ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 368 ผู้ฝึกตนขั้นกึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์ถูกฟาดดังผัวะ
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 368 ผู้ฝึกตนขั้นกึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์ถูกฟาดดังผัวะ
“ส่งหมื่นไฟบรรลัยกัลป์มา… ถ้าไม่อยากตาย!”
พอประกาศถ้อยคำเสร็จ ความรู้สึกกระหายเลือดก็พุ่งออกมาจากร่างของต้วนหลิง ความรู้สึกนี้รุนแรงมากเสียจนเกือบจะก่อตัวเป็นร่างของปีศาจที่คอยคุ้มกันอยู่เบื้องหลังเขา
หัวใจของทุกคนเต้นโครมคราม พวกเขาถอยหลังหนีสองก้าวทั้งใบหน้ายังซีดเผือด
คลื่นพลังหมุนวนและแผ่ไปทั่วในอากาศ คนที่ยืนอยู่ใกล้รู้สึกเหมือนหัวใจถูกกดทับ ราวกับว่าถูกดึงรั้งไว้ด้วยหินก้อนใหญ่
ปู้ฟางยังนิ่งเหมือนเดิม พูดให้ถูกคือสีหน้าของเขาไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงใดๆ
“เจ้าอยากได้หมื่นไฟบรรลัยกัลป์รึ” ปู้ฟางพูดเสียงเบา
น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาแต่ก็ยังสงบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ ความเงียบที่เกิดจากพลังกดดันของต้วนหลิงที่ปล่อยออกมาครอบงำทุกคนถูกชะไป คำพูดของปู้ฟางก้องกังวานไปทั่วอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง
ต้วนหลิงเดินทอดน่องมาข้างหน้า เสียงฝ่าเท้าบดขยี้หินฟังดูขนลุกขนพอง
“เจ้าเก็บหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ไว้ไม่ได้… ของล้ำค่าหายากเช่นนี้ไม่คู่ควรกับเจ้า ส่งมันมาแล้วข้าจะไว้ชีวิต ไม่อย่างนั้น… ความตายคือจุดจบของเจ้า”
น้ำเสียงของต้วนหลิงยังคงฟังดูไม่เป็นมิตร
หากไม่ใช่เพราะปู้ฟางชิงหมื่นไฟบรรลัยกัลป์มา เขาอาจใช้มันทำลายพันธนาการของขั้นเซียนเทพและก้าวขึ้นสู่ขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาชิงไฟกลับไปด้วยซ้ำ
“สิ่งที่เจ้าต้องการคือสิ่งนี้หรือ” ปู้ฟางพูดอย่างเย็นชา
จากนั้นชายหนุ่มก็อ้าปากแล้วพ่นเปลวเพลิงสีทองออกมา เพลิงนั้นออกมาลอยอยู่เหนือฝ่ามือของเขา
“หือ? เถ้าแก่ปู้… พ่นไฟรึ?!”
ทุกคนในร้านมองปู้ฟางด้วยสายตางุนงงและตื่นตกใจ เถ้าแก่ปู้มีวิชาพิเศษเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
พวกเขาจ้องเปลวเพลิงสีทองที่ลุกโชนอยู่บนมือของปู้ฟางเงียบๆ แววตาเต็มไปด้วยความพิศวง
เปลวเพลิงนี่… ดูพิเศษไม่เหมือนใคร!
ชั่วลมหายใจที่ต้วนหลิงเห็นเปลวเพลิง พลังปราณทั้งหมดในตัวของเขาก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง นัยน์ตาของเขาหดแคบขณะมองหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ด้วยความปรารถนา
ใช่! นี่คือหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ คือเปลวเพลิงที่เขาใฝ่ฝัน!
แต่เดี๋ยวก่อน...
“เหตุใดพลังของหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ถึงดูแปลกพิลึก มันถูกใช้ไปแล้วรึ เป็นไปได้อย่างไร ไอ้กระจอกระดับเจ็ดจะไปเก่งกล้าจนสามารถใช้พลังของหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ได้อย่างไรกัน”
สายตาของต้วนหลิงคมกริบขึ้นเรื่อยๆ ส่วนพลังปราณที่ปล่อยออกมาก็ผันผวนไม่สม่ำเสมอ สีหน้าที่จับจ้องหมื่นไฟบรรลัยกัลป์เปลี่ยนจากประหลาดใจไปเป็นสับสน จากนั้นก็เดือดดาล...
