ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 375 สำนักมหาพิภพ
ทันทีที่ผู้อาวุโสสูงสุดดื่มน้ำซุปหนึ่งอึก สายตาที่เขาใช้มองปู้ฟางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่เคยคาดคิดว่าน้ำซุปหนึ่งชามจะมีสรรพคุณเหมือนโอสถทิพย์ น้ำซุปสามารถรักษาบาดแผลได้จริงหรือ
โอสถทิพย์มีขั้นตอนการปรุงที่ซับซ้อน ทั้งโอกาสที่จะปรุงสำเร็จก็น้อยยิ่งกว่าน้อย และยิ่งปรุงได้ยากขึ้นหากเป็นโอสถทิพย์ยิ่งระดับสูง เป็นเหตุให้เหล่าปรมาจารย์ด้านโอสถทิพย์มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทวีป
ทว่าน้ำซุปธรรมดาหนึ่งชามของปู้ฟางกลับมีสรรพคุณเทียบเท่าโอสถทิพย์…
แววตาของผู้อาวุโสสูงสุดดูพิลึกพิลั่น แต่ปากกลับยังไม่หยุดเป่าไอร้อนออกจากน้ำซุป เขาจิบอีกหนึ่งอึก พลางเพลิดเพลินกับความรู้สึกตอนที่น้ำซุปร้อนๆ ไหลลงคอและท้องด้วยความอิ่มเอมใจ
ตอนน้ำซุปเข้มข้นตกถึงท้อง จุดแสงสีทองจุดเล็กๆ ก็พุ่งออกจากท้องของเขา ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายและแขนขาทั้งสี่ อาการบาดเจ็บทั่วร่างค่อยๆ สลายหายไปด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เอาเข้าจริงประสิทธิผลของมัน… เหนือกว่าโอสถทิพย์เสียด้วยซ้ำ!
“โอ้ สวรรค์! ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
ปู้ฟางมองชายชรา เมื่อเห็นสีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ควันจางๆ หมุนวนรอบข้อมือของชายหนุ่มก่อนที่มีดทำครัวกระดูกมังกรทองจะปรากฏขึ้นในมือ
เขาควงมีดพลางตักไก่โลหิตปักษาเพลิงขึ้นมา ใบมีดส่องแสงวาบก่อนที่ไก่โลหิตปักษาเพลิงจะถูกผ่าครึ่ง ขาสีแดงเลือดของไก่โลหิตปักษาเพลิงลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ปู้ฟางกระชับมีดทำครัวกระดูกมังกรทองพลางโบกมันเบาๆ ขาของไก่โลหิตปักษาเพลิงก็ร่อนไปหาผู้อาวุโสสูงสุด
น้ำซุปเข้มข้นของพระกระโดดกำแพงไม่ใช่ส่วนสำคัญเพียงส่วนเดียว วัตถุดิบอื่นๆ เองก็เลิศรสเช่นกัน
ดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุดลุกโชน เขายื่นชามกระเบื้องในมือออกไปรับขาไก่ ชายชราลูบเคราก่อนจะสูดหายใจเอากลิ่นหอมของขาไก่เข้าไปเต็มปอด
“เนื้อนี่… ช่างหอมนัก!” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวชมเชย
จากนั้นเขาก็หยิบขาไก่ขึ้นมากัดคำใหญ่ ความนุ่มของเนื้อไก่ที่ไหลเข้าปากให้ความรู้สึกราวกับเป็นสายน้ำไหลที่แปรเปลี่ยนเป็นผ้าไหมเลื่อนผ่านฟัน ประหนึ่งว่าปากของเขากำลังถูกนวดอย่างประณีตบรรจง
เนื้อไก่ที่ถูกโอบด้วยหนังไก่ระเบิดกลิ่นหอมออกมา กลิ่นหอมนั้นกระจายไปรอบตัวชายชรา ทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ พากันมึนเมาหลงใหล
มีดทำครัวกระดูกมังกรทองยังสะบัดต่อไป ปู้ฟางส่งปีกไก่ให้เซียวเหมิงด้วย
เซียวเหมิงรับปีกไก่มาก่อนจะประกบมือแสดงความขอบคุณปู้ฟาง
ดวงตาของหนี่หยันเป็นประกาย นางมองปู้ฟางพลางตะโกนออกมา “ขอข้าบ้าง!”
