ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 383 เจ้ามนุษย์อสรพิษขี้ปะติ๋ว กล้ามาดูแคลนท่านสุนัขผู้นี้หรือ
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 383 เจ้ามนุษย์อสรพิษขี้ปะติ๋ว กล้ามาดูแคลนท่านสุนัขผู้นี้หรือ
ผู้ฝึกตนผู้นั้นโบกหางสีแดงเลือดของตน ส่งกระแสลมร้อนระอุให้พัดกระจายไปทั่วบริเวณ ลมร้อนนั้นรุนแรงพอที่จะทำใ ให้รูขุมขนของทุกคนเปิดออกอย่างควบคุมไม่ได้
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพผู้นั้นยืนอยู่บนท้องฟ้าอย่างภาคภูมิ พลางมองลงมาที่ปู้ฟางด้วยสายตาหมายเอาชีวิต
ปู้ฟางสังหารผู้อาวุโสเผ่ามนุษย์อสรพิษไปต่อหน้าต่อตาเขา ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสตนเดียวกับที่เรียกเขามาที่นี่ด้วย
ไอ้มนุษย์คนนี้มันบังอาจดูถูกผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพอย่างเขา ต้องเป็นคนที่ยโสโอหังและใจกล้าบ้าบิ่นมากเป็นแน น่ ตัวเองเป็นเพียงขั้นนักพรตยุทธการมดปลวก แต่กลับกล้ายั่วโมโหผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพที่แข็งแกร่งกว่า
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำพุ่งกลับมาหาปู้ฟางแล้วลอยค้างอยู่บนฝ่ามือของชายหนุ่ม จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองผู้ฝึกต ตนขั้นเซียนเทพบนท้องฟ้า
ดวงตาของปู้ฟางไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ มันสงบนิ่งไม่มีแม้ความเคลื่อนไหวราวกับเป็นน้ำในบ่อ
มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงเย็น “เจ้ามนุษย์เย่อหยิ่งปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เจ้าคือคนที่จะพาแม่น นางเหนือหัวอวี่ฝูไปเช่นนั้นหรือ”
“หากอวี่ฝูอยากไปที่นครมหาอสรพิษเพื่อขึ้นเป็นประมุขด้วยความเต็มใจ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่มย่าม แต่หากนางถูกพวกเจ้ าบังคับให้ไป… ในฐานะอาจารย์สอนศาสตร์การทำอาหารของนาง เห็นทีข้าจะปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้” ปู้ฟางเอ่ย
ม่านตาของมนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพขยายกว้าง ทว่าไม่นานเขาก็ยิ้มเย็นออกมา
“เจ้านี่เองเจ้าของร้านอาหารที่แม่นางเหนือหัวอวี่ฝูนึกถึงตลอด ถือเป็นโอกาสอันดีแล้ว ข้าจะสังหารเจ้าเสีย ความยึ ดติดของแม่นางที่มีต่อเจ้าจะได้หายไปเสียที นางจะได้สืบทอดมรดกของนครมหาอสรพิษได้อย่างไร้กังวล…” มนุษย์อสรพิ ษขั้นเซียนเทพผู้นั้นเอ่ยเยาะ ลิ้นสีแดงของเขาสะบัดไปมาพร้อมด้วยพลังปราณที่ระเบิดออกจากร่าง
เมื่ออวี่เฟิงได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาก็ฉายความลังเลใจขึ้นมา ดูเหมือนว่าผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพผู้นี้ตั้งใจจะ ะโจมตีปู้ฟาง
“ท่านขอรับ เถ้าแก่ปู้ผู้นี้เป็นผู้มีพระคุณของข้าและอวี่ฝู ท่านโปรดมีเมตตาได้หรือ…”
“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ข้าตัดสินใจไปแล้วว่าไอ้เด็กนี่ต้องตาย” มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพพูดขัดอวี่เฟิงท ที่พยายามจะให้เขาอภัยปู้ฟาง
ปู้ฟางมองมนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพด้วยสายตาสงบนิ่งก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา
เจ้าดำที่นอนอยู่ข้างกายชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองพลางพ่นลมเย็นเยาะ
มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพสะบัดหางปล่อยพลังปราณออกจากร่าง ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นพลังกดดันมหาศาล พลังนั้นรุนแ แรงเสียจนดูเหมือนจะก่อตัวเป็นรูปร่างกดทับลงมาบนตัวของปู้ฟาง
