ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 382 เถ้าแก่ปู้ผู้น่าเกรงขามสังหารอีกชีวิตแล้ว
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 382 เถ้าแก่ปู้ผู้น่าเกรงขามสังหารอีกชีวิตแล้ว
ทันทีที่ปู้ฟางเอากระทะฟาดผู้อาวุโสเผ่ามนุษย์อสรพิษจนตายคาที่ ความน่าเกรงขามของชายหนุ่มที่มีมากอยู่แล้วก็ทวีคูณขึ้นไปอีก กระทะกลุ่มดาวเต่าดำลอยอยู่บนฝ่ามือของเขา ขณะที่เจ้าของกระทะมองไปยังบรรดามนุษย์อสรพิษด้วยสายตาเย็นชา
‘ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเถ้าแก่ปู้จะกล้าขนาดทุบผู้อาวุโสตายแค่เพราะโดนปรามาส ช่างอารมณ์ร้ายเหมือนสุนัขของเขาไม่มีผิด’
อวี่เฟิงมีสีหน้าบูดเบี้ยวเหยเก ส่วนบรรดามนุษย์อสรพิษที่อยู่ด้านหลังก็พากันบันดาลโทสะขณะมองชายหนุ่มด้วยสายตาเดือดดาล
ปู้ฟางกล้าสังหารสมาชิกเผ่ามนุษย์อสรพิษตายอย่างเลือดเย็นต่อหน้าต่อตาพวกเขา คนที่ถูกสังหารเป็นถึงผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการ แปลว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ดูแคลนเผ่าของพวกเขาเสียยิ่งกว่าอะไร
อวี่เฟิงมีสีหน้าไม่พอใจมาก เขาสูดหายใจเข้าลึกและตัดสินใจจะไม่สานต่อเรื่องนี้ เนื่องจากเขาไม่มีทั้งกำลังและความกล้ามากพอ เขาไม่ได้เป็นประมุขอสรพิษและไม่ได้เป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปู้ฟางที่มีสุนัขตัวอ้วนแสนขี้เกียจอยู่ข้างๆ เขาก็ทำได้เพียงกัดฟันทนเท่านั้น
เมื่ออาหนี่เห็นผู้อาวุโสถูกทุบตายด้วยกระทะของปู้ฟาง เขาก็อดยิ้มไม่ได้ ปู้ฟางเป็นวีรบุรุษในดวงใจของเขา ผู้อาวุโสผู้นั้นบังอาจมาดูแคลนปู้ฟาง โดนเช่นนี้เรียกได้ว่าสาสมแล้ว
“ท่านหัวหน้าเผ่า ท่านตั้งใจจะปล่อยไอ้เด็กจองหองปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี้ให้รอดไปหรือ มันเพิ่งสังหารคนของเราไปนะ… ท่านจะไม่พูดอะไรเลยหรือ” สมาชิกเผ่าหลายคนที่ระงับความโกรธไม่ไหวอีกต่อไปพูดกับอวี่เฟิงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
แต่อวี่เฟิงก็มีเหตุผลของตน และเป็นเหตุผลที่พูดไม่ได้เสียด้วย
ปู้ฟางมองบรรดามนุษย์อสรพิษด้วยสายตาเย็นชา กระทะกลุ่มดาวเต่าดำยังคงลอยอยู่บนฝ่ามือของเขา
พอได้ยินคำประท้วงของบรรดาผู้อาวุโส มุมปากของชายหนุ่มก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น “อวี่ฝูเป็นศิษย์ของข้า ตราบใดที่นางยังรักศาสตร์การทำอาหาร ก็ไม่มีใครหน้าไหนจะมาขัดขวางการเป็นแม่ครัวของนางได้ ไม่ใช่พวกเจ้า ไม่ใช่…ประมุขอสรพิษ”
โอหัง!
