลกสีเทาอมขาวในมือลงไปในพุงของเจ้าขาว
…
ต้วนหลิงยังลอยตัวอยู่บนฟ้าพลางอาบไล้พลังปราณที่หลั่งไหลลงมา ใบหน้าของเขาเปี่ยมสุขสุดๆ
เขารู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังถูกเลื่อนสถานะให้สูงขึ้น พลังปราณจากแหล่งพลังชีวิตที่เข้มข้นนั้นถูกชำระล้างแล้ว ทำให้ร่างของเขาสามารถดูดซับมันได้อย่างง่ายดาย ทันทีที่ดูดซับพลังปราณจากแก่นวิญญาณที่อยู่ในลูกโลกวิญญาณล่วงลับได้ทั้งหมด เขาก็จะสามารถทำลายโซ่ตรวนของขั้นเซียนเทพและก้าวขึ้นไปยังระดับสิบได้ เมื่อนั้นเขาจะกลายเป็นประมุขที่จุติลงมายังโลก เขาจะฟื้นคืนลัทธิอสุราและยึดครองทวีปทั้งหมด!
ต้วนหลิงดื่มด่ำกับการสะสมพลังปราณเที่ยงแท้ มัวเมากับการเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง
ทว่าความรู้สึกพึงพอใจครั้งนี้ไม่ได้ยืนยาว
มันหยุดลงกะทันหัน
ลำแสงพลังปราณที่ตกลงมาจากท้องฟ้าค่อยๆ จางลง… แล้วหายไป
ต้วนหลิงลืมตาช้าๆ ใจสั่นระรัว เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เหตุใดพลังปราณที่ลูกโลกวิญญาณล่วงลับส่งมาจึงจางหายไป ใครไปยุ่งกับลูกโลกวิญญาณล่วงลับของข้า ใครกล้าสาระแนกับโชคลาภของข้า”
ในใจของต้วนหลิงร้อนเป็นไฟ เขาหันหน้าไปมองหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ และสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาบันดาลโทสะขึ้นมา