ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 386 สุนัขผู้กลืนสายฟ้า
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 386 สุนัขผู้กลืนสายฟ้า
ทันทีที่ได้รับคำสั่งจากประมุขอสรพิษ พลังปราณรุนแรงก็พลันระเบิดออกจากที่พำนักหรูหราสองแห่งในนครมหาอสรพิษ
กระแสพลังปราณทั้งสองพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมด้วยร่างของมนุษย์อสรพิษสองตนที่ลอยอยู่บนอากาศอย่างสง่างาม พลังปราณที่พุ่งกระจายออกจากมนุษย์อสรพิษสองตนนี้แข็งแกร่งเป็นอันม มาก จนทำให้มวลอากาศโดยรอบเริ่มสั่นสะเทือน ทั้งสองก็คือราชันอสรพิษสองตนที่เหลือ และเป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพแห่งนครมหาอสรพิษเช่นกัน
ทั้งสองหันหน้ามามองกันบนท้องฟ้า ต่างสัมผัสได้ถึงความเย็นชาในดวงตาของอีกฝ่าย
หนึ่งในนั้นเป็นมนุษย์อสรพิษรูปร่างหนาด้วยมัดกล้ามเหมือนมังกรผงาด กล้ามเนื้อเหล่านั้นจับตัวหนาเป็นเส้นสีน้ำเงิน ดวงตาของเขาเป็นประกายสายฟ้าจนแทบจะปล่อยสายฟ้าฟาดออกจากด ดวงตาได้ กระแสไฟฟ้าสีฟ้าอ่อนวิ่งวนรอบกาย ทำให้หางสีน้ำเงินสว่างจ้าขึ้นมา
ชายผู้นี้คือราชันอสรพิษแห่งนครมหาอสรพิษ ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพชั้นกลาง นามว่าตู้ไข่
ราชันอสรพิษอีกตนเป็นมนุษย์อสรพิษหญิง เอวของนางบิดพลิ้วด้วยท่าทางยั่วยวนใจ ท่อนบนมีเสื้อสีม่วงปกปิดหน้าอกเอาไว้ ดวงตาบนใบหน้าสวยหวานเป็นประกายยั่วยวน ผมของนางเป็นสีม่ วงปลิวไสวไปในสายลม ส่วนหางสีม่วงก็ส่ายไปในอากาศเบาๆ
หญิงสาวผู้นี้คือราชันอสรพิษตนสุดท้ายของนครมหาอสรพิษ เป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพชั้นปลาย ผู้มีนามว่าตู้เวย
ตู้หมู่เป็นราชันอสรพิษที่อ่อนแอที่สุดในทั้งสามตน
นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ประมุขอสรพิษรู้สึกวางใจในการส่งราชันอสรพิษทั้งสองไปต่อกรกับภัยคุกคาม
ยิ่งไปกว่านั้น… สิ่งที่ทำให้นครมหาอสรพิษแข็งแกร่งไม่ใช่ราชันอสรพิษทั้งสามตนเพียงเท่านั้น ทางทิศตะวันตกของนครเป็นมหาสมุทรไร้ขอบเขต ส่วนทางทิศตะวันออกก็เป็นสำนักเมฆาขาว.. .. ทั้งสองสถานที่นับเป็นสถานที่สำคัญสำหรับหนองน้ำปราณมายา หากไม่ได้รับการเกื้อหนุน คงยากที่จะรักษานครมหาอสรพิษให้อยู่รอดปลอดภัยได้
ราชันอสรพิษทั้งสองส่ายหางไปมาแล้วพุ่งขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเหาะตรงไปยังนคร
ประมุขอสรพิษยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในท้องพระโรง ดวงตาของนางคมกริบเหมือนสายฟ้า
