ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 371 หญิงสาวผู้อาจหาญและต้วนหลิงที่ได้สมใจ
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 371 หญิงสาวผู้อาจหาญและต้วนหลิงที่ได้สมใจ
วืด
ยันต์หยกสีเลือดไถลเข้าไปในร่างของต้วนหลิงแล้วสลายหายไปทันที
มหาพรตลอยตัวอยู่กลางอากาศ นางลืมตาที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากขึ้น ยันต์หยกสีเลือดสามแผ่นลอยอยู่ระหว่างนิ้วเรียวยาวของนาง หญิงสาวใช้เวลาพอสมควรในการตระเตรียมยันต์หยกที่จะใช้เป็นขุมพลังให้ตนเอง
หญิงสาวขยำยันต์หยกสามแผ่นในมืออย่างคล่องแคล่ว คลื่นพลังปราณพุ่งออกมาจากยันต์หยกทันที
ชั่วขณะที่ยันต์หยกเหล่านี้ถูกบดขยี้ เสียงถอนหายใจของมหาพรตก็ดังก้องในอากาศ
สายตาที่มหาพรตใช้มองต้วนหลิงมีความซับซ้อนไม่น้อย นางคือผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพที่เชี่ยวชาญด้านวงแหวนปราณ ความรอบรู้ด้านการพยากรณ์และวงแหวนปราณของหญิงสาวไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักความลับแห่งสวรรค์แต่อย่างใด
ศาสตร์แห่งการทำนายของนางก้าวล้ำนำหน้ากว่าเหล่านักพยากรณ์คนใดในดินแดนทางใต้
ตอนที่เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีถูกปู้ฟางกลืนลงท้องไป มหาพรตก็ตรวจพบความเปลี่ยนแปลงในโชคชะตาของต้วนหลิงทันที นางทำนายว่าเขาจะเผชิญหายนะอันใหญ่หลวงในชีวิต
หากเลี่ยงไม่พ้น เขาจะย่อยยับลงอย่างง่ายดาย
นับตั้งแต่ออกจากดินแดนแสนภูผา นางก็เริ่มเตรียมการอย่างพิถีพิถันเพื่อช่วยต้วนหลิงเลี่ยงโศกนาฏกรรม
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าคำทำนายของนางนั้นถูกต้อง
ภายในจักรวรรดิวายุแผ่วที่ถูกมองข้ามมาตลอด มีตัวตนที่ไร้เทียมทานซุกซ่อนอยู่
และต้วนหลิงที่เหลืออีกครึ่งทางก็จะบรรลุขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่คู่ต่อกรของสิ่งมีชีวิตนี้
เมื่อเห็นร่างของต้วนหลิงกำลังจะป่นปี้ด้วยอุ้งเท้าสุนัข เปลือกตาของนางก็กระตุกรัว นางทำลายผนึกในมือแล้วปลุกวงแหวนปราณสีเลือดที่ลอยอยู่ตรงหน้าขึ้น
นอกของนครหลวง
ใจของทหารทุกนายในกองทัพของจีเฉิงอวี่เต้นกระหน่ำทันทีที่วงแหวนปราณสำแดงฤทธิ์ จีเฉิงอวี่รู้สึกวิงเวียนศีรษะ ภาพของทุกคนที่อยู่ตรงหน้าพร่ามัว…
“เกิดอะไรขึ้น!” จีเฉิงอวี่อุทานด้วยความตกใจ เขาพยายามสะกดอาการวิงเวียนพลางมองไปรอบๆ แล้วก็ได้เห็นเหล่าทหารของตนเองตัวงอลงกับพื้น สายตาละห้อยห่อเหี่ยว ลำแสงสีเลือดวาบผ่านหน้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า เงาบิดเบี้ยวถูกลากออกจากร่างของเหล่าทหารแล้วลอยขึ้นไปหาร่างงดงามที่อยู่สูงขึ้นไปบนฟ้า
นางมารร้าย!
ในใจของจีเฉิงอวี่มีแต่ความเกลียดชัง!