สีหน้าของอาหนี่และคนอื่นๆ ที่รับพลังกดดันของมนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพเข้าไปเต็มๆ เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที
พวกเขารู้ว่าสถานการณ์เดินทางถึงจุดที่ถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว
แต่พลังดังกล่าวไม่ได้มีผลต่อปู้ฟางแม้แต่น้อย มันเป็นได้เพียงสายลมที่พัดเข้าใส่ตัวชายหนุ่มจนเส้นผมปลิวไสว ไม ม่ได้เกิดอะไรไปมากกว่านั้น
ปู้ฟางผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะส่งกระทะกลุ่มดำเต่าดำที่ลอยอยู่บนมือให้หมุนวนเป็นวงกลม
เขายกมือขึ้นชี้กระทะที่หดลงเหลือขนาดเท่าจานรองแก้ว แล้วเหวี่ยงมันไปหาผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพพร้อมเสียงดึงฟ ฟึ่บ
กระทะนั้นเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนฉีกอากาศเป็นริ้วๆ ส่งเสียงดังลั่นไปตลอดทาง
มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพตวัดลิ้น ก่อนจะปล่อยพลังปราณออกจากร่าง แล้วกระแทกฝ่ามือเข้าใส่กระทะกลุ่มดาวเต่าดำ
ปัง!
กระแสพลังรุนแรงกระจายออกจากร่างของมนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพ ม่านตาของเขาขยายขึ้น ก่อนที่เจ้าของร่างจะถูกซัด ดกระเด็นไปไกลตามแรงปะทะ
“นั่นมันวัตถุอะไรกัน อุปกรณ์กึ่งเทพหรือ” มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพพึมพำด้วยความตกใจ ตอนที่วัตถุดังกล่าวพุ่งช ชนร่าง เขารู้สึกเหมือนกำลังโดนภูเขาสูงตระหง่านกระแทกใส่ ภูเขานั้นแข็งแกร่งมากเสียจนทำอย่างไรก็ขยับไม่ได้ ทำ ำให้ตกใจเป็นล้นพ้น
ทว่าปู้ฟางก็ยังเป็นแค่ขั้นนักพรตยุทธการ หลังจากที่กระทะพุ่งเข้าปะทะมนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพแล้ว แรงปะทะก็ ส่งให้มันลอยกลับมาตรงหน้าเขา
ชายหนุ่มจับกระทะเอาไว้ จากนั้นก็ปลุกพลังปราณเที่ยงแท้ในกายส่งเข้าไปในกระทะ ทำให้ลวดลายมากมายบนผิวกระทะเรือ องแสงขึ้น
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำขยายขนาดใหญ่ขึ้น อึดใจต่อมา มันก็มีขนาดเท่าภูเขาลูกย่อมๆ ชายหนุ่มควบคุมกระทะด้วยจิต ก่อ อนส่งกระทะที่เรืองแสงสีทองเจิดจ้าให้พุ่งเข้าใส่ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพผู้นั้น
“เป็นอุปกรณ์กึ่งเทพจริงเสียด้วย” มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพสรุปได้ในที่สุด ดวงตามองกระทะที่กำลังพุ่งเข้าหาต ตนด้วยความละโมบโลภมาก เขาร้องคำรามพลางปลุกพลังปราณในกาย ส่งเปลวเพลิงสีแดงให้กระจายออกจากเกล็ด จากนั้นก็โยน เปลวเพลิงไร้ขอบเขตที่ดูเหมือนจะทำให้ทุ่งหญ้าทั้งหมดลุกเป็นทะเลไฟได้ใส่ปู้ฟาง เปลวเพลิงนั้นก่อตัวเป็นกำแพงไฟเข้ ามาขวางกระทะกลุ่มดาวเต่าดำเอาไว้
หากเขาครอบครองอุปกรณ์กึ่งเทพชิ้นนี้ได้ ทักษะการต่อสู้ของเขาย่อมพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นแน่นอน ความโลภเข้าครอบงำ จิตใจมนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพ ทำให้เขาตัดสินใจใช้ทุกอย่างที่มีทันที
เปลวเพลิงสีแดงของมนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพเป็นเพลิงวิญญาณที่เขาได้รับมาจากภายในหนองน้ำปราณมายา แม้เปลวเพลิงส สีแดงนี้จะด้อยกว่าเปลวเพลิงสังเคราะห์และเปลวเพลิงแห่งสวรรค์และปฐพี แต่พลังของมันก็รุนแรงกว่าไฟทั่วไปมาก
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำพุ่งเข้าปะทะกำแพงไฟแล้วทำลายมันเสียกระจุย ทิ้งไว้เพียงประกายไฟและเศษเพลิงที่หลงเหลืออยู จากนั้นก็พุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย
ฟ่อ!!