ปู้ฟางชำเลืองมองหนี่หยันแวบหนึ่งก่อนจะแสยะยิ้ม
ชายหนุ่มควงมีดทำครัวกระดูกมังกรทองอีกครั้ง
ฉับ!
ตูดของไก่โลหิตปักษาเพลิงถูกเฉือนแล้วส่งลงในชามกระเบื้องของหนี่หยัน
“นี่อะไร ตูดไก่รึ”
ใบหน้างดงามของหนี่หยันแข็งทื่อ นางขุ่นเคืองใจไม่น้อย!
หญิงสาวกลอกตาคู่งามมองปู้ฟางเขม็ง แต่ก็เก็บอาการไว้
“ว่ากันว่าตูดไก่ช่วยคงความงามและบำรุงร่างกายได้ดีมาก และแน่นอนว่าตูดไก่ในพระกระโดดกำแพง… สรรพคุณย่อมเด่นชัดมากขึ้น” ปู้ฟางประกาศอย่างขึงขัง
“เถ้าแก่ปู้ ข้าเองก็อยากชิมเช่นกัน…” จีเฉิงเสวี่ยถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นหอมที่ระเหยไปในอากาศ
กลิ่นหอมของพระกระโดดกำแพงนั้นวิเศษเหลือล้น เขาเคยชิมอาหารของเถ้าแก่ปู้มาก่อนและรู้ดีว่ามีคุณภาพทุกจาน ครั้งนี้อาหารตรงหน้าจะทำให้ผิดหวังไปได้อย่างไร
หลังจากแบ่งปันไก่โลหิตปักษาเพลิงเรียบร้อย ปู้ฟางก็เก็บมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง
ทุกคนกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย กลิ่นหอมจางๆ ลอยล่องออกมาจากปากมันเยิ้มของพวกเขา
…
ต้วนอวิ๋นเข้ามาในนครหลวงแล้วเดินตามกลิ่นหอมจนพบร้านเล็กๆ ของฟางฟาง กลิ่นหอมที่ทำให้ผู้คนมึนเมาฟุ้งกระจายไปทั่วเมือง ต้วนอวิ๋นไม่ต้องพยายามก็หาเป้าหมายปลายทางได้อย่างง่ายดาย
พอมาถึงทางเข้าร้าน เขาก็ได้เห็นซากปรักหักพังจากศึกใหญ่ คลื่นพลังปราณเที่ยงแท้ที่ลอยอยู่ในอากาศทำให้ชายหนุ่มรู้สึกใจแป้ว มันคือหลักฐานที่บ่งบอกว่าเพิ่งมีการต่อสู้อย่างดุเดือดเกิดขึ้น ต้วนอวิ๋นสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีพลังกดดันแห่งจักรวาลปะปนอยู่ในอากาศด้วย
มีคนใช้พลังกดดันแห่งจักรวาลด้วยรึ หรือสงครามที่มียอดฝีมือขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นคู่ต่อกรจะอุบัติขึ้นในนครหลวงแห่งนี้
ชั้นแรกของปราณระดับสิบขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ คือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์
เหตุใดการต่อสู้ระดับนั้น… จึงเกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลขนาดนี้ได้
ต้วนอวิ๋นเดินเข้าร้านแล้วเห็นปู้ฟางอย่างที่คาดไว้ เขากำลังจะอ้าปากพูดแต่ก็ถูกกลิ่นหอมฟุ้งที่ลอยอยู่ในอากาศดึงความสนใจทันที เขามองคนหลายคนที่กำลังตั้งใจกินกันอย่างสุดฤทธิ์
ต้วนอวิ๋นต้านทานความเย้ายวนนี้ไม่ไหวจึงขอชิมด้วยเช่นกัน
ผลึกไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาแต่อย่างใด
หลังจากกระเดือกน้ำซุปลงคอหนึ่งอึก เขาก็ลืมเรื่องสำคัญที่ตั้งใจจะมาบอกปู้ฟางทันที
อร่อยชะมัด! ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเนื้อที่ย่างด้วยเพลิงสังเคราะห์เสียอีก!
