ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 352 อวดแล้วชิ่ง
กระแสลมพัดหวีดหวิวอยู่รอบกายปู้ฟาง ทำเอาผมของเขาปลิวกระจายไปในอากาศ
ใบหน้าของชายหนุ่มร้อนฉ่าและแดงก่ำ แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
เขามองไปที่ปีกซึ่งสยายกว้างของเจ้าขาวพลางรู้สึกงุนงงเล็กน้อย “เจ้าขาวมีปีกงอกออกมารึ เจ้าขาวจะบินได้แล้วรึ”
สัญชาตญาณบอกเขาว่าความเปลี่ยนแปลงในตัวของเจ้าขาวต้องมาจากลูกโลกวิญญาณล่วงลับที่เขาโยนให้มันกินแน่นอน... ดูเหมือนว่าลูกโลกนั้นจะทำให้เจ้าขาวปวดท้องรุนแรงจริงเสียด้วย
เสียงระเบิดดังลั่นก้องไปในอากาศ พลังปราณรุนแรงระเบิดออกจากผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทั้งห้าที่พุ่งเข้ามาใกล้ ทุกคนจ้องมองปู้ฟางด้วยสายตาละโมบหิวกระหาย
หมื่นไฟประลัยกัลป์ถูกไอ้คนไม่รู้หัวนอนปลายเท้านี่กินเข้าไปต่อหน้าต่อตา แต่ไอ้ขั้นนักพรตยุทธการคนนี้คงยังไม่ได้ดูดซึมพลังงานในเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีไปใช้หมดในเวลาเพียงเท่านี้หรอก เปลวไฟนั้นอาจจะยังอยู่ในท้องของไอ้หมอนี่ แปลว่าหากจับตัวไว้ได้ก็น่าจะยังพอมีวิธีเอามันกลับคืนมา!
นอกจากนี้พวกเขายังอยากรู้ด้วยว่าปู้ฟางทำอย่างไรถึงกลืนเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีลงท้องไปได้
แม้ไอ้หมอนี่จะไม่ได้มีพลังปราณสูงส่งน่าสะพรึงกลัว แต่กลับเต็มไปด้วยความลับมากมาย และความลับนั้น…ก็ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นตัวสั่นไม่น้อย
จะเคลื่อนย้ายหนีรึ ฝันไปเถอะ!
ผู้ฝึกตนจากวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏเบ่งกล้าม ดวงตามองไปยังวงแหวนปราณเหนือศีรษะปู้ฟางพลางยิ้มเยาะออกมา
ไอ้นี่จะอวดแล้วชิ่งหนีรึ คิดว่าเหล่าขั้นเซียนเทพเป็นคนโง่ไม่รู้ภาษาหรืออย่างไรกัน
ชายผู้นี้เรียกขวานเล่มใหญ่นามว่าขวานลับโลกา ซึ่งเป็นอุปกรณ์กึ่งเทพของวิหารเทพเจ้าออกมาถือไว้ในมือ ขวานนั้นหนักหลายหมื่นจิน และมีพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอันมาก
เขาไม่มีทางปล่อยให้ปู้ฟางหนีไปง่ายๆ เด็ดขาด จึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะทุบวงแหวนปราณที่เพิ่งก่อตัวบนศีรษะหมอนี่ทิ้งเสีย
พลังปราณเที่ยงแท้ของเขาระเบิดออกจากร่างแล้วแผ่ไปทั่วท้องฟ้า จากนั้นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพผู้นี้ก็ส่งพลังมหาศาลเข้าไปในขวานแล้วเหวี่ยงใส่ปู้ฟาง
ขวานเล่มนั้นหมุนควงอยู่ในอากาศ ก่อนจะพุ่งตรงเข้าหาชายหนุ่มทันที แต่กลับถูกปัดทิ้งกลางทางด้วยหลาวจำนวนมากจนเบี่ยงออกจากวิถีที่มันเดินทางมา
ดวงตาสีเทาของเจ้าขาวดูเย็นเยือกเป็นอันมาก ปีกเหล็กบนหลังของมันกางออกเต็มที่สะท้อนแสงสว่างวาบดูน่ากลัว
มันหมุนแขนเรียกหลาวกลับมาถือไว้ในมือ ดวงตาสีเทากลอกไปมาก่อนจะจับจ้องไปยังผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพผู้นั้น
“ไอ้เวรเอ๊ย! กล้าดีอย่างไรมาขวางทางข้า! ตายเสีย!”
