ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 388 อุปสรรคที่เหมืองผลึก
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 388 อุปสรรคที่เหมืองผลึก
เหมืองผลึกตั้งอยู่ที่หนองน้ำปราณมายา เหมืองแห่งนี้คับคั่งไปด้วยกิจกรรมมากมาย เหล่ามนุษย์อสรพิษขุดหาผลึกหายากคุณภาพสูงลึกลงไปในเหมือง ผลึกเหล่านี้ส่องประกายภายใต้แสงขอ องดวงอาทิตย์ คลื่นพลังที่ไหลเวียนอยู่ภายในผลึกส่องแสงสุกสว่างราวเพชรประกายระยับ
เสียงกระบี่แหวกผ่านอากาศดังแว่วผ่านไป ไป๋จ่านเหยียบกระบี่เหาะเหินอยู่กลางอากาศเพื่อตรวจตราเหมือง
การปรากฏขึ้นของเหมืองผลึกมีนัยสำคัญต่อสำนักเมฆาขาวและนครมหาอสรพิษไม่น้อย เพราะมันเปิดโอกาสให้ทั้งสองขุมอำนาจสามารถบรรลุสู่การฝึกตนขั้นถัดไปได้
ผลึกคุณภาพเยี่ยมเหล่านี้คือสมบัติล้ำค่า ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นวัตถุซึ่งยอดเยี่ยมที่สุดในจักรวาลผู้ฝึกตน
ไป๋จ่านเก็บกระบี่ ลงเหยียบบนพื้นโคลนชื้นๆ ก่อนจะเดินไปรอบๆ เหล่ามนุษย์อสรพิษและคนจากสำนักเมฆาขาวกำลังทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง
ปริมาณผลึกที่ขุดได้จากเหมืองแห่งนี้ทำให้ไป๋จ่านตัวสั่นเทิ้ม เพราะมันมีมากจนดูราวไม่มีวันหมด
ตอนนั้นเองไป๋จ่านก็รู้สึกถึงแรงไหวเบาๆ บนพื้น เขาใจเต้นแรงขณะหันไปมองหลุมด้านล่างด้วยความงุนงง
มนุษย์อสรพิษเนื้อตัวเปรอะโคลนตนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากเหมือง พอเห็นไป๋จ่าน มนุษย์อสรพิษตนนั้นก็รีบคลานออกจากเหมืองแล้วพุ่งเข้ามาหา สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“ท่านหัวหน้า! เหมืองแห่งนี้…มีบางอย่างแปลกๆ ซ่อนอยู่!”
มนุษย์อสรพิษรายงานด้วยความเป็นกังวล แต่ลึกลงไปในดวงตากลับมีแววความตื่นเต้นแฝงอยู่ ถ้ามีสิ่งใดถือกำเนิดในเหมืองผลึกก็ย่อมต้องเป็นอัญมณีที่ประเมินค่าไม่ได้!
ไป๋จ่านอึ้งไป พอได้ฟังมนุษย์อสรพิษบรรยายลักษณะวัตถุที่พบ เขาก็บอกไม่ได้ว่าวัตถุที่ซ่อนอยู่ในเหมืองผลึกคืออะไรกันแน่
เนื่องจากไม่มั่นใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร ไป๋จ่านจึงตัดสินใจเข้าไปตรวจดูด้วยตัวเอง เขาตามมนุษย์อสรพิษเข้าไปในเหมือง
ทางเข้าเหมืองที่ขุดลงไปตั้งอยู่ใต้หนองน้ำปราณมายา แต่กลับไม่รู้สึกถึงความชื้นเลยสักนิด อากาศด้านล่างค่อนข้างแห้ง ผืนดินใต้เท้าแข็งแกร่งมั่นคงดี
เศษผลึกโผล่ออกมาจากผนังทางเข้าเหมืองทั้งสองด้าน พอสะท้อนเข้ากับแสงอาทิตย์ พวกมันก็ส่องสว่างสุกใสอยู่ภายในเหมือง
ไป๋จ่านเดินไปตามทาง หลังจากเดินไปได้สักพักเขาก็ชะลอฝีเท้าลง
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะมีลำแสงเจิดจ้าหลายสายสาดส่องออกมาจากส่วนลึกของเหมือง
มนุษย์อสรพิษกลุ่มใหญ่กำลังมุงดูพลางกระซิบกระซาบพูดคุยกัน พวกเขาวางงานที่ทำอยู่แล้วจับจ้องไปที่บางสิ่งอย่างสงสัย
