ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 351 ไอ้คนวิปลาสนี่มันกินไฟเข้าไปแล้ว!
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 351 ไอ้คนวิปลาสนี่มันกินไฟเข้าไปแล้ว!
ต้วนหลิงโกรธมากเสียจนขนลุกไปทั้งร่าง เจตจำนงแห่งกระบี่สีเลือดหมุนวนสะเปะสะปะไปหมด เขาบันดาลโทสะจนสูญเสียการควบคุมพลังปราณของตนไปหมดสิ้น
ลูกโลกวิญญาณล่วงลับควรจะลอยอยู่เหนือหมื่นไฟประลัยกัลป์ ต้วนหลิงตั้งใจจะให้เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีเผาไหม้ดวงวิญญาณนับหมื่นนับแสนดวงในลูกโลก เพื่อเปลี่ยนมันให้เป็นพลังปราณเที่ยงแท้ที่ไหลกลับออกมาหล่อเลี้ยงร่างกายของเขา
สิ่งนี้จะทำให้เขาหลุดจากพันธนาการของขั้นเซียนเทพ และบรรลุสู่ปราณขั้นต่อไป
ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้สวย ต้วนหลิงรู้สึกมีความสุขจนเนื้อเต้นไปหมดเมื่อสัมผัสได้ว่าพลังปราณของตนเองกำลังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทันทีที่ลำแสงแห่งพลังปราณซึ่งตกลงมาจากฟากฟ้าสลายหายไป หัวใจของเขาก็กระตุกวูบ เขารู้สึกได้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ๆ
และเมื่อหันกลับไปมอง เจ้าลัทธิอสุราก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังดึงลูกโลกวิญญาณล่วงลับที่อยู่บนหมื่นไฟประลัยกัลป์ออกมาอย่างไม่ไยดี
“จะเอาออกก็เอาออกเถอะ แต่เจ้าจำเป็นต้องเอาไปให้ไอ้หุ่นเชิดนั่นกินเหมือนเป็นเศษขยะด้วยหรือ นั่นมันลูกโลกวิญญาณล่วงลับนะโว้ย! เป็นอุปกรณ์กึ่งเทพเชียวนะ!”
ภาพที่เห็นทำให้ตัวของต้วนหลิงแทบระเบิดด้วยความโกรธ ความร้ายกาจนี้มีผลต่อจิตใจของเขาเหมือนถูกฝ่าเท้าเหยียบย่ำศักดิ์ศรี เหมือนมีคนเดินดุ่มๆ เข้ามาตบหน้าอย่างไรอย่างนั้น
แน่นอนว่าเมื่อลูกโลกวิญญาณล่วงลับถูกหุ่นเชิดกินเข้าไป ลำแสงพลังปราณก็ย่อมหายวับไปทันตา เขาไม่สามารถพัฒนาขั้นปราณได้อีกต่อไปแล้ว
ต้วนหลิงวางแผนเรื่องนี้มานานแสนนาน ทุ่มเทมากจนถึงขั้นก่อสงครามภายในจักรวรรดิวายุแผ่วเพื่อเก็บวิญญาณและภูตผีมากมายมาสะสมไว้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ตนเองทะลวงผ่านขั้นปราณได้นั่นเอง
แล้วดูเสียสิว่าเกิดอะไรขึ้น…ความพยายามอย่างเหนื่อยยากเลือดตาแทบกระเด็นของเขา บัดนี้กลับถูกโยนทิ้งเหมือนเศษขยะ ซ้ำร้ายยังโดนหุ่นเชิดกินเข้าไปอีก
“ไอ้หุ่นเชิดนี่มันเป็นบ้าอะไรกัน กล้าดีอย่างไรมากินโชคลาภของข้า!”