บรรดาผู้อาวุโสมนุษย์อสรพิษโกรธเกรี้ยวเป็นอันมาก จนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงจากการหอบหายใจ
“ที่นี่คือเผ่าบ้านเกิดของแม่นางเหนือหัวอวี่ฝู ไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์อย่างเจ้าจะมาทำตัวโอหังได้ตามใจชอบ” ผู้อาวุโสหญิงชราคนหนึ่งคำรามขึ้นพร้อมประกายกล้าในดวงตา
ปู้ฟางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็โบกมือส่งกระทะกลุ่มดาวเต่าดำเข้าโจมตีทันที
หญิงชราผู้นั้นตกใจเป็นอันมากและพยายามหลบวิถีกระทะ นางไม่กล้าปะทะกระทะตรงๆ
ภาพของผู้อาวุโสอีกคนที่ถูกกระทะฟาดจนตายคาที่ยังติดตานางอยู่ และนางก็ไม่โง่พอที่จะรับการโจมตีของกระทะตรงๆ หลังจากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น
“เถ้าแก่ปู้ ท่านช่วยไว้หน้าข้าและหยุดก่อความไม่สงบในเผ่าของข้าได้หรือไม่… ในเผ่าของข้าตอนนี้มีคนสำคัญจากนครมหาอสรพิษมากหน้าหลายตา หากท่านทำให้พวกเขาโกรธ ข้าเกรงว่าท่านจะ…”
อวี่เฟิงพูดกับปู้ฟางด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว
“เจ้ากล้าขู่ให้ข้าไว้หน้าเจ้ารึ เดี๋ยวนี้เจ้าช่างกล้าหาญนัก…” ปู้ฟางยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น
หมอนี่กล้าใช้ผู้ฝึกตนจากนครมหาอสรพิษมาข่มขู่เขาหรือ ในเมื่อมั่นใจในตัวผู้ฝึกตนเหล่านั้นนัก แปลว่าต้องมีขั้นเซียนเทพอยู่ด้วยเป็นแน่
“หามิได้ ข้าจะไปกล้าข่มขู่ท่านได้อย่างไร เถ้าแก่ปู้ เพียงแต่ข้าเป็นหัวหน้าเผ่านี้ ข้าจึงหวังว่าท่านจะกรุณาข้าบ้าง อย่าได้ก่อความไม่สงบในเผ่าของเราเลย”
แม้อวี่เฟิงจะมั่นใจพอตัวเนื่องจากมีนครมหาอสรพิษหนุนหลัง แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าปู้ฟางเป็นชายที่น่ากลัวเพียงใด
ปู้ฟางเรียกกระทะกลุ่มดาวเต่าดำกลับมาไว้ในมือ เขามองอวี่เฟิงแล้วเอ่ยตอบ “ย่อมได้ ตราบใดที่เจ้าส่งตัวอวี่ฝูกลับมาให้ข้า เราก็พอคุยกันได้”
“เรื่องนี้…” อวี่เฟิงสองจิตสองใจทันที
“ไอ้หนุ่ม เจ้านี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง เจ้าคิดว่าจะเดินดุ่มๆ เข้ามารังแกเผ่าของเราได้เช่นนี้หรือ แม่นางเหนือหัวอวี่ฝูเป็นถึงประมุขอสรพิษคนต่อไป นางไม่ใช่คนที่มนุษย์ต่ำต้อยอย่างเจ้าจะเข้าใกล้ได้”
ตอนนั้นเองบรรดามนุษย์อสรพิษก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป จนต้องร้องตะโกนออกมาทีละคนสองคน ผู้อาวุโสทั้งหลายคำรามใส่ปู้ฟางไม่หยุดหย่อน
อวี่ฝูเป็นความหวังที่เผ่าของพวกเขาจะได้ไต่เต้าสู่จุดที่สูงขึ้น แล้วจะให้พลาดโอกาสงามนี้ไปได้อย่างไร ใครมันจะปล่อยว่าที่ประมุขอสรพิษในอนาคต เจ้าผู้ครองนครนครมหาอสรพิษอันแสนยิ่งใหญ่ เอาไว้ในเงื้อมมือของไอ้เด็กมนุษย์นี่ พวกเขาไม่ได้โง่ จะปล่อยให้เรื่องไร้สาระเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน
บรรดาผู้อาวุโสมนุษย์อสรพิษที่โกรธแค้นพุ่งเข้าโจมตีปูฟางพร้อมๆ กัน ในเมื่อทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมรับข้อเสนอของใคร ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่คือการต่อสู้กันให้รู้แพ้รู้ชนะ
“ท่านผู้อาวุโส! หยุด!”