ต้วนอวิ๋นไม่เคยกินอะไรที่อร่อยเท่านี้มาก่อนในชีวิต... ในใจจึงเอ่อล้นด้วยอารมณ์มากมาย
“เดี๋ยวก่อน... หรือสิ่งนี้จะปรุงด้วยเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี”
ต้วนอวิ๋นนึกถึงนิสัยของปู้ฟางจึงถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
ทว่าปู้ฟางเองก็ไม่ได้พยายามจะปกปิดใดๆ เขาพยักหน้ารับตรงๆ
ต้วนอวิ๋นแทบระเบิดร้องไห้ออกมา จริงๆ ด้วย… หมอนี่อาจหาญขนาดใช้เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีปรุงอาหาร นั่นมันเปลวเพลิงที่ปรมาจารย์ด้านการเล่นแร่แปรธาตุทุกคนใฝ่ฝันถึงเชียวนะ
“เจ้ากล้าใช้สมบัติหายากปรุงอาหารเชียวรึ รู้ตัวหรือไม่ว่าเอาของขวัญจากพระเจ้ามาใช้สุรุ่ยสุร่าย”
ต้วนอวิ๋นรู้สึกว่าหัวใจของตนเย็นเยียบ เขาสลดใจแทนเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี เขาเคยโศกเศร้าเรื่องเพลิงสังเคราะห์ของตัวเองมาก่อน ใครเลยจะรู้ว่าเพลิงสังเคราะห์ของเขาจะโชคดีกว่าเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีมากนัก
“เถ้าแก่ปู้ ที่ข้าเดินทางมาครั้งนี้ไม่ใช่แค่ชิมอาหารเท่านั้น แต่ยังนำข่าวมาฝากด้วย…”
ต้วนอวิ๋นพูดพึมพำพลางแทะเนื้อชิ้นใหญ่ไปด้วย
เขาเปิดปากอีกครั้ง
“เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีอุบัติขึ้นบนดินแดนทางใต้ ข่าวนี้ย่อมแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว และอีกไม่นาน... สำนักใหญ่ที่ใช้ดินแดนทางใต้เป็นสนามฝึกซ้อมต้องรู้เรื่องและส่งคนมาชิงมันแน่ พวกที่ถูกส่งมา… ต้องมีปราณในระดับที่น่าเกรงขามแน่นอน”
ต้วนอวิ๋นพูดเตือนปู้ฟางก่อนจะเคี้ยวเนื้อหนุบหนับต่อไป
ผู้อาวุโสสูงสุดและอูมู่ขมวดคิ้วก่อนจะตื่นตัวเต็มที่ ด้วยปราณระดับพวกเขา ทั้งคู่จึงรู้ดีว่าดินแดนทางใต้เล็กจ้อยเพียงใดในสายตาคนอื่นๆ
สำนักที่ต้วนอวิ๋นกล่าวถึงมีชื่อว่าสำนักมหาพิภพ เป็นสำนักใหญ่ที่ใช้ดินแดนทางใต้เป็นสนามฝึกซ้อมให้กับศิษย์ทั้งหลาย พวกเขาทั้งน่าเกรงขามและมีอิทธิพลอย่างมาก สำหรับศิษย์ของสำนักมหาพิภพ สนามฝึกซ้อมไม่มีภัยคุกคามใดๆ กระนั้นพวกเขาจะปล่อยให้คนอื่นครอบครองหมื่นไฟประลัยกัลป์ ซึ่งเป็นเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีที่อุบัติขึ้นบนสนามฝึกซ้อมของตัวเองไปหน้าตาเฉยได้อย่างไร
เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีไม่ได้กำเนิดขึ้นมาง่ายๆ เสียหน่อย
เมื่อถึงเวลานั้น สำนักมหาพิภพต้องส่งยอดฝีมือมาเรียกคืนเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีจากปู้ฟางแน่