ผู้ฝึกตนจากวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏคำรามด้วยโทสะ กล้ามเนื้อปล่อยลำแสงออกมา
ตูม ตูม ปัง!
มังกรเพลิงที่อยู่ในหลุมคำรามออกมาสุดเสียงพลางสยายปีก มันอ้าปากกว้างเผยให้เห็นคมเขี้ยวเรียงเป็นตับ จากนั้นก็กระโจนเข้าใส่ปู้ฟางอย่างดุร้าย ใครก็ตามที่กล้าแย่งเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีไปจากมันจะต้องตาย!
แต่ร่างหนึ่งกลับพุ่งตัดอากาศไปหยุดลงตรงหน้ามังกรพอดี
หุ่นเชิดร่างอ้วนกระพือปีกเหล็กบนหลัง จากนั้นก็สกัดมังกรเพลิงเอาไว้ ก่อนจะส่งหมัดลุ่นๆ ใส่มังกรพร้อมด้วยดวงตาสีเทาที่กะพริบช้าๆ
โครม!!
เลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ โลหิตสีแดงร้อนเหมือนหินหนืดระเบิดออกมาจากร่างของมังกรเพลิง
หมัดเดียวของเจ้าขาวทำให้หัวของมังกรเพลิงถึงกับเป็นแผลเหวอะ! แถมร่างของมันยังปลิวกระเด็นเข้าไปในหินหนืดอีกต่างหาก ดูเหมือนว่าปีกบนหลังของเจ้าขาวจะทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นมากทีเดียว
เสียงร้องของคางคกดังก้องอยู่บนฟ้า ร่างกายที่ใหญ่โตของมันบดบังดวงอาทิตย์ไปทั้งดวง ก่อนจะร่วงลงมาจากท้องฟ้า! ดูเหมือนว่ามันตั้งใจจะทับปู้ฟางให้แบนเละเทะ
ปู้ฟางตกใจเป็นอันมาก ไอ้คางคกนี่มันช่างร้ายนัก!
กระแสลมใต้วงแหวนปราณพัดกระหน่ำ ปู้ฟางเริ่มรู้สึกได้ถึงแรงดูดจากวงแหวนปราณ สายตาของชายหนุ่มค่อยๆ พร่าเลือนไปทีละน้อย
เขารู้ว่าการเคลื่อนย้ายเริ่มต้นขึ้นแล้ว และตนเองกำลังจะได้ออกไปจากที่แห่งนี้
ดวงตาสีเทาของเจ้าขาวกะพริบวาบ มันกระพือปีกก่อนที่ร่างจะไปปรากฏอยู่ใต้ขาของคางคกพอดิบพอดี
เจ้าขาวยื่นมือออกมา ฝ่ามือของมันแยกออก เผยให้เห็นหอกเหล็กที่พุ่งตรงไปเจาะขาของคางคก มือของเจ้าขาวจับขาคางคกเอาไว้
คางคงขาเดียวตัวใหญ่ยักษ์สัมผัสได้ถึงพลังร้ายกาจที่แพร่กระจายอยู่ตรงขา จากนั้นมันก็ถูกเหวี่ยงออกไปพร้อมเสียงอ๊บดังลั่น
เจ้าขาวในตอนนี้แข็งแกร่งเป็นอันมาก แม้ร่างกายของมันจะเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับคางคกยักษ์ แต่มันกลับสามารถโยนอสูรเวทระดับเก้าตัวเบ้อเริ่มทิ้งไปได้อย่างง่ายดาย
เหล่าผู้ที่ยืนดูอยู่ในบริเวณนั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปอดทันที
ดวงตาของเยี่ยจึหลิงเป็นประกาย นางแทบกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจสุดแสน
“เจ้าขาวนี่ยอดเยี่ยมจนน่าเหลือเชื่อ! ปีศาจร้ายที่ชอบจับคนแก้ผ้าถลกหนังคางคกได้ด้วยหรือนี่!”