แต่ตอนที่เปลวเพลิงกำลังจะสลายหายไป มันก็กลายสภาพเป็นงูตัวจ้อยที่ทำจากไฟ งูตัวนั้นเข้ามาพันเกี่ยวรอบกระทะ กลุ่มดาวเต่าดำ ทำให้กระทะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อไม่ได้
ปู้ฟางมองภาพดังกล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เขาไม่ได้พยายามควบคุมกระทะอีก หากแต่ปล่อยให้มันอยู่ในวงล้อมเปลวเพลิง ต่อไป
มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ เขาไม่คาดคิดว่าตนเองจะได้กำไรงามเช่นนี้ ทันทีที่เปลวเพลิงวิญ ญญาณทำลายเจตจำนงเดิมของอุปกรณ์กึ่งเทพนี้จนหมดสิ้น มันจะกลายมาเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์
แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขาต้องกำจัดไอ้มนุษย์สุดจองหองคนนี้เสียก่อน ในเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายไม่มีอุปกรณ์กึ่งเทพแล้ว ก็เป็นได้เพียงมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น ในฐานะผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพ เขาสามารถบี้มันให้ตายโดยแทบไม่ต้องขยับ บนิ้ว
มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพยิ้มเย็นชา พลางโบกหางเพื่อเรียกพลังปราณเที่ยงแท้ออกจากร่างกาย เปลวเพลิงสีแดงระเบิดอ ออกจากร่างปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ก่อนจะก่อตัวเป็นฝ่ามือเพลิงขนาดใหญ่ที่มีพลังโจมตีน่าสะพรึงกลัวเป็นอันมาก ฝ่ามือนั นพุ่งลงมาหาปู้ฟางทันที
ปู้ฟางยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับตั้งใจว่าจะไม่หนีไปไหน
อาหนี่ที่ยืนอยู่ข้างกายชายหนุ่มกลัวจนหางตก ร่างทั้งร่างสั่นเทาไปหมด พลังที่ขั้นเซียนเทพปล่อยออกมานั้น ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทานทนได้
‘หรือข้าจะต้องมาจบชีวิตลงที่นี่กัน’ อาหนี่คิดอย่างสิ้นหวัง
แต่อึดใจต่อมา เขาก็เห็นแววเยาะเย้ยวาบขึ้นในดวงตาอันสงบนิ่งของปูฟาง อะไรกัน เหยียดหยันเช่นนั้นรึ
เถ้าแก่ปู้ยังใจเย็นอยู่ได้อย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ อาหนี่แทบจะร้องไห้ แต่อึดใจต่อมาน้ำตาของเขาที่เกือบจะ ไหลออกจากเบ้าก็ต้องไหลย้อนกลับเข้าไปในต่อมน้ำตาตามเดิม ม่านตาขยายกว้างด้วยความตกใจ
ปู้ฟางเงยหน้าขึ้นมองเปลวเพลิงที่กำลังพุ่งเข้าหาตน แล้วใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาเปิดปากพ่นเปลวเพลิงสีทอง งออกมา เปลวเพลิงนั้นลอยอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่ม ทำให้อุณหภูมิโดยรอบพุ่งสูงทันที
ชายหนุ่มโบกมือปัดเปลวเพลิงนั้น ส่งให้มันขยายออกจนกลายเป็นทะเลเพลิงที่กระจายไปทั่วท้องฟ้า ทะเลเพลิงสีทองอร่าม พุ่งเข้าปะทะเพลิงสีแดงของมนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพ
หัวใจของมนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพพลันกระตุกเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“นั่นมันเพลิงอะไรกัน เหตุใดจึงทรงพลังเช่นนี้”
มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพมองเปลวเพลิงวิญญาณของตนแหลกสลายกลายเป็นผุยผงเมื่อเข้าปะทะกับเปลวเพลิงสีทอง จากนั้น ก็ถูกเปลวเพลิงสีทองกลืนกินเข้าไปไม่เหลือซาก
“อ๊าก!!”
