ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 387 พร้อมหน้า
ยานรบโลหะสีทองกำลังบินไปบนน่านฟ้าของหนองน้ำปราณมายาอย่างเชื่องช้า เสียงเครื่องยนต์ดังคำรามส่งพลังให้กระจายออกสู่อากาศจนเกิดเป็นกระแสลมรุนแรง
ลมกระโชกแรงพัดน้ำในหนองน้ำปราณมายาให้สาดกระจายไปทั่ว โคลนกระเด็นไปทุกทิศ ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งในอากาศ
บนยานรบลำใหญ่มหึมาที่กำลังเคลื่อนที่ไปในอากาศ มีร่างร่างหนึ่งซึ่งกำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ พลังที่แผ่ออกจากร่างร่างนี้แข็งแกร่งมากเสียจนทำให้สวรรค์และปฐพีสะเทือนได้เลยทีเดียว
โคลนที่สาดกระเซ็นจากพื้นทำให้บรรดาอสูรเวทในหนองน้ำปราณมายาต้องออกจากที่ซ่อน พวกมันรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว อสูรเวทระดับแปดที่แข็งแกร่งกว่าแยกเขี้ยวแล้วถลึงตามองยานโลหะสีทองอร่ามบนท้องฟ้า แต่เมื่อเห็นผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่บนดาดฟ้า พวกมันก็ร้องเสียงแหลมออกมาสั้นๆ แล้วรีบหนีเอาชีวิตรอดทันที
ผู้บัญชาการเฟิงกวาดสายตามองหนองน้ำปราณมายาเบื้องล่างด้วยท่าทางมีอำนาจ พื้นที่แห่งนี้ที่ชาวดินแดนทางใต้กล่าวขานว่าอันตรายเหลือ เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยอย่างมากสำหรับสำนักมหาพิภพ อันที่จริงที่แห่งนี้เรียกได้ว่าไม่มีอันตรายอยู่เลยก็ว่าได้
หนองน้ำปราณมายาแห่งนี้ไม่มีอสูรเวทชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์แม้แต่ตัวเดียว แปลว่าที่แห่งนี้ปลอดภัยสำหรับศิษย์จากสำนักมหาพิภพอย่างแน่นอน
ประตูโลหะของยานรบเปิดออกส่งเสียงดังเอี๊ยด บรรดาผู้ฝึกตนจำนวนมากพากันกรูออกมาจากยาน พวกเขาเหล่านี้เป็นศิษย์จากสำนักมหาพิภพ ทุกคนล้วนมีพลังปราณแก่กล้าแผ่ออกจากร่าง
ผู้อาวุโสหยุดอยู่ข้างผู้บัญชาการเฟิงพลางพึมพำบอกบางอย่างกับเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เจ้าจะบอกข้าว่าเหลียงไคหนึ่งในสิบผู้สืบทอดแห่งสวรรค์รับรู้ถึงการมีอยู่ของเปลวเพลิงแห่งสวรรค์และปฐพีในสนามฝึกซ้อมแล้ว และกำลังเดินทางมาที่นี่เช่นนั้นหรือ”
ผู้อาวุโสพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
สีหน้าของผู้บัญชาการเฟิงเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันที ความมุ่งร้ายเข้าครอบงำจิตใจของเขา สิบผู้สืบทอดแห่งสวรรค์จากสำนักมหาพิภพมีปราณอยู่ที่ระดับสิบขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันทั้งสิ้น ทุกคนล้วนมีพรสวรรค์อันน่าเหลือเชื่อและมีความสามารถในการต่อสู้ที่น่าเกรงขาม ด้วยความที่พวกเขาต่างมีไพ่ตายเฉพาะตัวจึงทำให้จัดการได้ยากยิ่ง
หากผู้สืบทอดแห่งสวรรค์ตามมาชิงเปลวเพลิงแห่งสวรรค์และปฐพีด้วย แปลว่าโอกาสที่เพลิงนี้จะหลุดรอดเงื้อมมือของผู้บัญชาการเฟิงไปได้ก็มีมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น… หากผู้สืบทอดแห่งสวรรค์ค้นพบเหมืองผลึกขนาดใหญ่ในสนามฝึกซ้อม เห็นทีสิ่งที่เขาเพียรพยายามทำมาก็อาจจบเห่ลงคราวนี้
การแข่งขันภายในสำนักมหาพิภพนั้นดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนต้องต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรในการฝึกปราณ
ผู้บัญชาการเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกพลางหรี่ตาลง ดวงตาทอประกายวาบ
“เร่งความเร็วของยานรบขึ้นอีก เราต้องยึดเหมืองมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”
ส่วนเปลวเพลิงแห่งสวรรค์และปฐพีนั้น…ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาอีกต่อไป
แม้เหลียงไคจะอ่อนแอที่สุดในบรรดาสิบผู้สืบทอดแห่งสวรรค์ แต่ผู้บัญชาการเฟิงก็รู้ดีว่าตัวเขาเองนั้นยังต่อกรกับชายหนุ่มไม่ได้ เขาต้องชิงยึดเหมืองผลึกก่อนเหลียงไคจะมาถึง แล้วรีบส่งข่าวกลับไปที่สำนัก เพื่อจะได้รับความดีความชอบเอาไว้คนเดียว
…
คลื่นยักษ์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า มันสูงตระหง่านเสียจนบดบังท้องฟ้าจนมืดมิด ทุกครั้งที่คลื่นซัดตัวลงมาจะเกิดเสียงดังสนั่นเหมือนสายฟ้าฟาด ยิ่งคลื่นเข้ามาใกล้เท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นอสูรเวทที่แฝงตัวอยู่ภายในชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น บรรดาอสูรเวทสมุทรดุร้ายกรีดร้องพร้อมที่จะพุ่งเข้าใส่หน้าผาสูงชันด้วยพลังปราณแก่กล้า
ชาวสมุทรผิวสีน้ำเงินจำนวนมากโต้คลื่นเข้ามา พวกเขาจ้องไปที่หนองน้ำปราณมายาไม่วางตา
หนึ่งในนั้นเป็นชาวสมุทรที่นั่งอยู่บนหลังอสูรเวทซึ่งร่างกายเต็มไปด้วยหนามแหลมและกำลังแยกเขี้ยวคมกริบ อสูรเวทตัวนั้นเป็นอสูรเวทจำพวกกุ้งที่มีพลังกล้าแกร่ง ร่างของมันมีเส้นสายลายทางพาดยาว มีเขี้ยวยื่นโค้งออกมาจากปากและมีก้ามใหญ่คมกริบ ดวงตากลอกกลิ้งไปมา ปากพ่นฟองสีขาวออกมาเป็นพักๆ ขณะเคลื่อนตัวไปบนคลื่นอย่างมั่นคง
สิ่งมีชีวิตนี้คือ กุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึก อสูรเวทสมุทรขั้นเซียนเทพ ร่างกายของมันใหญ่โตหลายร้อยจั้ง ดูเหมือนปีศาจจากครั้งโบราณกาลที่ดุร้ายเสียจนท้องฟ้าต้องสั่นสะท้าน
“ผู้พยากรณ์แห่งชาวสมุทรบอกว่ากำลังจะมีชาวกุ้งถือกำเนิดขึ้นในหนองน้ำปราณมายาเช่นนั้นหรือ หากพวกเรากู้เผ่าพันธุ์ชาวกุ้งกลับมาได้ เผ่าชาวสมุทรของเราจะได้ก้าวออกจากทะเลแสนคับแคบแห่งนี้ภายใต้การนำของพวกท่าน และทะยานไปสู่น่านน้ำที่กว้างใหญ่กว่านี้ได้อย่างแน่นอน!”