พอไป๋จ่านมาถึง เหล่ามนุษย์อสรพิษก็รีบหลีกทาง หลังจากพวกเขาเปิดทางให้ วัตถุส่องประกายก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่ม
ตรงหน้าของเขามีผลึกแร่ทรงกลมขนาดใหญ่สามก้อนวางอยู่ พื้นผิวขรุขระไม่เรียบเนียน ผลึกทั้งสามส่องแสงสุกสว่างจนตาแทบจะบอดเอาได้
ไป๋จ่านขมวดคิ้วขณะลูบผลึกแร่ก้อนหนึ่ง ผลึกแร่นี้ดูแข็งแรงทนทานมากๆ มีลักษณะคล้ายผลึกทั่วไปเพียงแต่ใหญ่กว่า
แต่ก้อนผลึกจะโผล่มาเองโดยยังไม่ทันถูกขุดได้อย่างไร
ไป๋จ่านไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
ผนังใกล้ๆ เต็มไปด้วยผลึกที่ฝังอยู่ ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ส่องประกายระยิบระยับ
ทันใดนั้นสายตาของไป๋จ่านที่กำลังจับจ้องผลึกแร่ก็กระตุก ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ
ร่างเงาเลือนรางค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนผนังที่อัดแน่นไปด้วยผลึก ร่างของมันก่อตัวขึ้นช้าๆ เหมือนน้ำที่หยดลงพื้น ก่อนจะปรากฏเป็นร่างอสูรเวทรูปลักษณ์ประหลาด
แสงสีแดงฉายวาบในดวงตาอสูรเวทที่กำลังจ้องเขม็งมายังไป๋จ่าน!
หัวใจของไป๋จ่านสั่นไหว ตื่นตกใจขึ้นมาทันที
เหตุใดจึง…มีอสูรเวทในเหมืองผลึกได้
…
คลื่นยักษ์เคลื่อนเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูงก่อนจะซัดใส่ผาแกร่ง
ด้านใต้คลื่นยักษ์ปั่นป่วน หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านโดนซัดถล่ม บ้านเรือนพังไม่เหลือซากจากคลื่นหนาที่ถาโถมเข้าใส่ เรือที่จอดเทียบท่าอยู่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ถูกพัดกระจายไปทั่ว สารทิศ
ตู้ม ตู้ม!
อสูรเวทน้ำร่างยักษ์ลงเหยียบพื้นดินก่อนจะยกเท้าขึ้นเตะน้ำจนสาดกระเซ็น ผู้ฝึกตนชาวสมุทรที่อยู่บนหลังอสูรเวทมีสีหน้ายินดีปรีดา ขณะเร่งให้เหล่าอสูรเวทน้ำรีบรุดไปข้าง งหน้า
ผืนดินสั่นไหวเมื่อผู้ฝึกตนชาวสมุทรและอสูรเวทน้ำยกทัพมุ่งหน้าตรงไปสู่หนองน้ำปราณมายา
ผู้ฝึกตนชาวสมุทรสีหน้าคร่ำเคร่งตนหนึ่งสวมชุดเกราะ ผิวหนังสีน้ำเงินหุ้มไปด้วยเกล็ด เขากำลังขี่อยู่บนหลังกุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึก ขาของกุ้งตะกุยตะกายไปบนพื้นส่งร่างใ ให้ทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
คลื่นทะเลหมุนวนปั่นป่วน รุดหน้าไปยังหนองน้ำปราณมายาทีละนิด
แต่หนองน้ำปราณมายามีขนาดมหึมา คลื่นทะเลถาโถมเข้ามาได้ครู่เดียวก็ไหลย้อนกลับไป แต่ตอนที่คลื่นสมุทรย้อนคืน ผู้ฝึกตนชาวสมุทรนับไม่ถ้วนก็ปรากฏตัว พวกเขาต่างมุ่งหน้าไปยังนค ครมหาอสรพิษและรุดหน้าเข้าใกล้ที่หมายไปทุกขณะ
…
ปู้ฟางมองอูมู่ที่เพิ่งเหาะลงมาพลางหอบหายใจอยู่ตรงหน้าตนเอง สีหน้าของชายหนุ่มดูแปลกใจไม่น้อย