หลังจากโยนลูกโลกวิญญาณล่วงลับสีขาวอมเทาลงท้องเจ้าขาวไป ปู้ฟางก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก เขาหันไปเพ่งสมาธิอยู่ที่หมื่นไฟประลัยกัลป์ตรงหน้า
ลูกไฟเป็นสีทองส่องสว่างน่าตื่นตาตื่นใจ สวยงามจับตาเหมือนดอกไม้งามที่ชุบด้วยทองคำ
พลังปราณที่อยู่ในแก่นพลังของปู้ฟางเริ่มกระจายตัวไปสู่แขนขาของเขา ทำให้ร่างกายร้อนระอุหยุดไม่อยู่ เขามองหมื่นไฟประลัยกัลป์แล้วก็รู้สึกลำคอแห้งผากขึ้นมาทันที ชายหนุ่มแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก ผ่อนลมหายใจร้อนผ่าวออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยความร้อนรน จากนั้นเขาก็เอามือประคองลูกไฟสีทองเอาไว้แล้วยกมันขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าเอาปากเข้าไปใกล้ๆ
ตอนนั้นเองทุกการต่อสู้ก็หยุดชะงัก ดวงตาทุกคู่หันมองปู้ฟาง ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง ไม่เข้าใจว่าคนผู้นี้กำลังจะทำสิ่งใด
เป่ยกงหมิงมึนงงไปหมด หัวใจของเขาเต้นระส่ำอยู่ในอก
ผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการเข้าถึงหมื่นไฟประลัยกัลป์ได้ง่ายๆ แถมยังคว้ามันมาได้ด้วยมือเปล่า… นั่นมันเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี ที่กำเนิดจากพลังปราณเที่ยงแท้มหาศาลซึ่งอยู่ระหว่างสวรรค์และปฐพีเชียวนะโว้ย!
“แม้แต่ขั้นเซียนเทพยังไม่กล้าจับเลย แล้วขั้นนักพรตยุทธการมันอาจหาญถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ…ทำไมไอ้หมอนี่ยังไม่ไหม้ตายไปอีก หรือว่าไอ้เปลวไฟนี่มันจะเป็นของปลอม”
ใบหน้าอ่อนหวานของเยี่ยจึหลิงดูประหลาดชอบกล นางมองการกระทำของเถ้าแก่ปู้แล้วก็เบิกตาขึ้น
“เถ้าแก่ปู้…ไม่ได้จะกินไฟเข้าไปใช่ไหมน่ะ”
ร่างท้วมของเยี่ยอวิ๋นชิงเริ่มสั่นเบาๆ
“เขาเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ! หมอนี่มันตัวอะไรกัน กินได้แม้กระทั่งเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีเนี่ยนะ!”
…
ฝูงชนเริ่มส่งเสียงอื้ออึงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะมองปู้ฟางด้วยสีหน้าประหลาด พอชายหนุ่มเอาหน้าเข้าไปแนบหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ หัวใจของทุกคนก็เต้นระส่ำไปหมด
เจ้าไม่ได้แค่กินไฟ แต่ยังเล่นเอาหัวใจพวกข้าจะวายมิวายแหล่ด้วยรึ!
ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักความลับแห่งสวรรค์ลูบเคราขาวด้วยใบหน้ารื่นเริง เขามองปู้ฟางด้วยสายตาประหลาด ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่คนเดียว
ผมสีดำสลวยของมหาพรตแห่งลัทธิอสุราปลิวไสวไปในอากาศ ดวงตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากเต็มไปด้วยความโกรธแค้น หน้าอกพองอยู่ในเสื้อด้วยความโกรธ
ลูกโลกวิญญาณล่วงลับหายไปแล้ว ส่วนลูกไฟก็ถูกยึดไป ความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาของลัทธิอสุราถูกทำลายกลายเป็นตอตะโกไปหมดสิ้น!
ไอ้หมอนี่!