เขาร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธเกลียด เปลวเพลิงวิญญาณของเขาดันมาถูกกินเข้าไปจนไม่เหลือซากเสียได้ เปลวเพลิงสีท ทองนั่นเป็นเพลิงสังเคราะห์หรือ ไอ้หนุ่มนี่เป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงมีเพลิงสังเคราะห์ไว้ในครอบครอง
“เลวร้ายอะไรเช่นนี้! เปลวเพลิงวิญญาณของข้า!”
ความสูญเสียอันแสนเจ็บปวดทำให้มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพบันดาลโทสะขึ้นมา เขาสะบัดหางเรียกหอกสีดำมาถือไว้ในมื อก่อนจะชี้ไปที่ปู้ฟาง ชายชราใช้หางตนเองเป็นคันศรแล้วส่งหอกเข้าหาปู้ฟางด้วยพลังทั้งหมดที่มี ความอับอายนี้ทำให ห้เขาโกรธแค้นเป็นอันมากจนไม่คิดออมมืออีกต่อไป
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำเริ่มหมุนเป็นอิสระจากกรงขังเปลวเพลิง มันกลับมาอยู่ข้างกายปู้ฟางอีกครั้ง
หอกสีดำชนเข้ากับกระทะกลุ่มดาวเต่าดำเสียงดังแกร๊งแล้วกระเด็นกลับไปด้านหลัง
ส่วนปู้ฟางก็รับหมื่นไฟประลัยกัลป์กลับเข้าร่างก่อนจะถอนหายใจออกมา หมื่นไฟประลัยกัลป์นี้เป็นเปลวเพลิงแห่งสวรรค์ และปฐพี พลังของมันเรียกได้ว่าไร้ขีดจำกัด น่าเสียดายที่ตัวเขาในตอนนี้ควบคุมมันได้เพียงเท่านี้
ชายหนุ่มอ้าปาก จากนั้นหมื่นไฟประลัยกัลป์ที่กลืนเปลวเพลิงสีแดงเข้าไปก็ลอยมาเข้าปากให้เขากลืนลงท้องไป
เมื่อเห็นภาพดังกล่าว มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพก็รู้สึกเหมือนหัวใจของตนถูกกรีดจนเลือดไหล เขาเอื้อมมือไปรับห หอกที่กระเด็นกลับมา พลังปราณเที่ยงแท้ระเบิดออกจากร่างขณะพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มที่อยู่บนพื้นดิน
ความอยากสังหารปู้ฟางทวีคูณขึ้นจนวัดไม่ได้อีกต่อไป
ไอ้มนุษย์คนนี้มันบังอาจมากินเปลวเพลิงวิญญาณของเขา นั่นไม่ต่างอะไรจากการขอดเกล็ดที่หางของเขาแม้แต่น้อย
“บัดซบเอ๊ย! ตายเสีย!” เขาคำรามด้วยสีหน้าบูดเบี้ยวประสงค์ร้าย
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำหดตัวลงอย่างรวดเร็วแล้วกลับมาอยู่ในมือปู้ฟางอีกครั้ง ชายหนุ่มยกกระทะขึ้น มองมนุษย์อสรพิษ ษขั้นเซียนเทพที่กระโจนเข้าหาตนเองด้วยสายตาสงบนิ่ง
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการ ที่เขาทำทั้งหมดนั้นได้เพราะมีอุปกรณ์พ่อครัวเทพและเปลวเพล ลิงแห่งสวรรค์และปฐพีคอยเสริมพลัง หากเป็นขั้นนักพรตยุทธการปกติคงถูกขั้นเซียนเทพสังหารด้วยการตบเพียงครั้ง เดียวจนตายไปนานแล้ว
ปู้ฟางในตอนนี้ยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับขั้นเซียนเทพได้จริงๆ แต่เขาก็ไม่กังวลแต่อย่างใดเนื่องจากไม่ได้ตัวคนเดีย ยว