ผู้ฝึกตนผิวสีน้ำเงินที่นั่งอยู่บนหลังอสูรเวทกุ้งอ้าปากพูด เผยให้เห็นฟันคมภายในปาก ดวงตาของเขากลอกไปมาด้วยความตื่นเต้น
ทันใดนั้นเขาก็เปิดกระพุ้งแก้มออกราวกับจำอะไรที่น่าตื่นเต้นบางอย่างได้ น้ำทะเลไหลออกจากกระพุ้งแก้ม พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องแหลมสูงที่ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า เพื่อปลุกเร้าชาวสมุทรที่กำลังโต้คลื่นอยู่ด้วยกัน
อึดใจต่อมาเสียงกรีดร้องแหลมสูงของชาวสมุทรก็ประสานเป็นหนึ่ง ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน
หน้าผาชันของหนองน้ำปราณมายามองเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในดวงตาของเหล่าผู้ฝึกตนจากใต้ท้องทะเล
…
เจ้าดำตวัดลิ้นกลืนสายฟ้าสีฟ้าอ่อนเข้าไป จากนั้นก็ยิงฟันอยู่สักพักด้วยสีหน้าพึงพอใจ
ปู้ฟางเองก็ตกใจเช่นกัน ดูเหมือนว่าเจ้าสุนัขตัวนี้จะมีงานอดิเรกอื่นอีก นั่นคือการกินสายฟ้า… ดูท่าการหาอะไรมาให้มันกินน่าจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ เลยทีเดียว
ตู้ไข่และตู้เวยเริ่มสงบลงจากอาการตกใจแล้วเช่นกัน ใบหน้าของพวกเขามืดมน ต่างมองไปยังสุนัขสีดำด้วยสายตาที่รอบคอบยิ่งกว่าเดิม
หากผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการธรรมดาๆ สามารถโค่นขั้นเซียนเทพแล้วลากร่างของอีกฝ่ายมาตามทางได้ แปลว่าคนผู้นี้ต้องมีกลเม็ดที่ไม่ธรรมดา
การที่สุนัขตัวนั้นสามารถกลืนสายฟ้าของตู้ไข่ที่มีปราณอยู่ในขั้นเซียนเทพชั้นกลางได้ แปลว่าสุนัขตัวนี้คือไพ่ตายที่ทำให้ตู้หมู่ต้องสิ้นท่า
ตู้หมู่นั้นอ่อนแอกว่าทั้งสองมาก ตู้ไข่แข็งแกร่งพอที่จะอัดคู่ต่อสู้จนตายได้ ส่วนตู้เวยที่แข็งแกร่งกว่ายิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่ทั้งสองกลับไม่มั่นใจแม้แต่น้อยว่าจะสามารถกลืนสายฟ้าลงท้องได้ มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าสายฟ้านี้มีแสนยานุภาพเพียงใด หากกินเข้าไปมีหวังได้ท้องระเบิดตายเป็นแน่
ตู้เวยโบกหางไปมาแล้วทะยานขึ้นสู่กำแพงเมือง นางลอยตัวอยู่กลางอากาศ เผชิญหน้ากับเจ้าดำที่กำลังยิงฟัน
ผมสีม่วงของนางปลิวไสวในสายลม ใบหน้ายั่วยวนใจเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงทำให้ใครหลายคนต้องเหลียวมอง เนื่องจากขนาดของมันที่อยู่ภายใต้เสื้อสีม่วงนั้นดูใหญ่โตจนเหมือนเสื้อจะปริออกมา
“น่าสนใจดี… ตู้ไข่ สายฟ้าของเจ้ามันอ่อนแอขนาดนี้เลยหรือ แม้แต่สุนัขยังจัดการไม่ได้”
ตู้เวยกระดิกนิ้วเรียวสวยพลางยิ้มเยาะออกมา
ตู้ไข่ถลึงตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ กล้ามเนื้อบนร่างกายปูดโปนออกมา ผมสีฟ้าบนศีรษะปลิวไสวตามแรงลมจากสายฟ้าที่ก่อตัวหนาขึ้น จนดูราวกับว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนไปเป็นสายฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
ซ่า ซ่า!