ณ เวลานั้นสายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่ปู้ฟาง ในที่แห่งนี้มีเหล่าขั้นเซียนเทพมากมายที่กำลังปล่อยพลังกดดันออกมาเต็มพิกัด จนแม้แต่ขั้นเทพแห่งสงครามยังต้องเข่าอ่อน แล้วขั้นนักพรตยุทธการทั่วไปจะไปเหลืออะไร
ทว่าปู้ฟางกลับยังนิ่งเฉยอยู่ได้ พลังกดดันของขั้นเซียนเทพไม่ได้มีผลต่อตัวเขาแม้แต่น้อย
ดวงตาของชายหนุ่มมองไปยังหมื่นไฟประลัยกัลป์สีทองเจิดจ้าที่ยังคงส่องแสงวูบวาบไม่หยุด
เปลวเพลิงนี้มีปัญญาวิญญาณอยู่ เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังมาประชิดตัว มันก็เริ่มดีดดิ้นพยายามจะหนีออกจากเงื้อมมือของปู้ฟาง ในชีวิตนี้มันไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนตั้งใจกินมัน นี่มันลูกไฟไม่ใช่ขนมปังหอยนางรมนะโว้ย!
ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จ้องเขม็ง ใบหน้าของปู้ฟางก็มาจ่ออยู่ตรงหน้าหมื่นไฟประลัยกัลป์ในที่สุด
ทุกคนสูดลมเย็นเข้าปอด
แม้แต่ลูกไฟเองก็ยังแข็งทื่อหยุดพลิ้วไหว
พลังปราณทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่บนใบหน้าของปู้ฟาง ใบหน้าของเขาถูกปกคลุมด้วยหน้ากากพลังปราณหนาเตอะ
ชายหนุ่มเปิดปากออกแล้วกัดลูกไฟเข้าไปเต็มคำพร้อมเสียงดังกรอบ
ลูกไฟส่วนหนึ่งเข้าไปอยู่ในปากของเขาเรียบร้อย ชายหนุ่มหมุนลิ้นไปมา จากนั้นก็กลืนลงไปทั้งคำ
ฝูงชนที่อยู่รายรอบต่างเงียบเป็นเป่าสาก
บรรยากาศของที่นี่เงียบมากเสียจนสามารถได้ยินเสียงเข็มตกพื้นเลยทีเดียว
“เกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ไอ้คนนั้นมันเพิ่งกินไฟเข้าไปหรือ ไฟนั่น…กินได้แน่หรือ”
ต้วนหลิงที่ก่อนหน้านั้นแทบระเบิดด้วยโทสะ บัดนี้กลับอ้าปากค้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
ในโลกนี้มัน…มีคนบ้าที่ไล่กินไฟอยู่จริงหรือ
ปู้ฟางมุ่นคิ้ว หมื่นไฟประลัยกัลป์กำลังไหลลงลำคอเข้าไปในท้อง รสสัมผัสเรียกได้ว่าไม่ได้เรื่อง เนื่องจากอุณหภูมิของไฟนั้นสูงมาก อีกทั้งรสชาติยังกระเดือกไม่ลง และยังมีรสของ…เนื้อไหม้จางๆ ด้วย
ปู้ฟางจึ๊ปาก จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกประหลาด
ทุกคนจ้องตาแทบถลนเมื่อเขาหยิบลูกไฟอีกส่วนเข้าปาก ชายหนุ่มตวัดลิ้นเอาเปลวเพลิงลงท้องไปเรียบร้อย
เขาเลิกคิ้วขึ้นเหมือนได้รสชาติใหม่จากลูกไฟ จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาฉีกลูกไฟแล้วเอาเข้าปากต่อ ไม่นานนักลูกไฟที่พลิ้วไหวไปมาเมื่อครู่ก็ลงท้องชายหนุ่มไปทั้งหมด
หมื่นไฟประลัยกัลป์ที่ตอนแรกพยายามดิ้นหนีเอาชีวิตรอด สุดท้ายก็หมดแรงสิ้นท่าแล้วยอมรับชะตากรรมตนเองในที่สุด
ทันทีที่กินไฟเข้าไปหมดทั้งลูก ใบหน้าของปู้ฟางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เขาเรอออกมาเสียงดังลั่น
เปลวเพลิงสีทองบางเบาพุ่งออกมาตามการเรอ
ปู้ฟางเบิกตากว้างแล้วรีบเอามือปิดปากทันที
“สรุปเขา…กินเข้าไปทั้งหมดเลยรึ เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีที่เต็มไปด้วยพลังปราณมากมายจากสวรรค์และปฐพี กลับกลายเป็นโดนกินเข้าไปทีละคำเนี่ยนะ”
ทุกคนมองปู้ฟางด้วยสายตาที่เหมือนกำลังมองปีศาจ แต่หลังจากดึงสติกลับมาได้ พวกเขาก็ต่างรู้สึกทึ่งกันไปหมด
ให้ตายสิ…พวกเขาต่อสู้กันแทบเป็นแทบตายเพื่อแย่งเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี แต่ตอนนี้มันจะเหลืออะไรให้ครอบครองอีก ในเมื่อสิ่งที่พวกเขาอยากได้กลับถูกใครก็ไม่รู้กินเข้าไปหมดแล้ว!