เยี่ยอวิ๋นชิงลูบหนวด ตัวสั่นเล็กน้อย แม้เยี่ยจึหลิงจะไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ตัวเขานั้นเข้าใจดี! ก่อนหน้านี้ความสามารถในการต่อสู้ของเจ้าขาวนั้นเรียกได้ว่าน่าประทับใจ แต่ก็เทียบได้กับผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพหนึ่งคนเท่านั้น
ทว่าเจ้าขาวในตอนนี้ไปกินโอสถทิพย์ลับอะไรมาหรือ จู่ๆ ถึงได้เก่งกาจเสียยิ่งกว่าผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพที่อยู่ในชั้นสูงสุดเสียอีก!
พอคางคกขาเดียวถูกเหวี่ยงทิ้งไป ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพคนอื่นๆ ก็พากันกรูเข้ามา
ประมุขอสรพิษเอวบางร่างน้อยอ้าริมฝีปากสีแดงสดออกกว้าง กระบี่ยาวพลันโผล่ออกจากปากของนาง คมกระบี่นั้นส่องแสงเย็นเยียบน่าขนลุกไม่น้อย
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทั้งสองจากวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏเองก็เรียกพลังปราณเที่ยงแท้ของตนออกมาเช่นกัน จากนั้นก็ส่งพลังปราณกระจายออกรอบกาย
โฮก!
เสียงคำรามดังออกมาจากหลุมเพลิง อึดใจถัดมาเพลิงจากปากมังกรก็พวยพุ่งออกมาตรงเข้าใส่เจ้าขาวทันที
คางคกขาเดียวที่เพิ่งถึงพื้นบัดนี้บันดาลโทสะไปเรียบร้อย มันอ้าปากกว้างปล่อยคลื่นพลังขึ้นสูงเสียดฟ้า
ทั้งห้าต่างพุ่งการโจมตีมาที่เจ้าขาวทั้งสิ้น
เจ้าขาวกำหมัดจากนั้นก็กระพือปีกเหล็กบนหลัง ปีกคู่นั้นกางออกอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนสภาพไปเป็นมีดสั้นมากมายนับไม่ถ้วนที่เชื่อมต่อกันเป็นแพ จากนั้นมีดสั้นเหล่านั้นก็ทะลวงผ่านท้องฟ้าพุ่งเข้าหาผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพทั้งห้า
โครม! โครม!
ทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าประสานงากันพร้อมด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว มีดสั้นเล่มเล็กยังคงเดินหน้าโจมตีต่อไป แต่เมื่อต้องต่อกรกับการโจมตีของขั้นเซียนเทพทั้งห้า พลังของมันก็ลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ
มีดสั้นเหล่านั้นบินกลับมาคืนใส่ปีกของเจ้าขาว พอจัดกระบวนท่าใหม่แล้ว พวกมันก็พุ่งออกไปอีกครั้ง
ตอนนั้นเองเจตจำนงแห่งกระบี่ก็สาดลงมาจากท้องฟ้า
อูมู่กระอักเลือดออกมาเต็มปาก โลหิตสีแดงเปื้อนเสื้อบริเวณหน้าอกของเขาเต็มไปหมด ใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดเองก็เปลี่ยนสีไปเช่นกัน เขาเซถลาถอยไปด้านหลังสองสามก้าวกลางอากาศ มือสองข้างจับหน้าอกเอาไว้แน่น ลมหายใจเริ่มไม่สม่ำเสมอ
วงแหวนปราณที่ชายชราใช้กักขังต้วนหลิงเอาไว้เริ่มแตกสลาย
ผู้อาวุโสสูงสุดหันไปมองต้วนหลิงด้วยสีหน้าตกใจ เจ้าลัทธิอสุรากำลังลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกระแสพลังปราณสีดำที่แผ่ออกจากร่างกาย
ต้วนหลิงถือกระบี่อสุราเอาไว้ในมือ เขาเงยหน้าขึ้นพลางหรี่ตามอง กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุก หัวใจลุกโหมไปด้วยเปลวไฟแผดเผา พลังปราณเที่ยงแท้ที่แผ่ออกจากกายซัดเข้าใส่โซ่ตรวนที่ตรึงรั้งเขาไว้ พลังปราณน่าสะพรึงกลัวไหลวนอยู่รอบตัว
ต้วนหลิงทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาเริ่มพยายามบรรลุขั้นปราณด้วยตนเอง หากสามารถทลายพันธนาการของขั้นเซียนเทพลงได้ เขาก็จะบรรลุไปสู่ระดับสิบ!