เมื่อเห็นภาพนั้นสีหน้าของอาหนี่ก็เปลี่ยนไปทันที เขาชื่นชมปู้ฟางเป็นอันมาก จึงไม่อยากให้ชายหนุ่มเป็นปรปักษ์กับเผ่ามนุษย์อสรพิษ ก่อนหน้านี้พวกเขายังเป็นมิตรกันอยู่เลยไม่ใช่หรือ
ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมตวัดหางไปตรงหน้าปู้ฟาง เพื่อสกัดการโจมตีของบรรดาผู้อาวุโส
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำลอยออกไปอีกครั้งแล้วมาหยุดนิ่งอยู่เบื้องหน้าอาหนี่ ทุกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาปะทะไม่ได้ทำให้กระทะขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่การโจมตีหยุดลง ใบหน้าของอาหนี่ก็ซีดลงเช่นกัน เขาเพิ่งบรรลุปราณขั้นนักพรตยุทธการได้ไม่นาน การต้านทานการโจมตีของผู้อาวุโสขั้นนักพรตยุทธการเช่นกันจึงทำให้เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรง
ปู้ฟางวางมือลงบนไหล่อาหนี่แล้วดึงอีกฝ่ายมาด้านหลัง
จากนั้นชายหนุ่มก็โบกมือสั่งให้กระทะกลุ่มดาวเต่าดำสกัดการโจมตีของผู้อาวุโสเอาไว้ได้ทั้งหมด ทำให้บรรดาผู้อาวุโสตกใจเป็นอันมาก
“อาหนี่ เจ้าจะทรยศเผ่าเราหรือ”
มนุษย์อสรพิษหญิงชราหรี่ตามองอาหนี่ที่มีใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
อาหนี่ตัวสั่นงันงก เขาอยากอธิบายแต่ก็ถูกปู้ฟางขัดขึ้นเสียก่อน
“อย่าใช้ชื่อเผ่าของเจ้ามาบังหน้าบังคับขู่เข็ญคนอื่นเลย พวกเจ้าบังคับให้อวี่ฝูไปเป็นศิษย์ของประมุขอสรพิษเพื่อความมั่งคั่งของตัวพวกเจ้าเอง พวกเจ้าได้ถามหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วนางต้องการอะไรกันแน่”
ปู้ฟางกำหมัด ทำให้กระทะกลุ่มดาวเต่าดำหดตัวลงจนมีขนาดเท่าจานรองแก้ว
“ฮึ! เกียรติยศของประมุขอสรพิษไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ต่ำต้อยอย่างเจ้าจะเข้าใจได้” หญิงชราตนเดิมพูดเหยียดด้วยสีหน้าเย็นชา
“ปากมากจริง” ปู้ฟางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงบนิ่งพลางโบกมือ
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำขนาดเท่าจานรองแก้วพุ่งเข้าใส่หญิงชราทันทีพร้อมเสียงหวีดหวิว
สีหน้าของหญิงชราผู้นั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ นางโบกหางเพื่อพยายามหลีกหนีการโจมตีของปู้ฟาง
แต่ความเร็วของกระทะกลุ่มดาวเต่าดำที่หดเล็กลงนั้นเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก มันมาถึงตัวหญิงชราผู้นั้นพร้อมเสียงดังกึกก้องเหมือนสายฟ้าฟาด
นางพยายามปัดกระทะกลุ่มดาวเต่าดำทิ้งไป พร้อมคำรามออกมาด้วยความคับแค้นใจ จากนั้นก็ยกแขนสองข้างมาด้านหน้าเพื่อปัดป้อง
แต่น้ำหนักของกระทะทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่ขั้นนักพรตยุทธการธรรมดาจะปัดมันทิ้งได้
ทันทีที่กระทะปะทะกับแขน แขนของนางก็ถูกบดจนแหลกสลาย หญิงชราผู้นั้นกรีดร้องโหยหวน ร่างทั้งร่างถูกซัดกระเด็นไปด้านหลัง
“บรรดาผู้ยิ่งใหญ่จากนครมหาอสรพิษ รีบมาจัดการไอ้หมอนี่เร็วเจ้าค่ะ มีมนุษย์จองหองจะพาตัวแม่นางเหนือหัวอวี่ฝูหนีไป” ทันทีที่หญิงชราผู้นั้นตกลงบนพื้น ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความจงเกลียดจงชัง ผมเผ้าหลุดลุ่ยขณะตะโกนด้วยความโกรธแค้น
พอนางตะโกนเสร็จสีหน้าของอวี่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที เขาก้าวมาข้างหน้าเพื่อกันไม่ให้นางพูดอะไรอีก แต่ดูเหมือนจะสายเกินไปเสียแล้ว
“เถ้าแก่ปู้ ท่านควรรีบไปได้แล้ว…” เขาพูดกับปู้ฟางพร้อมถอนหายใจด้วยสีหน้าที่ดูลำบากใจยิ่ง
หนึ่งในผู้ฝึกตนที่นครมหาอสรพิษส่งมาเป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพ แม้สุนัขสีดำตัวนี้จะแข็งแกร่งพอที่จะไล่ขั้นเซียนเทพให้จากไปได้ แต่ตัวเถ้าแก่ปู้นั้นไม่สามารถต่อกรกับขั้นเทพแห่งสงครามได้ด้วยซ้ำ
ปู้ฟางทำเพียงมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาไร้อารมณ์
ครืน!