อ๊าก!!!
เจ้าลัทธิอสุราต้วนหลิงเสียสติไปเรียบร้อย ดวงตาของเขาแดงก่ำเดือดพล่าน เจตจำนงแห่งกระบี่หมุนวนรอบกาย จิตสังหารปะทุขึ้นมาในใจจนแทบจะระเบิดอยู่รอมร่อ
“ลูกโลกวิญญาณล่วงลับถูกหุ่นเชิดกิน แถมหมื่นไฟประลัยกัลป์ยังมาโดนไอ้เวรนี่กินเข้าไปอีก! เจ้าโกรธเกลียดข้ามาแต่ชาติปางไหนถึงทำกับข้าเช่นนี้!”
เมื่อเห็นต้วนหลิงบันดาลโทสะ ผู้อาวุโสสูงสุดก็อดเงยหน้าขึ้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นไม่ได้ เขาดีใจเป็นอันมาก เนื่องจากเป้าหมายหลักในการมาที่นี่ของเขาในวันนี้คือสกัดไม่ให้ต้วนหลิงได้หมื่นไฟประลัยกัลป์ไปครอง แน่นอนว่าการที่เรื่องจบเช่นนี้ย่อมทำให้ชายชราพึงพอใจ
อูมู่เองก็เอาตัวพิงกระบี่แล้วหัวเราะออกมาเช่นกัน “ข้าเอาชนะเจ้าในการต่อสู้ไม่ได้ แต่การได้มาเห็นเจ้าเสียหมื่นไฟประลัยกัลป์ไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้มันช่างสาแก่ใจข้านัก!”
ต้วนหลิงโบกกระบี่อสุราไปในอากาศ ชี้ปลายกระบี่ตรงมายังปู้ฟาง
“ใครก็ตามที่ขวางทางข้าต้องถูกกำจัด!”
สิ้นเสียงต้วนหลิงก็รีบกระโจนเข้าใส่ปู้ฟางทันที แต่วงแหวนปราณของผู้อาวุโสสูงสุดกลับพุ่งขึ้นมาล้อมเขาเอาไว้เสียก่อน อูมู่เองก็พุ่งเข้ามาพร้อมปล่อยการโจมตีด้วยเจตจำนงแห่งกระบี่เช่นกัน
ทั้งสองตั้งมั่นว่าจะต้องปกป้องปู้ฟางไว้ให้ได้
หลังจากกินหมื่นไฟประลัยกัลป์เข้าไป ปู้ฟางก็รู้สึกถึงความร้อนที่ไหลเวียนไปมาในร่างกาย มันร้อนมากเสียจนดวงตาเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“ให้ตาย ไอ้ไฟนี่มันมีพิษรึ…” ปู้ฟางคิดในใจ
“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านที่ครอบครองหมื่นไฟประลัยกัลป์ได้สำเร็จ ภารกิจฉุกเฉินสำเร็จแล้ว นายท่านจะได้รับรางวัลจากภารกิจเร็วๆ นี้ กรุณาเตรียมตัวเคลื่อนย้ายกลับ…”
ตอนที่ปู้ฟางกำลังจะทานทนความร้อนไม่ไหวนั่นเอง เสียงของระบบก็ดังขึ้นในศีรษะ
ชายหนุ่มลืมตาขึ้น จากนั้นก็เห็นแสงจางๆ เริ่มก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะเป็นรูปร่างของวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายที่คุ้นเคยดี
วืด
เจ้าขาวเหาะขึ้นมาอยู่ข้างๆ ปู้ฟางทันที
“หา? เจ้าขาว…นี่เจ้าเหาะได้ด้วยรึ” ปู้ฟางถามด้วยความตกใจ
เจ้าขาวลอยค้างอยู่กลางอากาศ พลังประหลาดสาดออกจากร่างกาย ร่างอ้วนของมันโอนไปเอนมาอยู่บนท้องฟ้า เหมือนคนเมาที่กำลังพยายามทรงตัว ดวงตายังคงกะพริบแสงไม่หยุด แดงที ม่วงที