ผู้อาวุโสสูงสุดเอามือลูบหน้าอก พยายามหายใจทางปาก
“เจ้าเสียสติไปแล้ว การบรรลุสู่ระดับสิบจะง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร นี่มันจงใจฆ่าตัวตายชัดๆ!”
แน่นอนว่าหากก่อนหน้านี้ต้วนหลิงได้ดูดซับพลังปราณจากแก่นวิญญาณในลูกโลกวิญญาณล่วงลับเข้าไปทั้งหมด ผู้อาวุโสสูงสุดย่อมไม่มีวันคิดเช่นนี้แน่
แต่โชคลาภของต้วนหลิงกลับถูกปู้ฟางทำลายไปเสียสิ้น หากเขาบังคับตนเองให้บรรลุสู่ขั้นปราณระดับถัดไป ร่างของเขาจะต้องสลายกลายเป็นเศษฝุ่นอย่างแน่นอน!
การจะบรรลุปราณระดับสิบได้นั้น จะต้องทำลายโซ่ตรวนที่สวรรค์และปฐพีพันธนาการปุถุชนเอาไว้ หรือก็คือการต่อสู้กบฏกับธรรมชาตินั่นเอง!
เสียงคำรามดังก้องในอากาศ เสียงกรีดร้องนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดน่าสยดสยอง พลังปราณปริมาณมหาศาลจนแทบจะไร้ขีดจำกัดระเบิดออกจากร่างของต้วนหลิง ทำให้ใครก็ตามที่อยู่รายรอบต้องตกใจขนหัวลุก พวกเขามองเห็นโซ่ตรวนเย็นเยียบที่ก่อตัวขึ้นบนร่างของต้วนหลิง โซ่ตรวนขนาดใหญ่ยักษ์ราวกับผสานเป็นหนึ่งเดียวกับท้องฟ้าพันเกี่ยวแขนซ้ายของเขาเอาไว้
ต้วนหลิงรวบรวมพลังปราณเอาไว้กับตัว หมายจะทำลายโซ่ตรวนนั้นให้จงได้
เป่ยกงหมิงที่อยู่ด้านล่างล้มก้นจ้ำเบ้าทันที
“นี่มันบ้าอะไรกัน นี่มันสนามฝึกซ้อมแน่หรือ เหตุใดจึงมีคนบ้าพยายามบรรลุปราณระดับเก้าไปเป็นระดับสิบขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์!”
มีคนแบบนี้ปรากฏตัวขึ้นที่สนามฝึกซ้อมได้อย่างไร เช่นนี้ก็ไม่มีอะไรให้ฝึกแล้วน่ะสิ!
ปู้ฟางเองก็หรี่ตามองเช่นกัน พลังปราณปริมาณมหาศาลที่โซ่ตรวนนั้นส่งออกมาทำให้เขาตกใจเป็นอันมาก นั่นมันพลังกดดันของสวรรค์และปฐพีชัดๆ!
นี่น่ะหรือระดับที่สูงกว่าขั้นเซียนเทพ
วืด!
มีดสั้นที่ก่อตัวขึ้นจากปีกของเจ้าขาวเปลี่ยนสภาพไปเป็นปีกคู่เดิม เหล่าขั้นเซียนเทพทั้งห้าต่างถูกเจ้าขาวซัดหมอบไปตามๆ กัน
สายตาของปู้ฟางเริ่มพร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ ลมยังคงพัดแรงไม่หยุด เขาเริ่มเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวน้อยลงทุกที…
ทันใดนั้นดวงตาของชายหนุ่มก็หยุดอยู่กับที่
ต้วนหลิงที่ยังคงถูกโซ่พันธนาการเอาไว้คำรามใส่ท้องฟ้า ขนลุกชันไปทั้งร่าง ดวงตาเป็นสีเลือดแดงก่ำ
วืด!