พลังปราณหนึ่งพุ่งสูงขึ้นเสียดฟ้าจากสถานที่ที่ไกลออกไป มนุษย์อสรพิษหลายตนที่มีพลังปราณแก่กล้ากระโจนออกจากที่แห่งนั้น ทันทีที่หญิงชราเห็นภาพดังกล่าว ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น “ท่าน ไอ้มนุษย์จองหองนี่มันจะพาตัวแม่นางเหนือหัวอวี่ฝูไปเจ้าค่ะ”
“มีข้าอยู่ที่นี่ทั้งคน เจ้ากลับกล้าลักพาตัวผู้สืบทอดของประมุขอสรพิษไปหรือ อยากประกาศสงครามกับนครมหาอสรพิษหรืออย่างไร” เสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า
บนท้องฟ้ามีมนุษย์อสรพิษผู้ที่มีผมยาวสีขาวและเกล็ดสีแดงเลือดลอยอยู่ พลังปราณแก่กล้ากระจายออกจากร่างของเขา
ชายผู้นี้คือผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพที่ทุกคนพูดถึงกัน
ปู้ฟางคุ้นเคยกับพลังกดดันของผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพเป็นอย่างดี แม้พลังของขั้นเซียนเทพผู้นี้จะอ่อนแอกว่าหลายคนที่เขาเคยเจอมาในอดีต แต่ชายชราผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพของแท้แน่นอน
ดวงตาของชายชราเป็นสีแดงโลหิต แสงสีแดงเลือดส่องออกจากร่างขณะจับจ้องมาที่ชายหนุ่ม
ในที่แห่งนี้มีมนุษย์อยู่คนเดียวซึ่งก็คือปู้ฟาง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชายชราจะหันมาจ้องเขาเป็นคนแรก
“ไอ้หนุ่มโอหัง! ถึงคราวชะตาของเจ้าขาดแล้ว!” หญิงชรามนุษย์อสรพิษที่แขนถูกกระทะกลุ่มดาวเต่าดำบดทำลายตะโกนขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
อาหนี่ดึงแขนเสื้อปู้ฟางไม่หยุดด้วยความกังวล พยายามบอกให้ชายหนุ่มหนีไป
“เจ้านี่น่ารำคาญจนเรียกได้ว่ารนหาที่…” ปู้ฟางขมวดคิ้ว จากนั้นก็ส่งกระแสความคิดไปยังกระทะกลุ่มดาวเต่าดำเพื่อให้พุ่งเข้าใส่หญิงชราอีกครั้ง ความเร็วของกระทะนั้นเร็วมากเสียจนทำให้อากาศฉีกขาดระหว่างทาง กระทะเข้าประชิดตัวเป้าหมายภายในพริบตา ก่อนจะฟาดหญิงชราจนตายคาที่
“ต่อให้มีขั้นเซียนเทพอยู่ที่นี่แล้วอย่างไร ถึงอย่างไรเขาก็ช่วยชีวิตเจ้าไม่ได้อยู่ดี”
เสียงสงบนิ่งของปู้ฟางดังขึ้น ทำให้หัวใจของทุกชีวิตในที่แห่งนี้กระตุกด้วยความกลัว
สีหน้ายโสของผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพชราที่ลอยอยู่กลางอากาศเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที ดวงตาของเขาอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร
“มีข้าอยู่ที่นี่เจ้ายังจะกล้าสังหารคนอื่นอีกหรือ เจ้านี่มันจองหองเสียยิ่งกว่าอะไร ไม่เห็นหัวข้าเลยหรืออย่างไร”