ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 389 กุ้งตั๊กแตนตำข้าวกระทะร้อน
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 389 กุ้งตั๊กแตนตำข้าวกระทะร้อน
“เหตุใดไป๋จ่านมาอยู่ที่นี่ได้ เขารับหน้าที่ตรวจตราเหมืองผลึกมิใช่หรือ”
ประมุขอสรพิษและอูมู่ต่างตกใจที่เห็นไป๋จ่านนอนกระอักเลือดอยู่ที่พื้น ร่างของไป๋จ่านเต็มไปด้วยรอยแผลที่มีเลือดไหลออกมาเป็นสาย การได้เห็นไป๋จ่านซึ่งบรรลุขั้นเซียนเทพเร รียบร้อยแล้วตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ถือเป็นเรื่องเกินจินตนาการอย่างแท้จริง
ใครกันที่เป็นคนทำร้ายไป๋จ่านจนมีสภาพย่ำแย่ถึงเพียงนี้
ปู้ฟางตกใจเล็กน้อยที่เห็นไป๋จ่านกระอักเลือดอยู่กับพื้น เขาคุ้นหน้าคุ้นตาไป๋จ่านดี แต่ก็ต้องตะลึงงันที่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสภาพเช่นนี้
ไป๋จ่านเบิกตากว้าง ยังคงกระอักเลือดไม่หยุด เขาพยายามเอ่ยบอกอูมู่อย่างยากลำบาก “ท่าน…ท่านเจ้าสำนัก… เหมือง…เหมืองผลึก…”
เป็นเหมือนผลึกอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย!
เมื่อได้ยินไป๋จ่านเอ่ยถึงเหมืองผลึก หัวใจของทุกคนก็สั่นไหว เกิดบางอย่างขึ้นที่เหมืองผลึกจริงๆ
และเมื่อดูจากสภาพของไป๋จ่านแล้ว ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่!
ขณะที่ฝูงชนกำลังตรึกตรองกันในใจ สีหน้าของประมุขอสรพิษก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าผู้ฝึกตนชาวสมุทรจะบุกมาถึงแล้ว
“เถ้าแก่ปู้…โปรดรอสักครู่ ข้าขอจัดการเรื่องนี้ก่อนแล้วจะกลับมาคุยกับท่าน” อูมู่มีสีหน้าจริงจัง เขาเหลือบมองปู้ฟางแล้วรีบกล่าวกับอีกฝ่าย
ก่อนที่ปู้ฟางจะทันได้ตอบอะไร ชายวัยกลางคนก็ขึ้นเหยียบกระบี่ทะยานออกจากวังไปแล้ว
ประมุขอสรพิษมองประเมินปู้ฟางด้วยสายตาขุ่นเคือง แต่ใจกลับไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นางสะบัดหางทะยานตามอูมู่ไปโดยไม่กล่าวอะไรกับปู้ฟาง
ราชันอสรพิษตู้ไข่กับตู้เวยหันมองกันก่อนจะตามประมุขอสรพิษออกจากวังไป
ขณะนี้ในท้องพระโรงจึงเหลือเพียงปู้ฟางและไป๋จ่านที่นอนกระอักเลือดอยู่… อ๋อ แล้วก็เจ้าดำ สุนัขสีดำที่กำลังเดินไปเดินมาด้วยท่วงท่าเหมือนแมวอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ช่างเป็นบรรยากาศน่าอึดอัดใจไม่น้อยที่ปู้ฟางโดนปล่อยทิ้งไว้เช่นนี้…
ปู้ฟางทึ้งผมตัวเองเพื่อปกปิดความกระอักกระอ่วนใจ จากนั้นก็หันมองรอบวัง
กลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งออกมาจากร่างไป๋จ่านจนทำให้ฉุนจมูก
ปู้ฟางมองไป๋จ่านยันตัวลุกจากพื้นขึ้นพิงเสาอย่างทุลักทุเลพร้อมกระอักเลือดไม่หยุด เขาลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบขนมปังหอยนางรมร้อนๆ ออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ
เขาโยนขนมปังหอยนางรมไปให้ไป๋จ่านที่กำลังงุนงงแต่ก็รับเอาไว้ตามสัญชาตญาณ
ขนมปังหอยนางรมร้อนจี๋จนแทบลวกฝ่ามือของไป๋จ่าน ใบหน้าซีดเซียวของชายหนุ่มยิ่งซีดลงไปกว่าเดิม แต่กลิ่นหอมฉุยของขนมปังหอยนางรมก็ดึงความสนใจของไป๋จ่านได้อยู่หมัด
“นี่คือ…”
หลังจากโยนขนมปังหอยนางรมให้ไป๋จ่าน ปู้ฟางก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกฝ่ายอีก เขาเริ่มเดินเล่นรอบท้องพระโรง
จู่ๆ เจ้าดำที่กำลังเดินทอดน่องอยู่ข้างๆ ปู้ฟางอย่างสบายใจก็หรี่ตาลง แววตาของเจ้าสุนัขส่องประกายวาบ
“ไอ้หนุ่มปู้ฟาง เจ้าเดินเล่นไปคนเดียวก่อนนะ… ท่านสุนัขผู้นี้มีธุระต้องจัดการ!” เจ้าดำกล่าวออกมา แววตาของมันฉายความตื่นเต้นขณะน้ำลายไหลเยิ้มออกจากปาก
ปู้ฟางอึ้งไป เขาหันมองเจ้าดำ แต่ก็พบว่ามันหายวับไปแล้วอย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่ไป๋จ่านเคี้ยวกินขนมปังหอยนางรม กลิ่นหอมฉุยก็ลอยตลบอบอวลไปทั่ว ปู้ฟางอดแลบลิ้นเลียริมฝีปากไม่ได้ก่อนจะหยิบขนมปังหอยนางรมอีกชิ้นออกมากินบ้าง
ไป๋จ่านกัดขนมปังหอยนางรม พอกลืนลงท้องดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา เขารู้สึกเหมือนมีไฟดวงเล็กกำลังลุกโชนอยู่ในท้อง พลังปราณแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เมื่อรวบรวมพลังปราณเที่ยง งแท้ได้เพียงพอแล้ว ด้วยระดับปราณขั้นเซียนเทพ แผลของเขาจึงสมานกันอย่างรวดเร็วทำให้อาการทรงตัวขึ้น
ปู้ฟางเดินวนรอบวังอันใหญ่โตโอ่อ่าแล้วเห็นห้องห้องหนึ่ง เขาเปิดประตูเข้าไปแล้วก็พบร่างสวยสง่าร่างหนึ่งอยู่ด้านใน
อวี่ฝูกับปู้ฟางเงียบงันไปเมื่อสบสายตากัน
“เถ้าแก่ปู้! เป็นท่านจริงๆ ด้วย!” หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง อวี่ฝูก็ตั้งสติได้แล้วร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ใบหน้าของนางเปี่ยมด้วยความปีติยินดี
ปู้ฟางพยักหน้าให้เล็กน้อยแล้วมองสำรวจรอบห้อง สายตาพลันเลื่อนไปหยุดที่โซ่ตรวนซึ่งล่ามอวี่ฝูเอาไว้
“ทำไมเจ้าโดนล่ามไว้อย่างนี้” ปู้ฟางขมวดคิ้วถาม
“ข้าบอกไปว่าข้าไม่อยากเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขอสรพิษ ข้าอยากกลับไปที่ร้านของท่านเพื่อศึกษาเรื่องการทำอาหาร...แต่ประมุขอสรพิษปฏิเสธคำขอแล้วจับข้ามาขังไว้” อวี่ฝูต ตอบอย่างขมขื่น
เมื่อได้ยินที่อวี่ฝูเล่า ปู้ฟางก็รู้สึกโล่งใจ เขายกมุมปากขึ้นแล้วพยักหน้า ควันกลุ่มหนึ่งหมุนวนก่อนมีดทำครัวกระดูกมังกรทองจะปรากฏขึ้นในมือของชายหนุ่ม
มีดทำครัวกระดูกมังกรทองทั้งแข็งแกร่งและทนทาน เพียงตวัดไม่กี่ครั้งก็หั่นโซ่ตรวนขาดเป็นสองท่อน ปลดปล่อยอวี่ฝูเป็นอิสระ
หลังจากช่วยอวี่ฝูสำเร็จ ปู้ฟางก็ประกาศด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรียนทำอาหารกับข้าถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว การเป็นศิษย์ของข้าจะนำพาเจ้าไปสู่อนาคตที่ดีกว่าการเป็นประมุขอสร รพิษ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
อวี่ฝูอึ้งไป ริมฝีปากแย้มเป็นรอยยิ้มขณะกลอกตาใส่ปู้ฟาง หญิงสาวคิดว่าที่อีกฝ่ายพูดมาเป็นแค่มุกตลก
ทันทีที่ปู้ฟางปล่อยอวี่ฝูให้เป็นอิสระ ทั่วทั้งวังก็เริ่มสั่นไหวรุนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่
ปู้ฟางใจกระตุกวูบ เขามองไปด้านบนของวังด้วยสายตาแปลกใจ
อวี่ฝูเองก็ตื่นตกใจเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น” ปู้ฟางขมวดคิ้ว รีบวิ่งออกไปที่ท้องพระโรงพร้อมอวี่ฝู เขาเห็นไป๋จ่านกำลังเอนหลังพิงเสาฟื้นฟูร่างกายตัวเองอยู่ จากนั้นก็หันกลับมามองอวี่ฝู
“ดูเขาด้วย เจ้าอยู่นี่อย่าไปไหน ข้าจะออกไปดูด้านนอก”
อวี่ฝูพยักหน้ารัว นางรู้สึกว่าเรื่องใหญ่บางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
ปู้ฟางหันไปรอบๆ ก่อนจะเดินทอดน่องไปอย่างไม่รีบเร่ง เขาไม่รู้ว่าเจ้าดำหายไปไหน ปู้ฟางหามันไม่เจอในตอนนี้ จึงเดินออกจากท้องพระโรงไปตามลำพัง
ทันทีที่ออกจากท้องพระโรง ไอเค็มจากน้ำทะเลก็พัดผ่านร่าง กระทบเส้นผมของปู้ฟางที่มัดไว้หลวมๆ
สิ่งที่ปรากฏในสายตาของปู้ฟางคืออสูรเวทขนาดมหึมา ถ้าจะพูดให้ถูกคือ…อสูรเวทน้ำขนาดมหึมา อสูรเวทน้ำตัวนี้รูปร่างเหมือนกุ้งยักษ์ ร่างของมันเป็นปล้องๆ คล้ายคลึงลำตัวต ตะขาบ ขายาวมากมายนับไม่ถ้วนคมกริบราวใบมีด นอกจากนี้ยังมีก้ามที่โง้งเหมือนเคียวโผล่ออกมาจากส่วนหัว ดวงตาของมันกลอกมองรอบๆ ขณะปลดปล่อยพลังปราณน่าพรั่นพรึงออกมา
ตู้ม ตู้ม!
อสูรเวทน้ำสุดเหี้ยมโหดพุ่งเข้าชนกำแพงนครมหาอสรพิษอย่างรุนแรง
ดูราวกับตั้งใจจะคืบคลานผ่านกำแพงนครเข้ามาให้ได้
ทหารยามและผู้ฝึกตนมนุษย์อสรพิษพยายามต้านทานการโจมตีอย่างสุดกำลัง วงแหวนปราณบนกำแพงนครเริ่มฉายแสงก่อนจะปล่อยกระสุนแสงลูกแล้วลูกเล่าใส่เหล่าอสูรเวทน้ำ เสียงระเบิดดังสนั นไปทั่ว
ปู้ฟางเคยลิ้มรสปืนใหญ่วงแหวนปราณมาแล้ว มันรุนแรงมากพอที่จะทำให้อสูรเวทน้ำถอยร่น ป้องกันไม่ให้สัตว์ร้ายรุกล้ำเข้ามาภายในนครได้
ทหารยามมนุษย์อสรพิษเองก็เริ่มปาหอกยาวออกไป ทหารยามส่วนใหญ่มีพลังปราณระดับสี่ขั้นจิตยุทธการ แม้ระดับพลังปราณที่ห่อหุ้มหอกของพวกเขานั้นแทบไม่น่าทำอะไรอสูรเวทระดับเก้า ได้ แต่เมื่อรวมตัวกันพอมันก็แข็งแกร่งพอที่จะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้
ปัง ปัง!!
คลื่นยักษ์ยังคงถาโถมใส่ประตูนครอย่างรุนแรง
ฝูงกุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึกที่มีขนาดเล็กลงมาพากันดาหน้าเข้าใส่ ระดับพลังปราณของกุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึกเหล่านี้แตกต่างกันไป มีตั้งแต่ระดับห้า ระดับหก ไปจนถึงระดับแปด ด ซึ่งสามารถแยกได้จากขนาดของพวกมัน
กุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึกบางตัวเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากและสร้างความเสียหายได้รุนแรง แค่พุ่งตัวเข้าใส่ก็แทบจะทลายกำแพงนครมหาอสรพิษได้แล้ว
ปืนใหญ่วงแหวนปราณที่อยู่รอบกำแพงนครโดนพุ่งเข้าชนจนเสียหาย ไม่สามารถใช้การได้อีก
เสียงหัวเราะแสบแก้วหูดังเคล้ามากับคลื่นทะเล ทัพของผู้ฝึกตนชาวสมุทรผิวสีน้ำเงินล้อตัวมากับคลื่น พลางมองดูฝูงกุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึกถล่มนครมหาอสรพิษ
ลำแสงสีม่วงพุ่งมาจากจุดไกลๆ ลำแสงนั้นคือราชันอสรพิษตู้เวยที่ตามประมุขอสรพิษออกไปเมื่อครู่ แววสังหารฉายชัดอยู่บนใบหน้าทรงเสน่ห์ นางแผดเสียงใส่เหล่ากุ้งตั๊กแตนตำข้าว วทะเลลึกที่กรูทัพเข้ามาโจมตีกำแพงนคร
ปู้ฟางตะลึงงันเมื่อเห็นจำนวนอสูรเวทน้ำด้านนอกกำแพงนคร
อสูรเวทน้ำเหล่านี้…ดูคุ้นตาอย่างไรชอบกล
ปู้ฟางลูบคาง “กุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึก… ไม่ใช่ที่เรียกกันว่ากุ้งตั๊กแตนตำข้าวหรอกหรือ” ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะเม้มปากจนเกิดเสียง ที่เรียกกันว่ากุ้งตั๊กแตนตำข้าวก็เ เพราะพวกมันมีขาหน้าแหลมคมเหมือนตั๊กแตนตำข้าวทั้งยังมีก้ามที่ทรงพลัง
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ปู้ฟางสนใจ เมื่อเทียบกับความสามารถในการรบของกุ้งตั๊กแตนตำข้าวแล้ว เขาสนใจรสชาติของมันมากกว่า! นี่ต่างหากคือจุดที่สร้างความประทับใจให้ปู้ฟาง เนื้อน นุ่มละมุนของกุ้งตั๊กแตนตำข้าวผสานกับรสเค็มธรรมชาติจากน้ำทะเลผุดขึ้นในจิตใจ เขากลืนน้ำลายขณะหัวใจเริ่มเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น สายตาที่มองไปยังฝูงกุ้งตั๊กแตนตำข้าวเร ริ่มส่องประกาย
คลื่นพลังปราณเที่ยงแท้แผ่ซ่านออกจากร่างขณะที่ปู้ฟางพุ่งตัวไปยังกำแพงนคร
ตอนที่ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไป กลุ่มผู้ฝึกตนชาวสมุทรที่ล้อมากับคลื่นก็ร้องคำรามดุดัน ผู้ฝึกตนจำนวนไม่น้อยพุ่งตัวจากฟากฟ้าเข้ามาร่วมรบด้วย ตู้เวยที่เพิ่งจะเริ่มต่อกรกับ ฝูงกุ้งตั๊กแตนตำข้าวขั้นเซียนเทพได้รับบาดเจ็บหนัก นางร่วงหล่นจากฟ้า กระแทกลงใส่ตัวเมืองจนตึกหลายหลังทลายลง
ตู้ม!!