ฟุ่บ…
ปู้ฟางกำหมัดดับเปลวเพลิงทิ้งไปก่อนพูดอย่างเฉื่อยชา “ไฟนี่หลอมรวมเข้ากับร่างของข้าไปแล้ว ข้าให้เจ้าไม่ได้ ไสหัวไป”
หลังพูดจบประโยค ปู้ฟางก็ไม่สนใจต้วนหลิงที่เดือดจัดจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้อีก เขาหันหลังกลับแล้วเดินตรงไปยังโถใส่พระกระโดดกำแพง
อาหารจานนี้ยังปล่อยไอร้อนและกลิ่นหอมรัญจวนออกมาอย่างต่อเนื่อง กลิ่นหอมเย้ายวนชวนให้ใจของทุกคนต่างหลงใหล
ปู้ฟางหยิบชามกระเบื้องสีฟ้าขาวออกมาแล้วบรรจงตักน้ำซุปสีทองระเรื่อจากโถ
น้ำซุปนั้นเข้มข้นและอัดแน่นไปด้วยพลังปราณจำนวนมาก
“เอาไปให้แม่ทัพเซียวเหมิงดื่ม อาหารโอสถทิพย์นี้มีชื่อว่าพระกระโดดกำแพง น่าจะช่วยขจัดพิษในร่างกายของเขาได้” ปู้ฟางตักซุปใส่ชามกระเบื้องจนเต็มแล้วส่งให้เซียวเยียนอวี่
เซียวเยียนอวี่มีท่าทางเงอะงะเพราะมัวแต่งุนงงอยู่ สุดท้ายเมื่อตั้งสติได้นางจึงรีบรับชามกระเบื้องจากมือปู้ฟางทันที
ปู้ฟางยังทำตัวใจเย็นไม่ยินดียินร้ายอะไรได้ดังเดิม… ทั้งที่คนซึ่งยืนอยู่ด้านนอกใกล้จะระเบิดด้วยโทสะเต็มทนแล้ว แต่ชายหนุ่มกลับตักน้ำซุปอย่างสงบนิ่ง
ต้วนหลิงรวบรวมพลังปราณพลางยกกระบี่อสุราขึ้นก่อนชี้มันใส่ปู้ฟาง เขาใช้ปลายนิ้วเท้าแตะพื้นเบาๆ ส่งตัวเองลอยขึ้นสู่เวหา แล้วพุ่งเข้ามาในร้านตรงๆ
ฟึ่บ...
เงาหนึ่งพุ่งออกมาจากครัวอย่างรวดเร็ว
เงานั้นพุ่งเข้ามากั้นประตูทางเข้า พลางผลักร่างที่เคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายฟ้าของต้วนหลิงออกไป
ร่างของต้วนหลิงหมุนคว้างกลางอากาศ เขากลับมาประคองตัวได้ก่อนจะใช้สายตาสอดส่อง จากนั้นก็ร่อนลงมาหยุดอยู่เหนือร่างที่เล่นงานเขาเมื่อครู่
ดวงตาของเจ้าขาวเปลี่ยนเป็นสีเทาอมขาวอีกครั้ง ปีกโลหะที่ติดอยู่ด้านหลังสยายออกทันที เจ้าขาวลอยตัวขึ้นกลางอากาศไปประจันหน้ากับต้วนหลิง
เมื่อเห็นก้อนโลหะอ้วนๆ โผล่มาตรงหน้า ความทรงจำเลวร้ายของต้วนหลิงก็หวนคืนมาอย่างฉับพลัน ความโกรธที่ฝังอยู่ในตัวยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอีก
“เจ้านี่เองที่กินลูกโลกวิญญาณล่วงลับของลัทธิอสุราเข้าไป! บัดซบที่สุด! คายออกมาเดี๋ยวนี้!”