เขามองเหล่าทหารที่ล้มลงกับพื้น หัวใจเจ็บปวดเหมือนโดนกรีด ทุกคนคือกองกำลังของเขา คือความหวังเดียวของเขา จีเฉิงอวี่จ้องมหาพรตที่ลอยอยู่กลางอากาศ นัยน์ตามีแต่ความเกลียดชังอาฆาตแค้น เข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นมาทันทีว่าเหตุใดมหาพรตจึงสั่งให้ล้อมเมืองเอาไว้ นี่มันกับดักโสมมชัดๆ
ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าโจมตีเมืองหรือไม่ก็ไม่ต่างกัน มหาพรตแค่ล่อพวกเขามาเพื่อเอาแก่นวิญญาณของทหารนับหมื่นเท่านั้น!
ปราณของจีเฉิงอวี่อยู่ที่ระดับเจ็ด ถึงจะได้รับผลกระทบจากวงแหวนปราณ แต่เขาก็ยังแข็งแกร่งมากพอจะต่อต้านและปิดกั้นแรงดึงดูดของวงแหวนปราณได้ นี่คือเหตุผลที่เขาแค่หน้ามืดไปเท่านั้น
ทว่าทหารส่วนใหญ่ไม่ได้มีปราณระดับเดียวกับเขา…
ลำแสงสีเลือดปกคลุมท้องฟ้าแล้วมาบรรจบกันเหนือวงแหวนปราณที่โคจรอยู่รอบมหาพรต
ผู้อาวุโสสูงสุดหรี่ตามองแก่นวิญญาณที่ลอยละล่องอยู่กลางอากาศ ชายชราได้แต่ถอนหายใจ สายตาที่มองมหาพรตเต็มไปด้วยความเย็นชา
ช่างเป็นวงแหวนปราณที่อำมหิตนัก!
มีเพียงปีศาจแห่งลัทธิอสุราที่กล้าทำเรื่องโหดเหี้ยมเลือดเย็นเช่นนี้!
กองทัพของจีเฉิงอวี่กลายเป็นเครื่องบูชายัญเพื่อปลุกฤทธิ์ของวงแหวนปราณนี้ขึ้นมา
เจ้าดำมองสำรวจมหาพรตด้วยแววตาเย็นชา อุ้งเท้าสุนัขชะงักอยู่กลางอากาศก่อนจะฟาดลงมาอีกครั้ง สำหรับท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ อุ้งเท้าเดียวนี้เพื่อจบทุกสิ่ง ไม่สำคัญแม้แต่น้อยว่าจะมีใครพยายามขัดขืนความตายหรือไม่
ปัง!!
พลังกดดันที่ฟาดลงมาส่งผลให้ร่างของต้วนหลิงแทบระเบิดเป็นเสี่ยง รอยร้าวจางๆ ปกคลุมไปทั่วผิวหนังขณะที่เขายังกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
ตอนนั้นเองดวงตาของต้วนหลิงก็เบิกโพลง วงแหวนปราณสีเลือดวาบผ่านหน้าผาก เขาหันหน้าไปทางมหาพรตด้วยความตกใจ รูม่านตาขยายตัว หัวใจบีบรัดรุนแรง
ต้วนหลิงเห็นกับตาว่ามหาพรตสลับที่กับเขา นางตั้งใจจะรับอุ้งเท้าอันร้ายกาจแทนเขา…
“อา… อาหย่า!”
ต้วนหลิงรู้สึกเหมือนมีบางอย่างติดคอ เขาทำได้เพียงเปล่งเสียงแหบแห้งออกมาเท่านั้น
มหาพรตลอยอยู่ใต้อุ้งเท้าของเจ้าดำ ยันต์หยกสีเลือดที่นางเขวี้ยงใส่ตัวต้วนหลิงแท้จริงคือวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย เดิมทีนางตั้งใจเขวี้ยงใส่ตัวเจ้าดำ ทว่าเมื่อได้เห็นร่างของมัน มหาพรตก็เสียวสันหลังวาบ ไม่เหลือความกล้าที่จะเขวี้ยงวงแหวนปราณใส่อีกฝ่าย
นี่คือเหตุผลที่นางเลือกสลับที่กับต้วนหลิง…
พลังปราณขั้นกึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์ของต้วนหลิงยังไม่อาจต้านทานอุ้งเท้าของเจ้าดำได้ นับประสาอะไรกับร่างมนุษย์ของมหาพรตที่อ่อนแอกว่ามาก
ฟึ่บ!