ปู้ฟางหัวใจกระตุก หรือว่าเจ้าขาวจะกำลังปวดท้อง หรือว่าสิ่งที่เขาโยนใส่ท้องมันไปเมื่อครู่นี้…จะมีพิษกันนะ
ครืน…
วงแหวนปราณบนศีรษะของปู้ฟางก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อยๆ บรรดาขั้นเซียนเทพรอบกายเริ่มได้สติขึ้นมา พวกเขาสัมผัสได้ถึงกระแสพลังของวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย
“ไอ้หมอนี่กำลังจะหนี!”
บรรดาขั้นเซียนเทพพากันร้อนรนขึ้นมา เสียงมังกรเพลิงคำรามก้องออกมาจากหลุมเพลิง มันสยายปีกส่งพลังปราณแข็งแกร่งออกมาแล้วพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งตรงมายังปู้ฟาง
ส่วนคางคกขาเดียวก็ร้องอ๊บดังลั่น มันกระโจนขึ้นฟ้า พุ่งตรงมาหาชายหนุ่มเช่นกัน
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพสองคนจากวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏกู่ร้อง พวกเขาระเบิดกล้ามเนื้อปูดโปนแล้วพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มด้วยดวงตาแดงก่ำ
ประมุขอสรพิษมีสีหน้าเย็นเยียบ นางแกว่งหางงูแล้วเลื้อยเข้าหาปู้ฟางไม่ต่างจากคนอื่นๆ
ขั้นเซียนเทพทั้งห้ากำลังพุ่งตรงมายังชายหนุ่มพร้อมๆ กัน!
ปู้ฟางขมวดคิ้ว รู้สึกกระสับกระส่ายชอบกล การที่ขั้นเซียนเทพกระโจนเข้ามาหวังจะตะครุบตัวเขาเช่นนี้เรียกได้ว่าน่าขนหัวลุกเป็นที่สุด! ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองวงแหวนปราณที่ก่อตัวเสร็จพอดี จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ลมพัดส่งเสียงหวีดหวิวก่อตัวเป็นพายุล้อมรอบกายปู้ฟาง มันพร้อมที่จะส่งเขาไปยังที่ที่ไกลแสนไกลแล้ว
บรรดาขั้นเซียนเทพทั้งห้าพุ่งเข้ามาใกล้ ส่งพลังกดดันน่าพรั่นพรึงให้กระจายตัวไปทั่ว แม้แต่อากาศเองก็ยังสั่นไหว
ครืด…
ร่างที่กำลังโอนเอนไปมาของเจ้าขาวหยุดนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาของมันที่กะพริบสีแดงทีสีม่วงทีแปรเปลี่ยนเป็นสีเทา…สีเดียวกับลูกโลกวิญญาณล่วงลับไม่มีผิดเพี้ยน
ดวงตาสีเทากะพริบถี่
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นด้านหลังเจ้าขาว ปีกเหล็กปรากฏขึ้นบนหลังของมัน ปีกนั้นสะท้อนแสงแดดเจิดจ้าจนทำให้ใครก็ตามที่ได้เห็นต้องเสียวสันหลังวาบ
จากนั้นปีกดังกล่าวก็ปกป้องร่างของปู้ฟางไว้จากบรรดาขั้นเซียนเทพที่พุ่งเข้าใส่