ต้วนหลิงแผดเสียงอย่างโกรธแค้น โซ่ตรวนที่ล่ามร่างของเขาไว้กระทบกันเสียงดังก้อง เจตจำนงกระบี่ที่ปล่อยออกมาแทบฉีกอากาศเป็นริ้วๆ
ปีกโลหะของเจ้าขาวสะบัดพึ่บแล้วมาบรรจบกันตรงหน้าอก กลายร่างเป็นโล่พร้อมรับการโจมตีตรงหน้า
ปัง!!
คมกระบี่ฟาดลงมา เจ้าขาวกระเด็นถอยหลังแล้วตกลงกระแทกพื้น แรงปะทะทำให้ถนนสั่นไหวรุนแรง
กระบี่อสุราร้ายกาจสมคำร่ำลือจริงๆ!
ดวงตาของต้วนหลิงเป็นสีแดงเลือด พลังปราณที่ไหลเวียนในร่างวูบไหว ตอนนั้นลูกโลกวิญญาณล่วงลับถูกชำระล้างไปได้ครึ่งทางแล้ว แก่นวิญญาณบางส่วนภายในลูกโลกถูกเปลี่ยนให้เป็นพลังปราณเข้มข้น ที่ช่วยให้เขาทะลวงผ่านพันธนาการของขั้นเซียนเทพมาได้จนถึงครึ่งทาง
ทว่าแก่นวิญญาณอีกครึ่งที่อยู่ในลูกโลกวิญญาณล่วงลับกลับถูกเจ้าหุ่นเชิดกินเข้าไปต่อหน้าต่อตา
ต้วนหลิงจำได้แม่นยำว่าเขาแทบเสียสติตอนที่เห็นภาพนั้น
อุปกรณ์กึ่งเทพซึ่งมีอำนาจมากล้นอย่างลูกโลกวิญญาณล่วงลับกลับถูกไอ้คนกระจอกปราณระดับเจ็ดโยนทิ้งเข้าพุงของหุ่นเชิดอ้วนๆ ตรงหน้าเขาไปอย่างง่ายดาย
เขาไม่อาจลบภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นออกจากความทรงจำได้
ปัง!!
หินบนพื้นถนนที่ถูกเจ้าขาวกระแทกใส่กระจุยกระจาย ทว่าเจ้าขาวยังไร้รอยขีดข่วน มันทะยานขึ้นฟ้า ปีกเปลี่ยนเป็นมีดสั้นจำนวนมหาศาลที่พุ่งเข้าหาต้วนหลิง
ต้วนหลิงปล่อยรังสีสังหารออกจากกาย เขาควงกระบี่อสุราแล้วส่งเจตจำนงแห่งกระบี่ออกมาฟาดมีดสั้นทั้งหลายให้กระเด็นออกไป
ร่างของเจ้าขาวพุ่งทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงราวกับถูกพลังมหาศาลผลักดัน แรงหมัดของมันถูกกระบี่ลัทธิอสุราของต้วนหลิงปัดป้องไว้ได้
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!!
หมัดของเจ้าขาวพุ่งลงมาด้วยความเร็วเหลือเชื่อ และเกือบจะบดขยี้ต้วนหลิงได้
เสียงการปะทะดังก้องไปในอากาศ ประกายไฟบินว่อนไปทุกทิศทาง
ปัง!