ต้วนหลิงพุ่งเข้าหาปู้ฟางพร้อมลากโซ่ตรวนมาด้วย พลังกดดันจากสวรรค์และปฐพีทับโถมลงมาบนร่าง กระบี่สีโลหิตพุ่งตัดท้องฟ้าราวกับหมายทำลายทุกสิ่งให้สิ้นซาก มุ่งตรงมาหาปู้ฟาง
แสงสีเทาในดวงตาเจ้าขาวกะพริบ ปีกบนหลังของมันสยายออก มีดสั้นก่อตัวเป็นมีดเล่มใหญ่ยักษ์ พุ่งเข้าสกัดกระบี่อสุราทันที
มันต้องต้านเจ้าลัทธิอสุราที่บ้าคลั่งไปแล้วให้จงได้
พายุกระโชกบดบังสายตาของปู้ฟางเอาไว้จนหมดสิ้น สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือสายตาเคียดแค้นถึงกระดูกดำของต้วนหลิง
“หนีรึ! ต่อให้เจ้าหนีไปสุดขอบโลก ข้าต้วนหลิงคนนี้ก็จะตามล่าเจ้ามาฉีกเป็นชิ้นๆ! เจ้าบังอาจมาชิงโชคลาภของข้าไปทั้งยังมาขัดขวางการบรรลุปราณของข้าด้วย ข้าจะตามจองล้างจองผลาญเจ้าจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง!”
ตู้ม!!
เสียงระเบิดดังขึ้น จากนั้นโซ่ตรวนที่แขนของต้วนหลิงก็ปริออก เขายังคงจับโซ่เย็นเยียบที่แขนเอาไว้แน่นขณะกระอักเลือดออกมา ใบหน้าซีดเผือดไร้สี
มีดเล่มใหญ่ของเจ้าขาวถูกกระบี่อสุราทำลายสิ้น มันแตกสลายกลับไปเป็นมีดสั้นนับแสนเล่มดังเดิม
กระบี่นั้นพุ่งเข้าใส่ร่างเจ้าขาว ส่งให้มันพุ่งลงไปกระแทกพื้นเต็มๆ พื้นดินแตกร้าวกลายเป็นเศษหินเศษดิน ส่วนร่างของเจ้าขาวนั้นหายไปไหนก็ไม่ทราบได้
สีหน้าของต้วนหลิงเหี้ยมโหดเป็นอันมาก เขาลากโซ่ตรวนที่พันเกี่ยวแขนซ้ายมาด้วย ทว่าโซ่นั้นกลับค่อยๆ จางลงแล้วสลายหายไปในที่สุด
นั่นคือโซ่ตรวนแห่งขั้นเซียนเทพ แม้มันจะหายไปจากสายตาแล้ว แต่ยังคงพันธนาการต้วนหลิงเอาไว้อยู่ นั่นเพราะเขาล้มเหลวในการทำลายโซ่ตรวนเพื่อบรรลุไปสู่ระดับสิบขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
ผู้อาวุโสสูงสุดถอนหายใจยาวออกมา ความดีใจและความกลัวผสมปนเปกันอยู่บนในหน้า
“หากเขาทำลายโซ่ตรวนขั้นเซียนเทพไม่ได้ ก็แปลว่าตอนนี้ยังคงเป็นได้แค่ขั้นกึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่… ส่วนคนที่ถูกหมอนี่หมายหัวก็ช่างน่าสงสารนัก หวังว่าเขาจะหนีจากเงื้อมมือปีศาจตนนี้และมีชีวิตรอดต่อไปได้ ถึงอย่างไรเขาก็กินหมื่นไฟประลัยกัลป์เข้าไปนี่นะ อนาคตของคนผู้นั้นเต็มไปด้วยความเป็นไปได้มากมายนัก…”