นางขมวดคิ้วแน่น ดูกังวลใจพอตัว
ความกังวลใจนี้ย่อมไม่ได้มาจากมนุษย์ที่คิดจะบุกเข้านครมหาอสรพิษ กับอีแค่มนุษย์คนเดียวจะไปเข้าใจความยิ่งใหญ่ของนครมหาอสรพิษได้อย่างไร
หากมนุษย์คนเดียวสามารถบุกตะลุยเข้ามาในนครมหาอสรพิษได้ นครแห่งนี้ก็ควรหายไปจากหน้ากระดาษของหนองน้ำปราณมายาเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยจะดีกว่า
นางกำลังกังวลจับจิตเรื่องคลื่นยักษ์สูงร้อยลี้จากมหาสมุทรไร้ขอบเขตที่กำลังพัดเข้าหาชายฝั่ง ในคลื่นนั้นมีอสูรเวทมากมายนับไม่ถ้วนซ่อนตัวอยู่ ไม่ต้องพูดถึง… ชาวสมุทรที่ กำลังเดินทางมากับคลื่นนั้นเช่นกัน
เมื่อเทียบกับมนุษย์หน้าโง่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่แล้ว ชาวสมุทรทำให้นางรู้สึกกระวนกระวายกว่ามาก นี่เป็นวิกฤติใหญ่ที่อาจทำให้นครมหาอสรพิษตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงได้เลยทีเดียว
…
ปู้ฟางถอนหายใจออกมาเบาๆ เขายังคงเดินหน้าเข้าหานครมหาอสรพิษทีละก้าว พร้อมลากหางสีแดงแจ๋มาด้วย ใบหน้าของชายหนุ่มไร้อารมณ์ขณะมองไปที่ทหารเฝ้ายามบนกำแพงเมือง
ตอนนั้นเองประตูเมืองก็ค่อยๆ ปิดลง เสียงของโซ่ที่ดังกังวานไปในอากาศส่งสัญญาณว่าประตูกำลังถูกดึงให้ปิดสนิท
แม่ทัพของเหล่าทหารยามตะโกนใส่ปูฟางเพื่อบอกให้เขาหยุดฝีเท้า
แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจแม้แต่น้อยและยังคงเดินดุ่มๆ ไปข้างหน้าต่อไป
ภาพของราชันอสรพิษตู้หมู่ที่กำลังถูกปู้ฟางลากไปข้างหน้าเหมือนซากสุนัข ทำให้ดวงตาของทหารยามแทบถลนด้วยความโกรธ แม้ดวงตาจะมอดไหม้ด้วยโทสะ แต่หัวใจกลับเปี่ยมไปด้วยความตกใจ
นั่นเพราะตู้หมู่…เป็นถึงผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพนั่นเอง
“เหล่าทหาร เตรียมหอก! จู่โจม!”
ขณะที่เท้าของปูฟางเหยียบลงบนพื้น เสียงร้องตะโกนของทหารยามบนกำแพงเมืองก็ลอยมาเข้าหู
ทหารบนกำแพงเมืองเอนกายไปข้างหลังแล้วกัดฟันแน่น พลังปราณแผ่ออกจากมือขณะส่งหอกเย็นเยียบคมกริบให้พุ่งลงมาจากกำแพงเมืองสูงชัน
ปู้ฟางแหงนหน้าขึ้นมองห่าฝนหอกที่หนาแน่นมากเสียจนปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า เขาส่งจิตเรียกกลุ่มควันสีเขียวออกมา กลุ่มควันสีเขียวเปลี่ยนสภาพไปเป็นกระทะกลุ่มดาวเต่าดำ จากนั้นชาย ยหนุ่มก็ส่งพลังปราณเที่ยงแท้เข้าไปในกระทะเพื่อให้มันขยายขนาดอย่างรวดเร็ว กระทะนั้นปกป้องศีรษะของเขาเอาไว้แล้วลดตัวลงมาเพื่อปกป้องร่างกายของชายหนุ่มจากการถูกโจมตี
ฉึก ฉึก ฉึก!!
หอกยาวจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนซัดลงด้านล่าง มันพุ่งผ่านอากาศแล้วปกคลุมท้องฟ้าจนกลายเป็นสีดำ
มนุษย์อสรพิษทั้งหมดกลั้นหายใจทันที
ทันใดนั้นแม่ทัพของกลุ่มทหารยามก็ต้องสะดุ้งโหยง เขาเห็นหอกยาวกระแทกเข้าใส่วัตถุแข็งก่อเกิดเป็นประกายไฟที่พุ่งกระจายไปทั่วบริเวณ
ห่าฝนที่เกิดจากหอกมากมายนับไม่ถ้วนใช้การไม่ได้ผล
กระทะขนาดใหญ่ลอยอยู่ด้านหน้าพวกเขา กระทะถูกหอกจำนวนมากพุ่งเข้ากระแทก แต่กลับไม่เป็นรอยแม้แต่น้อย แม้แต่รอยขีดข่วนก็ยังไม่มี
“นี่มัน…อะไรกัน!”
แม่ทัพสูดลมเย็นเข้าปอด ขนลุกชันไปทั้งร่าง
ช่างเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งโดยแท้ ไม่แปลกเลยที่ล้มราชันอสรพิษตู้หมู่ลงได้
ครืน!
เงาของมนุษย์อสรพิษร่างหนาพุ่งผ่านท้องฟ้า เป็นมนุษย์อสรพิษที่ร่างกายเต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าสีฟ้าอ่อน
เสียงแตกเปรียะดังขึ้นหลายครั้ง จากนั้นมนุษย์อสรพิษตนนี้ก็คว้ากระบี่สายฟ้าออกมาถือไว้ในมือ
ร่างอรชรของราชันอสรพิษตู้เวยเองก็เหาะมาถึงแล้วเช่นกัน นางลงมายืนบนกำแพงเมืองตรงกลางกลุ่มทหารยาม ดวงตายั่วยวนมองมนุษย์ที่อยู่ด้านล่างด้วยความสนอกสนใจ
หญิงสาวยิ้มออกมา จากนั้นก็ดีดนิ้วเบาๆ แล้วหันไปหาทหารยามตนหนึ่ง ก่อนเอ่ยปากออกคำสั่งด้วยเสียงอ่อนโยน “ปลุกวงแหวนปราณที่คุ้มกันประตูเมืองขึ้นมาเสีย… เรามาหาของขวัญชิ้น นเบิ้มให้เจ้ามนุษย์นี่กันหน่อยดีกว่า”
แม่ทัพประจำกองทหารยามแยกเขี้ยวทันที เขามองราชันอสรพิษตู้เวยด้วยสายตาตกใจ “ท่านราชันไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมนี่”
“ปลุกวงแหวนปราณขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ให้พี่หญิงใหญ่ผู้นี้ได้เล่นสนุกกับเจ้ามนุษย์นี่เสียหน่อย” ตู้เวยยื่นนิ้วเรียวยาวออกมา นางแลบลิ้นออกจากริมฝีปากสีแดงเรื่อมาเลียนิ้วดังก กล่าว ก่อนจะยิ้มยั่วเย้า
แม่ทัพกองทหารยามตัวสั่นเทิ้มพลางรีบวิ่งออกไปทันที ไม่นานนักแสงเรืองรองก็พลันสว่างขึ้นบนกำแพงเมือง
ลำแสงนั้นสว่างจ้าขึ้นเบื้องหน้าตู้เวยที่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง จากนั้นวงแหวนปราณสองวงที่หมุนวนเชื่อมต่อกันก็ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างในอากาศ
ตู้เวยกดมือบอบบางลงบนวงแหวนปราณ วงแหวนปราณทั้งสองหมุนด้วยความเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่ลูกแก้วสีขาวเรืองแสงจะปรากฏขึ้นตรงหน้าวงแหวนปราณ
ปัง!!
เสียงระเบิดแก้วหูแทบแตกดังขึ้นทันที!