ต้วนหลิงหวดเท้าฟาดร่างของเจ้าขาวลงไปกองกับพื้น เขายกกระบี่อสุราแล้วส่งมันลอยขึ้นไป เงาขนาดใหญ่ของกระบี่อสุราไหววูบอยู่บนท้องฟ้า
เงาของกระบี่เคลื่อนที่ลงมาอย่างต่อเนื่อง แล้วตกลงตรงจุดที่เจ้าขาวกระแทกพื้นก่อนหน้านั้น
ตู้ม! รอยบากลึกปรากฏให้เห็นบนพื้น
ชาวเมืองใจหายวูบขึ้นมาทันใด มีไม่น้อยที่หวาดกลัววิชากระบี่ตรงหน้าจนน้ำตาไหล
โครม
หินที่แหลกสลายกลายเป็นผุยผงกลิ้งตกลงมาเมื่อร่างของเจ้าขาวผุดขึ้นจากซากปรักหักพังอีกครั้ง
ร่างของเจ้าขาวค่อนข้างกระเซอะกระเซิง มีริ้วรอยปรากฏอยู่เต็มไปหมด ทั้งยังมีควันจางๆ ลอยวนอยู่รอบตัวด้วย
อย่างไรเสียต้วนหลิงก็ห่างจากขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์เพียงก้าวเดียว เขาสามารถเอาชนะผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพได้ทุกราย แม้เจ้าขาวจะกลืนลูกโลกวิญญาณล่วงลับและเปลี่ยนสภาพไป แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของเขาอยู่ดี
ใครก็ตามที่บรรลุสู่ขั้นกึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์ ความสามารถของคนผู้นั้นจะพัฒนาขึ้นชนิดก้าวกระโดด
ปู้ฟางเดินตรงมาที่ทางเข้าร้าน ส่วนเซียวเยียนอวี่กำลังป้อนพระกระโดดกำแพงเข้าปากเซียวเหมิง ชายหนุ่มมองเจ้าขาวที่ถูกเล่นงานเสียแทบหมอบพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
ตู้ม ตู้ม ปัง!
เจ้าขาวถูกหวดกระแทกพื้นอีกครั้งด้วยน้ำมือของต้วนหลิง
เห็นได้ชัดว่าความสามารถด้านการต่อสู้ของต้วนหลิงแกร่งกล้าเกินขั้นเซียนเทพธรรมดาไปมาก
แม้ว่าเจ้าขาวจะเอาชนะต้วนหลิงไม่ได้ แต่เจ้าลัทธิอสุราก็ไม่อาจพิชิตมันได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเช่นกัน เจ้าขาวสามารถรับมือการโจมตีชุดใหญ่ของต้วนหลิงได้ เขารู้สึกฉงนไม่น้อยว่าเจ้าหุ่นเชิดตัวนี้ทำมาจากวัสดุใดกันแน่
เจ้านี่ไม่ต่างอะไรจากแมลงสาบดื้อรั้นที่ฆ่าไม่ตาย ทุกครั้งที่ถูกฟาดลงพื้นเบื้องล่าง มันจะลุกขึ้นมาได้ทันที
การต่อสู้ที่ไร้จุดจบสร้างความเอือมระอาแก่ต้วนหลิงเป็นอันมาก จู่ๆ แสงเย็นเยียบก็สว่างวาบในดวงตาของต้วนหลิง ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในใจ ต้วนหลิงอัดพลังปราณเที่ยงแท้สีเลือดลงไปในเจตจำนงกระบี่ พลังร้ายกาจขยายตัวแล้วประกอบร่างเป็นกรงกระบี่แข็งแกร่ง
กรงที่เกิดจากพลังแกร่งกล้ากักขังเจ้าขาวเอาไว้ภายใน
ดวงตาสีเทาของเจ้าขาวสว่างวาบ ปีกโลหะทั้งสองข้างพยายามดิ้นรนเพื่อพังกรงออกไป
ต้วนหลิงย่อมไม่ยอมปล่อยศัตรูให้หลุดออกมาโดยง่าย เขาส่งกระบี่อสุราพุ่งแหวกอากาศไปลอยอยู่เหนือกรงเพื่อสะกดเจ้าขาวไว้
เมื่อมีกระบี่อสุราคอยกำกับ เจ้าขาวจึงไม่อาจหนีออกมาได้แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งสักปานใด
หลังกักตัวเจ้าขาวได้แล้ว ต้วนหลิงก็หันมามองปู้ฟาง
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งอีกครั้ง