ตู้ไข่ปล่อยกระบี่สายฟ้าออกมามากขึ้นเพื่อจัดการกับเป้าหมายใหม่ ซึ่งก็คือสุนัขสีดำตัวอ้วนนั่นเอง
เจ้าดำกลอกตา ก่อนจะพ่นลมเยาะออกมาภายใต้สายฝนกระบี่สายฟ้า
“สายฟ้านี่รสชาติห่วยแตกสิ้นดี รสสัมผัสเช่นนี้แม้แต่สุนัขยังไม่แล”
เจ้าดำพึมพำกับตัวเอง
มันหรี่ตาลงอ้าปากกว้าง ปากของเจ้าดำขยายขนาดขึ้นจนกลายเป็นขากรรไกรมหึมาสีแดงเลือด
เจ้าดำอ้าปากส่งเสียงเห่าดังลั่นออกมาใส่สายฝนกระบี่สายฟ้าทันที!
โฮ่ง!
เสียงเห่านั้นดังลอยไปไกลถึงท้องฟ้า ราวกับเป็นเสียงหอนของอสูรร้ายที่กำลังโกรธเกรี้ยว
พลังปราณระเบิดขึ้นในท้องฟ้า ก่อนจะตกลงมากดทับตู้ไข่เอาไว้
ก่อนที่ห่าฝนกระบี่สายฟ้าจะทันได้ตกลงใส่เป้าหมาย มันก็ถูกไล่จนแตกกระเจิงด้วยเสียงเห่าของสุนัขเสียก่อน
ตู้ไข่ที่ลอยอยู่กลางอากาศสะดุ้งโหยง ตัวของเขาแข็งทื่อหลังจากได้ยินเสียงเห่าของสุนัข หัวใจสั่นสะท้านทันทีที่รู้สึกว่าร่างกายของตนขยับไม่ได้
คมกระบี่สายฟ้านับแสนพุ่งย้อนกลับเข้าหาตัว ก่อนจะซัดร่างที่แข็งทื่อของตู้ไข่ให้กระเด็นไปกระแทกกำแพงเมืองจนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
สายฟ้าแตกเปรียะพุ่งเข้าใส่ร่างของตู้ไข่อย่างบ้าระห่ำ…
แค่เสียงสุนัขเห่าเพียงครั้งเดียวสามารถล้มผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพได้เลยหรือ!
สุนัขตัวนี้มัน…ปีศาจหรืออย่างไรกัน!
ใบหน้าของตู้เวยแข็งทื่อทันที ริมฝีปากแสนยั่วยวนของนางสั่นระริกด้วยความตกใจเหลือแสน
เสียงสุนัขเห่านี้ก็ทำให้ประมุขอสรพิษที่นั่งสมาธิอยู่ในวังใจสั่นด้วยเช่นกัน นางหันศีรษะไปมองยังบริเวณที่ห่างจากวังออกไปด้วยใบหน้าสง่างาม ดวงตาหรี่เล็ก
พอได้ยินเสียงเห่าของสุนัข หัวใจของประมุขอสรพิษก็เต้นไม่เป็นจังหวะ นางรู้สึกได้ถึงลางร้ายที่กำลังจะมาเยือน
เสียงนั้นดังมาจากนอกเมืองนี่…
“หรือว่าตู้ไข่กับตู้เวยจะเอาไม่อยู่ อย่าบอกนะว่า…พวกนั้นจัดการกับมนุษย์ที่กำลังพยายามจะบุกเข้ามาในนครไม่ได้”
อวี่ฝูที่ถูกจองจำอยู่ในพระราชวังโอ่อ่าเองก็ได้ยินเสียงสุนัขเห่าเช่นกัน นางกะพริบตาปริบๆ ความตื่นเต้นฉายขึ้นมาบนใบหน้า
“เสียงเห่าของเจ้าดำนี่! เป็นเถ้าแก่ปู้จริงๆ ด้วย!”