ผู้อาวุโสสูงสุดกำชับเรื่องนี้กับปู้ฟางเช่นกัน แต่ชายหนุ่มไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย เขากลืนเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีลงท้องไปแล้ว มันเป็นของเขา ให้คายออกมาก็คงไม่ได้จริงไหม
…
เป่ยกงหมิงตะลุยผ่านผืนป่าของดินแดนแสนภูผาพร้อมศิษย์สำนักมหาพิภพที่บาดเจ็บสองสามราย สีหน้าของเขาถมึงทึง ในใจเต็มเปี่ยมด้วยความรู้สึกฝืนทน ผิดหวัง หมดหนทางและสำนึกผิด หากบอกว่าใจเขาไม่ได้โหยหาเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี… นั่นเท่ากับโกหก
ก่อนหน้านี้เขาจินตนาการว่าตนสามารถเล่นงานเหล่ายอดฝีมือในสนามฝึกซ้อมและชิงหมื่นไฟประลัยกัลป์มาครองได้อย่างง่ายดาย ทว่าเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าบนที่ราบอันห่างไกลนี้จะมียอดฝีมือที่น่าเกรงขามอยู่มากมาย
มียอดฝีมือคนหนึ่งที่เกือบบรรลุขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่รอมร่อ…
มีกระทะใบหนึ่งที่เล่นงานเขาจนหมดสภาพ…
แถมยังมี… คนประหลาดที่กลืนเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีเข้าปากหน้าตาเฉย
เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีหลุดมือเขาไปเพราะเหตุผลที่น่าปวดใจเหล่านี้
ชายหนุ่มกับพรรคพวกเดินทอดน่องผ่านป่าอันเงียบสงบ
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็เดินแถวออกจากป่ามาถึงหุบเขาขนาดมโหฬาร น้ำตกพรั่งพรูลงมาจากภูเขาส่งเสียงดังลั่นจนบาดหู พลังปราณแห่งสวรรค์และปฐพีล่องลอยเต็มหุบเขาไปหมด
ในหุบเขามีปราสาทโดดเดี่ยวตั้งอยู่ เหล่าคนจำนวนมากที่แต่งเครื่องแบบเหมือนกันเดินไปมาอยู่หน้าปราสาท พลังปราณที่ไหลเวียนบนร่างของคนเหล่านี้น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
คนสองคนนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในปราสาท หนึ่งในนั้นเหมือนสัมผัสถึงการมาถึงของเป่ยกงหมิงจึงลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสีทองอร่ามแผ่รังสีออกมา รังสีนั้นรุนแรงจนเกือบฉีกทุกอย่างให้เป็นจุณ
ใจของเป่ยกงหมิงร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มตอนเดินเข้าไปในปราสาท รู้สึกเหมือนถูกสายตาที่สงบนิ่งคู่หนึ่งเฝ้ามองอยู่
“ท่านผู้บัญชาการ… ท่านผู้บัญชาการเฟิง ข้ามีเรื่องสำคัญมารายงานขอรับ!”
เป่ยกงหมิงลังเลที่จะแจ้งข่าวเรื่องเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี แต่เมื่อไม่ได้มันมาครอบครอง เขาก็จำเป็นต้องบอกเรื่องนี้ออกไปทั้งที่เจ็บปวดใจเหลือแสน