“เจ้ามีปราณเพียงระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการ เหตุใดจึงสามารถจัดการหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ได้ แต่เรื่องนั้นน่ะช่างเถอะ ถึงอย่างไรข้าก็จะฉีกร่างเจ้าแล้วชิงหมื่นไฟบรรลัยกัลป์กลับคืนมาอยู่ดี!” ต้วนหลิงแผดเสียง
ทันใดนั้นคลื่นพลังก็กระเพื่อมไปมาในอากาศ
ต้วนหลิงกระโจนลงมาจากฟากฟ้า เป้าหมายอยู่ที่ปู้ฟางซึ่งกำลังยืนอยู่หน้าร้าน
เจ้าลัทธิอสุราแหวกอากาศตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับเป็นลูกระเบิดพร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ความเร็วของเขาทำเอาอากาศที่อยู่รอบตัวแทบจะต้านทานไม่ไหว
ผู้อาวุโสสูงสุดรวมถึงอูมู่ที่ยืนอยู่ไกลออกไปรู้สึกเหมือนหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม นัยน์ตาของคนทั้งคู่หดแคบ
ปู้ฟางเดินออกมาพลางเอามือไพล่หลัง ลมแรงที่มาพร้อมร่างของต้วนหลิงพัดเชือกกำมะหยี่ที่รัดผมของชายหนุ่มหลุดลุ่ยไป ทำให้เส้นผมสีดำสนิทของเขาปลิวไสวในอากาศทันที
ทว่าปู้ฟางกลับไม่ได้ตกอกตกใจแต่อย่างใด ใบหน้าของเขายังนิ่งเฉยไม่แยแส ทำเพียงเหลือบมองต้วนหลิงด้วยสายตาที่จริงจังกว่าเดิมเท่านั้น
แววอำมหิตในดวงตาของต้วนหลิงขยายใหญ่ขึ้น ความบ้าคลั่งฉาบเคลือบบนใบหน้า
ทั้งหมดนี้ก็เพราะหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ และเพื่อทำลายพันธนาการของขั้นเซียนเทพ เขาจึงยอมปลุกความบ้าระห่ำในตัวเองขึ้นมา
“เจ้าตายแน่!!” ต้วนหลิงแผดเสียง
“ใครสอนให้เจ้ามาเห่าหอนต่อหน้าท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้กัน”
ทันใดนั้นน้ำเสียงนุ่มนวลของบุรุษก็ดังขึ้นในอากาศ สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าต้วนหลิงคือ… อุ้งเท้าสุนัข
อุ้งเท้าสุนัขหรือ นี่มันบ้าอะไรกัน
หัวใจของต้วนหลิงหดเกร็ง ความประหลาดใจวาบผ่านใบหน้า เขาวางแผนที่จะจัดการอุ้งเท้าสุนัขให้พ้นทาง
ทว่าเจ้าลัทธิอสุรากลับเจอเรื่องประหลาดใจอีกชุดใหญ่ เมื่อรู้ว่าไม่อาจขจัดอุ้งเท้าสุนัขให้พ้นทางได้ หน้าของเขาก็เปลี่ยนสี กลายเป็นว่าเขาถูกอุ้งเท้าสุนัขพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ออมแรงแล้วตบจนกระเด็นถอยหลังไป
ต้วนหลิงเหมือนถูกกระแทกด้วยลูกปืนเมื่ออุ้งเท้าสุนัขฟาดใส่ตัวอีกฉาดหนึ่ง
เปรี้ยง!
เหมือนพลุไฟที่ยิงไม่ดีจนถลากลับไปที่เดิม กลุ่มควันโขมงพุ่งผ่านนครหลวงก่อนจะเข้าปะทะกับกำแพงเมือง
เสียงระเบิดดังสนั่น กำแพงเมืองแตกกระจายเพราะแรงจากการปะทะ
หนี่หยันไม่ได้รับบาดเจ็บ เช่นเดียวกับโอวหยางเสี่ยวอี้
ดูเหมือนว่าชาวเมืองทุกคนจะปลอดภัยดี
“ยอดฝีมือผู้เก่งกล้าไร้เทียมทานราวเทพเจ้าสงคราม เหตุใดจึงโดนหวดกระเด็นเหมือนลูกยางเช่นนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ปู้ฟางยืนอยู่หน้าประตู หายใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็เผยอมุมปากขึ้น
“เก่งมากเจ้าดำ”
เจ้าดำที่กำลังนอนอืดอยู่บนพื้นยกอุ้งเท้าน่ารักของตัวเองขึ้นมาเลีย จากนั้นมันก็พยุงตัวขึ้น ปรายตามองปู้ฟางก่อนจะกลอกตาไปมา