ราชันอสรพิษตู้ไข่เองก็ประหลาดใจเช่นกัน ผมของเขาปลิวไสวไปในสายลมที่พัดกระโชกแรง
ริมฝีปากของตู้ไข่กระตุก เขาหันกลับไปเห็นตู้เวยยืนพิงกำแพงเมืองอยู่ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง…
สตรีที่น่ากลัวผู้นี้กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“วงแหวนปราณอารักขาเมืองเป็นเพียงของเล่นสำหรับนางหรืออย่างไร” ตู้ไข่โกรธเป็นอันมาก
เสียงระเบิดดังขึ้น ปู้ฟางขมวดคิ้ว มองลูกแก้วพลังปราณที่กำลังพุ่งเข้าใส่ตน หัวใจสั่นสะท้านขึ้นมา
ลูกแก้วนั้นทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวง
ชายหนุ่มส่งจิตเรียกให้กระทะกลุ่มดาวเต่าดำหมุนวนอีกครั้งแล้วลดตัวลงเพื่อกำบังเขา
ลูกแก้วเรืองแสงกระแทกเข้าใส่กระทะกลุ่มดาวเต่าดำอย่างจัง
เสียงระเบิดดังลั่นกระแทกใส่หูปู้ฟาง หลังแสงเจิดจ้าระเบิดออกมา ดวงตาของเขาก็เห็นเพียงสีดำเท่านั้น
ลูกแก้วที่ทำจากแสงทรงพลังถึงเพียงนี้เชียวหรือ!
“สิ่งนี้เรียกว่าปืนใหญ่วงแหวนปราณ… ใครจะไปคิดว่าเมืองที่ห่างไกลจะมีอะไรเช่นนี้อยู่ด้วย แต่ก็อย่างว่า ปืนใหญ่วงแหวนปราณนี้ถือว่าล้าหลังตกรุ่นพอตัว” เสียงอ่อนโยนของเจ้า าดำดังขึ้นอธิบายปรากฏการณ์ตรงหน้าให้ปู้ฟางฟัง เจ้าสุนัขเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มผู้ที่ยังมึนงงจากแรงกระแทกของปืนใหญ่ แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“ปืนใหญ่วงแหวนปราณเช่นนั้นรึ นี่มันอะไรกัน”
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำหดตัวลงมาลอยอยู่บนมือชายหนุ่มดังเดิม ศีรษะของปู้ฟางยังคงหมุนติ้วๆ อยู่ แรงระเบิดของลูกแก้วแสงทำให้เขารู้สึกเวียนศีรษะไม่น้อย
บนกำแพงเมือง แม้ปากของตู้เวยยังคงยิ้มกริ่มอย่างมีเสน่ห์ แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความตกใจ
“ไอ้มนุษย์นี่มีเคล็ดวิชาอยู่เหมือนกัน ถึงกับต้านทานปืนใหญ่วงแหวนปราณได้… ไม่แปลกใจเลยที่สยบตู้หมู่จนอยู่หมัด เอาละ ก็ถือว่าควรค่าแก่การออกแรงของพี่หญิงใหญ่ผู้นี้แ แล้วละ” ลิ้นเล็กๆ ของนางแลบเลียริมฝีปาก ก่อนที่นางจะยิ้มแหยออกมา
ตู้ไข่ที่ลอยอยู่บนฟ้าหรี่ตาก่อนจะคำรามออกมา เสียงของเขาดังลั่นเหมือนสายฟ้าฟาด
ตูม ตูม ปัง!
พลังปราณรุนแรงกระจายตัวไปรอบๆ
ใจของปู้ฟางเต้นรัวแรง พลังปราณของมนุษย์อสรพิษตนนี้แข็งแกร่งว่าตู้หมู่เป็นอันมาก...
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!
ตู้ไข่มองสำรวจปู้ฟาง แล้วก็พบว่าพลังปราณของคนผู้นี้อยู่ที่ระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการเท่านั้น ตอนนั้นเองเขาก็พลันงุนงงไป คนที่สยบตู้หมู่ได้เป็นเพียงขั้นนักพรตยุทธ ธการหรอกหรือ
“สงสัยพลังของตู้หมู่นี่ ยิ่งฝึกก็จะยิ่งลดน้อยถอยลงกระมัง!”