อูมู่ไม่คิดว่าจะพบเถ้าแก่ปู้ที่นี่ แถมอีกฝ่ายยังมาพร้อมสุนัขสีดำสุดพรั่นพรึงด้วย ราวกับจะมาถล่มนครมหาอสรพิษอย่างไรอย่างนั้น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่กันแน่
“ท่านควรอยู่ที่นครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่วมิใช่หรือ เหตุใดจึงโผล่มาที่หนองน้ำปราณมายาได้
“เถ้าแก่ปู้…น่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันบางอย่าง เรามาคุยกันฉันมิตรดีกว่า อย่าใช้กำลังเลย การใช้กำลังไม่เคยเป็นเรื่องดี” อูมู่ยิ้มให้ปู้ฟาง
ริมฝีปากของปู้ฟางกระตุก เขาจ้องอูมู่เขม็งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ตู้ไข่ที่เพิ่งกลิ้งลงมาจากกำแพงเมืองเบ่งกล้ามเตรียมพร้อมโจมตีแล้ว แต่จู่ๆ อูมู่ก็ปรากฏตัวออกมาเสียอย่างนั้น
เจ้าสำนักเมฆาขาวอูมู่คือผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพชั้นสูงสุด พลังปราณของเขาแกร่งกล้าขนาดประมุขอสรพิษยังเทียบไม่ติด เหตุใดผู้ฝึกตนระดับนี้จึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้
นอกจากนั้นแล้ว เมื่อดูจากท่าทีของอูมู่ อีกฝ่ายดูจะยำเกรงมนุษย์ผู้นั้นไม่น้อยทีเดียว
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เหตุใดเจ้าสำนักเมฆาขาวผู้แกร่งกล้า ผู้ฝึกตนชั้นแนวหน้าแห่งดินแดนทางใต้ถึงได้ดูพินอบพิเทาเจ้ามนุษย์ต้อยต่ำที่มีปราณเพียงระดับเจ็ด
“ล้อกันเล่นหรือไร”
ตู้เวยใส่ใจรายละเอียดเรื่องนี้มาก หรือว่าถึงเจ้านี่จะมีปราณแค่ระดับเจ็ดแต่ก็มีภูมิหลังแข็งแกร่ง ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ คนผู้นี้มีสุนัขสีดำที่น่าเกรงขามมาด้วย อีกทั้งก กระทะสีดำนั่นก็ดูไม่ธรรมดา คงจะน่าแปลกใจไม่น้อยถ้ามนุษย์ผู้นี้ไม่มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่
“เถ้าแก่ปู้ เราไปนั่งคุยกันในนครมหาอสรพิษก่อนดีไหม”
อูมู่แนะนำพร้อมรอยยิ้ม
เขาหันไปหาตู้เวยกับตู้ไข่ก่อนจะขมวดคิ้วพูดเสียงเบา “เปิดประตูนครเสีย ข้าจะพาเถ้าแก่ปู้ไปพบประมุขอสรพิษ ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ มาหาทางแก้และเลี่ยงการประมือโดยไม ม่จำเป็นดีกว่า”
ตู้เวยกับตู้ไข่มองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้ เหล่ามนุษย์อสรพิษบนกำแพงนครต่างงงงันกันหมด
ประมุขอสรพิษทำลายยันต์กระบี่ที่เขาทิ้งเอาไว้ให้ แสดงว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่าง หรือจะเป็นเพราะเถ้าแก่ปู้
ไม่สิ…ต้องมีเรื่องร้ายแรงยิ่งกว่านั้นแน่
แต่ตอนนี้จะปล่อยให้เถ้าแก่ปู้และสุนัขดำถล่มนครมหาอสรพิษไม่ได้ เขาต้องกล่อมไม่ให้ประมุขอสรพิษทำให้ปู้ฟางกับสุนัขดำขุ่นเคืองใจ เพราะสุนัขตัวนี้เคยปลิดชีพผู้ฝึกตนขั้น เทพศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว!