ความตกใจนี้ทำให้อวี่ฝูใจสั่นไปหมด จนนางแทบอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจ
นอกนครมหาอสรพิษ ร่างหนึ่งกำลังพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ร่างนั้นเอามือไพล่หลังไว้ขณะยืนอยู่บนกระบี่เหาะเหิน แต่แล้วเสียงสุนัขเห่าจากนครมหาอสรพิษก็ลอยมาเข้าหูเขา
อูมู่ที่กำลังยืนด้วยท่วงท่าสง่างามหยุดชะงักทันที หัวใจเต้นรัวจนแทบจะระเบิดออกจากอก “เหตุใดเสียงสุนัขเห่าเมื่อครู่…ถึงคุ้นหูนัก สิ่งมีชีวิตน่ากลัวนั่น…ควรจะอยู่ที่นครหลวงมิใช่หรือ แล้วทำไมจึงมาปรากฏตัวที่นครมหาอสรพิษได้”
“ตายละ! ตู้ลี่ยังไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติแสนสยองขวัญนั่น… ไม่ได้การแล้ว! เจ้าอย่าคิดกระตุกหนวดสิ่งนั้นเข้าเชียว…”
อูมู่ใจสั่นไปหมด เขาส่งจิตเข้าควบคุมพลังปราณให้ระเบิดออกมา แสงวาบของกระบี่พุ่งตัดอากาศ ตรงเข้าสู่นครมหาอสรพิษด้วยความเร็วสูง
ณ บริเวณหนึ่งของหนองน้ำปราณมายา อูอวิ๋นไป๋กำลังขี่อสูรเวทม้าที่สามารถทะยานไปในพื้นดินอ่อนยวบเปียกชื้นของหนองน้ำได้อย่างรวดเร็วไร้ซึ่งปัญหา
เสียงสุนัขเห่าเบาๆ ลอยมาเข้าหูนาง ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยงทันที เสียงนั้นฟังคุ้นหูชอบกล
ภาพของสุนัขตัวอ้วนที่เดินด้วยท่วงท่าเหมือนแมวพลันผุดขึ้นในใจนาง แต่ขณะที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง นางก็ถูกเงามหึมาจากเบื้องบนทาบทับ
หัวใจของอูอวิ๋นไป๋กระตุก นางเงยหน้าขึ้นมองด้านบนพลางหรี่ตา
เหนือศีรษะของนางคือยานรบโลหะขนาดมหึมา มันใหญ่พอที่จะบดบังท้องฟ้าจนมิด พลังปราณแข็งแกร่งที่แผ่ออกจากยานทำให้ตัวนางแข็งทื่อไปหมด
คนที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนดาดฟ้าเรือก็มองเห็นนางเช่นกัน
ดวงตาคมเหมือนสายฟ้าของคนผู้นั้นมองลงมาด้านล่าง สายตานั้นพุ่งผ่านอากาศมายังหญิงสาว อูอวิ๋นไป๋สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเหลือแสนที่เกิดขึ้นในดวงตา จนนางต้องเอามือปิดหน้า น้ำตาไหลอาบสองแก้ม
อสูรเวทม้าที่ถูกตรึงไว้กับที่ด้วยพลังกดดันน่ากลัวคุกเข่าลงบนหนองน้ำ ร่างของมันเปื้อนโคลนสกปรกแต่กลับไม่กล้าขยับตัวแม้แต่คืบเดียว
ผู้บัญชาการเฟิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรืออย่างสง่า ดวงตามองมาที่อูอวิ๋นไป๋อย่างคนที่เหนือกว่า
“อ้อ คนพื้นเมืองของสนามฝึกซ้อมหรอกหรือ เป็นขั้นนักพรตยุทธการนี่เอง… คนผู้นี้อาจจะรู้ที่อยู่ของเหมืองผลึกก็เป็นได้ น่าจะเอามาไว้นำทาง” ผู้บัญชาการเฟิงพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วโบกแขนไปข้างหน้า
อูอวิ๋นไป๋เปิดตาที่กำลังน้ำตาคลอขึ้น นางรู้สึกแข็งทื่อไปทั้งร่าง มือที่ตบลงมาจากท้องฟ้าพร้อมพลังกดดันรุนแรงทำให้นางแทบหยุดหายใจ มือนั้นจับตัวนางไว้ก่อนจะดึงนางกลับขึ้นไปบนยานรบ
จากนั้นเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่มต่อไป
ความสงบกลับคืนสู่หนองน้ำปราณมายาอีกครั้ง