อสูรยักษ์เจาะรูกว้างบนกำแพงนครมหาอสรพิษด้วยก้ามที่คมกริบ
น้ำทะเลซัดมาจากด้านนอกนคร กุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึกสะบัดก้ามแหลม พลางล้อตัวเข้ามาในนครมหาอสรพิษพร้อมคลื่นลูกยักษ์
นครมหาอสรพิษตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาทันที คลื่นโถมใส่ถนนที่ก่อนหน้านี้ยังเนืองแน่นไปด้วยผู้คน
ร้านขายหมึกย่างและร้านกุ้งมังกรนึ่งถูกพัดหายวับไปกับน้ำทะเล
ฝูงกุ้งตั๊กแตนตำข้าวพ่นน้ำทะเลผ่าร่างมนุษย์อสรพิษที่กำลังวิ่งหนีออกเป็นสองส่วน ส่งเลือดให้สาดกระเซ็นไปทั่ว
แต่เหล่าทหารยามมนุษย์อสรพิษก็ถอยทัพกันอย่างเป็นระเบียบ ไม่นานพวกเขาก็หนีไปหลบภัยอยู่ในวังขนาดใหญ่
ปัง ปัง ปัง…
ระหว่างที่เหล่ามนุษย์อสรพิษถอยร่นเข้าไปในวัง ร่างหนึ่งก็พุ่งฝ่าฝูงชนที่กำลังชุลมุนทะยานผ่านทางเปียกชื้นไป
มนุษย์อสรพิษบางตนอ้าปากหวอขณะมองร่างเงาที่พุ่งผ่านไปด้วยสายตาตะลึงงัน
ปู้ฟางเหยียบเท้าลงบนน้ำ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น กุ้งตั๊กแตนตำข้าวทะเลลึก…เป็นวัตถุดิบล้ำค่าที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ
ซ่า!
น้ำที่อยู่ไม่ไกลปู้ฟางสาดกระเซ็นขณะกุ้งตั๊กแตนตำข้าวตัวหนึ่งสะบัดก้ามแหลม พุ่งตัวเข้ามาหมายจะเอาก้ามทิ่มแทงปู้ฟาง! มันพร้อมจะหั่นร่างชายหนุ่มออกเป็นสองส่วน
แม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขัน ปู้ฟางก็ไม่คิดถอยหนีแม้แต่น้อย เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เผยให้เห็นความตื่นเต้นที่สะสมอยู่ ชายหนุ่มพินิจพิเคราะห์กุ้งตั๊กแตนตำข้าวราวกับกำลังมองวั ตถุดิบล้ำค่า เอาเข้าจริง เขาคิดชื่ออาหารไว้เรียบร้อยแล้ว ชื่อนั้นก็คือ…กุ้งตั๊กแตนตำข้าวกระทะร้อน!