หน้ากากที่บดบังใบหน้าของมหาพรตหลุดออกมา เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามแต่ซีดเซียว สีหน้าที่ปรากฏให้เห็นไร้ซึ่งความน่ามองมีเพียงความว่างเปล่าและสิ้นหวังเท่านั้น
นางมองต้วนหลิงที่ถูกลำแสงสีเลือดห่อหุ้มอยู่ในระยะไกล แววตาแฝงด้วยความเจ็บปวดปนโล่งใจ…
ตู้ม!!
อุ้งเท้าสุนัขฟาดลงมา สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงควันและเถ้าถ่านเท่านั้น
มหาพรตแห่งลัทธิอสุรา… สิ้นชีพแล้ว
คลื่นพลังน่าสะพรึงกลัวค่อยๆ สลายหายไป เจ้าดำอ้าปากมองหญิงสาวที่มันเพิ่งขยี้เป็นผุยผงจนเหลือเพียงความว่างเปล่าตรงหน้า แล้วก็อดรู้สึกงงงวยไม่ได้
แคร้ง…
หน้ากากโลหะที่ขาดรุ่งริ่งตกกระทบพื้น ส่งเสียงดังแคร้ง
ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วนครหลวง ทุกคนต่างกลั้นหายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น หัวใจสั่นระรัวด้วยความสับสน พวกเขาประหลาดใจที่มหาพรตสละชีวิตปกป้องปีศาจตนนั้นจากการโจมตีรุนแรง ทุกคนต่างตื่นตกใจกันสุดขีด
ปู้ฟางก็เงียบไปเช่นกันเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขายัดกรงเล็บมังกรชิ้นสุดท้ายเข้าปาก
“อ๊ากกกก!!!!”
ต้วนหลิงมองความว่างเปล่าเบื้องหน้า ทั้งแปลกใจและตกใจเป็นอันมาก เขาร้องคร่ำครวญกับท้องฟ้าอย่างคลุ้มคลั่ง เสียงโหยหวนที่เปล่งออกมามีแต่ความโศกเศร้า
มหาพรตอาหย่าร่วมเป็นร่วมตายกับเขามาตลอดหลายปี หญิงสาวที่ติดตามเขาไปทั่วทวีปมังกรซ่อนเร้น จนมาถึงดินแดนทางใต้ด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยมไม่หวั่นเกรงทั้งทุกข์และสุข บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว
แคร้ง แคร้ง!
เสียงโซ่ตรวนที่แขนของต้วนหลิงกระทบกันดังก้อง วงแหวนปราณที่มหาพรตสร้างขึ้นโคจรเป็นวงกลม แก่นวิญญาณสีเลือดไหลเข้าไปในร่างของเจ้าลัทธิอสุราครั้งแล้วครั้งเล่า มันซึมผ่านวงแหวนปราณตรงหว่างคิ้วของเขาเข้าไป
พลังของต้วนหลิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในบัดดล!
เอื้อก!
เลือดยังคงทะลักออกจากปากของต้วนหลิงไม่หยุด ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำขณะน้ำตาไหลนองหน้า พลังปราณผันผวนไม่อยู่นิ่ง ต้วนหลิงที่ในใจเต็มไปด้วยความเกลียดชังอาฆาตแค้นกำลังจะบรรลุขั้นปราณภายใต้วงแหวนปราณที่มหาพรตสร้างให้ การดูดแก่นวิญญาณของทหารหลายหมื่นนายกำลังจะทำให้เขาบรรลุปราณครั้งยิ่งใหญ่!
“นางมารร้าย!!”