กระบี่สายฟ้าที่ตู้ไข่ถืออยู่ยาวหลายร้อยจั้ง มันบินออกจากฝ่ามือของเขาพุ่งเข้าใส่ปู้ฟางทันที
คมกระบี่ที่ตัดอากาศส่งเสียงดังครึกโครม ทำให้บรรดามนุษย์อสรพิษที่มองอยู่รู้สึกกลัวและตื่นตาตื่นใจไปในคราวเดียวกัน สมแล้วที่เป็นราชันอสรพิษผู้แสนทรงพลัง!
ปู้ฟางขมวดคิ้ว เขาถือกระทะกลุ่มดาวเต่าดำเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง ชายหนุ่มยืดอกขึ้นจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เปลวเพลิงสีทองพุ่งออกจากปาก
ทันทีที่เปลวเพลิงแห่งสวรรค์และปฐพีพุ่งออกมา อุณหภูมิทั่วบริเวณก็สูงขึ้นอย่างมาก เปลวเพลิงนั้นปะทะเข้ากับกระบี่สายฟ้าส่งเสียงอึกทึกจนหูแทบแตก
ม่านตาของตู้ไข่หดแคบ เขามองเปลวเพลิงนั้นด้วยความตื่นตาตื่นใจอยู่เงียบๆ ไม่แปลกใจเลยที่ตู้หมู่จะพลาดท่า… ในบรรดาราชันอสรพิษทั้งสามตนมีเพียงตู้หมู่เท่านั้นที่ใช้เปลวเ เพลิงในการต่อสู้ แต่เมื่อเทียบกับเปลวเพลิงของมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าแล้ว… เปลวไฟของตู้หมู่นั้นอ่อนแอกว่าหลายเท่านัก
แล้วมันอย่างไรเล่า
ตู้ไข่ยิ้มกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวคมกริบ
สายฟ้าที่พันรอบมือเขาทวีความแข็งแกร่งขึ้น เขากวัดแกว่งกระบี่สายฟ้าอีกครั้ง คมกระบี่ก่อตัวเป็นงูอสนีแสนดุร้าย มันเลื้อยเลี้ยวลดหลบเปลวเพลิงของปู้ฟางไปได้ แล้วพุ่งตรงเข้ าหาชายหนุ่ม
หากเทียบกับขั้นเซียนเทพแล้ว…ขั้นปราณของปู้ฟางก็จัดได้ว่าอ่อนแอเกินไปจริงๆ
ตอนนั้นเองเจ้าดำก็เดินไปข้างหน้าด้วยท่วงท่าเหมือนแมว พลางยกอุ้งเท้าเล็กๆ น่ารักขึ้นโบกเบาๆ เงาร่างของอุ้งเท้าสุนัขพุ่งออกไปข้างหน้าทันที
ปัง!!
ปู้ฟางเก็บเปลวเพลิงแห่งสวรรค์และปฐพีเข้ากายดังเดิม
งูอสนีของตู้ไข่ไม่อาจหลุดพ้นเงื้อมมือของอุ้งเท้าสุนัขไปได้ มันดึงงูนั้นเข้าหาตัว ร่างของตู้ไข่ที่อยู่บนท้องฟ้าพลันเซถลาถอยหลังไป
อึดใจต่อมา ดวงตาของมนุษย์อสรพิษทุกตนในที่แห่งนี้ก็ต้องเบิกโพลง เมื่อสุนัขตัวอ้วนที่เพิ่งจับงูอสนีได้ ตวัดอุ้งเท้าส่งงูเข้าปาก
“บ้าไปกันใหญ่แล้ว…เจ้ากล้ากินสายฟ้าเลยหรือ ไม่กลัวโดนไฟฟ้าฟาดเกรียมหรืออย่างไร”
ตู้ไข่หัวใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ส่วนตู้เวยก็เบิกตาโต…
ผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพแห่งนครมหาอสรพิษทั้งสองตกใจจนสติแทบหลุด