ตู้เวยนั้นอาจหาญเด็ดเดี่ยวพอ หน้าอกที่อยู่ภายใต้ชุดสีม่วงกระเพื่อมหนักขณะสั่งการให้เปิดประตูนคร
มนุษย์อสรพิษตนอื่นๆ นึกลังเลใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติตามคำสั่ง
ถึงอูมู่จะเป็นเจ้าสำนักเมฆาขาว แต่เขาก็มีอำนาจในนครมหาอสรพิษไม่น้อย
อูมู่พยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนจะพาปู้ฟางกับเจ้าดำเข้าไปในนครมหาอสรพิษ
ปู้ฟางตั้งใจจะให้เจ้าดำใช้อุ้งเท้าพังประตูนครเข้าไป แต่ใครจะคาดคิดว่าอูมู่จะมาปรากฏตัว ถือเป็นเรื่องดีไม่น้อยที่อูมู่จะพาเขาเข้านคร
พอก้าวเข้าไปในนครมหาอสรพิษ ปู้ฟางก็ตะลึงไปเล็กน้อยกับความยิ่งใหญ่อลังการของที่นี่
เทียบกับนครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่ว นครมหาอสรพิษรุ่งเรืองกว่ามาก สถาปัตยกรรมที่นี่แตกต่างจากจักรวรรดิวายุแผ่วโดยสิ้นเชิง เหล่าพ่อค้าแม่ขายสองข้างถนนต่างตะโกนขายของหลากห หลายประเภทเสียงดังไม่ขาดระยะ
ปู้ฟางมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น เมืองที่คับคั่งด้วยผู้คนเช่นนี้น่าจะมีอาหารแปลกตามากมายให้ลิ้มลอง แล้วก็เป็นตามที่คาดไว้ เดินไปแค่ไม่กี่ก้าวเขาก็ได้กลิ่นยั่วจมูกจากอาหาร รนานาชนิด
ถนนสายหนึ่งเนืองแน่นไปด้วยแผงขายอาหาร มนุษย์อสรพิษตนหนึ่งกำลังย่างหมึกมันเยิ้มอย่างชำนาญส่งกลิ่นหอมลอยไปทั่ว
อีกร้านเพิ่งจะหยิบกุ้งมังกรนึ่งจนแดงก่ำออกมา พอแกะเปลือกออก เนื้อกุ้งมังกรที่สั่นไหวเบาๆ ก็ส่งกลิ่นเข้มข้นออกมา กลิ่นหอมที่อบอวลอยู่ในอากาศทำให้ปู้ฟางรู้สึกมีกำลังวังช ชาขึ้นมาทันที
“นครมหาอสรพิษตั้งอยู่ติดทะเลกว้าง วัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากท้องทะเล จึงมีอาหารทะเลหลากชนิด อสูรเวทน้ำระดับต่ำบางตัวสามารถจับมาทำเป็นอาหารเลิศรสได้เช่นกัน” อูมู่แนะนำ
ปู้ฟางพยักหน้าแล้วออกเดินต่อ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงวังมนุษย์อสรพิษสุดโออ่า
ประมุขอสรพิษยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าทางเข้า หญิงสาวมองไปรอบๆ ด้วยสายตาเย็นเยียบผ่าเผย
อูมู่พาปู้ฟางเดินขึ้นเนินเข้าไปพบประมุขอสรพิษ เขามีสีหน้าไม่สู้ดี ยันต์กระบี่ใบสุดท้ายที่ให้นางไว้ถูกทำลายไปแล้ว ชายวัยกลางคนรู้สึกเหมือนภายในใจว่างเปล่า
ปู้ฟางเหลือบมองประมุขอสรพิษ เขาเคยพบนางมาก่อนที่ดินแดนแสนภูผา ซึ่งก็หมายความว่าประมุขอสรพิษย่อมต้องจำเขาได้เช่นกัน
ทันทีที่ประมุขอสรพิษหันมองปู้ฟาง ผมสีเขียวบนศีรษะก็สยายเหยียด ดวงตาเบิกกว้าง คลื่นพลังระเบิดกระจาย นางทำท่าเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้
“เจ้า!! มนุษย์ผู้กลืนกินหมื่นไฟประลัยกัลป์!”
ประมุขอสรพิษกล่าวเสียงกร้าว ทันทีที่พูดจบ เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้นด้านบนนครมหาอสรพิษ
ร่างโชกเลือดร่างหนึ่งร่วงลงมาจากด้านบน แล้วตกลงกลางฝูงชนอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นร่างนั้นอูมู่ก็หน้าถอดสีทันที
“ไป๋จ่าน!”
ร่างโชกเลือดที่เต็มไปด้วยบาดแผลสาหัสและพลังชีวิตรวยริน คือผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพแห่งสำนักเมฆาขาวที่รับผิดชอบดูแลเหมืองผลึก…ไป๋จ่าน
“เหตุใดไป๋จ่านจึงอาการสาหัสเช่นนี้ มีคนบุกเหมืองผลึกหรือ
“หรือว่า…จะมีอุปสรรคอะไรที่เหมืองผลึก”