ด้านนอกนครหลวง เสียงคำรามของจีเฉิงอวี่ดังลั่นฟ้า เขาสำลักหมอกควันสีเลือด ร่างซวนเซไปมาก่อนจะลงไปกองกับพื้น นี่คือแผนชั่วขนานใหญ่ในการสังหารกองทัพชั้นหนึ่งของเขาชัดๆ…
จีเฉิงอวี่ปวดใจและเสียใจ อนิจจา มันสายไปเสียแล้ว
ครืด…
กระบี่อสุราที่ขังเจ้าขาวไว้สั่นสะท้านขึ้นมา มันพุ่งทะยานไปหาต้วนหลิงในพริบตา
ตอนนั้นเองดวงตาสีเทาของเจ้าขาวก็เป็นประกายวาบ มันฉวยโอกาสซัดกรงพลังกระบี่ด้วยหมัด และทำลายกรงได้ในที่สุด ปีกโลหะบนหลังกางออก ดวงตาสีเทาเย็นเยียบมองต้วนหลิงที่อยู่ไกลออกไป
เจ้าดำเยื้องย่างไปในอากาศอย่างน่าดู มันม้วนริมฝีปากขึ้นด้วยท่วงท่าขี้เล่น
“เจ้านี่กำลังจะทำลายโซ่ตรวนชิ้นแรกและบรรลุขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นรึ ช่างเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก… ไม่สิ ข้าต้องพูดว่าหญิงสาวคนนั้นช่างอาจหาญมากมากกว่า”
เจ้าดำพ่นลมออกจมูก
กระบี่อสุรากลับมาหาต้วนหลิงแล้ว เขากำมันแน่น ดวงตาแดงก่ำ ทุกคนต่างเห็นเจตจำนงกระบี่อสุราล่องลอยอยู่ในอากาศ สีหน้าของต้วนหลิงดุร้าย เขามองเจ้าดำและปู้ฟางที่ยังอยู่ในร้านด้วยสายตาเย็นชา จิตสังหารรุนแรงแผ่พุ่งออกมา
ต้วนหลิงแผดเสียงคำรามอีกหน เขาเหวี่ยงโซ่ตรวนที่พันรอบแขนแล้วตัดมันด้วยกระบี่อสุรา
ปัง!
โซ่ตรวนสั่นระรัวเกิดเสียงดังตูมตาม ทันทีที่คมกระบี่อสุราปะทะกับโซ่ตรวน คลื่นพลังรุนแรงก็แผ่ออกมาเป็นระลอก
การดูดซับแก่นวิญญาณของทหารหลายหมื่นชีวิตทำให้พลังปราณของต้วนหลิงรุดหน้าขึ้นอีกขั้น เจตจำนงของกระบี่ทำให้โซ่ตรวนส่งเสียงแตกร้าวออกมา
รอยร้าวจางๆ ปรากฏขึ้นบนโซ่ตรวนไม่หยุดหย่อน
ในที่สุดโซ่ตรวนขั้นเซียนเทพก็แตกกระจาย
ต้วนหลิงกำกระบี่อสุราพลางวาดมันในแนวขนาน พลังในกายของเขาเหมือนน้ำที่ไหลบ่าผ่านเขื่อน กระแสพลังหลากไหลต่อเนื่อง มันปั่นป่วนและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
บนกำแพงเมือง ผู้อาวุโสสูงสุดเหมือนจะแก่ขึ้นอย่างปุบปับ เขารู้สึกหมดเรี่ยวแรงขณะหย่อนตัวลงบนพื้น ใบหน้าเป็นสีเทาราวขี้เถ้าไหม้ “มันจบแล้ว เขาบรรลุปราณได้แล้ว”
ต้วนหลิงบรรลุปราณชั้นแรกของระดับสิบขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อว่าชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อย ถึงจะเพิ่งทำลายโซ่ตรวนได้เพียงชิ้นเดียว แต่คนผู้นี้ก็ถือว่าเป็นขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว
อูมู่สูดเอาอากาศเย็นเยียบเข้าปอด เขาสัมผัสได้ถึงพลังน่าเกรงขามของกระบี่ที่วนเวียนอยู่รอบตัวต้วนหลิง ความสิ้นหวังและความกลัวปรากฏขึ้นในใจชายวัยกลางคน ผู้ฝึกตนกระบี่เช่นเขายังรู้สึกครั่นคร้ามในใจ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าพลังกดดันของต้วนหลิงตอนนี้ร้ายกาจเพียงใด
แก่นวิญญาณนับหมื่นถูกดูดและซึมซับเข้าไปในร่างของเจ้าลัทธิอสุรา ทำให้พลังปราณของเขาพุ่งสูงไปถึงระดับต้องห้าม
ในที่สุดเขาก็บรรลุขั้นปราณได้สำเร็จ
ต้วนหลิงสูดหายใจลึก มองเจ้าดำที่ลอยตัวอยูกลางอากาศ
เจ้าดำเงยหน้าขึ้นพลางพ่นลมออกมาทางจมูก
ต้วนหลิงยกกระบี่อสุราขึ้นชี้ไปทางเจ้าดำ