พอชายหนุ่มหันไปมองเจ้าดำที่มีสีหน้านิ่งเฉย เจ้าสุนัขก็กลอกตาใส่ ‘ว่าแล้วว่าไอ้เด็กนี่ต้องหาเรื่องมาให้ท่านส สุนัขอย่างข้าแน่’
กระแสพลังของมนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพทำให้เกิดลมพายุบ้าคลั่งพัดเข้าใส่ขนของเจ้าดำจนปลิวกระจาย
เจ้าดำเดินอย่างเกียจคร้านด้วยท่วงท่าเหมือนแมวออกไปข้างหน้าสองสามก้าว มายืนอยู่ระหว่างมนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเท ทพและปู้ฟาง
“เจ้าหวังพึ่งสุนัขอ้วนตัวนี้ให้ช่วยตนเองหรือ ข้าเบื่อกับกลเม็ดบ้าบอของเจ้าเต็มทนแล้ว ไอ้มนุษย์เวร” มนุษย์ อสรพิษขั้นเซียนเทพร้องคำรามออกมาพร้อมจิตสังหารรุนแรงจนแทบจะก่อตัวเป็นรูปร่าง
พอเจ้าดำได้ยินที่อีกฝ่ายพูดมันก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที หวังให้สุนัขอ้วนตัวนี้ช่วยแล้วมันผิดอย่างไรเล่า เจ้าบ บังอาจดูถูกท่านสุนัขผู้นี้เช่นนั้นหรือ
“เจ้ามนุษย์อสรพิษขี้ปะติ๋ว กล้ามาดูแคลนท่านสุนัขผู้นี้หรือ”
เจ้าดำเปิดปากเผยให้เห็นฟันสีขาวสะอาดหมดจด ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนของบุรุษ
ทันทีที่เจ้าดำพูดจบ มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพที่กำลังพุ่งเข้าใส่ทั้งสองก็หยุดอยู่กับที่ด้วยความหวาดกลัว นี่ม มันบ้าอะไรกัน เหตุใดสุนัขตัวนี้ถึงพูดได้เสียอย่างนั้น
แต่ความตกใจของเขาก็เกิดขึ้นเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น ไม่นานเขาก็โบกหอกไปมาแล้วพุ่งเข้าใส่เจ้าดำ ใครสนกันว่ าเจ้าพูดได้หรือไม่ ข้าจะเสียบเจ้าให้เป็นรูแล้วค่อยมาคิดทีหลังแล้วกันว่าเจ้าพูดได้ได้อย่างไร
เจ้าดำพ่นลมเยาะแล้วยกอุ้งเท้าเล็กน่ารักขึ้นจากพื้น
พออวี่เฟิงและอาหนี่เห็นสุนัขยกอุ้งเท้าขึ้น ทั้งสองที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ตัวสั่นทันที
พวกเขาจำได้ติดตาเหลือเกิน
ครั้งสุดท้ายที่สุนัขตัวนี้ยกอุ้งเท้าขึ้น ผู้ฝึกตนขั้นเทพแห่งสงครามมากมายนับไม่ถ้วนถูกสังหารตายคาที่ คราวนี้ มันยกเท้าขึ้นอีกครั้ง แล้วผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพจะตายเพราะโดนอุ้งเท้าเล็กน่ารักนี้ตบหรือไม่
มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพที่กำลังพุ่งเข้าใส่ทั้งสองรู้สึกถึงกระแสพลังกดดันมหาศาลที่ถาโถมเข้าใส่ กระแสพลังนั้น นรุนแรงมากเสียจนทำให้เกล็ดบนร่างกายของเขาเปิดออกจนหมด
หอกที่มนุษย์อสรพิษขั้นเซียนเทพพุ่งใส่สุนัขสีดำย้อนกลับมาด้วยพลังกดดันนี้
ภาพเงาของอุ้งเท้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
หัวใจของเขาสั่นสะท้านทันทีที่ได้เห็นภาพดังกล่าว ก่อนที่อุ้งเท้าใหญ่ยักษ์นั้นจะตบลงมาบนตัวเขา